ข้อที่ 6
พูดชัดว่า ผู้ที่สนิท/อาศัย อยุ่ในพระคริสต์จะทำบาปไม่ได้ หรือนานๆ ทำบาปทีนึง ท่านยน. กำลังพูดถึงผู้ชนะที่สุกงอมแล้ว แน่นอนครับ เขาอาจนับได้ว่าในวันๆ หนึ่งเขาทำบาปกี่ครั้ง
ผู้ที่กระทำบาปคือผู้ที่ยังไม่ได้เห็น และรู้จักพระคริสต์ ในที่นี้คือได้เห็นและรู้จักด้วยการสนิทสนทนาพูดคุยกินอยู่กับพระเยซูเดินด้วยการนับว่าเขาใหม่และอยู่ในพระคริสต์ทุกวัน
......
ข้อที่ 7
ท่าน ยน. กลับมาพูดถึง ลูกเล็กๆ ก็คือคริสเตียนศาสนาหรือคริสเตียนที่เริ่มเดินในพระคริสต์
* ลูกเล็กๆ ทั้งหลายเอ๋ย*
ผู้ชอบธรรมในที่นี้คือชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์ และเขาต้องใช้เวลาเพื่อให้พระคริสต์ก่อร่างขึ้นในชีวิตเขา
......
ข้อที่ 8
ผู้ที่กระทำบาปที่ไม่ยอมเลิก 5 ปี 10 ปี 20 ปี ยังไม่มาถึงชีวิตผู้ชนะ ก็มาจากมาร แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รอด เพราะในที่นี้ท่าน ยน. ต้องการสื่อเรื่องชีวิตการเป็นคนชอบธรรมโดยการสวมเสื้อตัวที่สองคือจากเด็กสู่การเป็นหนุ่มและพ่อในที่สุด
......
ข้อที่ 9
ผู้ที่บังเกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ทำบาปทันที เพราะว่าเขายังไม่ได้ถูกเปิดตาและเรียนรู้การเดินด้วยตัวใหม่ และเดินในพระคริสตฺ ด้วยการ เชื่อเอา (โรม 1.17) เขาจึงมาถึงชีวิตผู้ชนะได้
จากลูกมาร สู่การเป็นลูกครึ่งของมาร จากนั้นก็สะลัดทิ้งชีวิตเก่าที่มีตัวบาปอาศัยอยู่และกลายป็นบุตรพระเจ้าต่อหน้ามนุษย์ครับ
1 ยน 3 เป็นเรื่องของเวลา ไม่มีใครเป็นผู้ชนะภายในเวลาอันสั้นๆ หรือวันเดียว เราดูเปาโลและสาวกคนอื่นๆครับ หรือแม้แต่ท่านยอห์นเองก็ตาม
ถึงแม้ว่าเราจะเห็นตัวเก่าเดินอยู่ดำเนินชีวิตอยู่ แต่เราก็เชื่อว่าเขาตายแล้วๆๆๆ นี่คือเชื่ออย่างตายใจครับ เราไม่ยอมมองที่ตัวเก่า
......
เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ท้อใจ ถึงแม้กายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในของเรากำลังฟื้นขึ้นใหม่ทุกวัน เพราะความทุกข์ลำบากเล็กๆ น้อยๆ เพียงชั่วคราวของเราทำให้เราได้รับศักดิ์ศรีนิรันดร์ ซึ่งเหนือกว่าสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดมากมายนัก ดังนั้นเราจึงไม่จับจ้องอยู่กับสิ่งที่มองเห็น แต่อยู่กับสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะสิ่งที่เรามองเห็นนั้นไม่จีรังยั่งยืน แต่สิ่งที่เรามองไม่เห็นนั้นถาวรนิรันดร์ (2 โครินธ์ 4:16-18)
......
อธิษฐาน คือ
1. ในฐานะของคนใหม่ ชอบธรรม บริสุทธิ์แล้ว และอยู่ในพระคริสต์
2. เชื่อว่าจะได้รับคำตอบ เชื่ออย่างตายใจ
3. ขอบพระคุณล่วงหน้า
4. ไม่ท้อ เมื่อไม่เห็นการรักษาจากพระเจ้า
5. ขอให้เป็นตามน้ำพระทัยพระบิดา
6. อย่ามองหรือสงสัยว่า ทำไมไม่หาย เพราะเราเรียกว่า ไม่มีความเชื่อ