ถาม:
ที่โบสถ์สอนดิฉันว่าถ้าเราทำบาปและสารภาพก็ต้องเลิกทำบาปเดิมๆ นั้น ไม่งั้นพระเจ้าจะไม่ยกโทษให้
ตอบ:
การยกโทษบาปของพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เรา แต่เพราะพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ พระเยซูตรัสกับเปโตรว่าการยกโทษของพระเจ้าคือ 490 ครั้งและทรงยกโทษบาปทุกชนิดครับ (มธ. 18:21–22) และถ้าพระองค์ไม่ยกโทษให้เราพระองค์ก็ทำผิดสัญญาใน (1 ยน. 1:9) ครับ
ถ้าเราสารภาพบาปของเราพระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น (1 ยน. 1:9)
ไม่มีใครหรอกครับที่เลิกทำบาปเดิมๆ นั้นได้เพราะรากเหง้าของบาปอยู่ที่จิตใจ เขาแค่ไม่ได้ทำให้ผู้คนเห็นแต่ในจิตใจเขาก็ยังเต็มด้วยบาป และการแสดงว่าตนชอบธรรมที่โบสถ์ก็ไม่ได้ซ่อนความผิดบาปไปจากพระเจ้าได้ครับ
...
ถาม:
ฮบ. 10:26 กล่าวว่า “เมื่อเราได้รับความรู้เรื่องความจริงแล้วแต่เรายังขืนทำบาปอีก เครื่องบูชาไถ่บาปก็จะไม่มีเหลืออยู่เลย” หมายความว่าอย่างไรคะ
ตอบ:
“ทำบาป” ในที่นี้คือการกลับไปรักษาพระบัญญัติเดิมในยุคพระบัญญัติและไม่ได้อยู่ในพระบัญญัติใหม่ และผู้เขียนหนังสือฮีบรูเรียกการกระทำนี้ว่าบาปครับ แต่ไม่เกี่ยวกับบาปในลักษณะมีความโกรธ โลภ หลง หรือตัณหาครับ
พระเจ้ายกโทษบาปให้เรา เพื่อการได้เข้ามาในจิตใจเรา และทรงทำงานเพื่อช่วยเราให้เติบโตเพื่อเราจะเลิกทำบาปได้ (ฟป. 2:13) แต่เรากลับพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้เลิกทำบาปซึ่งเป็นวิธีที่ผิดและเราจะไม่เลิกทำบาปนั้นๆ ได้ และถึงแม้จะเลิกได้แต่ในใจก็ยังคิดอยู่ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดต่อพระบัญญัติใหม่ครับ (แค่คิดก็ผิดแล้ว)
หนังสือฮีบรูเขียนเพื่อเตือนพี่น้องผู้เชื่อชาวยิวซึ่งเมื่อก่อนเคยรักษาพระบัญญัติเดิมแต่ได้กลับใจเป็นคริสเตียน เพราะเมื่อชาวยิวทำบาปเขาจะต้องถวายเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อรับการยกโทษบาปนั้นจากพระเจ้า
แต่เมื่อพระเยซูเสด็จมาไถ่โลกพระเจ้าก็ได้ยกเลิกพระบัญญัติเดิมซึ่งมีพิธีการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปนี้เสียแล้ว ดังนั้นถึงเราจะกลับไปใช้ระบบเดิมอีกพระเจ้าก็จะไม่รับครับ
อ่านต่อ: แค่คิด ก็ผิดแล้ว