ถาม.
พอดีว่ามีพี่น้องส่งคลิปกลุ่มไฟมาบ่อยๆ แล้วก็เห็นมีในเฟสบุ๊คประจำ กลุ่มนี้เขาชอบเรียกอะไรน่ะ พยากรณ์ อะไรอย่างนี้ค่ะ มีทั้งพยากรณ์กับคริสเตียน แล้วก็พยากรณ์กับคนที่คริสเตียนพามาร่วมในงาน เขาก็จะพูดถึงว่าคนนี้มีอดีตอย่างไร แล้วก็ทุกวันนี้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับชีวิต โดยที่ไม่ได้บอกวันเดือนปีเกิดเหมือนกับที่หมอดูทำกัน แต่เขาก็พยากรณ์ตรง แล้วก็ส่วนใหญ่มันก็จะเป็นแต่ทางที่ไม่ดีอ่ะค่ะ ว่าเหมือนคุณไปทำอะไรมาไม่ดีทำผิดทำบาปอะไรมา
จริงๆ แล้วพระเจ้าทำแบบนี้เหรอคะ ถึงแม้ว่าคริสเตียนอาจจะทำผิดทำบาปมา แต่พระเจ้าก็จะไม่เปิดโปงเราต่อหน้าคนจำนวนเยอะๆ อย่างเงี้ย สิ่งนี้มาจากพระเจ้าหรือเปล่าค่ะ
ตอบ.
ขอให้เราเข้าใจตรงนี้นะครับสำหรับยุคพระบัญญัติ หรือพระบัญญัติ ก็คือการเปิดเผยเปิดโปงความบาปชั่วของมนุษย์ ของทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม และโดยเฉพาะชาวยิวที่เคยรักษาพระบัญญัติที่เคยเป็นประชากรของพระเจ้า ใครทำผิดนะครับก็จะให้มายืนอยู่ตรงกลางสถานที่ใดที่หนึ่ง แล้วคนก็จะเอาหินขว้าง หรือประจานพูดประจานที่ทำร้ายทำลายเขา
แต่ขอบคุณพระเยซู เราไม่ได้อยู่ในยุคนั้น เราทุกวันนี้อยู่ในยุคพระคุณ เอเมน ยุคพระคุณคือการปกปิด ยุคพระคุณคือการซ่อนไว้ ในพระคัมภีร์ใหม่เราจะเห็นคำว่าซ่อนไว้ ปกปิด มีเต็มนะครับ
สำหรับผู้เชื่อที่มาเชื่อในพระเจ้า พระเจ้าปกปิดชีวิตของเรา ให้เราเป็นคนชอบธรรม ทั้งๆ ที่เราทำบาปอยู่ สำหรับพระเจ้า พระเจ้าซ่อนเราไว้จากชีวิตเก่าจากความตายจากซาตาน และให้เรานั่งอยู่กับพระคริสต์ในสวรรค์สถานแล้ว สรรเสริญพระบิดา
เเละเมื่อเราทำผิดทำบาปนะครับ พระเจ้าไม่เห็น พระเจ้าไม่มองพระเจ้าไม่สนใจ พระเจ้ามองแต่เราอยู่ในพระคริสต์ ทุกสิ่งใหม่ทั้งนั้นทุกสิ่งใหม่หมดแล้วสำหรับพระเจ้า แล้วพระเจ้าจะจัดการกับสิ่งที่เป็นสิ่งที่เก่าที่เรายังใช้ชีวิตอยู่ในนั้นอยู่ พระเจ้าใช้เวลาเพื่อก่อเราขึ้นเพื่อสร้างเราเพื่อช่วยเรา พระเจ้าทำงานอยู่ไม่ต้องห่วง
แต่ตอนนี้นะครับก็คือพระเจ้าไม่มองไม่เห็นไม่สนใจ และยิ่งเราสารภาพบาป และยิ่งเราอยู่ในพระคริสต์ บอกรักสนิทในพระองค์มากเท่าไหร่ พระเจ้าก็จะไม่สนใจเนื้อหนังของเรา แต่จะทำงานในชีวิตของเรา ให้เติบโตสู่ชีวิตของพระคริสต์มากขึ้น
สรุป ยุคพระบัญญัติคือการเปิดเผยความผิดบาปของมนุษย์
แต่ยุคพระคุณคือการปกปิดความผิดบาปของพวกเรา
คริสตจักรใดที่นำพี่น้องมายืนอยู่ต่อหน้าแล้วบอกว่าคนนี้เล่นชู้ คนนี้ขโมย คนนี้เป็นนักเลง คนนี้กินเหล้า คนนี้ทำไม่ดี ให้สารภาพต่อหน้าพี่น้องคริสตจักร ถ้าไม่สารภาพพระเจ้าจะไม่ยกโทษให้ ต้องไล่ออกจากคริสตจักร อันนี้ไม่ใช่ยุคพระคุณ นี่คือยุคพระบัญญัตินะครับ
ขอบคุณพระเจ้าที่ผมเมื่อก่อนเคยอยู่ในคริสตจักรในลักษณะนี้ แล้วเคยเห็นมีมากมายที่เป็นแบบนี้ แต่พอมาถึงยุคพระคุณก็ได้พบว่า คุณก็เป็นคนบาป ผมก็เป็นคนบาป ผมกับคุณมันก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ เราทุกคนนะครับก็ยังทำบาปอยู่ ไม่ทำต่อหน้ามนุษย์เราก็ทำในที่ลับลี้ลับหลัง ถูกมั้ย
แล้วเราจะมาตัดสินกันเพื่ออะไร จะมาทำลายกันเพื่ออะไร จะเปิดโปงความผิดของกันและกันเพื่ออะไร
ความรักนะครับคือการปกปิด ความรักนะครับคือการปิดซ่อน ความรักนะครับคือการไม่ขายหน้าใครไม่เอาใครมาประจาน ไม่เอาใครมาทำร้ายทำลาย เอเมนไหมครับ
อันนี้คือนิสัยของพระเจ้า นี่คือความรักของพระเยซูที่มีต่อพวกเรา
(ยน 8:1-11) ผู้หญิงที่เขานำมาเพื่อที่จะทดสอบทดลองพระองค์ แล้วถ้าเขาชนะ ก็คือเขาจะเอาหินขว้างให้ตาย แต่พระเยซูพูดอะไรครับ ก็คือไม่ได้สนใจเรื่องความบาปของเขา แล้วพระองค์บอกว่าเลิกทำในสิ่งที่เธอทำอยู่ ก็คือไปมีปัญหากับผู้ชายทั้งหลายนะครับ แล้วพระองค์บอกว่าเราก็จะไม่เอาโทษเจ้า
พระเจ้าไม่เอาโทษเรา พระเจ้ายกโทษ แล้วพระเจ้าก็ลบล้าง ไม่ใช่ยกโทษเฉยๆ ก็คือลบล้างด้วย ถ้าหากเราสารภาพบาปของเรา พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมจะยกโทษและชำระความผิดบาป (1 ยน 1:9) ก็คือลบล้าง จำไม่ได้ ความผิดบาปทุกชนิด เราสรรเสริญพระเยซู เราอยู่ในยุคพระคุณที่พระเจ้าจะไม่ขายหน้าเราไม่ประจานเราไม่ทำลายเราในลักษณะนี้
แล้วเราเองก็เหมือนกัน ถ้าเห็นพี่น้องทำผิดนะครับ เราไปคุยกันสองต่อสองก่อน สำหรับผมพี่น้องอาจจะเห็นแล้วใช่ไหม คือใครทำผิดกับผม ผมจะคุยกันสองต่อสอง คุยกันให้รู้เรื่องก่อน ถ้าสมมุติว่าไม่มีใครยอมใคร ก็จะไปถึงทีมประสาน พี่น้องผู้ปกครองผู้ดูแล เราเอาหลายคนมาคุยมาพูดกันด้วยความรักนะครับ คือขอให้พูดกันดีๆ ขอให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้น แล้วสุดท้ายถ้าไม่เกิดในสิ่งที่ดีขึ้นเราก็จะปล่อยวางไป ก็แล้วไป
นี่คือการจัดการกับความผิดพลาดของพี่น้องในยุคพระคุณ
สรุป ก็คือไม่เปิดเผยไม่ประจานไม่ทำลายใครไม่เปิดโปง แต่เราปกปิด เพราะเห็นแก่ความรักของพระเยซู
...
1 เปโตร 4:8 ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็จงรักซึ่งกันและกันให้มาก ด้วยว่าความรักก็ปกปิดความผิดไว้มากหลาย
ยากอบ 5:20 จงให้ผู้นั้นรู้เถิดว่า ผู้ที่ช่วยคนบาปคนนั้นให้พ้นจากทางผิดของเขา ก็ได้ช่วยชีวิตหนึ่งให้รอดพ้นจากความตาย และได้ปกปิดการบาปเป็นอันมากไว้
...
ถาม.
ขอสอบถามค่ะ เรื่องของการที่เราเปิดโปงความผิดบาป เคยได้ยินว่าวันที่พระองค์พิพากษา โดยเฉพาะครอบครัวของพระคริสต์ก่อน ก็คือที่หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์จะมีการเปิดโปงความผิดความบาปที่เราเคยทำ อย่างนี้ใช่มั้ยค่ะ ก็ขอความกระจ่างในข้อนี้ค่ะ คือไม่ได้สงสัย แต่แบบไปได้ยินมาแล้ว แล้วเราผู้ที่กำลังฝึกเดินอยู่ ที่ขอพระองค์ชำระมากขึ้น มันจะเป็นยังไงอะไรอย่างเนี้ยค่ะ
ตอบ.
ขอให้เราเข้าใจตรงนี้นะครับ คำว่า เปิดโปง ในข้อที่พี่น้องพูดนะครับ ไม่ใช่คำว่าเปิดโปง หรือ expose ใช่มั้ย
สำหรับคำว่า เปิดโปงของคริสตจักร ของศาสนาคริสต์ ที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ก็คือเรียกทุกคนมาอยู่ตรงหน้า แล้วเปิดเผยความผิดความชั่วความบาปทั้งหลายของเขา แล้วบอกให้เขาขอโทษพี่น้องและขอโทษคริสตจักร เพื่อที่เขาจะอยู่ต่อได้
แตกต่างจากการ เปิดเผย ในวันพิพากษาที่พระที่นั่งของพระคริสต์ อย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนกัน
สำหรับการพิพากษาของพระคริสต์ (2 คร 5:10) ไม่เรียกว่าการเปิดโปง ไม่มีนะครับคำนี้เราใช้กันเอง ในที่นี้นะครับก็คือการเปิดสิ่งที่เป็นความจริงที่คริสเตียนทำกัน แล้วในเวลานั้น ถามว่าเมื่อเปิดเผยเปิดให้เห็นทุกคนว่าการกระทำของเขา ถามว่าทำไมพระเจ้าต้องเปิด ไม่ใช่เปิดเพื่อประจาน ไม่ใช่เปิดเพื่อให้ใครขายหน้า
แต่เปิดเพื่อให้เขายอมรับว่าเขาได้กระทำจริง ถ้าหากว่าไม่มีการบันทึกเสียง ไม่มีการบันทึกภาพ บันทึกวีดีโอ ในการดำเนินชีวิตในการกระทำบาปของคริสเตียนในแต่ละครั้ง พระเจ้าจะเอาอะไรมาเป็นพยานหลักฐาน ใช่ไหม
เพราะฉะนั้น เมื่อถึงวันพิพากษานะครับ ทุกคนก็จะได้เห็น ก็จะมีหนังที่จะมาฉายแต่ละเรื่อง ของชีวิตของแต่ละคน ทุกคนก็จะได้เห็น จะได้รู้ว่า โอ้ ฉันทำอันนี้ ฉันทำอันนี้ ลืมไปแล้วเนี่ย คือนานมากแล้ว ทำไมเยอะจังความบาปของเรา เพื่อให้เรายอมรับนะครับว่าเราได้กระทำ เพราะว่าพระเจ้ายุติธรรม พระเจ้าเที่ยงธรรม มีหลายคนจะต่อว่าพระเจ้าใช่ไหม ว่าข้าพระองค์ไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ อันนี้เราเถียงพระเจ้าไม่ได้
นี่คือการเปิดความจริงต่อหน้าทุกคน ไม่ใช่เปิดเพื่อประจานเพื่อขายหน้าใครนะครับ ไม่เกี่ยวกันครับ
แล้วถึงวันนั้น คือการเปิดในลักษณะนี้ มันไม่ได้มีความหมายอะไรอีกแล้ว เพราะว่าทุกคนจะเข้าในอาณาจักร ก็คือจิตจะเป็นจิตที่ใหม่หมด วิญญาณก็ใหม่หมด ความคิดเก่าๆ ความคิดที่ไม่ดีที่เป็นด้านลบ มันไม่มีอีกแล้ว พระเจ้าจะลบล้างมันทิ้งหมด คือการผ่าตัดของพระเจ้าผ่าตัดจิตเรานะครับ ไม่ให้มีความคิดที่ไม่ดีไม่ให้จดจำในสิ่งที่เป็นอดีตเป็นโลกเก่าอีกต่อไป ไม่มีครับ
เราจะมีแต่ความคิดที่ดี มีแต่ความรัก มีแต่ความดี ความงามความสวยทุกสิ่งดีหมด จะไม่มีการมองว่าแกเป็นคนแบบนี้ โอ๊ย น่าอายจังเลย เนี่ยๆ คนนี้ทำชั่วมาก คนนี้ไปทำแบบนี้แบบนั้นยังจำได้ ไม่มีอีกแล้วครับ
คือเป็นการตัดสินเพื่อเปิดความจริงให้เรายอมรับ ว่าเราได้กระทำในสิ่งนั้น เพื่อเข้าสู่การรับการตำหนิ รับการตัดสินของพระเจ้า เพื่อการให้รางวัลของพระเจ้า จากนั้นทุกสิ่งก็ถูกลบล้างไปเลยไม่มีใครจำได้อีกแล้ว
ในยุคพันปีและฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่ ไม่มีใครจะมองว่า เอ่อ แกเคยทำแบบนี้ แก เคยทำแบบนั้น ไม่มีแล้วครับผม
...
ถาม.
คือในเวลาที่พระเยซูคริสต์มาพิพากษาคนที่เชื่อ ผู้ที่ได้รับการเปิดตา แล้วก็เป็นผู้ชนะแล้วอ่ะ แล้วเราจะได้เห็นเราจะมีอะไรที่บันทึกไว้อยู่หรือเปล่าค่ะ หรือว่ามีหมดเลย
ตอบ.
สำหรับผู้ชนะก็มีการบันทึกครับผม มีการบันทึกอะไรครับ มีการบันทึกผลงานคุณงามความดี การกระทำทุกสิ่งที่ทำแล้ว กลายเป็นภาชนะทองและเงิน และผลที่ได้รับก็คือเพชรพลอย คือพระเจ้าเอามานับนะครับว่าจะให้บำเหน็จให้ตำแหน่งให้มงกุฎ อยู่ในระดับไหนในอาณาจักรของพระเจ้า เอเมน สรรเสริญพระเยซู
ตรงข้ามนะครับ ตรงข้ามก็คือคนที่เป็นคริสเตียนศาสนา ก็จะถูกตีสอนตามระดับขนาดของการเชื่อและการกระทำของเขา
พูดง่ายๆ ก็คือสำหรับคนที่เป็นคริสเตียนที่เป็นผู้ชนะ เดินเข้ามาเพื่อรับรางวัล แต่คริสเตียนที่เป็นศาสนาเดินเข้ามาเพื่อรับการตำหนิ และการส่งไปที่เกเฮนา
แล้วสำหรับคริสเตียนที่จะเป็นผู้ชนะ การตีสอน พระเจ้าจะหลีกเลี่ยงที่จะไปตีสอนในเกเฮนา พระเจ้าจะตีตรงนี้นะครับ ในโลกนี้เราทำอะไร เราจะได้รับปุ๊บปั๊บ รับทันที และรับเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าหากใครอยากให้มันไม่หนักเกินไป ก็ "เอเมนขอบคุณพระเยซู ขอให้ยากเป็นง่าย ขอให้หนักเป็นเบา ขอให้ร้ายเป็นดี" สิ่งนี้บางครั้งผมก็พูดครับ เมื่อเจอปัญหาเจอมรสุมเจออะไรที่รู้สึกว่ามันจะหนักครับ
...
ถาม.
ก็คือเวลาเราเจอมรสุม หรือว่าปัญหาที่หนักมาก เราสามารถขอให้พระเจ้า ผ่อนให้เราได้ใช่ไหมค่ะอาจารย์
ตอบ.
ได้ครับผม ก่อนอื่นนะครับผมแสดงความยินดีกับพวกเรา ที่มาถึงคริสเตียนผู้ชนะ ที่เข้าสู่มานาที่ซ่อนไว้ ที่ได้รับการเปิดตา เราถูกเรียกว่าเป็นคริสเตียนที่พิเศษเป็นบุคคลที่พิเศษสำหรับพระเจ้าแล้ว คุณไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว คุณเป็นคนที่พิเศษ
จากร้อยล้านพันล้านหมื่นล้านกี่ล้านไม่รู้นะครับ พระเจ้าเลือกเราคนส่วนน้อย ผู้ชนะคริสตจักรผู้ชนะไม่ได้มีมากมายนะครับ แค่คนส่วนน้อย เพื่อคนเหล่านี้จะมีส่วนในการครอบครองร่วมกับพระเยซูจะเป็นรัฐบาลร่วมกับพระเยซู
แล้วเรานะครับ เมื่อเราขออะไร พระเจ้าก็ให้ เราอธิษฐานอะไร พระเจ้าก็ตอบ จำได้ไหมคำอธิษฐานของคนชอบธรรมเกิดผล ก็คือสัญญาของพระเจ้า
แล้วพระเจ้ารักเรามากนะครับตอนนี้ เมื่อเราขอให้หนักเป็นเบา พระองค์ก็ทำให้ ขอให้ยากเป็นง่าย พระองค์ก็ทำให้ ขออะไรก็ได้ทั้งนั้น เพราะว่าเราเป็นบุตรที่รักของพระเจ้า ไม่เหมือนคริสเตียนศาสนา สรรเสริญพระเยซู
ลองนึกภาพดูสิครับมีผู้ชายคนหนึ่งมีลูก 2 คน
คนแรก ก็คือเป็นลูกที่โปรดปรานของพ่อ
อีกคนเป็นลูกที่ไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแล้วก็ทำอะไรก็ทำให้พ่อไม่พอใจ
แล้วพ่อจะรักคนไหน
เเล้วเมื่อลูกชายคนที่ดี ขออะไรพ่อ พ่อให้ง่ายไหม ง่ายใช่ไหม