10:13 และมีพระสุรเสียงมายังท่านว่า “จงลุกขึ้น เปโตรเอ๋ย ฆ่าและกินเถิด”
** ฆ่าและกินเถิด เล็งถึง การไปประกาศกับพวกเขาทำให้พวกเขาตายและเป็นขึ้น เพื่อที่จะเป็นอาหารของผู้ประกาศ ซึ่งก็คือผลที่ได้รับจากการหว่านและเก็บเกี่ยวของสาวกและผู้ประกาศ ทุกวันนี้คนที่กลับใจและผู้เชื่อจึงเล็งถึงอาหารของผู้ประกาศและของพระเจ้า
10:14 แต่เปโตรทูลว่า “แบบนั้นไม่ได้ พระองค์เจ้าข้า เพราะว่าข้าพระองค์ไม่เคยรับประทานสิ่งใดๆ ที่เป็นของต้องห้ามหรือของเป็นมลทินเลย”
** เปโตรมองเห็นว่ามนุษย์ไม่สะอาดบริสุทธิ์เป็นมลทินเนื่องจากว่าเขาใช้ตาของอาดัม แต่สำหรับพระเจ้าพวกคนเหล่านั้นได้รับการชำระแล้วด้วยพระโลหิตของพระเยซู
10:15 และพระสุรเสียงตรัสกับท่านอีกเป็นครั้งที่สองว่า “ซึ่งพระเจ้าได้ทรงชำระแล้ว เจ้าอย่าเรียกว่าเป็นของต้องห้าม”
10:16 สิ่งนี้ได้กระทำถึงสามครั้ง และภาชนะนั้นก็ถูกรับขึ้นไปอีกในท้องฟ้า
** พระเจ้ายืนยันกับเปโตรว่า ผู้เชื่อทั้งหลายได้รับการชำระจากพระเจ้าแล้ว ห้ามมองว่าเป็นคนบาปมีมลทินอีกต่อไป และนี่คือสิ่งที่ผู้เชื่อควรมองผู้เชื่อด้วยกันว่าบริสุทธิ์ไม่มีมลทินแล้ว (2 คร 5:16-17)
ถาม.
ถามข้อที่ 13 ค่ะ และมีพระสุรเสียงมายังท่านว่า “จงลุกขึ้น เปโตรเอ๋ย ฆ่าและกินเถิด”
** ฆ่าและกินเถิด เล็งถึงการไปประกาศกับพวกเขาทำให้พวกเขาตายและเป็นขึ้นเพื่อที่จะเป็นอาหารของผู้ประกาศซึ่งก็คือผลที่ได้รับจากการหว่านและเก็บเกี่ยวของสาวกและผู้ประกาศ ทุกวันนี้คนที่กลับใจและผู้เชื่อจึงเล็งถึงอาหารของผู้ประกาศและของพระเจ้า
ความหมายของคำว่าอาหารนี้ก็คือเราได้รับบำเหน็จรางวัลหรือเปล่าค่ะ หรืออะไรค่ะช่วยขยายความตรงนี้นิดนึงค่ะไม่เข้าใจค่ะ เอเมน
ตอบ.
เอเมนขอบคุณพระเยซู คือสำหรับสิ่งที่เป็นเครื่องถวายบูชาเป็นอาหารที่พระเจ้ารับ คืออันนี้เป็นเล็งถึงความหมายฝ่ายวิญญาณ ก็คือการที่เราเชื่อในพระเยซู และเป็นคนใหม่ เป็นมนุษย์วิญญาณ เป็นพระกายของพระเยซู ทุกสิ่งที่เราทำ การเชื่อฟังก็ดี การกระทำตามน้ำพระทัยก็ดี การพูด การรักพระเจ้า การบอกรัก การสนิท การทำอะไรก็ตามที่ผ่านมนุษย์คนใหม่คนนี้ พระเจ้าถือว่าหรือเรียกว่า อาหารของพระองค์
และสำหรับพวกเราก็เหมือนกันนะครับ สำหรับพวกเราที่เป็นสาวกผู้รับใช้ของพระเจ้า เรานำผู้เชื่อที่หลุดพ้นจากศาสนาคริสต์เป็นคริสเตียนศาสนา เข้าสู่รูปแนวชีวิต เรานำพวกเขามาถึงการดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยได้ ก็เรียกว่าเป็นอาหารของพวกเราเหมือนกัน
อันนี้เป็นความหมายฝ่ายวิญญาณนะครับ และข้อพระคัมภีร์ที่บอกว่า (ยน 4:34) พระเยซูตรัสว่า การกระทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา ก็คืออาหาร ก็เป็นความหมายเดียวกัน
สำหรับการกระทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา ก็คือการทำดีด้วยคนใหม่ ด้วยตัวใหม่ ด้วยความรัก ด้วยพระคริสต์ที่กระทำในเรา ทุกสิ่งเหล่านี้เรียกว่าน้ำพระทัยของพระบิดา
...
ถาม.
ทำไมเปโตรเห็นนิมิตเป็นสัตว์ แทนที่จะเห็นเป็นคน เอเมนครับ
ตอบ.
สำหรับพระเจ้า สำหรับความหมายฝ่ายวิญญาณ สำหรับคำอุปมา สำหรับเรื่องที่เป็นแบบเล็ง พระเจ้าใช้ข้าว ต้นไม้ ต้นมะเดื่อ หรือแกะก็ยังเล็งถึงมนุษย์ได้ ปลาก็คือคนที่ไม่เชื่อ และอีกหลายอย่าง สุดท้ายก็คือในพระคัมภีร์ในกิจการบทที่ 10 นี้ที่เราศึกษาด้วยกัน ก็คือสัตว์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายก็คือเล็งถึงมนุษย์โลก สัตว์ที่จะนำมากินเป็นอาหารได้ และทูตสวรรค์บอกให้เปโตรกิน ก็คือคนที่จะกลับใจเชื่อ แล้วก็จะมาเป็นอาหารของพระเจ้าและเป็นอาหารของสาวกทั้งหลายครับ
...
ถาม.
ถ้าพูดถึงแบบเล็ง ก็ขออนุญาตถามเรื่องอาณาจักรบาบิโลนหน่อยครับ ทำไมอาณาจักรบาบิโลนเล็งถึงโรมันคาทอลิกครับ
ตอบ.
คือเราดูจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และอำนาจของกลุ่มโรมันคาทอลิก เราเห็นว่าเขามีอิทธิพลเขามีอำนาจมากในโลกนี้ปัจจุบันนี้ และในอนาคตเขาอาจจะเป็น อาจจะเป็นนะครับ และเชื่อว่าเป็นนะครับ บาบิโลนในหนังสือวิวรณ์
คือในโลกนี้มีศาสนาเดียวมีกลุ่มเดียวกลุ่มใหญ่นะครับที่มีอิทธิพลทางด้านการเมืองทางด้านศาสนาด้วย ก็คือคาทอลิกครับ
...
ถาม.
แล้วก็พูดถึงหญิงแพศยาด้วยใช่ไหมครับ ซึ่งก็คือเป็นไปทางเขาเลย
ตอบ.
ใช่ครับผม ปกติผู้นำศาสนาจะเป็นหญิงที่ซื่อสัตย์ หญิงพรหมจารี หญิงที่รับใช้ปรนนิบัติพระเจ้าเป็นอย่างดี
แต่พระคัมภีร์นะครับเรียกว่าหญิงแพศยา ก็คือผู้นำผู้รับใช้คนที่เชื่อ แต่ใช้ชีวิตหรือการกระทำของเขาไม่เหมาะสม นำการเมืองนำสิ่งต่างๆ ที่เป็นของโลกนี้นำเข้ามา ทำให้เรียกว่า ถ้าเป็นคริสตจักรก็เรียกว่าคริสตจักรชาวโลก คือเอาทุกสิ่งที่เป็นเนื้อหนังเข้ามา และทุกวันนี้เราก็เห็นนะครับคริสตจักรชาวโลกก็คือเต็มไปหมด ที่เขานมัสการด้วยจิต และด้วยเนื้อหนัง ด้วยอารมณ์ความรู้สึก แล้วก็ใช้อาดัมคนเก่าที่ทำดีรับใช้ดำเนินชีวิตเพื่อพระเจ้าในความเชื่อ
...
ถาม.
ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ พอดีว่าประกาศกับคาทอลิกอยู่คนหนึ่งค่ะ ตอนนี้ประกาศมานากับเขาประมาณอาทิตย์กว่าๆ ที่ส่งคำสอนคลิปของอาจารย์ไปให้เขา แล้วก็อธิบายพระคัมภีร์หลายๆอย่างให้เขา แต่เขาก็ยังเปิดใจไม่มาก คืออยากขอคำแนะนำว่ามีอะไรที่เราพูดได้หรือพูดไม่ได้ เพื่อที่จะไม่เป็นการไปตัดสินเขาว่าผิดถูกอะไรประมาณนี้ค่ะ
ตอบ.
เมื่อเราพูดคุย เป็นพยาน ประกาศข่าวประเสริฐกับศาสนาอื่นโดยเฉพาะคาทอลิก สิ่งที่สำคัญนะครับเราไม่ก้าวก่ายถึงความเชื่อ ถึงการปรนนิบัติ ถึงการปฏิบัติ ดำเนินชีวิตของเขา เราไม่ก้าวก่าย เราจะไม่พูดถึงว่าอันนี้ผิดน่ะ อันนี้ไม่ใช่น่ะ อันนี้ไม่ได้น่ะ สิ่งเหล่านี้นะครับเราหลีกเลี่ยง
ในพระคัมภีร์ในสมัยของสาวกที่เขาทำกัน หลังจากที่เปาโลมาประกาศ แล้วก็คำสอนของเปาโล เราจะเห็นว่าสิ่งที่เขาใช้กัน ก็คือการประกาศข่าวประเสริฐ ก็คือบอกเรื่องพระเยซู เรื่องความรอด เรื่องพระเยซูเป็นพระเจ้าตายเพื่อไถ่บาปมนุษย์ แล้วก็เป็นพยานว่าพระเจ้าช่วยเขาอะไรบ้าง
เราจะไม่พูดว่า เอ่อ คาทอลิกไม่ดีน่ะ อันนี้สอนผิดน่ะ อันนั้นสอนผิดน่ะ มันเป็นเหมือนกับตำรวจหรือศาลที่ตัดสิน ที่จับผิดคนอื่น แล้วบอกว่า เขาผิดเราถูก สิ่งที่เป็นหลักนะครับ เขาผิดเราถูก เราถูกเขาผิด เราหลีกเลี่ยงเราจะไม่ทำ
เราแค่ประกาศด้วยความรัก เป็นพยานด้วยความรัก และเมื่อเขาถามนะครับในอนาคตอีกไม่นานเขาได้เรียนรู้มากขึ้นเขาจะถามเราเองว่า อันนี้ทิ้งไหม อันนี้ดีไหม อันนี้ถูกไหม เราก็อธิบายด้วยความนอบน้อม ด้วยความนอบน้อม
...
ถาม.
พอดีเขาถามมาหนึ่งคำถามค่ะ เขาบอกว่าในเมื่อคริสเตียนโปรเตสแตนต์ก็เชื่อพระเยซู เขาก็เชื่อพระเยซูเหมือนกัน แล้วทำไมเขาจะต้องมาเป็นโปรเตสแตนต์ ในเมื่อเขาก็อธิษฐานกับพระเยซูเหมือนกับเราอ่ะค่ะ
ตอบ.
ถ้าเป็นผม เอาเป็นว่าสมมุติว่ามีคนหนึ่งมาคุยกับผมเรื่องคาทอลิก แล้วเราอยากช่วยเขาอยากประกาศกับเขา
อันแรกนะครับ พระเยซูเป็นคนนำข้าพระองค์ พระเยซูเป็นคนพูด และคำพูดของเราก็คืออย่างที่ผมว่านะครับหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะตัดสินเขา แล้วชี้เขาว่าเชื่อผิดสอนผิดยังไง ทำผิดอะไร แล้วเราพยายามพูดด้วยความนอบน้อม
ก็คือขอโทษนะครับ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ สำหรับกลุ่มคาทอลิกเท่าที่ผมได้เรียนรู้มาศึกษามาเยอะพอสมควร แล้วผมเองก็เคยเป็นคาทอลิกเหมือนกันหลายปี ผมได้พบว่า คือสิ่งที่เราเรียนรู้มันขัดแย้งกับพระคัมภีร์ที่เป็นต้นฉบับที่พระเจ้าให้ในสมัยพระคัมภีร์เดิมกับพระคัมภีร์ใหม่
อันที่สอง ก็คือขอโทษนะครับ ในพระคัมภีร์ไม่มีนางมารีย์ที่เป็นแม่พระ หรืออัครสาวกทั้งหลายเป็นพระ แล้วก็อีกหลายๆ เรื่อง
เราก็พูดด้วยความนอบน้อม แล้วก็เปิดใจคุยกับเขา คนที่เขาสนใจจริงๆ เขาเปิดใจจริงๆ ไม่อยากเอาชนะไม่อยากถกเถียงกัน ก็คือเขาจะยอมฟังเราครับ มันมีวิธีนะครับ มีทางนะครับ
สำหรับผม ผมขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้ผมได้ผ่านประสบการณ์ ได้ไปร่วมกับหลายกลุ่ม หลายคณะนิกาย หลายศาสนา ได้เรียนรู้มาเยอะ แล้วก็คาทอลิกผมก็เคยร่วมนะครับก็เคย จึงเป็นสิ่งที่ผมใช้เพื่อบอกคนอื่น
แล้วสุดท้ายสิ่งที่ผมขาดไม่ได้ ก็คือเราคุยกับเขาบอกว่า สิ่งที่ได้รับตอนมาเป็นคริสเตียน คือมีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นที่ไม่เหมือนตอนที่เป็นคาทอลิก ก็คือสันติสุข และอาการอารมณ์รู้สึกว่าพระเจ้าอยู่ใกล้เราพระเจ้าอยู่กับเราพระเจ้าช่วยเราพระเจ้าสัมผัสเรา มีหลายๆ สิ่ง มีนิมิต มีอะไรหลายๆ อย่างที่สมัยที่เราเป็นคาทอลิกเราไม่ได้รับ อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาคิดได้ใช่ไหม
...
ถาม.
แต่ว่าคนนี้เป็นกรณีที่ไม่เหมือนคนอื่น เพราะว่าเขามาเป็นคริสเตียนได้ 2 ปี แล้วอยู่ๆ เขาก็ออกไปเลยไปเป็นคาทอลิกได้ 2 เดือน เกือบ 2 ปีนี้เขาไม่รู้จักพระเยซูเลยเหรอทำไมเขาจึงกลับเปลี่ยนใจเป็นคาทอลิกได้ค่ะ
ตอบ.
อย่าลืมนะครับพระเยซูเคยกล่าวเป็นคำอุปมา (มธ 13:24-30) ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเมล็ดข้าวที่ดี มีเมล็ดข้าวกี่ชนิดครับ มี 2 ชนิดใช่ไหม คือคนที่ได้บังเกิดใหม่จริงๆ และคนที่ไม่ได้บังเกิดใหม่จริงๆ
คนที่ไม่ได้บังเกิดใหม่จริงๆ เขาเข้ามาเป็นศาสนาคริสต์ ก็เชื่อแต่เขาไม่ได้กลับใจ เขาไม่ได้บังเกิดใหม่ เขาไม่มีอาการหิวกระหาย ถึงเวลาเขาก็จะหนีไป เขาก็ละทิ้งความเชื่อ คนเหล่านี้นะครับไม่เคยบังเกิดใหม่อย่างแท้จริง เราไม่ต้องแปลกใจ
บางคนอยู่คริสตจักรเป็นสิบๆ ปี บางคนเป็นอาจารย์เป็นศาสนาจารย์เป็นครูสอนในโรงเรียนในพระคัมภีร์ มีคนหนึ่งที่เป็นคนก่อตั้งโรงเรียนพระคัมภีร์ที่อเมริกา เขาไม่เคยกลับใจเลย เขาไม่เคยเป็นคริสเตียนที่บังเกิดใหม่อย่างแท้จริง เขาทำเพื่อเป็นธุรกิจ ทุกคนก็เชื่อก็คิดว่าเขาเป็นคริสเตียนคนหนึ่ง เขารู้เรื่องพระคำผิดทั้งหมดเลยนะครับเพราะว่าเป็นศาสนาจารย์
แต่สุดท้ายมีศิษย์คนหนึ่งที่เรียนจบใหม่ๆ แล้วเขาได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เทศนาในวันที่รับปริญญา ปรากฏว่าศาสนาจารย์คนนี้ที่เป็นเจ้าของโรงเรียนก็คือเดินออกมาแล้วก็คุกเข่าต่อหน้าทุกคน แล้วบอกว่าวันนี้ผมขอกลับใจเชื่ออย่างแท้จริง หลังจากเกือบ 30 กว่าปีที่ผมไม่เคยเชื่อไม่เคยกลับใจในพระเยซูอย่างแท้จริง แต่วันนี้ผมได้ยินเสียงของพระเจ้าผ่านผู้ชายคนนี้นักเรียนคนนี้
เห็นไหมครับคือเวลามันไม่วัดว่าเราได้เป็นคริสเตียนได้บังเกิดใหม่อย่างแท้จริง คือการหนีออกไปแล้วไม่กลับมา หรือก็ไม่แน่นะครับอย่าเพิ่งตัดสินเขา เขาอาจจะไปแล้วอีกไม่นานพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะนำเขาดึงเขาพยายามช่วยเขาให้กลับมาก็เป็นได้ เอเมน
...
ถาม.
คือคาทอลิก เขาก็ถือได้ว่าเป็นเหมือนกับเล่นชู้ฝ่ายวิญญาณไหมครับ คือเขาไหว้รูปเคารพ ไหว้รูปปั้น ไหว้รูปอะไรอย่างเนี้ย เข้าข่ายเป็นเล่นชู้ฝ่ายวิญญาณไหมครับแบบนี้
ตอบ.
แน่นอนครับ สำหรับคริสเตียนนะครับถ้าหากไปกราบไหว้พระอื่น อันนี้เป็นเรื่องของฝ่ายวิญญาณ เป็นการเล่นชู้กับพระเจ้าครับผม และโทษการตีสอนของการเล่นชู้ฝ่ายวิญญาณหรือกระทำผิดในเรื่องฝ่ายวิญญาณจะหนักกว่าโทษและการตีสอนของการกระทำผิดในฝ่ายเนื้อหนังครับ