ขอบพระคุณสำหรับความรัก พระคุณ พระเมตตา และขอบพระคุณที่พระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดี เป็นผู้เลี้ยงที่ดี ขอบคุณพระเยซูมีผู้เลี้ยงหลายคนแต่เรามาพบผู้เลี้ยงที่ดี และเป็นผู้เลี้ยงที่ดีที่สุด ขอบคุณพระองค์ที่พระองค์เลี้ยงดูเรา และให้เรามาถึงทุ่งหญ้าเขียวสด และพระองค์เองก็เป็นทุ่งหญ้าเขียวสด ซึ่งเต็มด้วยสันติสุข ชีวิตที่เต็มด้วยพลัง และความหวัง และความรอด ขอบคุณพระเยซู
สำหรับหนังสือยอห์นบทที่ 10 พระเยซูย้ำหลายครั้งเราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เพื่อยืนยันว่าพระองค์ดีจริงๆ เลี้ยงดู ดูแลเราดีจริงๆ เนื่องจากว่าชาวยิวแบกภาระหนักมานานหลายปี และไม่มีความสุขเป็นทุกข์เรื่องการรักษาพระบัญญัติ ซึ่งขัดแย้งกับนิสัยของมนุษย์ เพราะว่ามนุษย์ตกต่ำ มีความรักแต่เป็นความรักฟิเลโอเท่านั้น ซึ่งมาถึงความรักอากาเป้ไม่ได้
และพระเยซูนำความหวังนี้มาสู่ชนชาติอิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นแกะในคอกของพระองค์ และยังเป็นความหวังสำหรับเราที่เป็นคนต่างชาติซึ่งเป็นแกะอื่น พระเยซูตรัสว่า แกะอื่นของเราก็มี เราจะนำมา และร่วมกันรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เราขอบคุณพระเจ้าที่แผนการงานของพระเจ้าสำเร็จในวันนี้
สำหรับบทที่ 10 เราพบคำตอบเรื่องการอยู่ใต้พระบัญญัติ เพื่อให้ได้รับสุขและความหวังซึ่งเป็นพระพรจากพระเจ้า แต่ยิ่งกว่านั้นพระเยซูเสด็จมาแล้ว และพระองค์เสด็จมาเพื่อนำเราออกจากการอยู่ใต้พระบัญญัติ และพระองค์เองเป็นพระวิญญาณที่เป็นชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เพื่อให้เรารับสันติสุขและความรอดโดยไม่มีขีดจำกัดอีกต่อไป เราสุขโดยที่ไม่ต้องกระหายอีก และเรารอดโดยที่ไม่ต้องไม่รอดอีก คือรอดแล้วก็รอดเลย
และสัญญาว่าจะไม่มีผู้ใดมาแย่งชิงแกะของพระองค์ ก็คือเรา ไปจากพระบิดาและจากพระองค์ได้
...
สำหรับข้อที่ 11 ก็คือพระเยซูย้ำว่าพระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดี และย่อมสละจิตของพระองค์และร่างกายของพระองค์เพื่อแกะทั้งหลาย ซึ่งวิญญาณก็เป็นสิ่งที่เป็นมาโดยพระเจ้า และสิ่งที่จะสูญเสียไปตอนที่พระเยซูอยู่ที่กางเขน ก็คือจิตของพระองค์และร่างกายของพระองค์ และพระเจ้าทรงทราบดีและทรงวางแผนไว้ ว่าเมื่อพระเยซูสละจิตและร่างกาย ต่อมาพระองค์ก็จะได้จิตและร่างกายใหม่ และวิญญาณของพระองค์ก็จะกลายเป็นวิญญาณที่ประทานชีวิตได้ ที่แจกชีวิตได้ ซึ่งเป็นการได้รับเกียรติจากพระบิดาบนสวรรค์ ขอบคุณพระเจ้าที่แผนการงานของพระองค์สำเร็จแล้ว
ซึ่งทุกวันนี้พระองค์มีจิตที่เป็นจิตใหม่ และพระองค์เป็นชีวิตเป็นร่างกายที่เป็นกายทิพย์แล้ว และตอนนี้จิตและร่างกายนี้อยู่ที่ประทับของพระเจ้า ก็คือที่พระบัลลังก์ พระองค์เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและอยู่กับพระเจ้า ส่วนวิญญาณที่อยู่กับเราทั้งหลาย ก็คือพระวิญญาณที่เป็นชีวิตของพระองค์ที่อยู่กับพวกเรา เอเมน
...
สำหรับข้อที่ 12 ผู้รับจ้างมิได้เป็นผู้เลี้ยงแกะและฝูงแกะไม่เป็นของเขา
ผู้รับจ้าง คือพวกผู้นำศาสนาทั้งหลายที่เป็นชาวยิว ที่มีหน้าที่สั่งสอนพระบัญญัติต่อชนชาติอิสราเอล พระเยซูตรัสว่าเขาจะทิ้งฝูงแกะและหนีไป สุดท้ายก็ไม่มีใครดูแลชนชาติอิสราเอล และไม่มีใครสอนสั่งสอนเขาอีกต่อไป
และสุนัขป่าก็ชิงเอาแกะไปเสีย และทำให้ฝูงแกะกระจัดกระจายไป
สุนัขป่าคืออะไรคือใคร สุนัขป่าก็คือพวกผู้นำยิวที่ชั่วร้าย และครูสอนปลอมทั้งหลายที่ต้องการทำลายแผนการงานของพระเจ้า เนื่องจากว่าพวกเขาต้องการเพียงเพื่อหวังผลประโยชน์ และถูกซาตานหลอกใช้ เราจะเห็นว่าพระเยซูตรัสในมัทธิวบทที่ 10 ข้อ 16 เราส่งท่านทั้งหลายไปและท่านทั้งหลายอยู่ท่ามกลางฝูงสุนัขป่า
...
สำหรับข้อที่ 13 ผู้ที่รับจ้างนั้นหนีเพราะเขาเป็นลูกจ้าง และไม่เป็นห่วงแกะเลย
ในสมัยก่อนหรือแม้แต่สมัยนี้ก็ตาม ถ้าใครไม่มีพระเจ้า ไม่รู้จักพระเจ้าจริงๆ และไม่เข้าสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซู จะมีความรักแบบอากาเป้ไม่ได้ เขารักกันได้คือเฉพาะอาจจะมีพ่อแม่บางคนที่รักลูกมาก จนถึงขั้นรักอากาเป้ได้ที่พระเจ้าใส่ไว้ในใจของมนุษย์ แต่ถ้าหากเราจะรักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน รักเพื่อนบ้าน รักคนข้างบ้าน รักศัตรู หรือรักใครมันเป็นไปไม่ได้เพราะว่าเราไม่มีอากาเป้นี้ ก็คือความรักของพระเจ้า
เพราะฉะนั้นผู้นำผู้เลี้ยงจึงทำทุกสิ่งเพื่อหวังผลประโยชน์ เนื่องจากว่าเขาเป็นแค่ผู้รับจ้างเท่านั้น เราจะเห็นน่ะว่าทุกวันนี้ผู้นำคริสตจักรมากมาย ก็เป็นได้แค่เพียงผู้รับจ้างในข้อที่ 13 นี้เท่านั้น ซึ่งเขาไม่มีอากาเป้จริงๆ
แต่ขอบพระคุณพระเจ้าในข้อที่ 14 พระเยซูตรัสว่า เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี มาอีกแล้วคำนี้ เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี และเรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา คำว่า "รู้จัก" ในที่นี้ ก็คือการรู้จักรู้จัก ไม่ใช่รู้จักเฉยๆ
คือบางคนก็รู้จักผม ผมก็รู้จักพี่น้องบางคน แต่เราไม่เคยพูดคุยสนทนา ไม่เคยสนิท ไม่เคยคุยกันตั้งแต่เช้าจนค่ำ ไม่เคยถามไถ่ ไม่รู้ว่าใครชอบอะไร เป็นยังไง ก็คือรู้จักเฉยๆ
แต่คำว่า "รู้จัก" ในข้อที่ 14 ก็คือรู้จักรู้จัก รู้จักจริงๆ รู้จนถึงไส้ รู้จนถึงทุกส่วนของชีวิต
ก็คือพระเยซูทรงทราบดี ตั้งแต่ก่อนสร้างโลกว่าใครจะเป็นยังไง จะเป็นแบบไหน จะเลือกเชื่อวางใจ และไม่ทิ้งพระองค์ไปอย่างแน่นอน ก็คือมีใครบ้าง
และเราก็รู้จักพระองค์ความหมายก็คือ เราจะไม่ทิ้งพระเยซู และจะวางใจ และจะรับพระเยซู และบางคนจะเติบโตเข้าสู่ชีวิตผู้ชนะได้
...
สำหรับข้อที่ 17 ก็คือ ด้วยเหตุนี้ พระบิดาของเราจึงทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเราเพื่อจะรับชีวิตนั้นคืนมาอีก
ก็คือการทำนายของพระเยซู ว่าพระองค์จะถูกฆ่าตายและจะเป็นขึ้นมาใหม่
...
สำหรับข้อที่ 18 ไม่มีผู้ใดชิงชีวิตไปจากเราได้ แต่เราสละชีวิตด้วยใจสมัครของเราเอง และเรามีสิทธิที่จะสละชีวิตนั้น และมีสิทธิที่จะรับคืนอีกพระบัญชานี้เราได้รับมาจากพระบิดาของเรา
คือการยอมสละชีวิต ก็คือสละจิตของพระองค์ เนื่องมาจากความรักที่พระเยซูมีต่อมนุษย์ พระเจ้าทรงทราบดีว่าจิตและร่างกายของพระเยซูจะตาย และพระองค์ทราบดีแน่นอนว่ายิ่งกว่านั้น ก็คือจิตและร่างกายก็จะกลับฟื้นคืนมาใหม่ และจะกลายเป็นสภาพทิพย์เป็นกายทิพย์ ทุกวันนี้พระเยซูมีร่างกายซึ่งถูกตรึงแล้วเป็นทิพย์แล้ว และจิตของพระองค์ก็เป็นทิพย์แล้ว พระองค์เสด็จขึ้นไปอยู่กับพระบิดา
แต่สิ่งที่พระเยซูหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คือความทุกข์ทรมานที่ได้มาจากการถูกเฆี่ยนตี คือการตายของพระเยซู พระเยซูทราบดีว่าพระองค์จะฟื้นคืนมาใหม่ แต่สิ่งที่ได้รับเพื่อจ่ายหนี้บาปของเรา ก็คือการถูกเฆี่ยนตี การทนทุกข์ทรมาน นี่คือความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อเรา เราอาจจะไม่สัมผัส เราอาจจะไม่ทราบ เราอาจจะไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในพระคัมภีร์อธิบาย พระคัมภีร์เปิดเผยว่าพระองค์ทนทุกข์ทรมานมาก พระองค์ถูกเฆี่ยนตีเจ็บปวดมาก
มันเป็นสิ่งที่หนักมากสำหรับพระเยซู ซึ่งเป็นการรับโทษของมนุษย์ที่มีความบาปผิดบาปทั่วโลกทั่วจักรวาล เข้ามาใส่พระองค์เพียงผู้เดียว เป็นการรับโทษที่เป็นโทษที่หนักมากกว่าใคร ไม่มีใครที่รับโทษที่หนักมากกว่าพระเยซู ซึ่งรับสภาพเป็นคนบาปที่บาปที่สุดในจักรวาลนี้
เมื่อก่อนพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรม เป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นพระเจ้า อยู่ดีๆ ก็ยอมกลายมาเป็นคนที่บาปชั่ว ที่สุดในโลกนี้ ไม่มีใครชั่วเลวทรามเท่าพระเยซู แต่ก็ไม่ใช่พระเยซูที่เป็นคนทำ พระเยซูรับเอาความชั่วความเลวทรามความบาปความเสื่อมทรามความตกต่ำทุกสิ่งของเราทั้งหลายมารวมกัน และรับเอาโทษบาปนั้น
เพราะฉะนั้นเป็นความทุกข์ทรมานที่หนักมากที่สุด นี่คือสิ่งที่เราควรขอบพระคุณและสรรเสริญพระองค์
...
สำหรับข้อที่ 17 จนถึงข้อที่ 19 สรุปสั้นๆ ก็คือท่ามกลางฝูงแกะ มีผู้เลี้ยง ก็คือผู้รับใช้ที่ไม่ดีที่จะทิ้งแกะไปได้
แล้วก็มีสุนัขป่า ก็คือผู้นำศาสนาหรือครูสอนปลอมที่จะทำลาย และทำร้ายฝูงแกะให้แตกแยกหนีไป และหนีไปจากพระเจ้าได้
แต่เราสรรเสริญพระเจ้า เรามีพระเยซูที่เป็นผู้เลี้ยงที่ดี ที่จะต้องไปตายเพื่อแกะ และเป็นขึ้นมาใหม่เพื่อแกะอีก ตายเพื่อแกะยังไม่พอ ยังเป็นขึ้นมาใหม่อีกเพื่อที่จะตามมาดูแล ไม่ให้ใครมาทำร้ายทำลายแกะของพระองค์ และจะอยู่กับพวกเราตลอดไป โดยมีพระบิดาเข้ามา พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามา พระเจ้าสามพระภาคเข้ามาอยู่ในเราทั้งหลายจนถึงทุกวันนี้ เป็นชีวิตที่ครบเพื่อให้เรามีสันติสุขอย่างเต็มล้น เพื่อรับปัญหาและเรื่องร้ายทุกสิ่งได้
ขอบคุณพระเจ้าแกะที่อยู่ในคอก ก็คือยิว และแกะอื่น ก็คือคนต่างชาติ ตอนนี้มารวมมาร่วมกัน เป็นหนึ่งเดียวในพระกายของพระเยซูได้แล้ว นี่คือแผนการของพระเจ้าตั้งแต่ก่อนสร้างโลก
และคำว่า ผู้เลี้ยงแกะ ผู้เลี้ยงแกะ คือคำที่พระเยซูใช้เพื่อเรียกสาวกทั้งหลายที่มีของประทานในการเลี้ยงดู และดูแลแกะ เพื่อช่วยเหลือ ให้อาหารฝ่ายวิญญาณ เพื่อช่วยผู้เชื่อเข้าสู่พระคำที่เป็นความจริงและเติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซูได้
เพราะฉะนั้นเรา ถ้าใครรู้ตัวว่ามีของประทาน แล้วพระเจ้าเรียกพระเจ้าเลือกให้เป็นผู้เลี้ยงแกะ อย่าลืมนะว่า ผู้เลี้ยงแกะต้องมีสภาพยังไง เราเข้าใจดีแล้วใช่ไหม?
ก็คือต่ำต้อย ยอมถ่อมจนถึงดิน ไม่มีค่าอะไร ไร้ตัวตน เป็นคนที่ยอมสละทิ้งความสุขและทุกสิ่ง และจิตที่หยิ่ง ผยอง พองตัว จิตที่โกรธ โมโห จิตที่มีกิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลง เราทิ้งสิ่งเหล่านี้ไป พระเจ้าจะใช้เราได้มากที่สุด และเราจะใกล้พระเยซูมากที่สุด ด้วยตำแหน่งในอาณาจักรในยุคพันปี และฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่
...
สิ่งสุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่อยากจะย้ำในหนังสือยอห์นบทที่ 10 นี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก ก็คือการได้หลุดพ้นจากพระบัญญัติ สรรเสริญพระเจ้า เราเป็นคนกลุ่มน้อยที่พระเจ้าเปิดตาเราให้ได้พบความจริงนี้ ซึ่งพี่น้องคริสเตียนผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ยังไม่ได้หลุดพ้นจากพระบัญญัติ บางคนก็กลัวว่าถ้าไม่รักษาพระบัญญัติก็จะต้องไม่รอดหรือไม่ได้รับพระพร
แต่ถ้ารักษาพระบัญญัติมันก็ยาก จึงทำไม่ได้ และก็สวมหน้ากากจนถึงทุกวันนี้ นี่คือความจริงที่เป็นเรื่องเศร้าท่ามกลางคริสตจักรทั้งหลาย
แต่เราขอบพระคุณพระเยซูที่ได้หลุดพ้นจากพระบัญญัติ เราตายจากพระบัญญัติแล้ว เราเข้าสู่พระบัญญัติใหม่ ซึ่งพระบัญญัติใหม่มันยากกว่าเดิมก็จริง แต่เราก็ไม่ได้เป็นคนปฏิบัติ เราไม่ได้เป็นคนรักษา พระคริสต์ตาย และเป็นขึ้นมาใหม่ และเป็นวิญญาณที่แจกชีวิตของพระองค์เข้ามาอยู่ในเรา และมาเพื่อรักษาพระบัญญัติใหม่แทนเรา เราขอบพระคุณพระเจ้า
พระเยซูตรัสว่าใครที่กินเราและดื่มเรา จะมีชีวิตอยู่ "โดยเรา" ไม่ใช่โดยเขาเองโดยผมโดยผู้เชื่อทั้งหลาย "โดยเรา" ก็คือโดยพระเยซูเอง
ก็คือคนขับรถต่อไปนี้จะไม่ใช่พวกเราที่เป็นคนขับ แต่เป็นพระเยซูที่จะขับแทนเรา ก็คือเลี้ยวซ้ายก็คือพระองค์จะเป็นคนเลี้ยวเอง เลี้ยวขวาพระองค์จะเลี้ยวเอง ไปตรงพระองค์จะไปเอง ตัดสินใจเอง ทำเองทุกสิ่ง
หน้าที่ของเรา ก็คือสนิทในพระองค์ บอกรักพระองค์ และเชื่อว่าพระองค์เป็นคนทำ เราก็จะเห็นการอัศจรรย์นี้เกิดขึ้นทุกวัน
...
เราขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดี และเราเป็นแกะที่ดีของพระองค์ เราขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์เลือกเราบางคนให้เป็นผู้เลี้ยงที่ดี เพื่อที่จะช่วยพี่น้องให้เติบโต ป้อนอาหารฝ่ายวิญญาณที่ถูกต้อง เป็นพระคำที่เป็นความจริง เพื่อรับการชำระโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อเราจะเข้าสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซู เพื่อดำเนินชีวิตเป็นผู้ชนะ เป็นบุตรที่รักของพระเยซู
เราขอบพระคุณพระเยซูสำหรับยอห์นบทที่ 10 ที่สอนเรา เรื่องการหลุดพ้นจากพระบัญญัติ เราไม่ต้องไปแตะพระบัญญัติ ไม่ต้องรักษาพระบัญญัติ เพราะว่าเราตายจากพระบัญญัติแล้ว และเราอยู่ใต้พระบัญญัติใหม่ ซึ่งมีพระคริสต์เป็นชีวิตและเป็นความหวังแห่งสง่าราศีของเรา ก็คือพระเยซูเป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรา ขอบคุณพระเยซูเรารักพระเยซู