อาณาจักรสวรรค์นี้พระเยซูนำมาให้คนอิสราเอล แต่คนอิสราเอลไม่รับ พระเจ้าจึงให้โอกาสคนต่างชาติ คือพวกเราทั้งหลาย ที่จะได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ แต่พระเจ้าย้ายอาณาจักรสวรรค์ไปอยู่ในยุคหน้า เพราะว่ายุคนี้คนต่างชาติเตรียมตัวไม่ทัน พระเจ้าให้เวลาคนต่างชาติที่จะฝึกฝนชีวิตให้พร้อม และสุกงอมเพื่อเข้าไปร่วมครอบครองกับพระเยซูในยุคพันปี
สาเหตุที่ต้องมียุคพันปี เพราะว่าคนยิวไม่รับพระเยซู พระเจ้าจึงย้ายอาณาจักรสวรรค์ไปไว้ที่ยุคพันปี ถ้าหากว่าคนยิวรับพระเยซู อาณาจักรสวรรค์ก็จะอยู่ที่นั่น พระเยซูก็จะครอบครองประเทศอิสราเอล และขยายอำนาจไปทั่วโลก ทั่วโลกจะอยู่ภายใต้การครอบครองของพระเยซู น่าเสียดายที่คนยิวไม่รับพระเยซู แต่ก็ขอบพระคุณพระเจ้า ที่ยิวปล่อยให้เรามีโอกาส
เพราะฉะนั้น ในยุคพันปี คริสเตียนยิวและคริสเตียนต่างชาติจะเป็นพี่น้องกันในพระคริสต์ และร่วมครอบครองกับพระเยซูอยู่ในอาณาจักร จากนั้นพอถึงฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ พระเจ้าก็จะให้เราร่วมครอบครองกับพระองค์ไปจนชั่วนิรันดร์ เราเป็นรัฐบาลชุดเดียวเท่านั้นไม่มีการเปลี่ยน และเป็นตลอดไปเป็นนิตย์
1. สวรรค์
2. เอเดน
3. ชนชาติอิสราเอล
4. พระเยซู
5. คริสตจักร (อาณาจักรสวรรค์)
6. ยุคพันปี (อาณาจักรสวรรค์)
7. ฟ้าสวรรค์ใหม่/แผ่นดินโลกใหม่
แต่คริสเตียนมากมายไม่ได้ดำเนินชีวิตเป็นประชากรแห่งอาณาจักรสวรรค์ และเราไม่เคยคิดว่าคริสตจักรเป็นอาณาจักรสวรรค์ เราคิดว่าคริสตจักรก็คือโบสถ์ เรามาร่วมกันนมัสการในวันอาทิตย์ และชื่นชมยินดีสรรเสริญยกย่องพระเจ้า จากนั้นก็กลับบ้านไปก็ดูหนังต่อ อยู่ในคริสตจักรสองชั่วโมงเราชื่นชมยินดียกย่องพระเยซู อยู่บ้านเราก็ชื่นชมยินดีกับละคร และยกย่องพระเอก
อาณาจักรของพระเจ้า และอาณาจักรสวรรค์ อยู่ในส่วนของผู้เชื่อทั้งหลาย มีผู้เชื่อทั้งหลายร่วมกันอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็คืออาณาจักรของพระเจ้า ถ้าหากมีคริสเตียนคนเดียวเดินไปมา คนนั้นไม่ใช่อาณาจักรของพระเจ้า แต่เขาคือวิหารของพระเจ้า คือคนใหม่ หรือมนุษย์วิญญาณ
โลกนี้สำหรับพระเจ้ามีแค่สองคน ใครก็ตามที่เชื่อพระเยซูก็คือพระคริสต์ หรือคนใหม่ และใครก็ตามที่ไม่เชื่อพระเยซูก็คืออาดัม เพราะพระเจ้ามองเห็นแค่สองคนในโลกนี้ ถ้ามีกลุ่มคนที่ไม่เชื่อ เช่น วงดนตรีที่ร้องเพลงต่างๆ เขาก็คืออาณาจักรของซาตาน ทุกคนที่ไม่เชื่อที่มารวมตัวกัน ก็คืออาณาจักรของซาตาน แต่ทุกคนที่มารวมตัวกันในนามพระเยซู ก็คืออาณาจักรของพระเจ้า และอาณาจักรสวรรค์
เพราะฉะนั้น ขอให้เราตระหนักว่าเราเป็นประขากรของอาณาจักรสวรรค์ และอาณาจักรของพระเจ้า ให้เราฝึกฝนชีวิตของเราให้พร้อมที่จะเข้าไปในอาณาจักร และชีวิตที่พร้อมหรือสุกงอม ก็คือคนที่สามารถต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบ และเรามีอุดมการณ์เดียว ก็คือเราอยู่เพื่อพระคริสต์ เราทำทุกสิ่งเพราะเห็นแก่พระคริสต์ ไม่ใช่เราอยู่ที่นี่เราไม่ชอบใครเราก็ไป อันนี้ไม่ได้เห็นแก่พระคริสต์ แต่เห็นแก่เราเอง คนเราทุกวันนี้เห็นแก่ตัว มองที่ตัวเองหรือโฟกัสที่ตัวเองมากกว่า ถ้าหากเราโฟกัสที่พระเยซู ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีหมด เอเมน
ขอให้เราฝึกที่จะโฟกัสที่พระเยซูก่อน ตื่นนอนตอนเช้า คำแรกที่ออกมาจากปากของเราก็คือ “พระเยซู” คำที่สองก็คือ “ข้ารักพระองค์” ลองพูดดูนะครับตอนตื่นนอนตอนเช้า แล้วอาการที่ง่วงเหวาซึมเซา หรือท้อแท้ก็จะหมดไป
ถ้าเราฝึกวันนี้ไม่เห็น พรุ่งนี้ฝึกต่อ มะรืนนี้ฝึกต่อ และห้าหกวันต่อมาก็ฝึกต่อๆ ในที่สุดเราก็จะเห็นใจของพระเยซู หรือหัวใจใหม่ที่ดีมาก มีสุขมากเกิดขึ้นในเรา ถ้าหากเราฝึกมากพอ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะมองดูเราว่าเราท้อมั๊ย ถ้าเราฝึกไปเรื่อยๆ ก็จะถึงจุดจุดหนึ่งที่พระวิญญาณจะแตะเรา
“อยู่เพื่อพระคริสต์” คือเราทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพระคริสต์ เราทำเอง และทำเพื่อพระองค์
แต่ “อยู่ เป็น พระคริสต์” คือพระคริสต์มาทำให้เรา
คำว่า “อยู่เพื่อพระคริสต์” เราทุกคนก็อยู่เพื่อพระคริสต์ แต่เราอยู่เพื่อพระคริสต์ ให้พระคริสต์มาอยู่เพื่อเรา ทุกวันนี้คริสเตียนอยู่เพื่อพระคริสต์ คือให้พระคริสต์มาอยู่เพื่อเรา ไม่ใช่เราอยู่เพื่อพระคริสต์แล้วเราทำเอง
ใต้พระบัญญัติ คือเราทำเพื่อพระเจ้า ทำเพื่อพระคริสต์
ใต้พระคุณ คือพระคริสต์ทำเพื่อเรา ทำให้เรา เอเมน มันง่ายตรงนี้ ดีตรงนี้ครับ
ถาม:
ระหว่างที่เราจะอยู่เพื่อพระคริสต์ เราอยู่ในกระบวนการที่พระคริสต์อยู่ในเรา คือชีวิตที่เรามีอยู่ก็คือพระคริสต์ ระหว่างที่รอให้พระคริสต์ทำแทนเรา เราก็อยู่เพื่อพระคริสต์ไปด้วย
ตอบ:
เราอยู่ไปเรื่อยๆ จนเราเห็นปรากฏการณ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์เกิดผลออกมาจากเรา ต้องใช้เวลาครับ ไม่ใช่สองสามวันหรือสองสามเดือน ผู้ชนะบางคนใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีครับ เปาโลก็สิบปีถึงจะเป็นผู้ชนะ
เปาโลถูกเปิดตาก่อนเพื่อนที่ทะเลทราย จากนั้นเปาโลก็ยังสับสนอยู่ ยังไม่เข้าใจ แต่ต่อมาเปาโลเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง เราจำได้นะครับ ตอนที่เปาโลต่อสู้กับบาป
เปาโลเอามานาที่ซ่อนไว้มาแบ่งให้คริสตจักรแต่ละที่แต่ละเมือง จากนั้นเปาโลก็ยังอยู่ใต้พระบัญญัติ เค้าไม่เข้าใจ รับมานาแต่ยังไม่เข้าใจ เค้าพยายามเลิกทำบาปด้วยตัวเอง สุดท้ายเค้าบอกว่า “ไม่ใช่ข้าพระองค์สมควรที่จะเป็นคนที่ชนะบาปได้ ขอบพระคุณพระเจ้า ที่ในข้าพระองค์มีพระเยซูคริสต์ ซึ่งมีกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิต ที่สามารถเอาชนะบาป และเอาชนะความขี้เกียจหรือเกียจคร้านได้” แท้ที่จริงผู้ชนะก็คือพระเยซูนี่เอง ไม่ใช่เค้า เค้าก็เลยถูกเปิดตาครั้งที่สอง คือการรู้รู้
ในพระคัมภีร์มีสองรู้ รู้ที่หนึ่งคือรู้เฉยๆ รู้ธรรมดา หรือได้รู้แล้ว แต่รู้รู้ก็คือได้ประสบการณ์ หรือมีประสบการณ์ในสิ่งที่รู้นั้น
สรุป
อาณาจักรของพระเจ้า คือทุกที่ที่พระเจ้าครอบครอง ส่วนอาณาจักรสวรรค์มีแค่สองยุค คืออาณาจักรสวรรค์ในยุคนี้ ก็คือคริสตจักร และในยุคหน้า คือยุคพันปี หลังจากที่พระเยซูคริสต์ครอบครองโลกนี้เป็นเวลาพันปีจบสิ้นลง พระเยซูจะมอบอำนาจให้พระบิดา และร่วมกับพระบิดาครอบครองฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ หรืออาณาจักรของพระเจ้า พูดง่ายๆ ก็คือ อาณาจักรสวรรค์มีแค่สองยุค และหลังจากนั้นก็จบ ไม่มีอาณาจักรสวรรค์อีก
...
ถาม:
ยุคพันปี ถ้าเราได้เข้าไป ก็คือเป็นประชากรของพระองค์ใช่มั๊ยครับ
ตอบ:
ใช่ครับ
...
ถาม:
เราจะมีสิทธิ์เจอกับโมเสส หรือคนที่อยู่ในยุคพระเยซูมั๊ยครับ
ตอบ:
เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นครับ เราจะได้นั่งดื่มกับโมเสส แต่โมเสสจะถ่อมมากๆ และยังมีอับราฮัม เปาโล ดาเนียล โยชูวา เยเรมีย์ เอลียาห์ ฯลฯ แต่ไม่รู้ว่าอาดัมจะได้เข้าด้วยมั๊ย
ในยุคพันปี ชาวยิวที่รอดตายจะเป็นคนธรรมดา และจะมากราบเราที่เป็นผู้ชนะ
...
ถาม:
ถ้าเราไปถึงฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เรายังมีตำแหน่งเป็นผู้ครองเมืองหรือเปล่า
ตอบ:
ตำแหน่งจะแตกต่างกัน พระเยซูบอกว่า “จงปกครองห้าเมือง สิบเมือง สามสิบเมือง” และระดับสูงต่ำก็ไม่เท่ากัน บางคนจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่มากๆ ใกล้ชิดพระเยซู เป็นกษัตริย์รองจากพระเยซู บางคนจะเป็นแค่เจ้าบ้านเจ้าเมือง และบางคนก็แค่ได้เข้าไปเป็นประชากรของอาณาจักร
ในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ พวกเราก็จะเป็นรัฐบาลตลอดไปของพระเยซู จะเป็นตำแหน่งเดิมครับ แต่ก่อนที่จะเข้าไป เราต้องมาสุกงอมก่อน
ต้นไม้ที่อยู่กลางทะเลทรายที่ฝนไม่ตก และใต้พื้นดินก็ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยง ในที่สุดต้นไม้ต้นนี้ก็จะเหี่ยวแห้งและตาย แต่ถ้าเราย้ายต้นไม้ต้นนี้ไปอยู่ที่ริมแม่น้ำ ต้นไม้ต้นนี้ไม่ต้องโน้มตัวลงไปกินน้ำ แต่กินผ่านราก และต้นไม้ต้นนี้ก็ไม่ต้องบังคับตัวเองให้โต หรือดึงกิ่งก้านให้ออกมาให้โตให้ได้ หน้าที่ของมันคือกิน มันกินมากเท่าไหร่มันก็โตมากเท่านั้น กินมากเท่าไหร่ก็มีผลมากเท่านั้น และยิ่งกินมากๆ เท่าไหร่ผลก็ยิ่งโตมากๆ เท่านั้น เอเมน
เรามาดูเคล็ดลับใน ยน 15:5 หน้าที่คริสเตียนไม่ใช่พยายามทำดี พยายามเป็นคนดี หรือพยายามเชื่อฟังพระเจ้า แต่หน้าที่คริสเตียนคือกินพระเยซู พระเยซูบอกว่า “จงสนิทในเรา และเราสนิทในเจ้า และเจ้าจะเกิดผลมาก” ไม่ใช่เกิดผลเท่านั้น แต่เกิดผลมากด้วย
ขอให้เราสนิทในพระเยซู บอกรักพระเยซู และพุดคุยสนทนากับพระเยซู เรามักจะชอบลืมบ่อยๆ การตั้งนาฬิกาจะช่วยเราได้ พอถึงแปดโมงเช้าก็บอกรักพระเยซู จากนั้นเราก็ทำงานๆ แล้วก็ลืม แล้วพอเก้าโมงเช้าก็กลับมาใหม่ ทำใหม่ จากนั้นเราก็จะชิน และเมื่อความเคยชินเกิดขึ้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ช่วยเรา สุดท้ายเราก็จำได้ เราก็คุยกับพระเยซูเรื่อยๆ และได้กลายเป็นผู้ชนะ
สมมติว่าช่วงแปดโมงถึงเก้าโมงที่เราลืม ถ้าจะกลับมาใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องสารภาพ เพราะว่าเราไม่ได้ทำบาป การเผลอไม่ได้เรียกว่าทำบาป พระเจ้าไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องใหญ่ พระเจ้าเข้าใจเรา แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เราทำผิดฝ่ายเนื้อหนัง เราก็สารภาพบาป หรือถ้าเรารู้สึกว่าฟ้องผิดเราก็สารภาพ
เราเป็นต้นไม้ที่อยู่ใกล้แม่น้ำ คืออยู่ในพระเยซู สนิท บอกรัก และพูดคุยสนทนากับพระเยซู เราไม่ได้ฝึกอะไรยาก แต่เราฝึกสิ่งเดียว ก็คือฝึกสนิทและบอกรัก พระเยซูพูดเองว่า “จงสนิทในเรา และเราสนิทในท่าน แล้วท่านก็จะเกิดผลมาก” แค่นี้ครับ ไม่ต้องทำอะไรให้มันยาก
บางคนบอกว่า เรามีสูตรใหม่ มีเจ็ดข้อ เอาไปปฏิบัติ เราก็เอาไปปฏิบัติ แต่ไม่ได้ผล ปีหน้าก็มาสัมมนาใหม่ ฟื้นฟูใหม่ สุดท้ายเราก็กลับมามือเปล่า เพราะใช้อะไรไม่ได้ ชีวิตก็ไม่สุกงอม และไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะเค้าใช้วิธีเน้นพยายามทำดี ขอพระเจ้าช่วย แต่ก็พยายามๆ อยู่ แต่สำหรับพวกเรา เราขอพระเจ้าช่วย และเราไม่ต้องพยายาม คือให้พระเจ้าทำทั้งหมด ตั้งแต่ข้างในจนถึงนอก ตั้งแต่ข้างล่างจนถึงข้างบน พระเจ้าทำทั้งหมด
“ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ข้าพเจ้าตายแล้ว แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า” เราทำอะไรก็ตาม เราพูดอยู่ มองอยู่ และทำทุกสิ่ง เราเชื่อว่าพระเยซูกำลังทำกับเรา ร่วมกับเราในเรา
สรุป
เราใช้ชีวิตที่สนิทกับพระเยซู แล้วเราจะเกิดผลมาก และการเชื่อฟังก็จะมาเอง
อาณาจักรสวรรค์มีสองที่เท่านั้น คือในยุคนี้หรือยุคพระคุณ อาณาจักรสวรรค์คือคริสตจักร และในยุคพันปี หลังจากนั้นพระเยซูจะมอบอำนาจให้พระบิดา กลายเป็นอาณาจักรของพระเจ้า และอาณาจักรสวรรค์ก็จบ
เรื่องการเป็นผู้ชนะ คือเราเป็นต้นไม้ที่อยู่ริมน้ำ เราดื่มน้ำกินน้ำไปตลอด
ยอห์นบทที่ 6 พระเยซูบอกว่า “ถ้าเจ้ากินเรา เจ้าก็จะมีชีวิตอยู่โดยเรา” คือเราจะมีชีวิตอยู่โดยพระเยซู ไม่ใช่โดยเราครับ
1. เวลาที่เราหายใจ เราหายใจรับพระวิญญาณ คำว่า “วิญญาณ” หรือ “พระวิญญาณ” คือ “พนูม่า” คำนี้แปลได้สองคำ คือ “วิญญาณ” และ “ลมหายใจ” เมื่อพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระเยซูเข้ามาในห้อง และสาวกกำลังนั่งอยู่ พระเยซูก็ระบายพระวิญญาณ และบอกสาวกว่า “ท่านทั้งหลายจงรับพระวิญญาณเถิด” (ยน 20:22) ทุกครั้งที่เรากำลังหายใจเข้าออก เราเชื่อว่าเรากำลังรับพระวิญญาณ เราก็ได้รับพระวิญญาณจริงๆ แต่ถ้าเราหายใจเข้าออก และไม่คิดอะไรไม่เชื่ออะไร ลมหายใจก็จะเป็นแค่ลมหายใจ เราเอาไปฝึกนะครับ ฝึกหายใจ แล้วก็บอกว่า “เอเมน ขอบพระคุณพระเยซู” เราจะเห็นความแตกต่างครับ
...
2. ทุกครั้งที่เราอ่านพระคัมภีร์ อย่าอ่านเพื่อเรียนเพื่อรู้เท่านั้น แต่อ่านเพื่อกินเพื่อให้โต ทุกครั้งที่เปิดพระคัมภีร์อ่าน ภายในใจเราเชื่อว่าเรากำลังกินพระเยซูอยู่ กินพระคริสต์ในลักษณะของอาหารที่ผ่านพระคำ เอเมน เราลองทำดูนะครับ แล้วเราจะเห็นว่าเราเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เต็มล้นด้วยพลังของพระเจ้า เต็มล้นด้วยสันติสุข เต็มล้นด้วยพระพร และเต็มล้นด้วยทุกอย่างที่อยู่ภายในของเรา
...
3. เวลาเราอธิษฐาน ส่วนมากเวลาเราอธิษฐานเราก็พูดๆๆ จากนั้นเมื่อพูดจบเราก็ไป และไม่สนใจอะไรอีก แต่การอธิษฐานที่แท้จริง ทันทีที่เราอธิษฐาน เราเชื่อว่าเรากำลังเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ แปลให้ถูกคือการเต็มล้นด้วยชีวิตของพระคริสต์ การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณ ขอให้เราอธิษฐานๆๆ และเชื่อว่ากำลังรับพระวิญญาณเข้ามา
นี่คือการกินพระเยซูสามแบบ คือ (1.) อ่าน (2.) อธิษฐาน (3.) หายใจเข้าาออก
คำว่า อธิษฐาน ในพระคัมภีร์ใหม่ ภาษากรีกเล็งถึงการพูดคุยสนทนา คำว่าอธิษฐานในพระคัมภีร์เดิม คือคนๆ หนึ่งพูดๆๆ ไปเรื่อยๆ พระเจ้าก็รับฟังๆๆ ไปเรื่อย หลังจากนั้นเราก็ลุกขึ้นแล้วก็ไป
คำว่า อธิษฐาน ในพระคัมภีร์ใหม่ หรือ Pray เล็งถึงการพูดคุยสนทนา เราเชื่อว่าพระเยซูกำลังฟังเราอยู่ เราเชื่อว่าพระเยซูจะพูดคุยกับเราต่อ
เมื่อเราอธิษฐานอย่าพึ่งลุกไปไหน เรานั่งอยู่ที่นั่นรอซักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นถ้าไม่เห็นพระเยซูตอบ พูด ตรัสในใจ หรือเปิดพระคัมภีร์อ่าน และไม่แน่ใจว่าพระเยซูตรัสกับเราผ่านพระคัมภีร์ เราก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมา แต่ก็รอฟังอยู่ นี่คือความหมายของการอธิษฐานในพระคัมภีร์ใหม่ที่แท้จริงครับ