ลก 14:26 “ถ้าผู้ใดมาหาเรา และไม่ชังบิดามารดา บุตรภรรยา และพี่น้องชายหญิง แม้ทั้งชีวิตของตนเองด้วย ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้
14:27 ผู้ใดมิได้แบกกางเขนของตนตามเรามา ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้
14:28 ด้วยว่าในพวกท่านมีผู้ใดเมื่อปรารถนาจะสร้างป้อม จะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่า จะมีพอสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่
14:29 เกรงว่าเมื่อลงรากแล้ว และกระทำให้สำเร็จไม่ได้ คนทั้งปวงที่เห็นจะเริ่มเยาะเย้ยเขา
14:30 ว่า ‘คนนี้ตั้งต้นก่อ แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้’
14:33 ก็เช่นนั้นแหละ ผู้ใดในพวกท่านที่มิได้สละสิ่งสารพัดที่ตนมีอยู่ จะเป็นสาวกของเราไม่ได้
14:34 เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าแม้นว่าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้
14:35 จะใช้เป็นปุ๋ยใส่ดินก็ไม่ได้ จะหมักไว้กับกองขยะทำปุ๋ยก็ไม่ได้ แต่เขาก็ทิ้งเสียเท่านั้น ใครมีหู จงฟังเถิด”
...
อธิบาย...
** คำว่า "เกลียดชังพ่อแม่" ในที่นี้ ไม่ใช่เรารักพ่อแม่น้อยกว่าพระเจ้า หรือเกลียดชังพ่อแม่...
- การที่เราเชื่อ (เข้าใน) พระเยซูเราก็ได้รับความรอดอย่างแน่นอน
แต่การติดตามพระเยซูในแต่ละวัน เพื่อรับบำเหน็จ คือมงกุฏแห่งอาณาจักร ถ้าหากเราไม่พิจารณาตรึกตรอง วางแผนเหมือนช่างก่อบ้าน คือการพร้อมที่จะละทิ้งเส้นทางชีวิตเก่า วิถีชีวิตเก่า ตายต่อตัวเก่า (โรม 6:11; 1 คร 15:31) และตายต่อความห่วงใยต่อพ่อแม่ลูกภรรยาสามี ก็เป็นสาวกที่แท้จริงของพระเยซูไม่ได้
พระเจ้าจะจัดการกับทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างเรา เราไม่ต้องห่วง หน้าที่ของเราก็คือติดตามพระเยซูไป เรายังรักพ่อแม่ลูกภรรยาสามีเท่าเดิม และนี่คือความหมายที่แท้จริงของคำว่า "เกลียดชัง" ถ้าจะว่าแล้วคำว่า "เกลียดชัง" ในที่นี้ คือการปฏิเสธ หรือละทิ้งชีวิตเก่า และทุกสิ่งที่เป็นของโลกของอาดัมนั่นเอง (กท 6:14)
"อับอายขายหน้า ถูกเยาะเย้ย" คือชาวโลกที่รอดตายในอาณาจักรพันปีจะเยาะเย้ยเราที่ไม่ละทิ้งชีวิตเก่าเพราะว่าเราไม่มีคุณสมบัติ และนิสัยของพระเยซู (มธ 5:13-14)
"ใครมีหู" พระเยซูเน้นถึงการพึ่งพาการเปิดเผยของพระวิญญาณเพื่อให้เราได้ยินความจริงของพระคำพระเจ้า