ศูนย์กลางแห่งข่าวประเสริฐของพระเจ้าคืออะไรและมีอะไรบ้าง
- 1 การเสด็จลงมาเป็นมนุษย์ของพระเยซู
- 2 การสิ้นพระชนม์
- 3 การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์
การอัศจรรย์ต่างๆ ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า และไม่ได้เป็นศูนย์กลางของการประกาศของพระเยซูและสาวกทั้งหลาย แต่สิ่งนี้พระเจ้าให้เกิดขึ้นเพื่อเป็นสิ่งยืนยันว่าการประกาศข่าวประเสริฐนั้นมาจากพระเจ้า
สำหรับเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐที่ครบถ้วน หรือพูดถึง 3 เรื่อง ที่เป็นหลัก หรือเป็นศูนย์กลางของข่าวประเสริฐของพระเจ้าที่สำคัญเราขาดไม่ได้ก็คือ เรื่องการที่พระเจ้าเสด็จลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้ชายคนหนึ่งชื่อเยซู และพระองค์ทำพระราชกิจของพระองค์ในโลกนี้ หลังจากนั้นก็พูดถึงเรื่องการสิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อตายไถ่บาปคนทั้งโลก และสิ่งสุดท้ายก็คือการฟื้นขึ้นมาจากความตาย การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์หลังจาก 3 วันต่อมา
แต่การประกาศที่ครบถ้วน คือก็ต่อเมื่อมีคนที่สนใจจะฟังเปิดใจยอมฟัง ไม่ใช่ว่าเราไปเจอใครแล้วก็พูดๆๆ ไป โดยที่ไม่ได้สังเกตโดยที่ไม่ได้มองว่าเขาสนใจเขาใส่ใจเขาเปิดใจฟังหรือเปล่า
เพราะฉะนั้นการประกาศข่าวประเสริฐที่ครบถ้วน ก็คือบางครั้งอาจจะพูดวันนี้ถึงเรื่องนึง แล้วพรุ่งนี้อาจจะพูดต่อ หรือมะรืนนี้อาจจะพูดต่ออีก แต่สิ่งที่สำคัญคือข่าวประเสริฐที่ครบถ้วนก็คือมี 3 เรื่องเท่านั้น
ส่วนเรื่องการอัศจรรย์ เรื่องพระพร เรื่องอะไรต่างๆ เป็นแค่ส่วนประกอบ เป็นแค่ส่วนประกอบ โดยเฉพาะเรื่องฤทธิ์เดชฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า การรักษาโรค การไล่ผี อันนี้เราจะไม่ค่อยพูดถึงเราไม่ควรจะพูดถึง เพราะว่ามีผู้นำผู้รับใช้ทุกวันนี้ที่ใช้วิธีนี้ ก็คือไปบอกคนเลยนะว่าหมู่บ้านไหนมีผีเข้ามีผีสิงเยอะเราจะไปทำลายไปไล่ผีออก แล้วก็ชวนกันไป หรือชวนกันไปที่โรงพยาบาล หรือบ้านคนที่เจ็บไข้คนที่ป่วย แล้วก็ไป ก็คือตั้งเป็นศูนย์กลางเป็นหลักของงานการประกาศข่าวประเสริฐ อันนั้นคือการกระทำที่ผิดนะ ก็คือไม้ฟางหญ้าแห้ง
สำหรับเราที่ก่อขึ้นด้วยทองคำเงินและเพชรพลอย เราทำทุกสิ่งตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และตามหลักการในยุคใหม่ที่พระเยซูและเปาโลพูดโดยพระวิญญาณ เรานำสิ่งนี้มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต รับใช้ และนมัสการพระเจ้า เอเมน
ส่วนเรื่องผ้าเช็ดตัวก็ดี ผ้าเช็ดหน้าก็ดี หรือเครื่องใช้ของผู้นำผู้รับใช้ก็ดี อันนี้เราจะเห็นว่าคาทอลิก เราดูที่คาทอลิกเป็นตัวอย่าง เขาจะใช้ไม้กางเขน แล้วก็ใช้ผ้าห่อศพของพระเยซู เขาบอกว่าเขายังมีอยู่ แล้วก็อีกหลายสิ่งที่สันตะปาปา หรือหลวงพ่อ บาทหลวง หรือผู้นำที่สำคัญ เขาเรียกว่าเป็นนักบุญ แล้วเขาจะใช้สิ่งเหล่านั้นเครื่องใช้ของสอยของพวกเขานำมาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้คนได้แตะ หรือเอามาเช็ดหน้า หรือทำอะไรก็แล้วแต่เพื่อจะหายโรค เพื่อจะรับการอวยพร
ซึ่งวันนี้เรากระจ่างแล้ว ความเป็นจริงคือมันเป็นแบบนี้ เพื่อข่าวประเสริฐแพร่ขยายในสมัยแรก ขอให้ฟังให้จบนะ ในสมัยแรกๆ พระวิญญาณทำงานหนักมาก ถึงแม้ว่าผู้เชื่อจะทำแบบถูกบ้างผิดบ้าง พระเจ้าไม่สนใจ คือเป้าหมายของพระเจ้าในตอนนั้นเดี๋ยวนั้นก็คือ ต้องการที่จะให้เปโตรเปาโลประกาศข่าวประเสริฐกับชาวยิวและคนต่างชาติให้มากที่สุด
เพื่อข่าวประเสริฐจะแพร่ขยายไปอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะมีคนที่ทำผิดบ้างถูกบ้างไม่เป็นไร พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำ พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง แต่ไม่ได้หมายความว่าเสื้อผ้า เครื่องใช้ ไม้เท้า รองเท้า หรืออะไรก็แล้วแต่ของผู้รับใช้ของผู้นำสาวกจะมีฤทธิ์เดชมีฤทธิ์อำนาจ ไม่มี มันไม่มี
ซึ่งทุกวันนี้ผู้นำคริสเตียนมากมายหลายคริสตจักรก็ยังเชื่อแบบนั้นใช่ไหม เอาสิ่งของที่เป็นของผู้นำมาหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม้กางเขนด้วย เอาไปไล่ผี หรือพระคัมภีร์ แม้แต่พระคัมภีร์เองเขาก็ยังใช้หิ้วไปด้วยเพื่อไปไล่ผี เพื่อไปรักษาโรค อันนี้เป็นสิ่งที่ผิดนะ พระคำพระเจ้านะไม่ได้อยู่ที่พระคัมภีร์หนังสือเป็นเล่มๆ ไม่ใช่ พระคำพระเจ้า “logos โลโกส” อยู่ที่ริมฝีปากของเรา อยู่ที่พระวจนะของพระเจ้าที่พูดออกไป
เพราะฉะนั้นเราอย่ามองว่าพระคัมภีร์ เอาไปวางที่หัวที่นอน หรือเอาเข้ามาไว้ในบ้านเพื่อกันผี มันไม่ได้กันผี แต่พระคำพระเจ้าที่ออกมาจากปากของเราโดยทางความเชื่อ นี่คือฤทธิ์เดช พระคำเป็นความจริง เป็นชีวิต และเป็นฤทธิ์เดชได้ เอเมน
แล้วทุกวันนี้ถ้าหากเราจะนำวิธีของสาวกหรือผู้เชื่อในสมัยแรกมาใช้ มันใช้ไม่ได้แล้ว ข่าวประเสริฐแพร่ขยายไปทั่วโลกแล้ว
ซึ่งทุกวันนี้ความจริงการกระทำที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่พระเจ้าชอบพระทัยและพอพระทัย
เพราะฉะนั้นเราก่อชีวิตของเรา เราดำเนินชีวิต รับใช้ นมัสการพระเจ้า ต้องก่อให้เป็น ก่อขึ้นให้พระเยซูเป็นศูนย์กลาง ก็คือสนิทในพระเยซู อะไรก็พระเยซูพระเยซู พูดถึงพระเยซู รักพระเยซู สนิทในพระเยซูเท่านั้น และทำทุกสิ่งด้วยตัวใหม่ นี่คือการกระทำการก่อขึ้นของชีวิตที่ก่อขึ้นด้วยทองคำเงินและเพชรพลอย
และมาถึงเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่มีอยู่ในข้อเดียวก็คือข้อที่ 21 หลังจากสิ่งเหล่านี้จบลงแล้ว เปาโลได้ตั้งใจในวิญญาณ ในวิญญาณ ซึ่งภาษาไทยแปลว่า ในจิตวิญญาณ อันนี้แปลผิด หรือพี่น้องชาวไทยเราจะเข้าใจว่า จิตวิญญาณ ก็คือวิญญาณ ก็แล้วแต่ แต่ในที่นี้ก็คือความหมายก็คือ “ในวิญญาณ” มันคืออะไร ตั้งใจในวิญญาณ
การตั้งใจในวิญญาณ ก็คือ ทุกวันนี้อาดัมตกต่ำแล้ว อาดัมจึงมีจิตที่เป็นศูนย์กลางของชีวิต หรือเป็นนายของชีวิต สมัยแรกๆ ที่พระเจ้าสร้างอาดัมและเอวา ตอนที่ยังไม่ได้ตกต่ำเนี่ย ก็คือวิญญาณของเขาเป็นศูนย์กลางเป็นนายของชีวิตและเป็นผู้ที่ติดต่อเชื่อมต่อกับพระเจ้า แต่เมื่อวิญญาณตาย เมื่ออาดัมไม่เชื่อฟังพระเจ้า วิญญาณก็ตาย วิญญาณก็พิการ วิญญาณก็ทำอะไรไม่ได้ มันก็เป็นอยู่ ก็อยู่ตรงนั้น แต่มันไม่ได้เป็นนาย มันสั่งให้จิตสั่งให้ร่างกายทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
เพราะฉะนั้นจิตจึงตั้งตัวเป็นนายเป็นศูนย์กลางของชีวิต ทุกวันนี้นะเราจะทำอะไร เราจะไปไหน เราจะกินอะไร จิตจะเป็นคนสั่ง จิตจะเป็นคนมองที่ตา จิตจะเป็นคนบอกให้ไปกินข้าว จิตจะเป็นคนบอกให้ลุกขึ้นไป ทำนู่นนี่นั่น คือจิตเป็นนายของเรา
แต่ขอบคุณพระเจ้า เมื่อพระเจ้าเสด็จมาในสภาพของมนุษย์ และพระองค์ประกาศข่าวประเสริฐ และพระองค์นำมนุษย์กลับคืนดีกับพระเจ้า ได้มาเกิดใหม่ ขอบคุณพระเจ้า วิญญาณฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง วิญญาณพร้อมที่จะเป็นนาย วิญญาณพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางของชีวิต แต่มีพระคริสต์เป็นเจ้านาย มีพระคริสต์เป็นผู้ครอบครอง มีพระคริสต์เป็นคนสั่งวิญญาณของเรา
เพราะฉะนั้นทุกวันนี้พระเจ้าต้องการที่จะยึดอำนาจจากการเป็นนายการเป็นศูนย์กลางของของชีวิตจากจิต มาสู่วิญญาณ โดยที่มีพระเยซูเป็นนาย เป็นผู้กำกับ เป็นผู้บังคับบัญชา เป็นผู้นำชีวิตของเรา
นี่คือที่มาของกาลาเทียบทที่ 2:20 ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า เพราะว่าวิญญาณของข้าพเจ้าตอนนี้ถูกบังคับบัญชา อยู่ภายใต้การเป็นทาส อยู่ภายใต้การนำพาของพระวิญญาณของพระเยซูคริสต์แล้ว จิตของข้าพเจ้าไม่มีอำนาจอีกต่อไป นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการและสิ่งที่พระเจ้าได้กระทำแล้วในพระคริสต์ เอเมน
ทุกวันนี้พระเจ้าต้องการเอาชนะจิตเรา การแพร่ขยายของวิญญาณของเราจากพระวิญญาณโดยพระวิญญาณ พระองค์แพร่ขยายจากวิญญาณไปสู่จิตของเราทีละห้องทีละห้อง
แล้วทุกวันนี้ขอบคุณพระเจ้าเมื่อเราเลิกทำบาปได้มากเท่าไหร่ เมื่อเราอาศัยสติปัญญาของพระเยซูได้มากเท่าไหร่ เมื่อเราดำเนินชีวิตในพระคริสต์โดยพระคริสต์ครอบครองได้มากเท่าไหร่ ก็คือการแพร่ขยายอำนาจของพระเจ้า จากพระวิญญาณมาสู่จิตได้มากน้อยเท่าไหร่แล้ว
เพราะฉะนั้นใครที่ต้องการให้พระวิญญาณครอบครองจิตของเราได้อย่างครบถ้วน พูดแบบนี้ทุกวัน..
“ขอบคุณพระเยซู พระองค์ครอบครองจิตของข้าพระองค์แล้วโดยทางความเชื่อ ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์ครอบครองจิตของข้าพระองค์แล้ว”
และเน้นที่การสนิทในพระเยซู บอกรักพระเยซูต่อไป ถามว่าทำไม ความเป็นจริง ความเป็นจริงก็คือในพระคริสต์ ในพระคริสต์ก็คือทุกสิ่งสำเร็จแล้ว ในพระคริสต์เราเป็นคนใหม่แล้ว เอเมน ในพระคริสต์จิตของเราถูกครอบครองโดยพระคริสต์อย่างครบถ้วนแล้ว เอเมน
เรายังไม่เห็นสิ่งเหล่านี้นะ แต่โดยความเชื่อ โดยความเชื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานให้เราเห็นประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์ที่เป็นผู้ชนะแล้ว
มาถึงจุดนี้พี่น้องมีคำถามไหม? เราจำกันได้ไหมว่า จิตของเราถูกครอบครองโดยพระคริสต์แล้วโดยทางความเชื่อ อยู่ในพระคัมภีร์ข้อไหน “เอเฟซัส 3:17 เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจ (ในจิต) ของท่านโดยความเชื่อ เนื่องด้วยว่าท่านมีราก มีพื้นฐานที่ทรงวางไว้อย่างมั่นคงในความรักแล้ว”
เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตอยู่ในจิตของท่านโดยทางความเชื่อ เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตอยู่ในใจของท่านโดยทางความเชื่อ ขอบคุณพระเจ้า พระองค์ไม่ได้สถิตในเราโดยการขอ ด้วยการพยายามทำดี เลิกทำบาปให้ได้ แต่โดยทางความเชื่อ
เพราะฉะนั้นเราเชื่อทุกวัน เราเชื่อตลอดเวลาว่า
“ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์สถิตอยู่ในใจของข้าพระองค์ ขอบคุณพระองค์ที่พระองค์ครอบครองในจิตของข้าพระองค์แล้ว”
สำหรับภาษากรีกจะมีคำพูดในลักษณะแบบนี้ Christ dwells in my heart by faith / Christ dwells in our heart by faith ก็คือมีบางฉบับแปลว่า พระคริสต์สร้างบ้านอยู่ในจิตใจของข้าพระองค์ อยู่ในใจของเรา สร้างบ้านหรือสถิตอยู่ใน ก็คือมีความหมายเดียวกัน
ขอบคุณพระเยซู ที่ทุกวันนี้พระองค์ครอบครองอยู่ในวิญญาณของเราแล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และขอบคุณพระองค์สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา ก็คือเกิดขึ้นแล้วเหมือนกัน ก็คือขอบคุณพระเจ้าที่ทุกวันนี้พระคริสต์ได้ครอบครองได้สร้างบ้านอยู่ในใจของเราแล้ว เอเมนพระเยซู
เรามีความเชื่อในความจริงของพระเจ้านี้ที่บันทึกไว้แล้ว เราจะมีประสบการณ์ในการครอบครองของพระคริสต์ เราอยากทำบาปก็ทำไม่ได้ เราอยากทำอะไรก็ทำไม่ได้ เนื่องจากว่าจิตของเราจะอ่อนแอ ตัวบาปจะไม่มีที่อาศัย หรือบังคับเราให้ไปทำบาป แต่เราจะขยันในการทำดี เราจะมีพลังในการเชื่อฟังพระเจ้า เอเมน
ถาม.
เอเมน ผลของความเชื่อนี้ก็คือเราเชื่อทุกวันว่า พระเยซูสถิตอยู่ในใจเราแล้ว ก็คือ 1. เราจะมั่นใจได้ว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในเราตลอดเวลา แล้วก็ 2. ก็คือจะเกิดผล ก็คือเลิกทำบาปได้ใช่ไหมครับ
ตอบ.
คือการเชื่ออย่างตายใจนะครับ ในพระคำพระเจ้าที่เขียนเอาไว้ ทุกสิ่งมันสำเร็จแล้วในพระคริสต์ ในพระเยซู ฝ่ายพระเยซูทุกสิ่งสำเร็จแล้ว แล้วพระเจ้านำชีวิตของเราตอนนี้เข้าไปอยู่ในพระคริสต์แล้ว เข้าไปอยู่แล้วนะครับ 1 โครินธ์ 1:30 เพราะพระเจ้าเป็นคนกระทำท่านทั้งหลายจึงได้อยู่ในพระคริสต์แล้ว เอเมนขอบคุณพระเจ้าเราไม่ต้องทำอะไร คริสเตียนทุกวันนี้พยายามที่จะเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ เขาบอกว่าต้องเลิกทำบาปจึงจะเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ได้ ต้องอธิษฐานเป็นประจำ อ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ จึงจะเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ได้ ไม่นะครับ
การเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ ไม่ใช่เราเป็นคนกระทำ แต่การเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ ในพระคัมภีร์ 1 โครินธ์ 1:30 บอกว่าพระเจ้าเป็นคนกระทำ ท่านจึงได้อยู่ในพระคริสต์แล้ว เอเมน
และการอยู่ในพระคริสต์แล้ว ก็คือเข้าไปมีประสบการณ์ในชีวิตที่สำเร็จแล้วของพระเยซู พระองค์ครอบครองชีวิตของเราฝ่ายวิญญาณแล้วในวิญญาณแล้ว และพระองค์ก็ครอบครองชีวิตของเราใน (จิต) ใจของเราเรียบร้อยแล้ว
เพราะฉะนั้นเราต้องเชื่ออย่างตายใจ และเราต้องนับ ต้องเชื่อทุกวัน
“ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ครอบครองเเล้ว ขอบคุณพระเยซูที่ครอบครอง (จิต) ใจของข้าพระองค์แล้ว ขอบคุณพระเยซูครอบครอง (จิต) ใจแล้ว”
2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง ทั้งวันเราเชื่อจนเข้าใจ จนรู้ซึ้ง จนสัมผัสได้ถึงความเชื่อของเรา จากนั้นไม่นานพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทำงานให้เราเห็นประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์
ถาม.
ช่วงที่ฝึกใหม่ๆ คือเชื่อว่าพระเยซูทรงสถิตอยู่ในใจเราเนี่ย คือช่วงฝึกใหม่ๆ นี้ เราจะมองเราจะตั้งคำถามว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย คือจะมีผลยังไงบ้างเราก็มองดูๆ ช่วงแรกก็ไม่เห็นครับ
แต่ว่าเชื่อไปนานๆ ก็รู้สึกว่ามั่นใจว่า คือไม่ลืมแล้วว่าพระองค์ทรงสถิตอยู่ในเรา แล้วก็ไม่ออกไปไหน ไม่ออกจากเรา แล้วก็ทรงครอบครองจิตใจเราแล้วครับ ก็คือช่วงแรกก็จะมีคำถามอย่างนี้แหละ คือไม่เห็นผลเลย เมื่อไหร่จะมีอะไรอย่างเนี้ย เอเมน
ตอบ.
สำหรับคำถามหรือปัญหานี้นะครับ ทุกคนมี ผมเองก็ยังเคยเป็น
ก็คือพอเราอธิษฐานเราบอกว่า ข้าพระองค์เชื่อในความจริงของพระเจ้า แล้วก็ยังแปลกใจ มองดูว่า เอ้า ทำไมไม่เห็น ทำไมไม่มีปรากฏการณ์อะไรเกิดขึ้น
แต่ความเชื่อนะครับ คือการยอมรับในสิ่งที่ตาไม่เห็นว่า มีจริง เกิดขึ้นจริง ได้รับแล้วจริงๆ นี่คือคำตอบ ฮีบรู 11:1 ความเชื่อ คือการยอมรับในสิ่งที่ตามองไม่เห็น หรือยังไม่มีประสบการณ์ ว่ามันเกิดขึ้นจริงมีจริงได้รับแล้ว ขอบคุณพระเจ้า
เพราะฉะนั้น ผมยังจำได้หลายปีก่อนที่เคยประกาศกับน้องสาว ก็คือน้องสาวแท้ๆ นะครับที่อยู่เยอรมัน บอกว่าต้องฝึกเชื่อ ทุกสิ่งเราได้รับแล้ว พระพรฝ่ายวิญญาณ การรักษา การช่วยเหลือ ชีวิตในพระคริสต์
เขาก็บอกว่าฝึกแล้วแต่ทำไมไม่เห็น..
ผมก็เลยบอกไปว่า.. อย่าไปมอง แต่เชื่อ การมอง ก็คือการใช้สายตา อารมณ์ ความรู้สึก แต่ความเชื่อเนี่ยไม่เกี่ยวกับการมอง ก็คืออย่าไปมอง ไม่ต้องมองมันว่าทำไมไม่เห็น เมื่อไหร่จะเห็น ไม่มอง เราตายใจกับความจริงของพระเจ้านะครับ เราเชื่ออย่างตายใจ
เอเมนขอบคุณพระเจ้า นี่คือความจริง เอเมน
ข้าพระองค์ถูกครอบครองโดยพระคริสต์แล้ว เอเมนขอบคุณพระเยซูข้าพระองค์มีสันติสุข
ทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นนะครับ
ขอบคุณพระเยซูสำหรับความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในชีวิตของข้าพระองค์ เอเมน เอเมน เชื่อเลย เชื่ออย่างตายใจ
สุดท้ายพระวิญญาณบริสุทธิ์เห็นความเชื่อของเราถึงเท่ากับเมล็ดผักกาด ไม่นานนะครับ ประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์ การอัศจรรย์มากมาย พระพรฝ่ายวิญญาณ ก็จะเกิดขึ้นและมีมาให้เราได้สัมผัส เอเมน
ถาม.
เอเมน ก็คือจะเห็นว่าผู้ประกาศนี้สำคัญมากเลยครับ เพราะว่าเราเมื่อเราอ่านเห็นช่วงแรกๆ ตอนที่เรายังมาไม่ถึง เราฝึกเราก็เห็นว่า มาไม่ถึงไม่เห็นความจริง แล้วก็บวกกับปัญหาที่เราได้เจอก็มีคำถามมากมายว่ามันอาจจะไม่เป็นความจริง
แต่ว่าด้วยผู้มีของประทานในการประกาศทำให้เราเข้มแข็ง แล้วก็ฝึกต่อเดินทางจนถึงปลายทางจนถึงเห็นความจริงของพระเจ้า ฉะนั้นเราที่ได้รับการถูกเปิดตา แล้วก็เราจะช่วยพี่น้องเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลย ขอบคุณพระเมตตาพระองค์ครับ เอเมน
ตอบ.
แล้วก็สรุปนะครับ ก็คือการตั้งใจในวิญญาณ ก็คือพระวิญญาณครอบครองวิญญาณของเราแล้วตอนนี้
เพราะฉะนั้นเรายอมจำนำ ให้พระเจ้าเป็นผู้ครอบครองจิตของเรา เพียงแต่แค่เราบอกว่า..
“ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ครอบครอง (จิต) ใจของข้าพระองค์ได้แล้วทั้งหมด ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์สถิตอยู่ในจิตของข้าพระองค์ ในใจของข้าพระองค์ ขอบคุณที่สร้างบ้านแล้วอยู่ในจิตของข้าพระองค์ เอเมน”
เพียงแต่เราเชื่อเท่านั้นทุกวัน ไม่นานเราจะเห็นการครอบครองของพระเยซู แล้วพระองค์จะหักห้าม ต่อต้าน ทำลายกำลังของเราที่อยากจะทำบาป เพียงแค่เราเชื่อสิ่งนี้
อย่าลืมนะครับว่าคริสเตียนไม่ได้ทำอะไรมากมาย ใช่ไหม การดำเนินชีวิตคริสเตียนมันง่ายมากในยุคพระคุณ เพราะว่าเป็นโดยพระคุณของพระเจ้า พระเจ้าสงสารเราก็เลยตั้งหลักการดำเนินชีวิตคริสเตียนในยุคพระคุณนี้ ก็คือดำเนินชีวิตตั้งแต่เริ่มแรกจนจบจนสุดท้าย ก็คือโดยความเชื่อ เริ่มแรกก็โดยความเชื่อ จบลงก็โดยความเชื่อ เอเมนพระเยซู โรม 1:17
ถาม.
เอเมนขอแบ่งปันค่ะ ชอบคลิปที่อยู่ใน YouTube ที่อาจารย์...บอกว่า เราอยู่ที่ไหน Where are you now (https://youtu.be/NmFjEjMHcWE) ก็คือเราอยู่ในพระคริสต์ พระคริสต์อยู่ในเรา อันนี้ฟังทุกวันจนชินจนติดเลย ถ้าไม่ได้ฟังไม่ได้ อันนี้ขอบคุณอาจารย์มากเลยค่ะ โอเคค่ะ เอเมน
ตอบ.
เอเมนขอบคุณพระเยซู นี่คือที่มาของชีวิตคริสเตียนนะครับ เราอยู่ในพระคริสต์ตลอดเวลา เพราะว่าชีวิตตอนนี้อยู่ในพระคริสต์แล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ออกจากอุโมงค์ ออกจากผ่านกางเขนของพระเยซู มีแต่สิ่งเดียวเท่านั้นก็คือพระคริสต์
ขอบคุณพระเจ้า จักรวาลนี้สิ่งที่พระเจ้าชอบพระทัยที่สุดก็คือ ชีวิตที่เป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซู ก็คือชีวิตพระคริสต์ พระคริสต์เยซูนะครับ ไม่ใช่พระคริสต์พระเยซูคริสต์ พระคริสต์ที่เป็นเนื้อหนังพระคริสต์ที่เป็นมนุษย์คือจบลงแล้วที่กางเขนและอุโมงค์
เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ ชีวิตพระคริสต์ก็คือพระคริสต์เยซู พระคริสต์ที่เป็นพระวิญญาณ และทุกวันนี้พระวิญญาณนับเราทุกคนเข้าไปอยู่ในพระองค์ และเราตอนนี้อยู่ในพระคริสต์
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้าที่น้องสาวเน้น ก็คือ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน เป็นคำถามที่เราต้องถามทุกวันทุกเวลา เราตอนนี้อยู่ที่ไหน เราจะไปตลาด เราไม่ได้อยู่ที่ตลาดนะครับ เราอยู่ในพระคริสต์ เราจะกินข้าวนะครับไม่ได้อยู่ที่ร้านอาหาร แต่เราอยู่ในพระคริสต์ เราจะทำอะไรไปไหนอยู่ประเทศไหนก็ตาม จะทำอะไร เราอยู่ในพระคริสต์
การเชื่อแบบนี้เราจะเห็นว่าประสบการณ์โลกอีกใบหนึ่ง คือโลกของพระคริสต์จะครอบคลุมเรา และเราจะเข้าสู่ประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์อย่างเต็มล้น เอเมน
คำนี้ไม่ใช่คำใหม่นะครับ สำหรับความตั้งใจในวิญญาณ สำหรับเปาโลนะครับเป็นตัวอย่างที่ดีในการที่เราจะนำมาดำเนินชีวิตเหมือนท่าน ก็คือเดินในพระวิญญาณ ดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ อธิษฐานในพระวิญญาณในวิญญาณ นมัสการในวิญญาณ ทำทุกสิ่งในวิญญาณ
เห็นไหมครับ in the spirit / walk in the spirit เป็นสิ่งที่สำคัญมากก็คือ walk in Christ นั่นแหละ ก็คือดำเนินชีวิตในพระคริสต์นั่นเอง ตั้งใจในพระคริสต์ ความหมายที่แท้จริง
เพราะฉะนั้นทุกวันนี้คริสเตียนเรา อยู่ในพระคริสต์และเดินในพระคริสต์ ตั้งใจทุกสิ่งให้พระคริสต์เป็นคนตั้งใจ ให้พระคริสต์เป็นสติปัญญา ให้พระคริสต์เป็นคนทำแทนทุกสิ่ง เอเมน
สำหรับทุกวันนี้เรามักจะมีปัญหาหรือเจอะเจอบ่อยๆ ก็คือเรื่องผีเข้า อาจจะเป็นคนที่เรารู้จัก อาจจะเป็นญาติพี่น้อง อาจจะเป็นเพื่อน หรืออะไรก็แล้วแต่ หรือใครก็แล้วแต่ ก็คือเราต้องเข้าใจตรงนี้ว่า การไล่ผีนะครับการไล่ผี ผีไม่ออกนะครับ ทำไม? ก็คือเขาไม่เชื่อ แต่เขาพยายามก๊อปปี้คริสเตียนเอาไปทำ ก็คือใช้พระนามพระเยซูไปทำไปไล่ผี มันไม่ออกแน่นอน
หรือบางคนเอาไปทำเพื่อเป็นธุรกิจ หรือบางคนที่เชื่อนะครับ แต่ความเชื่อไม่มีความเชื่อน้อย หรือบางคนเชื่อนะครับแต่ไม่มีของประทาน เราต้องเข้าใจนะครับ ก็คือจะต้องมีของประทานและมีความเชื่อ
บางครั้งความเชื่อน้อยก็ต้องอดอาหาร เพราะว่าผีมันใหญ่กว่า ผีมันเอาชนะเราไม่ได้ ผีน้อยผีใหญ่ผีอะไรก็แล้วแต่ในโลกนี้ มันเอาชนะเรามันแตะคริสเตียนไม่ได้ แต่เราจะเอาชนะมันเนี่ยเป็นอีกกรณีนึง ซึ่งเราจะไปไล่ผีถ้าเป็นผีใหญ่ผีที่มีอำนาจสูงผีที่มีตำแหน่งสูง เราจะต้องอดอาหารและร้องเรียกขอกำลังจากพี่น้องให้อธิษฐานเผื่อ แต่ถ้าสำหรับคนที่มีของประทาน ก็ไม่ยากนะครับ
ถาม.
เอเมนขออนุญาตถามอาจารย์ค่ะ ระหว่างคำว่า ใช้ชีวิตเหนือธรรมชาติ กับใช้ชีวิตในวิญญาณ อันเดียวกันหรือเปล่าค่ะ
ตอบ.
ใช้ชีวิตเหนือธรรมชาติกับในวิญญาณ เป็นอันเดียวกันครับ
เหนือธรรมชาติ ก็คือใช้ชีวิตอยู่บนการอัศจรรย์ของพระเจ้า ทุกวันเจอพบเจอแต่การอัศจรรย์ อัศจรรย์ อัศจรรย์ ทูตสวรรค์ช่วยเหลือ ทูตสวรรค์ผลักรถเก๋งที่จะมาชนเรา หรืออุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับเราหรือครอบครัวเรา หรืออะไรก็แล้วแต่นะครับ
คือเราจะเห็นบ่อยมากเห็นอยู่เป็นประจำ เหมือนกับเดินในสวรรค์บนดิน เราอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่งที่พระเจ้าดูแลปกปักรักษาครอบครองคุ้มครองเรา ช่วยเหลือเราตลอดเวลา คืออยู่ด้วยการอัศจรรย์
การกิน การอยู่ การไป การมา ที่อยู่อาศัยนะครับ เราไม่เดือดร้อน พระเจ้าให้เรามีชีวิตอยู่ ที่อยู่ได้ไม่ตายไม่ยากจนและไม่รวยนะครับ
แต่สำหรับบางคน ก็คือพระเจ้าให้เป็นในลักษณะไหนก็แล้วแต่ ก็ตามน้ำพระทัยของพระองค์
ส่วนสำหรับบางคน บางคนที่ผมรู้จักดี ขอบคุณพระเจ้านะครับ อยู่ได้ไม่มีงานก็อยู่ได้ แล้วก็อยู่บนการอัศจรรย์ของพระเจ้าตลอดเวลา คือรอดจากอุบัติเหตุ รอดจากเหตุร้าย รอดจากสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่จะเกิดขึ้น ที่กำลังเข้ามามันเข้ามากระชั้นชิด แต่มันรอดไปอย่างหวุดหวิด ก็คือนี่คือการใช้ชีวิตอยู่เหนือธรรมชาติ ความหมายก็คือคล้ายๆ กับเดินไม่ติดดินนะครับ เอเมน
และนี่คือชีวิตที่พระเจ้าต้องการให้เราเป็น นี่คือชีวิตที่พระเจ้าต้องการให้เราเดิน คือเดินในพระวิญญาณ เดินในฝ่ายวิญญาณ เดินเหนือการอัศจรรย์เดินเหนือธรรมชาติของโลกนี้
แล้วคนที่มีโอกาสได้เข้าสู่ชีวิตสวรรค์แบบนี้ชาวสวรรค์ ก็คือ มีน้อยมาก โดยเฉพาะเราขอบคุณพระเจ้า เราโชคดี ที่ได้เข้าสู่มานาที่ซ่อนไว้ พระคำล้ำลึก เพื่อมาถึงความจริงของพระเจ้า เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า และดำเนินชีวิตรับใช้และนมัสการพระเจ้าอย่างถูกต้อง ชีวิตของเราก็เป็นชีวิตชาวสวรรค์ ชีวิตอยู่ในสวรรค์บนดินได้อย่างแท้จริง
ถาม.
อาจารย์...ค่ะขออนุญาตถามค่ะ คืออยากทราบว่าอย่าง สมมุติว่าเราบอกพระเจ้าว่าพระเจ้าครอบครองจิตของเราแล้ว แต่คราวนี้จะทำผิดบ่อยมากก็คือว่า คือความคิดนะคะ บางครั้งความคิดของเราก็ผิด เพราะว่าพระเจ้าบอกว่าแค่คิดก็ผิดแล้ว ก็เลยอยากทราบว่า เราพูดได้ไหมค่ะว่า พระเจ้าครอบครองความคิดของเราด้วย จิตกับความคิดนี่เหมือนกันไหมค่ะอาจารย์
ตอบ.
สำหรับ จิตของเรานะครับ ก็คือ ความคิดก็อยู่ในจิต ทุกสิ่งนะครับ ก็อยู่ในจิตทั้งหมดเลย ทั้งหมดที่เป็นความคิด เป็นอารมณ์ เป็นความรู้สึก เป็นความปรารถนา ก็คือมาจากจิตนะครับ
แต่ถ้าเราอยากให้ชัดเจน ก็พูดได้นะครับ
“ก็ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ครอบครองความคิดของข้าพระองค์ เอเมนความคิดที่ชอบคิดผิด ชอบคิดไม่เชื่อฟังพระองค์ คิดออกนอกลู่นอกทาง คิดไปทางเนื้อหนัง ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ครอบครองแล้ว ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ทำให้ทุกสิ่งอยู่ในการครอบคลุมของพระองค์ และไม่เชื่อฟังบาปอีกต่อไปแล้ว เอเมน”
ก็ได้ครับ
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดีของพวกเรา เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้เราได้มีส่วนในพระกายเที่ยงแท้ของพระองค์ และพระองค์ใช้พี่น้องที่มีจิตใจกว้างขวางเพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ขัดสนเป็นบางครั้งบางเวลา เราสรรเสริญพระเยซูสำหรับความรักที่พระองค์ใส่ในหัวใจของเราทุกๆ คน
แล้วขอบคุณพระเยซูสำหรับพี่น้องที่มีจิตใจกว้าง ก็คือ บำเหน็จ พระพร และความเจริญก็ไปสู่พี่น้องเหล่านั้น ก็ขอบพระคุณพระเจ้า เอเมน
และกระทำ 3 สิ่ง เพื่อสะสมบำเหน็จในสวรรค์ และรับพระพรในโลกนี้
- อันแรก ก็คือการอธิษฐาน อธิษฐานเผื่อพี่น้อง อธิษฐานทุกวัน สนิทในพระเยซู บอกรักกับพระเยซู พูดคุยกับพระเยซูอย่างสม่ำเสมอ นี่คือการสะสมบำเหน็จ
- และต่อมา ก็คือการอดอาหาร การอดอาหารอาจจะเพื่อ กรณีฉุกเฉิน หรืออะไรที่เราต้องการขออย่างรีบด่วนจากพระเจ้า เราอดอาหารเป็นประจำนะครับ ก็จะได้รับบำเหน็จจากพระเจ้าทั้งในชีวิตนี้และในยุคหน้า
- แล้วขอบคุณพระเจ้า สุดท้ายการสะสมบำเหน็จในสวรรค์ ก็คือการให้ ก็คือการให้โดยที่ไม่ให้คนอื่นรู้ ให้โดยในลักษณะที่ไม่อวด ไม่เสนอ ไม่เอ่ยชื่อ ไม่บอกให้ใครรู้ เพียงแค่คนที่เขาได้รับเท่านั้น หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกลุ่มเล็กน้อยคนเล็กน้อย
3 สิ่งนี้พระเยซูตรัสว่า คือการสะสมบำเหน็จในสวรรค์ และการรับพรในโลกนี้ ขอบคุณพระเยซู
และเรื่องการให้ คือผมเป็นพยานได้ รับประกันได้โดยพระนามพระเยซู ก็คือเราอาจจะไม่มีมาก แต่เราก็ยังให้ มีใครเอาอะไรมาให้ผม ผมก็ชอบเอาไปให้ต่อ ซึ่งผมรู้นะครับว่าที่จริงก็ไม่ได้ต้องการอะไร ไม่ได้ต้องการหวังผลอะไรตอบแทนจากใครหรือจากพระเจ้า สำหรับผมก็คือขอให้มีสันติสุขทุกวันเวลาผมเพียงพอแล้ว
เพราะฉะนั้นเมื่อให้สิ่งใดไปกับใคร ก็ขอบคุณพระเจ้า ก็ได้รับสิ่งนั้นตอบกลับมาซึ่งก็มีมากกว่า อันนี้ผมเป็นพยานได้
และขอให้เรานะครับ สะสมบำเหน็จในสวรรค์ และพรสำหรับโลกนี้ชีวิตนี้ ก็คือการ 1. อธิษฐาน 2. การอดอาหาร และ 3. การให้
แต่การให้นะครับ ให้โดยขนาดของความเชื่อ เราไม่ต้องฝืนใจ ไม่ต้องบังคับใจ หรือตาม มีกฎเกณฑ์ว่าต้องให้เท่านี้เท่านั้น ไม่ครับ ตามขนาดของความเชื่อ คือเราควักกระเป๋าแล้วมันไม่เดือดร้อนเราเกินไป มันไม่กระทบกระเทือนชีวิตของเราการเป็นอยู่ของเรา หรือจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ ขอให้อยู่ที่การนำพาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ อันนี้คือสิ้นสุดของการให้หรือการอธิษฐานและการอดอาหาร เอเมน
สำหรับเราสมัยแต่ก่อนซึ่งก่อนที่จะพบมานาฯ เรารู้ดีใช่ไหมว่าแอกหนัก ภาระหนัก ชีวิตก็หนัก ชีวิตไม่เคยมาถึงสันติสุขทุกวันเวลา อันนี้เราเป็นพยานให้กับเราเองกับตัวเราเองได้ใช่ไหมครับ ขอบคุณพระเจ้า
แล้วก็อีกอย่าง ก็คือในมัทธิวบทที่ 11 ข้อที่ 28 -30 ไม่เคยเกิดขึ้นกับเรา คือเราเป็นคริสเตียนมานานหลายปี 10 ปี 20 ปี 30 ปี ก็ยังไม่เจอที่พระเยซูตรัสว่า จงมาหาเราท่านทั้งหลายทุกคนที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักและเราจะให้การหยุดพักแก่ท่านทั้งหลาย
ซึ่งเราไม่เคยเจอการหยุดพักนี้เลยไม่เคยเจอ พระเยซูตรัสว่า จงเอาแอกของเราแบกไว้บนท่านทั้งหลาย และจงเรียนจากเรา และเรามีใจ เพราะว่าเรามีใจอ่อนสุภาพ และถ่อมลง และท่านทั้งหลายจะพบการหยุดพักสำหรับวิญญาณของพวกท่าน ด้วยว่าแอกของเราก็แบกง่าย และภาระของเราก็เบา
ซึ่งตอนนี้เราเป็นพยานให้ตัวเราเองได้ว่า ขอบคุณพระเจ้าเราได้พบแล้ว คำตอบจากคำพูดของพระเยซู แอกเบา ภาระเบา เข้าสู่การพักผ่อนในจิตใจก็คือสันติสุขทุกวันเวลา น้ำแห่งชีวิตน้ำพุแห่งชีวิตมันเกิดขึ้นแล้วอยู่ภายในเรา สรรเสริญพระเยซูเอเมน
“การเชื้อเชิญที่ยิ่งใหญ่”
มธ 11:28 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข
มธ 11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเรามีใจอ่อนสุภาพและถ่อมลง และท่านทั้งหลายจะพบที่สงบสุขในใจของตน
มธ 11:30 ด้วยว่าแอกของเราก็แบกง่าย และภาระของเราก็เบา”
ไม่ใช่บังเอิญที่พระเจ้านำเรามาสู่พระคำพระเจ้าในแต่ละสัปดาห์ ทุกครั้งเราจบการสามัคคีธรรม แต่ชีวิตการฝึกเดินยังไม่จบนะครับ
เพราะฉะนั้นผมขอหนุนใจพวกเรานะครับ ให้นำพระคำที่พระเจ้านำมา ไม่ใช่บังเอิญ พระเจ้านำมา เพื่อเราจะนำไปฝึก
นี่คือการบ้านของเราในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งเมื่อเราฝึกมากเท่าไหร่พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทำงานก็จะช่วยเราให้ฝึกด้วยมากเท่านั้น และจะให้เราเห็นประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์ อยู่ในสันติสุขของพระองค์
ปัญหาที่มีมา ใช่ครับ มันจะมีอยู่เป็นประจำ หรือบางครั้งก็น้อยลง หรือบางครั้งก็มากขึ้น แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นนะครับ ประเด็นก็คือพระเจ้าต้องการให้เราสนิทในพระองค์ บอกรักพระองค์ พูดคุยสนทนา อธิษฐานในพระวิญญาณอยู่อย่างสม่ำเสมอ เอเมน
คือสำหรับมนุษย์เรา เราชอบที่จะทำให้ทุกคนพอใจ ดีใจ ให้ทุกคนแฮปปี้ใช่ไหม เราจึงจะแฮปปี้ได้ อันนี้มันเป็นความคิดของมนุษย์นะครับ และเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง
สำหรับเราที่เป็นคริสเตียน เราทำให้คนเดียวพอใจ แล้วคนเดียวคนนั้นจะทำให้ทุกสิ่งราบรื่นเอง โดยที่เราไม่ต้องไปทำให้คนเป็นร้อยเป็นพันให้เขาดีใจให้เขาพอใจ คือมันเป็นไปไม่ได้ เราทำให้คนนี้พอใจเราวันนี้ พรุ่งนี้เขาก็จะเปลี่ยนใจมาเกลียดเรามาคิดลบกับเรา ซึ่งมันเป็นงานที่หนักมากจะทำให้ร้อยคนมารักเราทุกๆ วันมันเป็นไปไม่ได้
แต่เราทำให้พระเจ้าองค์เดียว พระเจ้าผู้เดียว พอพระทัยชอบพระทัย พูดคุยสนิทบอกรักพระองค์ อยู่ในพระคริสต์ตลอดเวลา อธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ ฝึกเดินทุกวัน เราทำให้พระเจ้าพอใจ พระเจ้าก็จะเปลี่ยนใจคนเป็นร้อยให้มารักเราชอบเรา เอเมน