จงใส่ใจในความรอดอันยิ่งใหญ่
2:1 เหตุฉะนั้นเราควรจะสนใจในข้อความเหล่านั้นที่เราได้ยินได้ฟังให้มากขึ้นอีก เพราะมิฉะนั้นในเวลาหนึ่งเวลาใดเราจะห่างไกลไปจากข้อความเหล่านั้น
** ผู้เชื่อชาวยิวได้รับการเตือนจากพระเจ้าผ่านหนังสือเล่มนี้ และการเตือนในข้อนี้ก็คือให้พวกเขาใส่ใจในข่าวประเสริฐเรื่องความรอดที่มาทางพระบุตรหรือพระคริสต์นั้น เพราะนี่คือสิ่งใหม่สำหรับชาวยิวที่อาศัยการรักษาพระบัญญัติเพื่อให้ได้รอด ถ้าเขาไม่ใส่ใจไม่สนใจเรื่องพระเยซู เขาก็อาจจะไขว้เขวได้
2:2 ด้วยว่าถ้าถ้อยคำซึ่งทูตสวรรค์ได้กล่าวไว้นั้นมั่นคง และการละเมิดกับการไม่เชื่อฟังทุกอย่างได้รับผลตอบสนองตามความยุติธรรมแล้ว
** ข่าวประเสริฐเรื่องความรอดผ่านพระเยซู คือการประกาศที่ทูตสวรรค์ทั้งหลายมีส่วนร่วมด้วย เพราฉะนั้น ถ้าหากเขาไม่ให้ความสนใจพระเจ้าก็จะตีสอนพวกเขา
** เราพบว่าผู้เชื่อมากมายในทุกสมัย ต่างก็ไม่สนใจใส่ใจในการดำเนินชีวิตอยู่ในความเชื่อ สุดท้ายพวกเขาก็กลายเป็นคริสเตียนอุ่นๆ หรือแค่นับถือพระเยซูเป็นศาสนาประจำครอบครัวของเขาเท่านั้น
2:3 ดังนั้นถ้าเราละเลยความรอดอันยิ่งใหญ่แล้ว เราจะรอดพ้นไปอย่างไรได้ ความรอดนั้นได้เริ่มขึ้นโดยการประกาศขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอง และบรรดาผู้ที่ได้ยินพระองค์ ก็ได้รับรองแก่เราว่าเป็นความจริง
** ถึงแม้ว่าพระเจ้าจะเลือกผู้ที่จะรอด หรือทรงเลือกผู้ชนะไว้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังต้องมีการตักเตือนหนุนใจให้รักษาความเชื่อเพื่อให้อยู่ในความรอด และให้พระคริสต์ทำแทนเพื่อให้ได้เข้าไปในอาณาจักร พูดง่ายๆ ก็คือพระเจ้าทรงเลือกคนที่จะรอด แต่เราก็ยังต้องออกไปประกาศเรื่องพระเยซูให้ทุกคนได้ยิน ทั้งหนุนใจกันและกันเพื่อให้มาถึงชีวิตสุกงอม
** พระเจ้าต้องการยืนยันว่าข่าวประเสริฐเรื่องความรอดผ่านพระเยซูคริสต์เป็นมาโดยพระเจ้าเองและทูตสวรรค์ทั้งหลายก็เป็นพยาน ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อให้คริสเตียนชาวยิวอุ่นใจและไว้วางใจในพระเยซูมากขึ้น
2:4 ทั้งนี้พระเจ้าก็ทรงเป็นพยานด้วย โดยทรงแสดงหมายสำคัญและการมหัศจรรย์ และโดยการอัศจรรย์ต่างๆ และโดยของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งทรงประทานตามพระประสงค์ของพระองค์
** การทำการอัศจรรย์ของพระเยซูคริสต์อย่างมากมาย บ่งบอกให้รู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและกระทำกิจร่วมกับพระเยซู
สิ่งสารพัดอยู่ใต้อำนาจของพระคริสต์
2:5 เพราะว่าพระองค์ไม่ได้ทรงมอบโลกที่กำลังจะมาซึ่งเรากล่าวถึงนั้นให้อยู่ใต้บังคับของเหล่าทูตสวรรค์
** "โลกที่กำลังจะมา" คือโลกในยุคพันปีที่พระเยซูจะเสด็จกลับมาครอบครอง
2:6 แต่มีอยู่แห่งหนึ่งที่คนเป็นพยานถึงเรื่องนี้ว่า ‘มนุษย์เป็นผู้ใดเล่าซึ่งพระองค์ทรงระลึกถึงเขา และบุตรมนุษย์เป็นผู้ใดซึ่งพระองค์ทรงเยี่ยมเยียนเขา
** เมื่ออาดัมตกต่ำ เขาล้มเหลวที่จะทำให้แผนการงานของพระเจ้าสำเร็จ มนุษย์จึงไม่มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ พระเจ้าจึงหมดหวังในอาดัมและลูกหลาน (คนที่ไม่เชื่อและไม่เดินในทางของความเชื่อในพระเจ้า)
2:7 พระองค์ทรงทำให้ท่านต่ำกว่าพวกทูตสวรรค์แต่หน่อยเดียว และพระองค์ทรงประทานสง่าราศีกับเกียรติเป็นมงกุฎให้แก่ท่าน และได้ทรงตั้งเขาไว้ให้อยู่เหนือบรรดาพระหัตถกิจของพระองค์
** พระเจ้าทำให้พระเยซูต่ำกว่าพวกทูตสวรรค์เพียงแค่เวลาอันสั้น หรือสักระยะหนึ่งเท่านั้น
** มนุษย์เมื่อถูกสร้างก็สูงกว่าทูตสวรรค์ แต่เมื่อตกต่ำก็ต่ำกว่าทูตสวรรค์ชั่วคราวเพื่อวันหนึ่งเราจะเข้าสู่สง่าราศีและรับมรดกร่วมกับพระเยซูเราจึงกลับมามีฐานะที่สูงกว่าทูตสวรรค์
2:8 พระองค์ทรงมอบสิ่งทั้งปวงให้อยู่ภายใต้เท้าของท่าน’ ในการซึ่งพระองค์ทรงมอบสิ่งทั้งปวงให้อยู่ใต้อำนาจของท่านนั้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่ไม่อยู่ใต้อำนาจของท่าน แต่ขณะนี้ เรายังไม่เห็นว่าทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจของท่าน
** ทุกวันนี้พระเยซูได้รับมรดกและสิทธิอำนาจจากพระบิดา แต่การครอบครองในยุคพันปียังไม่มา การครอบครองจิตของผู้เชื่อทุกคนยังไม่มี จนกว่าฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่จะเข้ามาแทนที่อันเก่า ทุกสิ่งจึงอยู่ใต้อำนาจของพระเยซู
ความทุกข์ทรมานของพระคริสต์
2:9 แต่เราก็เห็นพระเยซู ผู้ซึ่งพระองค์ทรงทำให้ต่ำกว่าทูตสวรรค์แต่หน่อยเดียวนั้น ทรงได้รับสง่าราศีและพระเกียรติเป็นมงกุฎ เพราะที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยความทุกข์ทรมาน ทั้งนี้โดยพระคุณของพระเจ้า พระองค์จะได้ทรงชิมความตายเพื่อมนุษย์ทุกคน
** การเสด็จมาของพระเยซูในฐานะบุตรมนุษย์ พระองค์ไม่มีเกียรติ แต่เมื่อทรงดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า ยอมตายเพื่อไถ่บาปมนุษย์โลก พระเยซูจึงฟื้นขึ้นและได้รับเกียรติจากพระบิดา (ยอห์น 7:39)
2:10 ด้วยว่าในการที่พระเจ้าจะทรงพาบุตรเป็นอันมากถึงสง่าราศีนั้น ก็สมอยู่แล้วที่พระองค์ผู้เป็นเจ้าของสิ่งสารพัด และผู้ทรงบันดาลให้สิ่งสารพัดบังเกิดขึ้น จะให้ผู้ที่เป็นนายแห่งความรอดของเขานั้นได้ถึงที่สำเร็จโดยการทนทุกข์ทรมาน
** จะทรงพาบุตรเป็นอันมากถึงสง่าราศีนั้น คือการนำพาผู้เชื่อทั้งหลายจากการขาดสง่าราศีกลับมามีสง่าราศี สง่าราศีในที่นี้คือความชอบธรรมของชีวิตที่เราได้รับโดยการชำระด้วยพระโลหิตและการดำเนินชีวิตโดยมีพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตภายในเรา จากนั้นก็นำเราเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงสู่พระลักษณะของพระคริสต์
** "ผู้ที่เป็นนายแห่งความรอด" คือพระเยซูที่ต้องทนทุกข์ทรมานลำบากเพื่อให้ได้ผู้เชื่อทั้งหลาย
** คำว่า "นายแห่งความรอด" ความหมายคือ ผู้กำกับ กัปตัน ผู้นำพา ผู้นำเราไปให้ถึงให้ได้
** "ความรอด" ในที่นี้คือ รอดจากอำนาจการครอบครองของมารซาตาน เพื่อให้ได้รอดเข้าสู่ชีวิตใหม่ในพระคริสต์และมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้สุกงอมเข้าอาณาจักร ไม่ใช่รอดจากบึงไฟเท่านั้น
** เราต้องเดินตามกัปตันหรือนายแห่งความรอดของเราในแต่ละวัน เพราะนี่คือกระบวนการการช่วยให้รอดของกัปตันที่ทำกิจภายในเรา
** ขอบพระคุณพระเยซูที่เป็นกัปตันแห่งความรอดของเรา พระองค์จะนำเราให้ถึงอาณาจักรที่กำลังจะมา ทรงเป็นน้ำแห่งชีวิต (สันติสุข) ในเรา ทรงนำกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตเข้ามาในเรา ทรงประทานทุกสิ่งและเป็นทุกสิ่งที่เราต้องการให้ถึงความรอดสู่อาณาจักรในแต่ละวัน เพราะว่าพระองค์ไม่เพียงแต่นำเราแต่พระองค์เป็นนักสู้ผู้ต่อสู้เพื่อเราในเรา เอเมนๆ
2:11 เพื่อว่าทั้งพระองค์ผู้ชำระคนทั้งหลายให้บริสุทธิ์ และคนเหล่านั้นที่ได้รับการชำระ ก็มาจากแหล่งเดียวกัน เพราะเหตุนั้นพระองค์จึงไม่ทรงละอายที่จะทรงเรียกเขาเหล่านั้นว่า เป็นพี่น้อง
** การชำระ ในข้อนี้ คือการชำระด้วยพระโลหิต ทันทีที่เราเชื่อ เราก็ได้รับการชำระนี้เพื่อพระบิดาจะยอมรับเราและนับว่าเราเป็นคนบริสุทธิ์ชอบธรรมไร้ตำหนิต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่อความรอดของเรา เราได้สวมเสื้อตัวที่หนึ่งแล้ว (กท 3:27)
** พระเยซูทรงเรียกผู้เชื่อทุกคนว่า พี่น้อง เพราะว่าเราเป็นน้องๆ ของพระเยซูและพระเยซูเป็นพี่ชายคนโตของเรา
2:12 ดังที่พระองค์ตรัสว่า ‘เราจะประกาศพระนามของพระองค์แก่พี่น้องของเรา เราจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ในท่ามกลางที่ชุมนุมชน’
** เมื่อมีการมาร่วมกันฉลองเทศกาลของชาวยิว พระเยซูจะร่วมร้องเพลงกับเหล่าสาวก และเมื่อพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระองค์ก็ร่วมประชุมนมัสการพระบิดากับพวกเรา เมื่อเราร้องเพลงด้วยเนื้อหาที่เน้นการยกย่องสรรเสริฐขอบพระคุณบอกรัก มีสัมพันธ์ที่ดีกับพระบิดา พระคริสต์ก็ร่วมร้องเพลงกับพวกเราด้วย
2:13 และตรัสอีกว่า ‘เราจะไว้วางใจในพระองค์’ ทั้งตรัสอีกว่า ‘ดูเถิด ตัวเรากับเหล่าบุตรทั้งหลายซึ่งพระเจ้าทรงประทานแก่เรา’
** พระคริสต์ทรงวางใจในการงานของพระบิดา ที่ได้ทรงประทานผู้เชื่อทั้งหลายให้มาเป็นของพระคริสต์เยซู
พระคริสต์ทรงรับสภาพเป็นมนุษย์
2:14 เหตุฉะนั้นครั้นบุตรทั้งหลายมีส่วนในเนื้อและเลือดอยู่แล้ว พระองค์ก็ได้ทรงรับเนื้อและเลือดเหมือนกัน เพื่อโดยความตายพระองค์จะได้ทรงทำลายผู้นั้นที่มีอำนาจแห่งความตาย คือมาร
** บุตรทั้งหลายมีส่วนในเนื้อและเลือดอยู่แล้ว คือผู้เชื่อทุกคนเคยถือกำเนิดมาจากอาดัม
** พระเยซูก็ได้รับเลือดเนื้อ หรือเป็นเลือดเนื้อ (คล้าย) เหมือนพวกเราเพราะว่าพระองค์ถือกำเนิดมาจากนางมารีย์
** พระเยซูในฐานะบุตรมนุษย์ยอมตายเพื่อไถ่บาปมนุษย์ พระองค์จึงได้รับสิทธิอำนาจทำลายอำนาจแห่งความตายนำผู้เชื่อข้ามผ่านเข้ามาสู่ชีวิตได้
** คำว่า "ทำลาย" ในที่นี้คือ การถูกตรึงและการตายของพระเยซูได้ทำลาย กำลัง พลังอำนาจ ทำให้มันอ่อนแอ ไม่มีกำลัง พลังหรืออำนาจเหนือเราได้ทั้งภายนอกและภายในเรา ซึ่งเป็นพระสัญญาของพระเจ้าที่ตรัสไว้ใน (ปฐก 3:15)
** เมื่อเราเห็นการทำงานของซาตาน การทำลายทำร้ายทั้งในความจริงและทางฝันขณะที่เรานอนหลับ เราเห็นมันทำงานกับผู้เชื่อในคริสตจักร อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นและสัมผัส แต่เชื่อเอาว่าพระเยซูได้เหยียบย่ำหัวของมารซาตานแล้ว และอำนาจแห่ง
ความมืดทั้งหลายในโลกนี้พ่ายแพ้ต่อพระเยซูแล้ว เพราะเหตุการตายของพระองค์ที่กางเขน จงมั่นใจและวางใจในอำนาจยิ่งใหญ่ของพระเยซู อย่าคิดกลัวอำนาจทั้งหลายของมารซาตานอีกต่อไป
2:15 และจะได้ทรงช่วยเขาเหล่านั้นให้พ้นจากการเป็นทาสชั่วชีวิต เพราะเหตุกลัวความตาย
** เราผู้เชื่อทั้งหลายไม่ได้เป็นทาสของมารซาตานและตัวบาปที่อยู่ในเนื้อหนังอีกแล้วชั่วชีวิต เนื่องจากว่าเราเป็นมนุษย์วิญญาณและเนื้อหนังของเราถูกตรึงกับพระเยซูที่กางเขนแล้ว
** แต่น่าเสียดายที่ผู้เชื่อมากมายไม่รู้ เขาจึงยังไม่ตายและยังเป็นทาสของตัวบาปชั่วชีวิต
2:16 ความจริง พระองค์มิได้ทรงรับสภาพของทูตสวรรค์ แต่ทรงรับสภาพของเชื้อสายของอับราฮัม
** พระเยซูก็เป็นชาวฮีบรูคนหนึ่ง เพราะว่าพระองค์ถือกำเนิดในชนชาติเดิมของพระองค์
2:17 เหตุฉะนั้นพระองค์จึงทรงต้องเป็นเหมือนกับพี่น้องทุกอย่าง เพื่อว่าพระองค์จะได้ทรงเป็นมหาปุโรหิต ผู้กอปรด้วยพระเมตตาและความสัตย์ซื่อในการทุกอย่างซึ่งเกี่ยวกับพระเจ้า เพื่อลบล้างบาปทั้งหลายของประชาชน
** ทุกวันนี้พระเยซูคริสต์ทรงเป็นมหาปุโรหิตเพื่อการยกโทษและลบล้างบาปของเราทั้งหลาย เมื่อเราทำบาปไม่ว่าจะเป็นบาปอะไร มากน้อย ใหญ่เล็ก ตั้งใจไม่ตั้งใจ บาปทุกชนิด พระองค์จะช่วยเราให้ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วคืนดีกับพระบิดา เดินไปกับพระองค์ในแต่ละวัน
2:18 เพราะเหตุที่พระองค์ได้ทรงทนทุกข์ทรมานโดยถูกทดลองนั้น พระองค์จึงทรงสามารถช่วยผู้ที่ถูกทดลองนั้นได้
** พระเยซูทรงผ่านการทดลอง ปัญหามากมายตลอดสามสิบสามปีกว่า ทรงรู้และเข้าใจความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมาน ปัญหา ความอ่อนแอ ท้อแท้ เหน็ดเหนื่อยของพวกเรา พระคริสต์จึงไม่ทอดทิ้งเราและอยู่กับเราทุกวันและทุกเวลาเพื่อช่วยเรา ขอให้เราเชื่อและวางใจในพระองค์เมื่อได้อ่านข้อนี้