สำหรับหนังสือยอห์น ซึ่งหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เล่าเหมือนหนังสือ มัทธิว มาระโก และลูกา พระวิญญาณให้ท่านเขียนเพื่อเปิดเผยเรื่องฝ่ายวิญญาณ ซึ่งบทที่ 1 เราจะพบว่ามีคำ คำหนึ่งที่สำคัญมากๆ ก็คือความสว่าง ความสว่างในที่นี้ไม่ใช่ดวงสว่างจากตะวัน หรือแสงจากหลอดไฟหรือความสว่างที่ให้ตาเรามองเห็น แต่เป็นเรื่องความสว่าง
ความสว่างที่แท้จริงในพระคัมภีร์ในหนังสือยอห์น ต้องการเปิดเผยให้พวกเราได้รู้ว่าสำหรับพระเจ้า พระเจ้าเป็นความสว่าง ความหมายก็คือ พระเจ้าเป็นความจริง คือความจริง พระองค์อยู่ในความจริง และเป็นความจริง และเป็นความเป็นจริง
แล้วความมืดคืออะไร ?
ความมืด ก็คืออาการเสื่อมทราม ตกต่ำ หลุดจากความสว่างนั้น หลุดจากความเป็นจริงนั้น คือเกิดมีสิ่งที่ตายได้ จบได้ ตกต่ำได้ เสื่อมจำได้ อันนี้เรียกว่าเป็นสิ่งตรงข้ามกับความสว่าง
เพราะฉะนั้นความสว่าง ก็คือสภาพที่อมตะของพระเจ้า สภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้า เพราะฉะนั้นเราจะพบว่าหนังสือยอห์นพูดถึงหลายสิ่งหลายเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องของฝ่ายวิญญาณ ตั้งแต่บทที่ 1 ไปจนถึงบทที่ 12
เมื่ออาดัมทำบาป ความสว่างของพระเจ้าก็หลุดไปจากมนุษย์ มนุษย์ก็หลุดไปจากความสว่างนี้ เขาก็ตกอยู่ในความมืด แต่ขอบพระคุณพระเยซูที่ยอห์นบทที่ 1 กล่าวว่า ความสว่างได้มาถึงโลกแล้ว แล้วก็เรามีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในความสว่างนั้น
และความสว่างในโลกนี้ที่พระเยซูเป็นความสว่าง ก็คือ มีคำหนึ่งที่เราควรจะเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ให้ชัดเจน ให้ครบ ก็คือ "ในพระคริสต์" ซึ่งคำว่าในพระคริสต์ก็คือในความสว่าง ก็คือในพระคริสต์มีสภาพที่เป็นอมตะ มีสภาพที่มีความสุขเต็มล้น มีสภาพที่มีพลังยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ไม่อ่อนแอ ไม่เหนื่อย ไม่ตาย
เราขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์นำความสว่างมาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง เราจึงได้ย้ายออกจากความมืดเข้ามาอยู่ในความสว่างนี้ สรรเสริญพระเยซู
และในบทที่ 1 พูดถึงคำหนึ่งที่สำคัญมาก ก็คือเกี่ยวกับพระบัญญัติ และพระคุณ
พระบัญญัติเป็นมาโดยโมเสส แต่พระคุณเป็นมาโดยพระวิญญาณ เพราะฉะนั้นพระบัญญัติถ้าหากจะรอดหรือรับพระพรจากพระเจ้าก็คือต้องรักษาพระบัญญัติ และพระบัญญัติเป็นมาโดยพระวิญญาณก็จริงแต่มาเพื่อให้มนุษย์ที่เป็นเนื้อหนังรักษา แต่ส่วนพระคุณเป็นสิ่งที่ตรงข้ามก็เป็นมาโดยพระวิญญาณเหมือนกัน แต่ไม่ได้มาเพื่อให้มนุษย์รักษา แต่มาให้มนุษย์ต้อนรับพระเยซูที่พระองค์จะเป็นคนรักษาพระบัญญัติให้เราแทนเรา และเราก็จะได้รับสภาพกลายเป็นคนชอบธรรมเท่าเทียมกับคนที่รักษาพระบัญญัติอย่างครบ
ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเยซูรักษาพระบัญญัติเสร็จสิ้นน่ะครับ จบ แล้วยังไม่พอ คือพระองค์ตั้งให้เราเป็นผู้ชอบธรรม พระองค์ตายพระองค์รักษาพระบัญญัติ แล้วเรานะครับไม่ต้องตายแล้วก็เรา เราก็กลายเป็นคนชอบธรรม เราขอบคุณพระเยซูทุกวันนี้เราเป็นคนชอบธรรม และพระเยซูเป็นความชอบธรรมนั้นของเรา
...
ทีนี้มาถึงยอห์นบทที่ 2 เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากที่พระเยซูมีสาวกมากมาย และพระองค์มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของชนชาติอิสราเอลแล้ว ในข้อที่ 1 จนถึงข้อที่ 12 พระองค์ถูกเชิญไปในงานเลี้ยงแต่งงานที่บ้านคานา ผู้เชื่อมากมายคิดว่าหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ ก็คือพระเยซูเสกน้ำ หรือทำการอัศจรรย์ เสกน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น เราได้ยินได้ฟังคำเทศนามากมายแล้วก็ค้นหาใน Google ใน YouTube ในอะไรก็แล้วแต่ เราจะพบว่าบทที่ 2 เล็งถึงการที่พระเยซูทำการอัศจรรย์ แล้วก็คนที่เห็นก็แปลกใจตกใจนะครับ น่าจะมีหลายคนที่เชื่อนะครับอันนี้เราไม่ทราบ
แต่เรื่องที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในยอห์นบทที่ 2 อย่าลืมนะครับ ผมขอย้ำหนังสือยอห์นเป็นเรื่องของฝ่ายวิญญาณ ตั้งแต่บทที่ 1 จนถึงบทที่ 12 นะครับ เป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ
บทที่ 2 ก็คือพระเยซูเสด็จมางานเลี้ยงแต่งงาน หลังจากนั้นเหล้าก็หมด
- เหล้าองุ่น คือเล็งถึงชีวิตเก่าชีวิตที่ไม่ครบถ้วนของมนุษย์
- และน้ำ ก็คือเล็งถึงความตาย อันนี้อยู่ในยอห์นบทที่ 3 ข้อที่ 5-6
ผู้ใดที่ไม่บังเกิดจากน้ำและบังเกิดจากพระวิญญาณ ก็คือจุ่มลงไปในน้ำ ก็คือตายไป แล้วก็ลุกขึ้นมาจากน้ำ ก็คือมีชีวิตใหม่ในพระคริสต์บังเกิดใหม่โดยพระวิญญาณ
- เหล้าองุ่นใหม่ ก็คือ ชีวิตที่ครบถ้วน ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ชีวิตที่มาจากพระเยซู ชีวิตที่เป็นมาโดยพระเจ้า ชีวิตจากสวรรค์
แล้วก็ชีวิตพระเจ้านี้ จะช่วยให้เราอยู่ในโลกนี้เป็นสวรรค์บนดินได้ เราปล่อย ปลง วาง เราทำทุกสิ่งได้ และสำแดงนิสัยของพระเจ้าได้ในแต่ละวัน
เมื่อคนทั้งหลายได้ดื่มกันมากแล้ว เขาก็เอาเหล้าองุ่นที่เกรดต่ำราคาถูกมาให้แขกดื่ม อันนี้เป็นวิธีการที่ฉลาดของชาวยิวน่ะครับ เเล้วก็ไม่รู้ว่าที่บ้านเราจะทำหรือไม่ น่าจะไม่เกี่ยวนะครับ เพราะว่าสมัยก่อนก็คือเจ้าภาพฉลาดมาก เขาซื้อเหล้าแพงๆ มาแล้วก็ให้แขกที่มาร่วม ดื่ม กิน รสชาติอร่อย แต่หลังจากนั้น ก็เอารสชาติที่ไม่ดีมาให้แขกดื่ม
เราขอบคุณพระเจ้าชีวิตมนุษย์มันก็มีดี แล้วก็มีไม่ดี มีอร่อย มีไม่อร่อย มีความสุขบ้าง มีความทุกข์บ้าง แต่เมื่อพระเยซูทำให้เกิดมีเหล้าองุ่นใหม่ขึ้นมา แล้วคนใช้เอาไปให้แขกดื่ม และพบว่าเหล้าองุ่นมีรสชาติที่อร่อยมากๆ
เราขอบคุณพระเจ้า ชีวิตพระเจ้ามีสันติสุข มีความสุข มีความกระตือรือร้น มีพลังยิ่งใหญ่ มีทุกสิ่งอยู่ในนั้น เราหลายคนในที่นี้คือไม่ต้องพูดถึงเพราะว่าเราทุกคนได้สัมผัสแล้ว
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง สิ่งที่น่าเป็นห่วง แล้วก็สงสารพี่น้องอีกมากมาย ซึ่งยังไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นใหม่จนครบ ไม่มีสันติสุขทุกวันเวลา เขามีบางครั้งเท่านั้น แล้วก็นิสัยก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง 10 ปี 20 ปี 30 ปีผ่านไป
แต่เราขอบพระคุณพระเจ้า เมื่อเราพบพระคำล้ำลึกนี้ เราสรรเสริญพระเยซูที่เราได้เข้าใจ และได้รู้ และได้สัมผัส สันติสุขทุกวันเวลานาที
ส่วนเรื่องการทำดี การเปลี่ยนแปลง นิสัยใหม่เกิดขึ้น พระเจ้าชำระเราค่อยเป็นค่อยไปทีละจุดๆ เราไม่ต้องน้อยใจ แต่อย่างน้อยเราเห็นแล้วใช่ไหมครับว่าหลายคนมีการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว ซึ่งแตกต่างจากการเปลี่ยนแปลงในสมัยที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา
ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์รักโลก จึงนำชีวิตที่ครบถ้วน และนำความจริงคือความเป็นจริงของพระเจ้ามาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งชีวิตครบถ้วน และความสว่างของพระเจ้านี้ มีอยู่ในพระคริสต์ ผมขอย้ำนะครับว่า "ในพระคริสต์เท่านั้น" เราอยู่ในเนื้อหนังเราจะท้อแท้ เราจะเหนื่อย เราจะบ่น เราจะเบื่อ เราจะไม่พอใจ เราจะนู่น นี่ นั่น นะครับ
ทั้งนี้ ทั้งนั้น พระเจ้าต้องการสอนเราว่าสิ่งเหล่านี้ คืออาการที่เราหลุดออกจากการอยู่ในพระคริสต์ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่รู้ตัวดีนะครับ ว่าเราเป็นยังไงบ้างที่ผ่านมา ก็กลับมาอยู่ในพระคริสต์นะครับ
ในพระคริสต์ไม่น้อยใจ ไม่ท้อใจ ไม่คิดไม่พอใจอะไร เรามีอะไรเราคุยกันได้ พระเยซูสั่งเรา เราจำได้ไหมพระบัญญัติใหม่ของพระองค์ ถ้าไม่พอใจอะไรมาคุยกัน มาคุยกัน อย่าไประบายความในตรงเฟสหรือพูดกับคนอื่น คือมีปัญหากับใครเราคุยกับคนนั้น ถ้าเราไม่สะดวกคุยหรือกลัวว่าไม่กล้าจะคุยกับเขา ก็คุยกับทีมงานหรือผู้ปกครอง คือสิ่งสำคัญนะครับ ก็คือพระกาย ก็คือต้องคุยกันเพราะว่าเรารักกันใช่ไหม
เรารักกันเรากล้าคุยกันน่ะครับ มีอะไรก็เปิดใจคุยกันได้ไม่ต้องไประบายให้โลกเห็นหรือให้ผู้อื่นเห็นนะครับ แล้วซาตานก็จะได้หัวเราะเยาะว่าเรายังไม่ได้อยู่ในพระคริสต์และเราไม่ได้เดินตามคำสั่งของพระเยซูที่สอนไว้นะครับ
น้ำในโอ่งของเรานะครับมันเต็มแล้ว เราตายสนิทแล้ว เราเชื่อนะครับ แล้วก็ขอบคุณพระเจ้าที่ความมืดมันจบลงที่กางเขน มันผ่านกางเขนไม่ได้ ทุกวันนี้ชีวิตเราอยู่ในความสว่าง สว่างจ้า สว่างเต็มๆ ของพระเจ้าเลยนะครับ
เพราะฉะนั้นอย่าให้ความมืดมาครอบงำเรา อย่าให้ความมืดมีอำนาจเหนือเรา อย่าให้ความมืดดึงเรากลับไปอยู่ในอาดัมอีก ให้เรานะครับ ยืนยันในพระคริสต์
...
สำหรับผมถ้าหากพี่น้องฟังข้อไหน เรื่องไหน ที่รู้สึกว่าไม่พอใจไม่สบายใจหรือฟังอาจจะไม่เข้าใจชัดเจน ก็ถามก็คุยได้นะครับเปิดใจคุยได้ เรารักกันสำคัญที่สุดนะครับ แล้วก็เราร่วมกันเป็นพระกายเดียว เรามีหน้าที่ทำงานรับใช้พระเจ้า เพื่อพระองค์ได้รับเกียรติ แล้วก็บำเหน็จเป็นของเรา
สิ่งไหนที่เราเห็นว่าไม่เหมาะ หรือยังไงไม่เข้าใจ ก็ขอการเปิดตาจากพระวิญญาณนะครับ
สิ่งสำคัญ ก็คือตักน้ำให้เต็มนะครับ ตายให้สนิท เชื่อทุกวัน เอเมนพระเยซูข้าพระองค์ตาย ตาย ตายทุกชั่วโมง ตาย ตายนะครับ เปาโลบอกเราถึงเคล็ดลับ การประสบความสำเร็จเกิดผลอย่างมากมาย ก็คือตายทุกวัน ตายทุกเวลา ตายวันต่อวัน พอตายสนิทในการตายมากขึ้น โรมบทที่ 6 บอกว่าถ้าเราสนิทในการตายของพระเยซูมากเท่าไหร่ เราก็จะสนิทในการมีชีวิตใหม่ของพระเยซูมากเท่านั้น เอเมน