คำอุปมาเกี่ยวกับข้าวสาลีและข้าวละมาน / ผู้เชื่อที่บังเกิดใหม่และผู้เชื่อที่ไม่ได้บังเกิดใหม่
(เชื่อตามพ่อแม่พี่น้องครอบครัว ประเทศที่เป็นศาสนาประจำชาติ หรือเพราะถูกพ่อแม่บังคับให้เชื่อ แต่เขาเองไม่เต็มใจที่จะเชื่อ) (มธ 13:24-30)
คำอุปมาเกี่ยวกับข้าวสาลีและข้าวละมาน
13:24 พระองค์ตรัสคำอุปมาอีกข้อหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังว่า "อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนชายคนหนึ่งได้หว่านพืชดีในนาของตน
** "อาณาจักรแห่งสวรรค์" คือ "คริสตจักร"
** "เปรียบเหมือนชายคนหนึ่ง" คือ "พระเยซู"
** "ได้หว่านพืชดี" คือ "ผู้เชื่อที่บังเกิดใหม่อย่างแท้จริง"
** "ในนาของตน" คือ "ในโลกนี้"
13:25 แต่เมื่อคนทั้งหลายนอนหลับอยู่ ศัตรูของคนนั้นมาหว่านข้าวละมานปนกับข้าวสาลีนั้นไว้ แล้วก็หลบไป
** มารทำให้คริสตจักรกลายเป็นศาสนาหนึ่งในโลก คือศาสนาคริสต์ เพื่อทำลายชื่อเสียง และพระเกียรติของพระเจ้า ด้วยการนำคนมากมายเข้ามานับถือศาสนาคริสต์นี้
แต่ไม่มีชีวิตใหม่อย่างแท้จริง เราพบว่าคาทอลิกและอีกหลายๆ กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเป็นคริสเตียนทั้งๆ ที่เขาไม่ได้บังเกิดใหม่อย่างแท้จริง
13:26 ครั้นต้นข้าวนั้นงอกขึ้นออกรวงแล้ว ข้าวละมานก็ปรากฏขึ้นด้วย
13:27 พวกผู้รับใช้แห่งเจ้าบ้านจึงมาแจ้งแก่นายว่า `นายเจ้าข้า ท่านได้หว่านพืชดีในนาของท่านมิใช่หรือ แต่มีข้าวละมานมาจากไหน'
13:28 นายก็ตอบพวกเขาว่า `นี้เป็นการกระทำของศัตรู' พวกผู้รับใช้จึงถามนายว่า`ท่านปรารถนาจะให้พวกเราไปถอนและเก็บข้าวละมานหรือ'
13:29 แต่นายตอบว่า `อย่าเลย เกลือกว่าเมื่อกำลังถอนข้าวละมานจะถอนข้าวสาลีด้วย
13:30 ให้ทั้งสองจำเริญไปด้วยกันจนถึงฤดูเกี่ยว และในเวลาเกี่ยวนั้นเราจะสั่งผู้เกี่ยวว่า "จงเก็บข้าวละมานก่อนมัดเป็นฟ่อนเผาไฟเสีย แต่ข้าวสาลีนั้นจงเก็บไว้ในยุ้งฉางของเรา"'"
** "ข้าวสาลี" คือข้าวที่ชาวยิวใช้เพื่อเป็นอาหารหลัก แต่ "ข้าวละมาน" คือต้นหญ้าที่มีลักษณะคล้ายๆ ต้นข้าวสาลีมาก แต่เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวต้นข้าวสาลีจะเหลืองอร่ามทั่วท้องทุ่งนา แต่ต้นข้าวละมานกลับกลายเป็นสีดำ จึงง่ายแก่การแยกออกเพื่อเก็บเกี่ยวไว้ในยุ้งฉาง และเอาข้าวละมานไปเผาไฟทิ้ง
** เป็นเรื่องราวของผู้เชื่อทั้งสองแบบที่พระเจ้าปล่อยให้อยู่ร่วมกันจนถึงวันพิพากษาและจะแยกทั้งสองออก ผู้เชื่อแท้จะได้รอด แต่ผู้เชื่อปลอมจะไม่รอด
ทรงอธิบายคำอุปมาเกี่ยวกับข้าวสาลีและข้าวละมาน (มธ 13:36-42)
13:36 แล้วพระเยซูจึงทรงให้คนเหล่านั้นจากไปและเสด็จเข้าไปในเรือน พวกสาวกของพระองค์ก็มาเฝ้าพระองค์ทูลว่า "ขอพระองค์ทรงโปรดอธิบายให้พวกข้าพระองค์เข้าใจ คำอุปมาที่ว่าด้วยข้าวละมานในนานั้น"
13:37 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า "ผู้หว่านเมล็ดพืชดีนั้นได้แก่บุตรมนุษย์
13:38 นานั้นได้แก่โลก ส่วนเมล็ดพืชดีได้แก่พลเมืองแห่งอาณาจักร แต่ข้าวละมานได้แก่พลเมืองของมารร้าย
13:39 ศัตรูผู้หว่านข้าวละมานได้แก่พญามาร ฤดูเกี่ยวได้แก่การสิ้นสุดของโลกนี้ และผู้เกี่ยวนั้นได้แก่พวกทูตสวรรค์
13:40 เหตุฉะนั้น เขาเก็บข้าวละมานเผาไฟเสียอย่างไร ในการสิ้นสุดของโลกนี้ก็จะเป็นอย่างนั้น
13:41 บุตรมนุษย์จะใช้พวกทูตสวรรค์ของท่านออกไปเก็บกวาดทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิด และบรรดาผู้ที่ทำความชั่วช้าไปจากอาณาจักรของท่าน
13:42 และจะทิ้งลงในเตาไฟอันลุกโพลง ที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
13:43 คราวนั้นผู้ชอบธรรมจะส่องแสงอยู่ในอาณาจักรพระบิดาของเขาดุจดวงอาทิตย์ ใครมีหูจงฟังเถิด
** เตาไฟอันลุกโพลง ในข้อ 42 คือบึงไฟสำหรับข้าวละมาน (คริสเตียนที่ไม่ได้บังเกิดใหม่อย่างแท้จริง เขาเชื่อตามพ่อแม่เพื่อนฝูงครอบครัวประเทศชาติบ้านเมือง นับถือศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของเขา)
** คริสเตียนปลอมที่อยู่ในยุคนี้ และเมื่อตายจะถูกนำไปเก็บไว้ที่แดนมรณาเพื่อรอการพิพากษาในวันสุดท้ายและส่งไปยังบึงไฟ (มธ 13:24-30, 36-43 คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคพระคุณ)
** ข้าวสาลี แตกต่างจากข้าวละมาน คือข้าวละมานมีเปลือกแต่ไม่มีแป้งข้าวอยู่ข้างใน ตอนที่ยังไม่สุกงอมลำต้น และใบของทั้งสองจะมีสีเขียวดูไม่ออกว่าต้นไหนคือสาลี และต้นไหนคือละมาน
แต่พอถึงเวลาเก็บเกี่ยวต้นข้าวสาลีจะกลายเป็นสีเหลือง เหลืองอร่ามทั่วทั้งทุ่งนา แต่ข้าวละมานลำต้นและใบจะกลายเป็นสีดำ ข้าวสาลีคือคริสเตียนที่บังเกิดใหม่ (มีแป้งข้าว)
บทความที่เกี่ยวข้อง : ข้าวสาลีและข้าวละมาน คืออะไรกันแน่