เมื่อพระเยซูจากสาวกของพระองค์ไปสู่พระบิดาแล้ว ท่านมัทธิวก็ได้รวบรวมคำสั่งสอน และการงานของพระเยซูจากการบอกเล่าของสาวกทั้งหลาย และเขียนหนังสือมัทธิวเพื่อให้ชาวยิวได้รู้ว่า
พระเยซู คือพระเมซีฮา ที่มาทำให้พระสัญญาเรื่องพระพรของพระเจ้าผ่านอับราฮัมสำเร็จ และมาเพื่อเป็นพระผู้ไถ่ของชาวยิว และชนทุกชาติทั่วโลก ผ่านพระบัลลังก์ของดาวิด
พระเยซู คือโมเสสคนใหม่ ที่มาทำให้พระบัญญัติสำเร็จและครบบริบูรณ์ คือพระองค์รักษาพระบัญญัติได้ครบ จึงได้รับสิทธิอำนาจให้ยกระดับมาตรฐานของพระบัญญัติ ให้สูงขึ้นจากมาตรฐานของมนุษย์ สู่มาตรฐานของพระเจ้า ทรงเรียกว่า พระบัญญัติใหม่ หรือพระบัญญัติของพระเยซูนั่นเอง จากนั้นก็ตายเพื่อไถ่บาปพวกเรา และเข้ามาอยู่ในพวกเรา เพื่อรักษาพระบัญญัติใหม่แทนเรา
พระเยซู คือพระเจ้าผู้ทรงอยู่ท่ามกลางพวกเราทั้งหลาย (EMMANUEL) คือพระองค์นำพระเจ้าทั้งสามพระภาคเข้ามาสร้างบ้านอยู่ในพวกเรา เพื่อเป็นหนึ่งเดียว และใช้ชีวิตของเรา เพื่อสำแดงพระองค์ต่อโลกให้เห็นพระองค์ผ่านเรา
....
ท่านมัทธิวกล่าวถึงพระเยซูในฐานะพระเจ้า เสด็จมาเพื่อให้คำทำนายในพระคัมภีร์เดิมสำเร็จ คือพระองค์บังเกิดที่บ้านเบธเลเฮม มีโหราจารย์มาเข้าเฝ้า และทรงบังเกิดจากหญิงพรหมจารี โดยเดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์
พระเยซู คือโมเสสคนใหม่ โมเสสออกจากอียิปต์ พระเยซูก็ออกจากประเทศอียิปต์ โมเสสข้ามทะเลแดง พระเยซูก็ผ่านน้ำแห่งบัพติศมาที่แม่น้ำจอร์แดน โมเสสอยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปี พระเยซูก็อยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 วัน โมเสสได้รับพระบัญญัติอยู่บนภูเขา แต่พระเยซูทรงประทานพระบัญญัติอยู่บนภูเขา
พระเยซูเสด็จมาเพื่อปลดปล่อยมนุษย์ออกจากการเป็นทาสของตัวบาป และความผิดบาป พระองค์ประทานพระบัญญัติใหม่ซึ่งเป็นมาตรฐานของพระเจ้า พระองค์ทรงไถ่มนุษย์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากความผิดบาป เพื่อให้ได้รอดจากการพิพากษา และพระองค์เสด็จมาเพื่อนำมนุษย์ให้กลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า
...
พระเยซูชนะการทดลองของซาตาน
พระเยซูประกาศข่าวดีเรื่องอาณาจักรสวรรค์
พระเยซูในฐานะกษัตริย์ กำลังตามหาราษฎรแห่งอาณาจักรใหม่ของพระองค์
อาณาจักรใหม่ของพระเยซู คือการใช้ชีวิตที่ตรงข้ามกับมนุษย์ ในโลกนี้ คือการเน้นที่นำหัวใจบริสุทธิ์มาถวายให้พระเจ้า สนิทผูกพัน รักพระเจ้าหมดทั้งตัวและหัวใจ และรักเพื่อนบ้าน ทั้งรักศัตรูด้วย เป็นการดำเนินชีวิตด้วยหัวใจใหม่ ซึ่งมีคุณสมบัติ 3 ประการ คือ ต่ำ ถ่อม และเสียเปรียบ และรางวัลที่พวกเขาได้รับก็คือมงกุฏ เพื่อครอบครองร่วมกับพระเยซูไปตลอดจนชั่วนิรันดร์
.....
เราจะเห็นว่า 3 บทนี้พระเยซูนำอาณาจักรของพระองค์มาสู่คนยากจน คนบาป คนเก็บภาษี คนป่วยไข้ คนพิการตาบอดหูหนวก คนโรคเรื้อน คนถูกผีเข้า และคนที่หัวใจบอบช้ำ เมื่อพระองค์รักษาพวกเขาให้หาย พระองค์มักจะใช้คำว่า “จงตามเรามา” เพื่อเป็นราษฏรของอาณาจักรสวรรค์
พระเยซูทรงเลือกอัครสาวก 12 คน เพื่อออกไปประกาศกับชาวยิวก่อน ตามพระสัญญาของพระเจ้าต่อชนชาติอิสราเอล ชาวยิวที่ต้อนรับพระเยซูก็ได้รับพระพร ส่วนคนที่ไม่ต้อนรับพระเยซูก็จะถูกสาปแช่ง
บทที่ 10 พระเยซูกล่าวถึง “ผู้รับใช้” ที่ออกไปประกาศ ควรจะได้รับการเลี้ยงดูดูแลจากพี่น้อง แต่ไม่ได้หมายความว่า เขามาอาศัยอยู่โดยที่ไม่ช่วยงานอะไร และต้องมีเงินเดือน
.....
ใน 3 บทนี้เราจะพบว่า มีบุคคล 3 กลุ่มที่มีความคิดไม่เหมือนกันเกี่ยวกับพระเยซู คือกลุ่มที่คิดบวก คือพวกเขาเชื่อว่า พระเยซูคือพระเมสสิยาห์ กลุ่มที่ 2 คือพวกที่สงสัยว่า ใช่พระเมสสิยาห์หรือไม่ และกลุ่มที่ 3 คือพวกที่คิดลบ คือผู้นำศาสนาทั้งหลายที่ไม่เชื่อ และไม่ยอมรับว่า พระเยซูคือพระเมสสิยาห์ ทั้งยังจะขัดขวาง ข่มเหงพระองค์ และเหล่าสาวกที่ติดตามพระองค์ด้วย ถึงอย่างไรก็ตาม พระเยซูก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะว่า พระองค์ทรงทราบดีว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น และพระองค์ทรงล่วงรู้เหตุการณ์ก่อนที่จะสร้างโลกเสียอีก จึงได้เลือกบรรดาผู้ที่เชื่อให้ได้รอด และคนที่จะเข้าในอาณาจักรสวรรค์ไว้แล้ว ดังนั้นพระเยซูจึงกล่าวคำอุปมาพูดถึงคนสามจำพวกนี้ในบทที่ 13 นั่นเอง
สรุปก็คือ อาณาจักรสวรรค์เป็นของบรรดาผู้ที่ถ่อมใจและเปิดใจ และยอมรับว่า ตนอ่อนแอ ไม่สามารถเข้าไปในอาณาจักรด้วยกำลังของตนเองได้ ส่วนบรรดาผู้เผยพระวจนะที่คิดว่า ตนสำคัญ และผู้ชอบธรรมที่คิดว่า ตนรักษาพระบัญญัติ และทำดีเพื่อพระเจ้าได้ พวกเขาเหล่านี้จะไม่ได้รับการเปิดตา เพื่อให้ได้เห็นทางเข้าอาณาจักร
.....
เมื่อพระเยซูถามสาวกว่า พระองค์เป็นใครสำหรับพวกเขา เปโตรตอบว่า พระองค์เป็นพระเมซียาห์ บุตรพระเจ้า แต่เปโตรและสาวกไม่เข้าใจถึงการเสด็จมาเพื่อเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรสวรรค์ พวกเขาคิดว่า พระเยซูจะมาเพื่อโค่นล้มอาณาจักรโรมัน และปดปล่อยชนชาติอิสราเอลให้เป็นอิสระ จากนั้นพระองค์ก็ทำนายถึงการถูกข่มเหง ถูกจับเฆี่ยนตีทนทุกข์ทรมาน และถูกฆ่าตาย และใครที่จะไคร่เป็นศิษย์ของพระองค์ก็ต้องรับใช้ผู้อื่น และถูกข่มเหงเหมือนกัน พระองค์ยังตรัสอีกว่า ถ้าหากต้องการชีวิตพระเจ้าเติมเต็มจนครบถ้วน ก็ต้องยอมสละชีวิตของตนทั้งหมดก่อน
.....
เมื่อถึงวันที่จะประกาศชัยชนะ พระองค์ไม่ได้เข้าไปยึดครอง แย่งชิงอำนาจจากอาณาจักรโรมันที่บัลลังก์ของเฮโรด แต่พระองค์เสด็จไปที่พระวิหาร ซึ่งเป็นที่ประทับของพระบิดา และคว่ำโต๊ะของพ่อค้าทั้งหลาย พระองค์ทรงกล่าวโทษผู้นำศาสนาที่หน้าซื่อใจคด คือมหาปุโรหิต ปุโรหิต ฟาริสี สะดูสี ธรรมรจารย์ และพวกที่โกงกินด้วยการค้าขายที่หวังกำไรเกินควรอย่างไม่มีเมตตา พวกเขาจึงหาทางจับ และประหารพระองค์ พระเยซูจึงไว้อาลัยต่อนครเยรูซาเล็มที่ห่างไกลจากพระเจ้าเสียแล้ว
พระเยซูจึงทำนายว่า พระองค์จะเป็นขึ้นมาจากตาย และกลับมาเพื่อก่อตั้งอาณาจักรแห่งสวรรค์สำเร็จ
.....
พอถึงเทสกาลปัสคา ซึ่งเป็นเทศกาลขอบพระคุณพระเจ้า ที่ไว้ชีวิตบรรดาบุตรชายทั้งหลายของชาวยิวที่ประเทศอียิปต์ พระเยซูประทับอยู่กับสาวก 12 คน และทรงก่อตั้งมหาสนิท เพื่อเตือนสาวกให้จดจำอยู่เสมอว่า พระองค์ทรงสถิตอยู่กับพวกเขา และจะไม่จากไปไหนเลย เพื่อสาวกทุกยุคทุกสมัยจะไม่ต้องกลัว และกังวลในชีวิตนี้ สมัยก่อนพระเจ้าไว้ชีวิตชาวยิวฉันใด การตายและการหลั่งไหลพระโลหิตของพระเยซู ก็คือการตาย และหลั่งไหลพระโลหิตเพื่อไถ่พวกเขาฉันนั้น
พระเยซูถูกพิพากษาให้ถึงตาย ทำให้คำทำนายในพระคัมภีร์เดิมสำเร็จ เรื่องการถูกปฏิเสธ และถูกตัดสินประหารชีวิตเพื่อไถ่บาปของพวกเขา เรื่องราวไม่ได้จบแค่เพียงเท่านั้น พระเยซูชนะความตาย และฟื้นขึ้นในวันที่สาม สาวกมากมายเห็นพระเยซูเสด็จมาหาพวกเขา และประกาศว่า พระองค์นี่แหละคือกษัตริย์ของพวกเขา และให้สาวกออกไปประกาศข่าวดีให้ทุกคนทั่วทุกมุมโลกได้รับรู้ และมาเป็นศิษย์ของพระองค์ เพื่อที่จะมีส่วนในอาณาจักรแห่งสวรรค์