จุดอ่อนของพวกเรา เรามักจะชี้ มักจะด่า มักจะว่า มักจะบ่น มักจะตัดสิน พอใครสักคนที่ผิด คนที่เรารักผิด เราก็จะทำร้ายเขา ด้วยการพูดที่ทำร้ายน้ำใจเขา อันนั้นไม่ใช่ความรัก
ผมขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ใส่ใจให้ได้เข้าใจมาอีกระดับหนึ่ง คือมันไม่ใช่แค่คำพูด มันเป็นการกระทำ ว่ารักมันเป็นการกระทำ
แล้วพระเยซูไม่เคยชี้หน้าด่าเรา ถ้าเราทำผิดอะไร แล้วถ้าคนในครอบครัวเรา สามี ภรรยา พ่อ แม่ ลูก แฟน คนรัก ถ้าทำผิดอะไรแล้วชี้หน้าด่า บ่นว่าทำร้ายน้ำใจกัน อันนี้ไม่ใช่ความรัก
ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์เป็นความรัก พระองค์ไม่เคยทำแบบนั้นกับเรา ไม่เคยทำร้ายหัวใจเรา ไม่เคยข่มเหงเรา ไม่เคยทารุณ ไม่เคยทำให้เราเสียใจ
แล้วเราก็เหมือนกัน เป้าหมายของเรา เราอยากดำเนินชีวิตที่ไม่ทำร้ายคนอื่น ที่ผ่านมาเราเรียนรู้ เราทุกคนผิดพลาดนั่นแหละ เราทุกคนก็ผิดก็พลาด
แต่เราเรียนรู้เพื่อจะมาถึงจุดนี้ให้ได้ มาถึงจุดที่ไม่ต้องชี้หน้าด่าใคร
ถ้าวันหนึ่งเราเสียคนที่เรารักไป เราสูญเสียเขาไป ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ สามีภรรยา คนรัก แล้วเราจะรู้สึกว่าสิ่งที่อาจารย์พูดมันเป็นความจริง
แล้ววิธีป้องกันนะครับก็คือ เริ่มจากตอนที่เรายังมีเขาอยู่ เพราะว่าเขายังไม่ได้หนีไปไหน เขายังไม่ได้ตายจากเราไป เริ่มตอนนี้เลยยังมีโอกาส ยังแก้ตัวได้ คือรักให้ดีที่สุด รักให้ดีที่สุด ให้เราเป็นคนที่น่ารักที่สุด
การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้มันแค่นี้นะ ไม่ได้ยากอะไร อยู่เพื่อรัก รักพระเจ้ายังไม่พอ ต้องรักมนุษย์ด้วยกัน แล้วโดยเฉพาะคนที่อยู่ในครอบครัวเรา ทำอะไรก็ได้ให้อบอุ่น
แล้วความรักมันมีสิ่งหนึ่งที่จะต้องทำ คือการยอม คือการยอม ถ้าเราบอกว่าเรารักใครสักคนหนึ่งแล้วเราไม่ยอม ไม่เคยยอม อยากเอาชนะ เราอยากให้เขาเปลี่ยน เราด่าว่าเขา เราอยากเป็นผู้ที่ถูกหมด อันนี้ไม่ใช่ความรัก
คือต้องยอม ต้องยอม เขาจะผิดจะถูกไม่สำคัญ คือสำคัญที่เรายอม เขาผิดก็ช่าง บางคนอาจจะเถียงว่า "เออ เขาผิดแล้วปล่อยเขาผิดหรอ" ก็ปล่อยเขาผิดสิ เพราะว่าเรารักไง แต่เราคุยได้ เราคุยกัน
แต่ตอนที่มันมีปัญหาก็คือเรายอมก่อน เรายอมแล้วคุยทีหลัง ยอมก่อนแต่คุยทีหลัง ให้น้ำนิ่งก่อน ให้ใจแต่ละคนใจเย็นลงก่อน แล้วค่อยคุยทีหลัง ไม่ทะเลาะกัน ไม่เอาชนะกัน แต่ยอมก่อน ฝ่ายที่ยอมก็คือบุตรพระเจ้า ขอบคุณพระเยซูสำหรับบทเรียนที่ล้ำค่านี้ เอเมน.