ถ้าหากเราเข้าใจว่าพระเยซูตรัส แล้วก็เห็นชัดเจนในคำกล่าวของพระองค์ในหนังสือยอห์น “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี” ในยอห์นบทที่ 10 คำว่า “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี” ก็คือเป็นคนที่ดูแลเรา เป็นคนที่ช่วยเหลือเรา ซัพพอร์ตเรา เสริมกำลังเรา ให้ทุกสิ่งที่เราต้องการ นี่คือความหมายของผู้เลี้ยงที่ดี
และเราเองก็ต้องวางใจในพระองค์ ซึ่งพระองค์กล่าวว่า “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี” และเมื่อเราวางใจในพระองค์เราก็จะไม่เป็นทุกข์เมื่อเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราก็ต้องเข้าใจว่า เอ๋ ทำไมพ่อให้ลูกในสิ่งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอาจจะไม่ชอบ อาจจะไม่ดี อาจจะทำนำความทุกข์ยากมาสู่เรา
แต่ขอให้เราเข้าใจว่าพระองค์ตรัสแล้วว่า “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี” ซึ่งทุกสิ่งที่พระเจ้าให้เราพระองค์มีเหตุผล และเพื่อเราเอง เพื่อเราเองไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อเราเองจะเติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซู เพื่อเราจะเข้าสู่การได้นั่งร่วมกับพระองค์ที่โต๊ะรับประทานอาหารร่วมกับพระองค์และร่วมกับพระองค์ในยุคหน้าและชั่วนิรันดร์
ซึ่งจะต้องแลกด้วยความยากลำบากในบางครั้งบางคราว อาจจะต้องเจอโรคอะไรหรือปัญหาเรื่องการเงินการงานอะไรก็แล้วแต่ แต่สุดท้ายถ้าหากเราเดินในวิญญาณ เดินในพระวิญญาณ อยู่ในพระคริสต์ สนิทอย่างสม่ำเสมอ ชีวิตเราก็จะไม่เจอสิ่งที่มันหนัก ก็คือความหมายหนักก็จะกลายเป็นเบาได้ ยากก็จะกลายเป็นง่ายได้ ร้ายก็จะกลายเป็นดีได้ สรรเสริญพระเยซูขอให้จำสิ่งนี้พระเจ้ามีเหตุผล
อย่างที่ผมพูด บางครั้งบางโรคพระเจ้าไม่รักษาเพื่อให้เราสนิทมากๆ แต่สิ่งที่พระองค์ทำก็คือทำให้ไม่เจ็บปวดจนเราทนไม่ได้ ผมปวดไหล่และต้นคอทุกวันเป็นเวลานานหลาย สิบปี แต่เมื่อสนิทในพระคริสต์มันกลับกลายมาเป็นอาการมึนชาไม่ปวดไม่รบกวนผมเหมือนเมื่อก่อน สุดท้ายอาการปวดไหล่ปวดคอก็หายไป และนานๆ เกิดขึ้นเพราะนอนน้อยหรือจากการหนุนหมอน
ผมมีอาการปวดไหล่แล้วก็ปวดต้นคอเป็นมานานหลายสิบปีตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น จนเข้าสู่การเป็นคริสเตียนก็ยังปวดอยู่ ขอพระเจ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย ไปคริสตจักรทีไรเมื่อไรก็ให้ผู้นำวางมือ แล้วก็อธิษฐานเผื่อผมก็ไม่เคยหายแล้วก็ขอพระเจ้าเองนะครับก็ไม่หาย
แต่พอมารับมานาฯ แล้วก็เข้าใจในเหตุผลที่ว่าพระเจ้ามีเหตุผลและพระเจ้าเป็นผู้เลี้ยงที่ดีของเรา พระองค์ไม่ต้องการรักษาเพื่ออะไรบางอย่าง ก็คือเพื่อให้เราสนิทในพระองค์ เพื่อให้เราปักใจในฝ่ายวิญญาณ เพื่อให้เราเรียกร้องร้องขอต่อพระองค์เป็นประจำ ซึ่งหลายคนจะต้องรับสิ่งนี้
เพื่อเพราะว่าพระเจ้า คือบางคนเนี่ยถ้าหากได้ดี ถ้าหากมีดีก็จะลืมพระเจ้า แต่ถ้าหากสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นก็จะวิ่งมาหาพระเจ้าใช่ไหม ซึ่งพระเจ้าก็ใช้สิ่งนี้เพื่อที่จะนำเราเข้าใกล้พระองค์สนิทในพระองค์
และต่อมาก็คือหลายสิบปีผมเห็นว่า ขอบพระคุณพระเจ้า ไม่หายนะครับ แต่ก็คือมันมีอาการมึนชา มึนชาและไม่รบกวนเหมือนเมื่อก่อน จะทำงานจะทำอะไรจะไปไหนมาไหนจะกินข้าวจะนอน ก็คือมันรบกวนมันทำให้เรารำคาญทำให้เราเจ็บปวดอยู่ยากนอนยากกินยากไปมายาก แต่พอสนิทอาการมึนชาก็เกิดขึ้นมันครอบคลุมความเจ็บปวด ก็อยู่ได้สบาย จนสุดท้ายนะครับนานเข้าก็คือมันไม่มีอีก ไม่มีอีก ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับประการนี้ที่เคยเป็น และไม่เป็นอีกแล้ว และนานๆ เกิดขึ้นเนี่ยก็คือการหนุนหมอนหรือว่านอนน้อยหรือว่าเราเป็นคนทำเองนะครับ
ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดีของพวกเรา ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้ทั้งสิ่งดีและสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นเพราะว่าพระองค์มีเหตุผลของพระองค์ เราไม่ต้องน้อยใจ แต่เราขอบพระคุณ อยู่เพื่อขอบพระคุณทุกสิ่งจะดีเอง เอเมน
และสำหรับเรื่องหลักในวันนี้ เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับสอนเราเรื่องการใช้ของประทาน มีของประทาน เข้าใจของประทาน และเป้าหมายของการใช้ของประทานไม่ใช่เพื่อตำแหน่ง ชื่อเสียง เพื่อให้คนยกเราขึ้น เพื่อให้พี่น้องรักเรามากกว่าใคร เด่นดีดังเกินใคร หรืออะไรก็แล้วแต่
แต่เป้าหมายหลักของการให้ของประทานฝ่ายวิญญาณโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เรา เพื่อให้คริสตจักรเติบโต เพื่อพี่น้องในพระกายได้รับผลประโยชน์ การรักษาโรค การช่วยเหลือ การอะไรก็แล้วแต่ ที่พระเจ้าจะทำงานผ่านของประทานของเรา และเพื่อให้คนที่ไม่เชื่อได้กลับใจ เพราะว่าเขาเห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้า
ซึ่งเราเองนะครับไม่แสวงหาไม่ให้ใครยกย่องเราเป็นครู เป็นอาจารย์ เป็นผู้นำ เป็นผู้ที่สูงส่ง และดีเด่นกว่าใคร ขอให้เราหลีกเลี่ยงสิ่งนี้นะครับ เพราะว่ามันจะเป็นสิ่งที่ทำลายเรา
และเราเองถ่อมใจ ถ่อมตน ไม่กล้าที่จะอวดอะไรเหมือนเปาโล เปาโลพูดว่าข้าพเจ้าอวดพระเยซู ข้าพเจ้าอวดพระคริสต์ ข้าพเจ้าอวดพระคริสต์ ท่านไม่เคยอวดตัวท่านเองว่ามีดีมีเก่งมีอะไรที่เหนือใคร เอเมนขอบคุณพระเยซู
ผมหวังว่าพระคำพระเจ้าในวันนี้จะมาถึงพวกเรา ที่โดยเฉพาะนะครับทีมงาน ทีมประสาน ซึ่งผมเห็นว่าเขาคุยกันอยู่เรื่องนี้ว่าเราจะทำยังไงดี พี่น้องบางคนน้อยใจ พี่น้องบางคนข้องใจว่าทำไมการช่วยเหลือมาช้า หรือบางคนที่ขอความช่วยเหลือก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือ หรือบางคนอาจจะคิดว่าทีมประสานลำเอียงหรือยังไง
ขอให้เราเข้าใจตรงนี้นะครับ เราไม่ต้องคิดอะไร เราวางใจในพระเจ้า หน้าที่ของเราก็คือสนิทในพระเยซู ทีมประสานเขาจะให้เขาจะไม่ให้เขาจะช่วยหรือไม่ช่วย หรืออาจจะช่วยช้า หรืออะไรก็แล้วแต่ เราเชื่อว่าพระเจ้าทำงานในพวกเขาอยู่
และเราเชื่อว่าพระเจ้ากำลังมองดูเรา และกำลังให้เราอยู่ในแผนการของพระองค์ให้สำเร็จไปจนถึงที่สุด และเราจะได้รับการเลี้ยงดูดูแลจากพระเจ้าโดยตรงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อาจจะเป็นทางทีมประสานหรืออาจจะเป็นทางอื่นหรือทางโลกที่เข้ามาสู่เรา
พระเจ้ามีทุกวิธีทุกทางหลายวิธีเพื่อที่จะดูแลเรา และอย่าลืมพระเยซูตรัสว่า “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี” พ่อแม่ที่เป็นพ่อแม่ที่ดีเลี้ยงลูกให้ดี ก็คือพ่อแม่จะช่วยซัพพอร์ต ให้ทุกสิ่งที่ลูกต้องการเพื่อดำเนินชีวิต ไม่ใช่เพื่อสิ่งที่ไม่จำเป็น ก็คือพระเจ้าเห็นพระเจ้าเข้าใจและพระเจ้าจัดเตรียมทุกสิ่งไว้เพื่อเราแล้ว เอเมนขอบคุณพระเจ้า
ถาม.
อยากขอคำแนะนำจากอาจารย์ค่ะ เพราะว่าดิฉันล้มป่วยในครั้งนี้ญาติพี่น้องของดิฉันเขาก็ว่า (เธอไปเชื่อพระเยซูทำไมพระเยซูไม่รักษาเธอให้หาย เธอกลับมาอยู่พูดเหมือนเดิมเถอะ) ดิฉันก็ได้ตอบเขาว่าถึงจะป่วยก็มีสันติสุข แล้วก็ทุกศาสนาเขาก็มีป่วยเหมือนกัน ดิฉันตอบไม่เป็นก็ตอบไปแบบนี้ค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับเรื่องการรักษาโรค เรื่องการช่วยเหลือในฝ่ายร่างกาย เรื่องปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น พระเจ้าอาจจะช่วยบางคน อาจจะไม่ช่วยบางคน แต่โดยส่วนมากพระเจ้าจะช่วยนะครับ หรือบางครั้งพระเจ้าก็จะช่วยรักษาอาจจะช้า หรือทำให้อาการหนักเป็นเบา ก็แล้วแต่พระเจ้านะครับ
สำหรับเราผมขอบพระคุณพระเจ้า ที่ถ้าหากพระเจ้าไม่รักษาเรา แต่พระเจ้าก็ประทานพระคุณอันล้นพ้น อันเหลือล้นให้แก่เราอยู่แล้ว เอเมน และเราเองนะครับเราเองไม่ต่อว่าพระเจ้า ก็คือขอบพระคุณพระเยซู ที่ให้ข้าพระองค์เจ็บปวด หรือป่วย หรือพระองค์ไม่รักษา หรือรักษาช้า ยังไงก็แล้วแต่ แต่การขอบพระคุณพระเจ้าจะเปลี่ยนทุกสิ่งให้ดีได้ ขอให้เชื่อนะครับ
และเราไม่จำเป็นต้องตอบเขานะครับ ซึ่งคำพูดของเขาไม่ใช่เพื่อต้องการคำตอบ แต่เป็นการเย้ยหยันเป็นการประชด เป็นการพูดในลักษณะที่แบบว่าอยากให้เราออกจากความเชื่อที่เราเชื่ออยู่ เพราะฉะนั้นอย่าหวั่นไหวและมองไปที่ซาตานนะครับที่อยู่เบื้องหลังของคนที่พูดเหล่านั้น
ขอให้พี่น้องอธิษฐานเผื่อนะครับ สำหรับพี่น้องที่พระเจ้ายังไม่รักษา เรามีความหวังเพราะว่าพระเยซูได้แบกเอาความเจ็บไข้ของพวกเราไปหมดแล้ว ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทุกวันนี้เราอยู่ในพระวิญญาณ เราอยู่ในพระคริสต์ เราอยู่ในฝ่ายวิญญาณ ไม่ได้อยู่ในฝ่ายเนื้อหนัง ซึ่งอาการเจ็บปวดเหล่านั้นมันถูกตรึงที่กางเขนแล้ว เอเมนพระเยซู
เราขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์รักเรา และรักพี่น้องจีนที่พูดถึงอาการเจ็บป่วย และพี่น้องที่เจ็บป่วยอยู่ ขอบพระคุณที่พระองค์จะรักษา และขอบพระคุณที่พระองค์แตะ การแตะของพระองค์ครั้งเดียว แตะนิดเดียวอาการก็จะดีขึ้นและหายไป ขอบพระคุณพระเจ้า เอเมน
ถาม.
ขอถาม 2 คำถามนะครับ ข้อแรกคือ เรารู้ว่าพระเจ้าให้เราแสวงหาของประทานที่สำคัญ ก็คือการเผยพระวจนะ ทีนี้การเผยพระวจนะมี 4 แบบ / ทีนี้แบบที่ 2 คือการรับจากผู้ที่รับจากพระเจ้าแล้วมาพูดต่อ คือสมัยก่อนผู้ใหญ่อิสราเอลรับจากโมเสส (แบบที่สอง รับจากผู้ที่รับจากพระเจ้าแล้วมาบอกต่อ คือผู้ใหญ่ของอิสราเอลที่รับจากโมเสส แล้วเอาไปช่วยพูดต่อ) ทีนี้สมัยนี้ยังมีอีกไหมครับ เพราะว่าหลายคนก็บอกว่าฉันก็ได้รับคำพูดนี้มาจากพระเจ้า แล้วเขาก็มาพูดแล้วหลายคนก็ฟังแล้วก็เอามาพูดต่อ เขาก็คิดว่าน่าจะเป็นกรณีนี้หรือเปล่า
แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งเรื่องที่ 2 คือทำไมพระเจ้าถึงเลือกเปาโล แทนที่จะเป็นหนึ่งในสาวก 12 คนครับ ที่เป็นคนที่มารับมานาที่ซ่อนไว้แล้วก็มาเปิดเผยความรู้ที่ล้ำลึกนี้ เอเมนครับ
ตอบ.
สำหรับคำถามแรกนะครับ มีบางคนอ้างว่าพระเจ้าสำแดงกับเขา พระเจ้าตรัสกับเขา แล้วก็มาบอกกับพี่น้องในพระกาย หรือบอกคริสตจักร สำหรับกรณีนี้ก็มีนะครับก็มี แต่ไม่เยอะไม่บ่อยเหมือนที่เราเห็นในคริสตจักรศาสนา หรือโดยเฉพาะกลุ่มไฟ ซึ่งเขามักจะอ้างตนว่าได้ยินเสียงพระเจ้า แล้วให้มาบอกคริสตจักรบ้าง บอกผู้นำบ้าง บอกอาจารย์บ้าง บอกสมาชิกบางคนบ้าง ซึ่งอันนี้เราเชื่อ 100% ไม่ได้ พระเจ้าอาจจะทำงานบางครั้งกับบางคน แต่นานๆ ทีหนึ่งนะครับ
การเผยพระวจนะ ในที่นี้ ที่พระเจ้าหนุนใจเราผ่านเปาโลว่า จงแสวงหาของประทาน โดยเฉพาะของประทานในการเผยพระวจนะ ทำไม? เราต้องมาเรียนรู้ก่อนว่าทำไมการเผยพระวจนะเป็นสิ่งที่สำคัญมากในคริสตจักร เพื่ออะไรครับ? เพื่อให้ทุกคนได้รับการเสริมสร้างก่อสร้างเพื่อการก่อขึ้น พระคำพระเจ้าเป็นมาโดยผู้เผยพระวจนะและเป็นมาโดยของประทานที่พระวิญญาณบริสุทธิ์นำมาสู่คริสตจักรและให้คนที่พูด คือคนฟังจะได้ยินเสียงของพระวิญญาณ ไม่ใช่เสียงของเราหรือเสียงของคนที่พูด และคนฟังจะได้กินสิ่งที่พระวิญญาณป้อนให้กินและการเติบโตก็จะตามมา นี้คือสิ่งที่สำคัญมาก
เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงให้หลายคนในคริสตจักรมีของประทานในการเผยพระวจนะ หลายคนที่พูดขึ้นมานะครับ ขอเป็นพยาน หลายคนที่พูดขึ้นมาขอเสริมค่ะ / ขอเสริมครับ และเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดปากเขาและพูดแทนเขา พี่น้องก็จะได้รับอาหาร ได้รับการเสริมสร้าง ได้รับการกินเพื่อให้โต ขอบคุณพระเยซูสำหรับสิ่งนี้
เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงต้องการให้เราหลายคนนะครับร่วมกันเผยพระวจนะ ของประทานในการเผยพระวจนะจะมีเยอะมากมีมากมายในคริสตจักรใดคริสตจักรหนึ่ง เพราะฉะนั้นขอให้เราใช้สิ่งนี้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อพระกายของพระคริสต์ และเพื่อบำเหน็จจะมีมากมายแก่เรา เอเมน
ส่วนคำถามที่สอง ถามว่าทำไมพระเจ้าเลือกเปาโล ไม่เลือกอัครสาวก 12 คน อันนี้เราไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงนะครับ แต่เท่าที่บันทึกในหนังสือกิจการ ก็คือสาวก 12 คนเป็นคนยิว ใช่ครับ และเปาโลเองก็เป็นคนยิว ใช่ครับ และทุกคนนับถือศาสนายิวและเคร่งศาสนามาก่อน ใช่ครับ
สำหรับสาวก 12 คนนะครับเขาอยู่ในศาสนายิว
เป็นคนที่อยู่ในรูปแนวศาสนามานานไม่ต่างกับเปาโล แต่เนื่องจากว่าเปาโลเป็นคนที่ข่มเหงคริสตจักร เปาโลเป็นคนที่ฆ่าคริสเตียนมากมาย เปาโลเป็นศัตรูของพระเยซู และเป็นตัวฉกาจด้วย ไม่มีใครที่ฆ่าคริสเตียนมากมายเท่ากับเปาโล พระเจ้าจึงเลือกใช้เปาโล
และสิ่งที่เราเห็นที่แตกต่างระหว่างเปาโลกับอัครสาวก 12 คน ก็คือเปาโลเป็นคนที่ถ่อมใจ เขาเป็นคนที่ถ่อมใจ ส่วนเปโตรแสวงหาการเป็นผู้นำ เป็นผู้ใหญ่ ไปไหน พระเยซูไปไหนก็ตามติดพระเยซูไป จนถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในสามของสาวก ที่ใกล้ชิดพระเยซูมากกว่าใคร และเปโตรเป็นคนที่ต้องการที่จะเป็นผู้นำ เป็นผู้ที่มีชื่อเสียง เป็นคนให้คนยกย่อง เพราะฉะนั้นเปโตรไม่ผ่าน
ถามว่ายอห์นผ่านไหม ยอห์นนะครับต่อมาเราจะเห็นว่ายอห์นเขียนหนังสือยอห์นที่เต็มด้วยถ้อยคำที่มาจากพระเจ้าที่เป็นถ้อยคำที่มาจากพระวิญญาณแห่งความจริง และเปาโลก็มาถึงจุดที่พระเจ้าเลือก เพราะว่าเขาเป็นคนที่ถ่อมใจมาก ถ้าพระเจ้าจะเลือกยอห์นก็ได้นะครับ แต่พระเจ้าให้ยอห์นเป็นคนที่อยู่ในคริสตจักรอย่างเงียบๆ สำแดงความรัก เราเห็นนะครับว่ายอห์นถูกเลือกให้สำแดงความรัก แต่เปาโลถูกเลือกให้เปิดเผยพระคำแห่งความจริงที่มาจากพระวิญญาณแห่งความจริง เราเห็นนะครับ
และสุดท้ายเปาโลก็เป็นคนที่ถ่อมใจ และพระเจ้าก็เลือกคนที่ถ่อมใจ ใครถ่อมใจมากคนนั้นก็จะถูกเปิดตามาก ขอให้เราจดจำสิ่งนี้นะครับ ถ้าเราถ่อมใจมากๆ ไม่ขัดแย้ง ไม่โต้เถียง การขัดแย้งการเกิดมีคำถามในความคิดในจิตใจของเราเนี่ยเพื่อต้องการคำตอบเป็นสิ่งที่พระเจ้ารับได้ แต่การขัดแย้งการโต้เถียงเพื่อเอาชนะ เพื่อเอาชนะอันนี้พระเจ้าไม่ต้อนรับและไม่ยอมรับ และคนนั้นจะเติบโตคนนั้นจะได้รับการเปิดตายากมาก
และที่สำคัญเปาโลเป็นคนที่ถ่อมใจมากๆ อย่าลืมนะครับเปาโลเป็นคนที่มีความรู้เรื่องพระบัญญัติ เรื่องพระคัมภีร์เดิมเนี่ยไม่น้อยหน้าใคร ไม่น้อยหน้าฟาริสี ในสภาแซนเฮดริน แต่เปาโลเขาถ่อมใจมากๆ เขาเป็นคนที่เปิดใจต่อพระเจ้า และยอมรับในคำสั่งสอนของพระเจ้า เป็นคนที่ยากจนฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง สุดท้ายพระเจ้าก็นำเขาไปสู่ประเทศอาระเบียแล้วก็สั่งสอนเขาเป็นเวลา 3 ปีกว่า และเปาโลก็ทิ้ง ทิ้งทั้งหมดเลยนะครับความรู้ทั้งหลายที่ได้เรียนมา เรียนรู้มาจากพระคัมภีร์เดิม จากกลุ่มฟาริสี เขาทิ้งหมด
ถ้าอยากให้พระเจ้าเปิดตามากๆ และให้พระเจ้าเลือกที่จะใช้เพื่อการเกิดผลในฝ่ายวิญญาณ ในเรื่องของพระคำล้ำลึก ถ่อมใจครับ
ถาม.
ถ้าตามความคิดของมนุษย์ ก็คือเขาจะคิดว่าพระเจ้าเลือกเปาโลเพราะว่าเขาฉลาดกว่าเปโตร แต่จริงๆ เราจะเห็นว่าเปาโลเขาก็ใช้เวลาถึง 10 ปี กว่าจะเข้าใจในสิ่งที่เขาเรียนรู้มาถูกไหมครับ
ตอบ.
สำหรับเรื่องใครฉลาดกว่าใคร อันนี้เราถ้าหากดูชีวิตของเปโตร และดูชีวิตของเปาโล เราจะรู้ว่าเปาโลเคยผ่านมหาลัยศาสนศาสตร์ แล้วก็อยู่ในกลุ่มของสภาแซนเฮดริน และอยู่ในกลุ่มของพวกธรรมาจารย์ ฟาริสีต่างๆ เขาได้ใช้เวลาอยู่กับพระคัมภีร์เดิมและพระบัญญัติมากมาย
ตรงข้ามเปโตรเป็นแค่ชาวประมง จะไปเอาอะไรกับเขามากมายนะครับ และที่สำคัญอย่าลืมนะครับว่าหลักการของพระเจ้า เวลาพระเจ้าเลือกใครพระเจ้าไม่เคยเลือกคนฉลาด แต่พระเจ้าเลือกคนโง่ พระเจ้าไม่เลือกคนที่มีความรู้ แทนที่พระเจ้าจะเลือกคนที่มีความรู้ใช่ไหม ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับโลกเลือก พระเจ้าไม่เคยเลือกคนที่หล่อสวย แต่พระเจ้าเลือกคนขี้เหร่ พูดตามตรงนะครับ และเราก็รู้ดีใช่ไหมว่าพระเยซูเกิดมาใช้หน้าตามนุษย์ที่ไม่หล่อเหลา ไม่มีเสน่ห์ เป็นคนขี้เหร่ แล้วก็ตัวเตี้ยด้วย
** แต่สิ่งสำคัญพระเจ้าเลือกคนที่ถ่อมใจ เอเมน
ถาม.
ที่อาจารย์เปาโลบอกว่าท่านได้รับการเลือกไว้ตั้งแต่ในครรภ์มารดานะครับ (กาลาเทีย 1:15)
ตอบ.
สำหรับมนุษย์นะครับ แม้แต่โลกนี้ยังไม่ได้ถูกสร้าง และมนุษย์ยังไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พระเจ้ารู้ DNA ของเรา พระเจ้ารู้ชีวิตตัวเล็กๆ ที่ยังไม่ได้มีตัวตน พระเจ้ารู้ว่าใครที่จะเกิดมา และใครที่จะเป็นคนที่ถ่อมใจจริงๆ ใครที่จะเป็นคนที่หยิ่งยโสจริงๆ พระเจ้ารู้ พระเจ้าจึงเลือกหมายไว้ทุกๆ คนไว้
ถ้าใครชอบดอกกุหลาบต้นกุหลาบนะครับ ถ้าหากเราไปซื้อ คือต้นมันยังไม่ได้เกิดมันยังไม่มีดอกสีแดง สีเหลือง สีอะไร เรารู้ได้ยังไงว่ามันเป็นสีอะไร เขารู้ดีใช่ไหมดูจากพันธุ์ของแต่ละชนิดใช่ไหมครับว่าต้นนี้จะเกิดมาเป็นสีแดง ต้นนี้จะเกิดมาเป็นสีเหลือง สีอะไร เขารู้
เพราะฉะนั้นไม่ต่างไปกับพระเจ้าที่พระองค์ทรงทราบดี ตั้งแต่เรายังไม่เกิด พระเจ้ารู้พันธุ์ของเรา คือพันธุ์ที่มาจากพระเจ้า หรือเป็นพันธุ์ที่จะเกิดมาแล้วเป็นข้าวที่เป็นเมล็ดที่ไม่ดีไม่มีแป้ง แต่จะเป็นข้าวที่เป็นข้าวดีที่มีแป้งที่เป็นข้าวที่พระเจ้าต้องการ เป็นเชื้อสายเป็นบุตรเป็นเผ่าพันธุ์ของพระเจ้า พระเจ้าทรงทราบดี ก็ขอบคุณพระเยซูเอเมน
ถาม.
ขอถามเรื่องความฝันครับ ฝันว่าบ้านหลังเก่าของคุณแม่นั้นแล้วก็หลานกับน้องชายของแก ขโมยขายหลังคาคล้ายๆ กับว่าเอาหลังคาไปขายหมด แต่ตัวบ้านยังอยู่ดี ยังแน่นยังอะไรอยู่เหมือนเดิม แปลเป็นอะไรครับผม
ตอบ.
สำหรับเรื่องนี้ก็ต้องอธิษฐานถามพระเยซูอีกรอบหนึ่งนะครับ ให้พระเจ้าสำแดง ถ้าหากเป็นมาโดยพระเจ้าเราก็จะได้รับคำตอบในไม่ช้านี้
แล้วที่ผ่านมามีเรื่องอะไรหรือเรื่องราวอะไรที่เกี่ยวข้องกับคล้ายๆ กับเรื่องที่เราฝันไหมครับ
ถาม.
ก็ยังไม่มีครับผม
ตอบ.
เอเมน
ถาม.
ขออนุญาตสอบถามค่ะ เกี่ยวกับการฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า ที่แบบว่าผ่านทางพี่น้องทางอื่น ก็คือมาบอกอีกทีหนึ่งเหมือนมาบอกกับตัวหนูอีกทีหนึ่งอะไรอย่างเนี้ยค่ะ เขาบอกว่าเขาไปสัมมนาแล้วก็เขาได้ศึกษาได้เรียนเรื่องเกี่ยวกับการฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า เขาก็ประมาณว่าวินาทีแรกสิ่งที่เกิดขึ้นในความคิดของเขา ก็คือเป็นเรา ซึ่งอันนี้เราจะแน่ใจหรือมั่นใจได้ยังไงว่าอันนี้คือเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าในความคิดของเขา ที่แบบจะนึกถึงเรา แล้วก็จะบอกว่าอันนี้คือเป็นเหมือนพระสุรเสียงของพระเจ้าน่ะ
ตอบ.
ถ้าหากเขาพูดด้วยความมั่นใจนะครับ และคิดถึงเรา แต่ไม่ใช่ครั้งเดียวนะครับ คือจะรู้สึกว่าพระเจ้าจะตรัสหรือพระเจ้าจะให้เราสำนึกถึงบ่อยๆ นี่ก็คือการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์
สำหรับเรื่องการเตือนของพระเจ้า การสื่อสารของพระเจ้าที่จะมาถึงเรา พระเจ้าใช้พี่น้องในกลุ่มพวกเราก็มี พระเจ้าใช้คนที่ไม่เชื่อก็ได้ และพระเจ้าใช้พี่น้องคริสเตียนศาสนาก็ได้ คือพระเจ้าใช้ทุกทางทุกวิธีเพื่อที่จะเข้าถึงเรา เพื่อเตือนเรา เพื่อหนุนใจเราบ้าง เพื่อสั่งสอนเราบ้าง เพื่ออยากให้เราทำอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้าหากว่ามีหลายครั้งที่เกิดขึ้นหรือเกิดบ่อย หรือมีพี่น้องหลายคนที่มาพูดกับเราและเตือนเราเป็นเรื่องเดียวกัน เราเชื่อได้ครับว่าเป็นมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
แต่ถ้าจะมีคนเดียวมาบอกนะครับว่าเราทำอะไรผิด หรือเป็นแบบนี้แบบนั้น แค่คนเดียวนะครับเราอย่าเพิ่งเชื่อ เราอธิษฐานถามพระวิญญาณก่อนว่าอันนี้เป็นมาโดยพระองค์หรือไม่ หรือว่าเป็นมาจากอีโก้ของเขา หรือความเชื่อผิดของเขา ความเข้าใจของเขาที่อยากมาบอกมาเตือนมาสั่งสอนเรา
สำหรับพี่น้องที่ถามเกี่ยวกับเรื่องความฝัน หลังคาบ้านนะครับและก็โจรขโมยมาลักเอาไป
โจรขโมย คือสิ่งที่ไม่ดี คือคนที่ไม่ดี ที่จะเอาหลังคาบ้านออกไป ก็คือเราไม่ได้อยู่ในการคุ้มครอง ปกป้อง ปกปักรักษาโดยพระเจ้า
เพราะฉะนั้นถ้าหากเราทำอะไรผิดอยู่ก็กลับใจ แล้วก็ถ้าหากว่าเรายังเดินในฝ่ายเนื้อหนัง ก็เข้ามาเดินในฝ่ายวิญญาณ เพื่อเราจะมีบ้านมีฝาบ้านมีประตูมีหลังคาบ้านครบทุกส่วน โจรขโมยจะไม่ได้ลักเอาไปได้ ก็คือการอยู่ในพระคริสต์ อยู่ในพระวิญญาณ เดินในพระองค์สม่ำเสมอ เพื่อที่จะไม่มีใครมาลักสิ่งที่ครบบริบูรณ์ของเราไปจากเราได้ และเราจะอยู่ในพระพรของพระเจ้า อยู่ในการดูแลปกปักรักษาของพระเจ้าได้ครับ เอเมน
สิ่งสำคัญบทเรียนของเราในวันนี้ ก็คือเราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความเข้าใจเรื่องการใช้ของประทาน เพื่ออะไร เป้าหมายคืออะไร และเราจะต้องเป็นคนที่ถ่อมใจ
ถ่อมใจคืออะไร ก็คือการถ่อมถึงดิน การที่ไม่มีตัวตน ไม่อวดเราเอง แต่อวดพระคริสต์ เพื่อพระคริสต์ ทุกสิ่งเพื่อพระคริสต์ เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ และเพื่อคริสตจักรเติบโต
และสิ่งที่สองก็คือชีวิตของเปาโลที่ท่านเป็นผู้ประกาศเป็นผู้รับใช้ที่ไม่แสวงหาสิ่งที่เป็นฝ่ายเนื้อหนังและการตัดสินใจการคิดในฝ่ายในการใช้ความคิดของท่านเอง แต่ท่านเดินไป และรับใช้ มีชีวิตอยู่ ทำทุกสิ่ง เพื่อให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนนำพาเท่านั้น
เราเองนะครับอยู่ในคริสตจักร หรือการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา ก็คือเราเรียนรู้ฝึกที่จะให้พระวิญญาณพระคริสต์ เป็นคนคิด ตัดสินใจ ดำเนินชีวิตแทนเรา และให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ที่จะนำพาเรา หนุนใจเรา เตือนเรา ช่วยเรา ในการที่จะไปมาทำอะไรก็แล้วแต่ เพื่อให้เป็นที่ชอบพระทัยของพระบิดา ไม่ทำตามใจของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือคนยากจน คนขัดสน การใช้จ่าย การเงิน การทำมาค้าขาย ทำธุรกิจ หรืออะไรก็แล้วแต่
เราเป็นอวัยวะของพระคริสต์ เราเป็นที่อยู่อาศัยของพระคริสต์ เราเป็นลูกของพระเจ้าที่ให้พ่อให้พระบิดาเป็นคนที่กระทำทุกสิ่งในชีวิตของเรา นี่คือตัวอย่างที่ดีที่เปาโลสำแดงกับพวกเรา และหนุนใจพวกเราทุกคนให้ทำตามให้เรียนรู้ชีวิตของเปาโลและทำตามอย่างท่าน
และเราขอบคุณพระเจ้าที่ทุกวันนี้มันเป็นภาระเป็นแอกที่เบามากๆ เราไม่ต้องคิดตัดสินใจ เราไม่ต้องใช้กำลังของเราเอง แต่คนที่คิดตัดสินใจก็คือพระคริสต์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์นำพาเรา และกำลังเรี่ยวแรงการซัพพอร์ตการเสริมกำลัง ก็เป็นมาโดยพระวิญญาณของพระเจ้าที่อยู่ในเรา สรรเสริญพระเยซูเอเมน
** ขอบพระคุณพระเยซูที่สอนเราในวันนี้ เรื่องหลักสองเรื่องคือ ท่าทีของเราต่อของประทาน/และเป้าหมายในการใช้ของประทาน และเรื่องการช่วยเหลือผู้ที่ขัดสนและงานฝ่ายร่างกายต่างๆ
ผมเคยพูดกับพวกเราน่าจะนานแล้วเรื่องถ้าหากเราหวังที่จะได้เงินเดือน ชื่อเสียง ถ้าเรามาร่วมในกลุ่มคริสตจักรเที่ยงแท้ เราผิดหวังแน่นอน เพราะว่ากลุ่มพวกเราไม่มีทุนไม่มีใครส่งเสริมไม่มีองค์กรอะไรที่อยู่เบื้องหลังนะครับ
เราเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่เน้นเรื่องการนำพี่น้องให้สนิทในพระคริสต์ ให้อยู่ในความผูกพันความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเยซู ใกล้พระเยซูมากที่สุดในแต่ละวัน เพื่อที่พระองค์จะเป็นพระองค์เองที่จะช่วยเราในทุกเรื่องทุกด้าน นี่คือเป้าหมายของพวกเรา
เพราะฉะนั้นผมก็เห็นมีพี่น้องหลายคนที่เข้ามาแล้วอยากเป็นผู้นำก็มี อยากได้รับเงินเดือนข้าตอบแทนก็มี แต่ถ้าจะมาในลักษณะนี้ก็คือผิดหวังแน่นอน เราไม่มีอะไรซัพพอร์ตช่วยเหลือ
แต่.. เรามีพระวิญญาณให้คุณ
เรามีพระคริสต์ให้คุณ
เรามีพลังของพระเยซูให้คุณ
เรามีสันติสุขทุกวันเวลาให้คุณ
เรามีชีวิตที่จะเป็นผู้ชนะและร่วมครอบครองกับพระเยซูในอาณาจักรและชั่วนิรันดร์ให้คุณ เท่านี้
เรื่องการช่วยเหลือ เราช่วยเหลือตามขนาดของความเชื่อ และตามทุนทรัพย์ที่เรามี พอมีกันบ้าง และเราช่วยโดยที่รอพระวิญญาณนำพาให้ช่วย ถ้าหากพระวิญญาณไม่นำเราก็ต้องขอโทษพี่น้องนะครับ ต้องขอโทษพี่น้อง เราอยากช่วยนะครับแต่อยากให้สิ่งที่เราทำเนี่ยเป็นทองคำเงินเพชรพลอย เป็นสิ่งที่เป็นมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
คือเราเห็นพี่น้องที่ขัดสนเราอยากช่วยใจจะขาด แต่พระเจ้าไม่ตรัสกับเราไม่บอกเราไม่เร้าใจเราไม่กระตุ้นเราให้ไปช่วย เราก็ต้องเข้าใจว่าพระองค์จะมีเหตุผลอะไรบางอย่างกับคนคนนี้กับพี่น้องท่านนี้ แล้วเราก็อธิษฐานเผื่อนะครับ เราอธิษฐานเผื่อเขา
เพราะฉะนั้นการช่วยเหลือ การทำอะไรก็ตาม อยู่ที่การตัดสินใจของพระวิญญาณของพระเจ้า ขอให้เราเข้าใจตรงนี้
ถาม.
อาจารย์ค่ะยังพอมีเวลาไหมค่ะ ขออนุญาตถามนิดนึงค่ะ
ตอบ.
สำหรับเรื่องการนมัสการของพวกเราไม่มีเวลากำหนดนะครับ สำหรับพี่น้องที่รู้สึกว่า เอเมนแล้ว ต้องการคือหิวข้าวแล้ว หรือจะไปทำอย่างอื่นต่อแล้ว ก็เอเมนนะครับ และพี่น้องที่อยู่ต่อก็เอเมนครับ
ถาม.
เอเมนค่ะขอถามนะคะ คืออยากรู้แล้วก็อยากเข้าใจนิดนึง อธิษฐานกับพระเจ้ามาสักพักหนึ่งแล้วค่ะ แต่ว่าไม่รู้ว่าพระเจ้าตอบหรือยังหรือว่ายังไงอาจจะยังไม่เติบโตก็เลยไม่ค่อยเข้าใจ เมื่อก่อนดิฉันอยู่ในศาสนาใช่ไหมคะก็จะมีคลุกคลีกับเพื่อนๆ แล้วก็จะมีแบบไปงานนั่นนู่นนี่เลยหลายๆ อย่าง แต่พอดิฉันออกมาจากศาสนา แล้วก็มาฝึกเดินในวิญญาณแบบเต็มตัว แล้วก็สนิทกับพระเจ้า เหมือนในใจของดิฉันมันถูกเปลี่ยนไป ไม่อยากไปคลุกคลีไม่อยากไปร่าเริงสังสรรค์ในจุดนั้นแล้ว
ดิฉันก็เลยไม่เข้าใจตัวดิฉันเองว่า ดิฉันไม่ชอบเขาเหรอ หรือว่าถูกชำระโดยพระวิญญาณในการที่จะให้อยู่อย่างสงบ แต่ในความรู้สึกของดิฉันไม่ได้เกลียดไม่ได้โกรธไม่ได้อะไรเลย แต่เพียงแต่ว่าอยากอยู่อย่างสงบ ภายในจิตใจของดิฉันคืออยากอยู่อย่างสงบ ไม่อยากคลุกคลีไม่อยากวุ่นวายไม่อยากมีปัญหาไม่อยากอะไรกับใครที่เกี่ยวกับในด้านศาสนาประมาณนี้ค่ะ
คือถ้าฝึกเดินในวิญญาณ ถ้าพระเจ้าให้จน ก็จนในความรู้สึกของดิฉันน่ะ แต่พระเจ้าให้รวย ดิฉันก็จะรวย แต่พระเจ้าให้มีปัญหาเข้ามา ดิฉันก็จะมี ประมาณนี้ค่ะ ก็เลยไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้มันถูกชำระหรือว่ามันเป็นการคิดของเราเองหรือว่าอีโก้ของเราเองที่มันไม่ถ่อม เอเมนค่ะอยากรู้ประมาณนี้ค่ะ
ตอบ.
ในพระคัมภีร์ใหม่นะครับมีคำหนึ่งเรียกว่าชำระให้บริสุทธิ์ ภาษาอังกฤษก็คือ sanctification หรือ sanctified คำว่าชำระให้บริสุทธิ์ หรือ sanctified คืออะไร
เมื่อพระเจ้าเลือกเรา เรียกเราให้มาเป็นบุตรของพระเจ้า สิ่งแรกที่พระเจ้าทำก็คือ sanctified ก็คือชำระเราให้บริสุทธิ์ ก็คือการได้กลายเป็นบุตรพระเจ้า เป็นคนบริสุทธิ์ได้บังเกิดใหม่ พระเจ้าแยกเรานะครับ ความหมายที่จริงของคำว่า sanctification หรือ sanctified หรือชำระ ทุกครั้งเราได้ยินคำนี้ขอให้เราจดจำนะครับ ก็คือแยกออกมา แยกออกมา คือแยกออกมาจากเขาที่ไม่เชื่อ แยกออกมาจากเขาที่เชื่อผิด แยกออกมาจากเขาที่ไม่มีการดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยพระเจ้า เพื่อให้เป็นประชากรที่บริสุทธิ์และดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ตามน้ำพระทัยของพระบิดา
เพราะฉะนั้นเมื่อมีการแยกออก เมื่อมีการชำระเกิดขึ้น เราจะค่อยๆ มีอาการที่แตกต่างที่เปลี่ยนไป ที่ไม่รู้สึกเหมือนที่เคยชอบเคยรักเคยเป็นไปในสมัยเมื่อก่อน นี่คือการกระทำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำกับเราในแต่ละวัน เรียกว่า Daily sanctification เราเอเมนเราขอบพระคุณพระเจ้าครับ สำหรับพี่น้องที่ได้รับการชำระแล้ว
และอยู่ยากมากมันไม่อบอุ่นเหมือนเมื่อก่อน แต่มันอบอ้าว ที่จริงแล้วคริสตจักรศาสนามันก็มีความอบอุ่นในระดับหนึ่ง ก็คือเราไปก็คือสนุกสนานอยู่กับพี่น้องคริสเตียน มีการร้องเพลง มีการนมัสการ มีการร่วมกันอธิษฐาน กิจกรรมต่างๆ มันก็โอเคอยู่ใช่ไหม
แต่พอเรารับมานามากขึ้น การ sanctified / sanctification การชำระมีมากขึ้น สุดท้ายนะครับเรารักเขาแค่ไหนอยากอยู่กับเขามากแค่ไหน เราอยู่ไม่ได้ เราก็ต้องออกมา แล้วมันมีอาการที่แบบคือมันอยู่ยากมาก เราคุยกับเขาแม้ขนาดคุยกันหรือคุยกันทาง Messenger ทางอะไรก็แล้วแต่ ทาง LINE ก็แล้วแต่ ดูเหมือนจะไม่เข้าใจกันเลย ซึ่งไม่เหมือนเมื่อก่อน
อันนี้เราหลายคนมีประสบการณ์กันแล้วใช่ไหม ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ สำหรับพี่น้องที่ได้รับการชำระโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ในระดับนี้ก็คือ การแยกออกมาให้มากขึ้นโดยพระเจ้าเป็นคนกระทำ เราควรจะขอบพระคุณพระเยซู เอเมน
ถาม.
คำว่า sanctified กับ Justified ความหมายเดียวกันไหมครับ
ตอบ.
คำว่า Justified หรือ Justification ภาษากรีกถ้าจะแปลตามตรงก็คือ เกิดความพอใจ ก็คือพระเจ้า Justified ใครก็คือพระเจ้าพอใจคนนั้น เราขอบพระคุณพระเจ้าที่เมื่อเราเป็นบุตรพระเจ้า พระเจ้าเลือกและเรียกเรามา พระองค์ก็ Justified เรา ก็คือพอใจเรา เมื่อเราเชื่อในพระเยซู เมื่อเราต้อนรับพระเยซูเป็นพระเจ้าของเรา เรียกว่าเราได้รับการ Justified / Justification โดยพระเจ้าแล้ว
ก็คือพระเจ้ามองมาที่เราเมื่อไหร่ พระเจ้าบอกว่าเราพอใจเจ้า เราพอใจคนนี้ เราพอใจคนนั้น เราพอใจแล้ว ทุกสิ่งที่เจ้าทำตอนนี้มันทำให้เราพอใจทั้งหมด แต่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ามองมาที่เราและดูการกระทำของเรานะครับ แต่เป็นมาโดยพระโลหิตโดยพระเยซูคริสต์ พระเจ้าจึงพอใจเรา
จริงๆ แล้วพระเจ้าไม่อยากมองเรา ไม่อยากดูเรา ไม่อยากมองหน้าเราเพราะว่าเราเป็นคนบาปเป็นคนชั่ว ขอโทษนะครับเราเป็นคนที่ไม่ดีเลยสำหรับพระเจ้า ไม่มีอะไรดีเลย แต่เมื่อเราเชื่อและต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเจ้าพอใจเรา ร้อยเปอร์เซ็นต์พันเปอร์เซ็นต์ เอเมน เพราะว่าเราผ่านการ Justification หรือผ่านการ Justified ของพระเจ้าแล้ว
แต่คำว่า sanctification คืออะไร การถูก sanctification ก็คือพระเจ้าแยกเราออกมาจากคนที่ไม่เชื่อ มาเป็นผู้เชื่อ พระเจ้าแยกเราออกมาจากศาสนาคริสต์ มาสู่พระกายฝ่ายวิญญาณ มาสู่ชีวิตในฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง
สรุปก็คือการ Justified ก็คือเราเชื่อพระเจ้าก็พอใจในชีวิตของเรา เรียกว่าได้รับการ Justified หรือ Justification
ส่วนการ sanctified ก็คือพระเจ้าแยกเราออกมา จากกลุ่มที่ไม่เชื่อมาเป็นผู้เชื่อ จากกลุ่มที่เชื่อผิดมาได้รับการแยกมาให้เป็นผู้เชื่อที่ถูก
ถาม.
คำว่า sanctified แสดงว่าเป็นการชำระออกมาใช่ไหมครับ
ตอบ.
เป็นการแยกออกมาครับ เป็นการแยกออกมา นำออกมา หลังจากที่พระเจ้า Justified ก็คือหลังจากที่พระเจ้าพอใจเราแล้ว
เหมือนอย่างที่มีผู้ชายคนหนึ่งที่ไปช็อปปิ้ง แล้วก็เห็นว่าสินค้ามีมากมายหลายอย่างหลายชนิดให้เลือก แล้วปรากฏว่าเขาเห็นบางอย่างที่เขาพอใจ เขาชอบ ฉันชอบอันนี้ ฉันชอบสินค้าชนิดนี้ ยี่ห้อนี้ โอ้ พอใจชอบมาก เขาก็ไปซื้อมา ก็คือไปเอามา ก็แยกออกมาจากสินค้าที่เคยอยู่ในห้างสรรพสินค้านั้น ก็เอามาเป็นของเขาเอง อันนี้คือ sanctification ครับผม
ถาม.
พอดีว่าติดป้ายหน้าบ้าน เพราะว่าโบสถ์เก่าเขามาตามบ่อยค่ะ เขียนไว้ว่า ส่วนตัวห้ามรบกวน อย่างนี้พระเจ้าจะเสียใจไหมค่ะ
ตอบ.
เหตุผลที่ติดป้าย คือก่อนหน้านี้มีอะไรเกิดขึ้นหลายๆ เรื่องใช่ไหมครับ
...
ถาม.
ก็คือเขาต้องการให้เรากลับไปรับใช้ที่โบสถ์ค่ะ
ตอบ.
ถ้าจะให้ดีนะครับ ก็คือถ้าอยากติดป้ายก็ติดก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าจะให้ดีจริงๆ ก็คือไม่น่าจะติดนะครับ ก็คือเราพูดด้วยเหตุผล ถ้าหากเขาไม่ฟังไม่ยอมรับในสิ่งที่เราปฏิเสธเขา ถ้ามันมาถึงจุดที่แบบเขาจะตื้อเรายังไงก็ไม่ยอมจะเอาเรากับไปหาเขาให้ได้ ก็คือติดป้ายก็ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าจะให้ดีกว่าก็คือไม่ต้องติดครับ ก็คือปฏิเสธไป
ถาม.
ค่ะเพราะว่าดูที่กล้องวงจรปิดจะเห็นเขาตลอดเลยสลับกันมาค่ะ
ตอบ.
ถ้าเป็นในลักษณะนี้เราติดไว้ก็ได้ ก็ไม่ผิดครับ ก็เอเมน แต่ดูจิตใจเรานะครับดูที่จิตใจเราว่าเรารู้สึกฟ้องผิดไหม เรารู้สึกว่ามันเกินไปไหม เรารู้สึกว่าเรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ในความรักอยู่ไหม คือสำรวจจิตใจของเรา สังเกตวิญญาณของเรา จิตใจของเราว่าอยู่ในลักษณะของคนที่มีหัวใจขมขื่น หรือจิตใจที่มีสันติสุขสงบสุขกับพระเจ้าหรือไม่
...
ถาม.
ตอนนี้ก็มีสันติสุขอยู่ค่ะ แต่ขอสักระยะหนึ่งก่อนค่ะ
ตอบ.
ก็ไม่ผิดครับ เอเมนครับ คือสำหรับเรา เราเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณก็จริง แต่จะมีการตื้อบ่อยๆ การที่คนมาพูดมาชวนมาทำอะไรกับเราที่ไม่ยอมหยุดนะครับ บางครั้งคำพูดเท่านั้นก็อาจจะใช้ไม่ได้ การนิ่งเฉยก็อาจจะใช้ไม่ได้ ซึ่งเราอาจจะเขียนป้าย แต่เขียนในลักษณะที่อ่อนสุภาพอ่อนโยน เราไม่เขียนในลักษณะของคนคือแบบว่าในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ถ้าเป็นแบบนั้นก็เอเมนแล้วครับ
...
ถาม.
คือถูกต้องแล้วหรือค่ะที่ว่า ส่วนตัวห้ามรบกวน
ตอบ.
อันนี้อยู่เมืองไทยหรือว่าอยู่ต่างประเทศครับ ถ้าหากเราอยู่ในเมืองไทย ถ้าเขียนว่า ห้ามรบกวน มันไม่ใช่เป็นประเด็นที่ใหญ่ใช่ไหม ก็คือเราบอกไปตามตรงว่าเราไม่อยากให้ใครมารบกวนเรา ก็โอเคอยู่นะครับ แต่ถ้าหากเราอยู่ต่างประเทศก็คือ do not dister ก็เป็นคำที่คนใช้เป็นประจำอยู่ มันก็น่าจะไม่เป็นอะไรก็เอเมนครับ
ถาม.
การที่เราเจ็บป่วยบ่อยๆ มันเป็นมาจากเรื่องสุขภาพของเราเอง หรือว่าการตีตอนของเราบางเรื่องที่เราไม่ยอมกลับใจ บาปบางเรื่องที่เราสะสม หรือว่าพระเจ้าเตือนแล้วเราไม่ยอมทำ ประมาณนี้ค่ะ อยากทราบว่ามันใช่การตีสอนของพระเจ้าไหมในการที่เราป่วยบ่อยๆ เพราะว่าดิฉันป่วยบ่อยมากค่ะช่วงหลังๆ มาถึงแม้ว่าจะได้ฝึกมานาในระดับไหนก็ตาม แต่รู้สึกว่าทุกคนดิฉันสังเกตดูเขาจะป่วยกันเป็นหวัดปีละครั้ง แต่ดิฉันป่วยเดือนละครั้ง ป่วยทีก็นาน 2-3 อาทิตย์ ก็เลยอยากทราบว่าอันนี้มันเป็นการตีสอนในเรื่องการบาป หรือว่าการทดสอบทดลองความเชื่อกันแน่ เอเมนค่ะ
ตอบ.
เมื่อเราดูแลสุขภาพของเราเป็นอย่างดีแล้วนะครับ คืออะไร คือการกิน การพักผ่อน การนอนเพียงพอ การออกกำลังกาย ถ้าเราทำดีแล้ว เหมาะสมแล้ว
สองสิ่งนะครับคือสาเหตุ ก็คือ
1. การตีสอนจากพระเจ้า
2. ก็คือการทดลองความเชื่อการทดสอบความเชื่อของเรา
โดยทั่วไปปกติสิ่งที่ 3. ไม่ค่อยจะมีในยุคนี้ ก็คือการถวายเกียรติแด่พระเจ้า อันนั้นเราอาจจะตัดออกไปได้ แต่เราก็ต้องดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นในลักษณะไหน
เราถามพระเจ้าก่อนนะครับ ว่าเราทำผิดอะไรไหม ทำไมถึงป่วยบ่อยๆ ขณะที่คนอื่นเขาป่วยนานๆ ที เราป่วยมันเยอะเกินไปมันบ่อยมาก เราถามพระเจ้าว่า
“ข้าพระองค์ทำผิดอะไรไหม ถ้าทำผิดข้าพระองค์ขอสารภาพ และขอพระองค์สำแดง และขอพระองค์ชำระข้าพระองค์ เพื่อที่ข้าพระองค์จะไม่ทำ”
เราถามพระเจ้านะครับ อาจจะเป็นการตีสอนที่เป็นมาจากพระเจ้าก็เป็นได้
สิ่งที่สองสาเหตุที่ 2. ก็คือ พระองค์อาจจะทดสอบความเชื่อของเรา หรือพระองค์ต้องการเรียกร้องความสนใจให้เราสนิทในพระองค์ อยู่ในฝ่ายวิญญาณมากกว่าที่จะใส่ใจในฝ่ายเนื้อหนัง
เราสำรวจเราเองว่าตอนนี้เราอยู่ในฝ่ายวิญญาณในแต่ละวัน สนิทในพระเยซูมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์อยู่หรือไม่ ถ้าเราทำดีแล้ว เราก็มาดูที่การถูกตีสอน คือเราได้ทำบาปอะไร อาจจะรู้ตัวหรืออาจจะไม่รู้ตัว อาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ เราถามพระเจ้าว่า
“ข้าพระองค์ทำผิดอะไร พระองค์ต้องการเตือนข้าพระองค์หรือบอกข้าพระองค์เรื่องอะไร ที่ข้าพระองค์ได้ทำผิดต่อน้ำพระทัยของพระองค์”
...
ถาม.
เอเมนค่ะ สมมุติว่าเรารู้แล้วว่ามันเป็นการตีสอนจากการทำบาปบางอย่าง ที่เรายังมีรากขมขื่น หรือมีอะไรขัดใจกับพี่น้องบางอย่าง แต่เราไม่ยอมไปเคลียร์ หรือเราไม่ต้องการที่จะให้เรื่องมันใหญ่ แต่เราต้องการจบอย่างนี้ค่ะ คือเหมือนกับว่าเราต้องการจบ แต่เราสารภาพบาปกับพระเจ้าเลย แต่เราไม่ต้องไปเคลียร์กับพี่น้องอย่างนี้โอเคไหมค่ะ ได้ไหมค่ะ หรือว่าเราต้องเคลียร์กับพี่น้อง หรือว่าเราแค่สารภาพบาปกับพระเจ้าแค่นี้ก็พอ
ตอบ.
ขอโทษนะครับพูดตามตรงขอพูดอย่างครบเลยนะครับ
ก็คือสำหรับพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่และเรามีใจบาดหมางกับเขาหรือมีรากขมขื่นที่ยังยกโทษให้เขาไม่ได้ หรือยังคิดลบกับเขาอยู่ แต่เราต้องการอยากมีความสัมพันธ์อยากสามัคคีธรรมกับพระเจ้าอยากอยู่ในพระวิญญาณอยู่ในพระคริสต์ สิ่งที่จำเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราต้องทำ ก็คือต้องไปเคลียร์กับเขา ต้องไปสารภาพต่อกันก่อน การสารภาพกับเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่ สำหรับพระเจ้านะครับเป็นสิ่งที่เราควรทำเพื่อสำแดงความถ่อมใจ เพื่อสำแดงความไม่มีตัวตนของเรา
ถ้าหากเราจะเป็นคริสเตียนที่แท้จริง เราไม่มีตัวตนนะครับ เราตายแล้ว คุณตายแล้ว ทุกคนตายแล้ว ชีวิตเก่าของเราอาดัมตัวที่มีอีโก้สูง ตัวที่มีความหยิ่งผยองพองตัว เราตายกันหมดแล้ว เอเมน ทุกวันนี้เราปัจจุบันนี้ เราเป็นคนใหม่ เป็นคนที่ไร้ตัวตน ไม่มีค่าอะไรเลย แต่พระเจ้าเรียกเราเลือกเรามาเป็นบุตรของพระเจ้าและให้อยู่ในสภาพของคนที่ถ่อมจนถึงดินไม่มีค่าอะไร แต่พระคริสต์เป็นคุณค่าเป็นค่าที่สูงส่งที่อยู่ในพวกเรา เอเมน
เพราะฉะนั้นถ้าหากใครมีปัญหากับใคร เราไปสารภาพต่อกันและเคลียร์กัน เปาโลพูดโดยพระวิญญาณว่าใครมีปัญหามีเรื่องกับใคร จงสารภาพต่อกัน และเมื่อเราสารภาพพระโลหิตของพระเจ้าก็จะชำระเรา และเราก็จะมีส่วนในพระกายมีส่วนในการสามัคคีธรรม ถ้าหากเราไม่สารภาพเรายังมีรากขมขื่น เรายังมีจิตใจที่ไม่ค่อยจะพอใจเขาเท่าไหร่ การสามัคคีธรรม การนมัสการ การมาร่วมกับพี่น้องของเรา พระเจ้าไม่เห็นไม่มีความหมายไม่มีค่าอะไรเลย มันเสียเวลาเปล่า
แต่เมื่อเราสารภาพผิดต่อกัน เราขอโทษพระเจ้า พระโลหิตของพระเจ้าก็จะชำระเรา และนำเราเข้ามาสู่อ้อมอกของพระบิดา และสู่อ้อมอกของพระกาย สู่ความรักของพระคริสต์ที่เคลื่อนไปมาที่ทำงานท่ามกลางพวกเราขณะนี้ และอาหารก็จะเป็นอาหารที่มีรสชาติโอชาอร่อยที่สุดสำหรับเราในวันนี้ ขอบคุณพระเยซูเอเมน
แต่ไม่จำเป็นนะครับที่จะสารภาพต่อหน้าพี่น้องทุกคน ก็คือทักเขาไปทักไลน์คุยทางไลน์ก็ได้ คุยทางไหนก็ได้ที่สะดวก หรือไปหากันก็ได้ สำหรับผมนะครับถ้าทำผิดกับใครไปหาดีกว่า รู้สึกว่าได้อยู่ใกล้แล้วก็ได้พูดต่อหน้ามันดีกว่า จะมีความรู้สึกที่มันผูกพันความสัมพันธ์การยกโทษการสารภาพต่อกันที่มีคุณค่ากว่า แต่ถ้าไม่สะดวก ไม่สะดวกก็คือขอโทษสารภาพต่อกันทางไลน์ก็ได้ทางไหนก็ได้ครับ แต่พูดด้วยความจริงใจ
...
ถาม.
จริงๆ ที่ถามไปคือมันเป็นเรื่องในอดีตแล้วนะคะ แต่ฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องนั้นหรือเปล่าที่พระเจ้าตีสอน จริงๆ มันนานมากแล้วค่ะมันนานมากๆ แล้ว แต่เวลาเราอธิษฐานทำไมเรื่องนี้มันผุดขึ้นมาในใจ ก็เลยมาสอบถามอาจารย์ดูว่ามันใช่เรื่องตีสอนไหม
แต่ถ้าเราสองคนขอโทษกันแล้วแต่ว่าใจของเราลึกๆ มันยังผูกมัดตัวเองอยู่ อาการนี้เราจะทำยังไงค่ะ เราจะสารภาพบาปหรือสนิทกับพระเจ้ามากขึ้นกว่าเดิมค่ะ หรือว่ารอการชำระจากพระเจ้าที่พระองค์จะทรงปลดปล่อยตรงนี้ค่ะ
ตอบ.
ก็คือง่ายๆ นะครับเราขอการชำระจากพระเจ้าครับ ก็คือ “พระเยซูชำระข้าพระองค์ด้วย ข้าพระองค์ยังมีรากขมขื่นยังลืมสิ่งที่เขาทำกับข้าพระองค์ไม่ได้”
แล้วก็สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญที่เราทำทุกวันจำได้ไหม เรานับตาย ถวายตัว ตายแล้วๆๆๆ ตัวเก่านี้ตายไปแล้วตายนานแล้วตายกับพระเยซูแล้ว ตายเมื่อ 2,000 ปีก่อนแล้ว คอนเฟิร์มยืนยันว่ามันตายจริงๆ ทำให้เป็นความจริงต่อชีวิตของเราต่อความคิดของเรา เมื่อเราท่องเราจำเราทำเป็นประจำทุกๆ วัน
คำตอบอยู่ในโรมบทที่ 6:4 เมื่อท่านจำเริญขึ้นในความตาย เมื่อท่านสนิทในการตายกับพระคริสต์ ท่านก็จะจำเริญขึ้นในความตายของพระคริสต์ มันคืออะไร? ก็คือเราจะตายมากขึ้น แล้วตัวเก่าของเราความหยิ่งผยองพองตัวมันจะลดน้อยลงและหายไป และความคิดในเรื่องของอาดัม ความไม่พอใจ ความโกรธ ความโมโห การไม่ให้อภัย มันก็จะตายไปก็จะหายไป
คือท่อง จำ นับตาย ถวายตัว และเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่และสนิทในพระเยซูบอกรักพระองค์ให้มากในแต่ละวัน สุดท้ายผลของพระวิญญาณก็จะตามมาจะเกิดขึ้นและเข้ามาแทนที่ผลของอาดัมที่เป็นสิ่งที่ไม่ดี เอเมน
สำหรับพระเจ้า ผู้ชนะที่แท้จริง คือคนที่ชอบขอโทษ หรือบางครั้งเราอาจจะไม่ได้ทำผิด เราขอโทษก็เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่พระเจ้าชอบพระทัย ซึ่งการขอโทษนำมาถึงการสร้างความผูกพัน มิตรภาพที่ดีขึ้นมาใหม่ได้ และทำให้คนมองเราว่าเป็นคนที่ถ่อมใจจริงๆ และเป็นมาโดยพระเจ้าจริงๆ มีความรักแท้อากาเป้จริงๆ
บางคนที่ไม่ชอบหน้าเรา บางคนที่เรามีปากเสียงทะเลาะกัน หรือถกเถียง หรือมีเรื่องต่อกันที่ผ่านมา ถ้าหากเราเป็นคนที่ยอมขอโทษ รู้ไหมครับว่าทุกสิ่งจากร้ายมันกลายกลับมาเป็นดีจากหน้ามือเป็นหลังมือเป็นไปได้ ด้วยคำ “ขอโทษ” คำเดียว
แล้วสิ่งที่พระเจ้าต้องการก็คือให้เรา “ขอโทษ” ถึงแม้ว่าบางครั้งเราอาจจะไม่ผิดก็ตาม นี่คือการถวายเกียรติแด่พระเจ้าที่แท้จริง เราทุกวันนี้เป็น peacemaker เราบุตรพระเจ้าเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงก็คือเป็น peacemaker ก็คือเป็นคนที่สร้างสันติในมัทธิวบทที่ 5:9 พระเยซูตรัสว่า บุคคลผู้ใดสร้างสันติคนนั้นจะเป็นบุตรแห่งอาณาจักรของพระเจ้า
เรายอมในวันนี้ เราถ่อมใจ เราเป็นคนที่ไม่มีค่าในวันนี้ เราจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรของพระเจ้า และเชื่อกันไหมครับว่าสิ่งที่ตามมาคืออะไร มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเราสารภาพต่อกัน เมื่อเราขอโทษเขา เมื่อเราทำในสิ่งที่พระเจ้าชอบพระทัย รู้ไหมครับว่ามีอะไรจะเกิดขึ้น มีบุคคลที่สามที่จะเริ่มกระทำการบางอย่าง ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ สันติสุขจะเต็มล้น อาการสงบสุขจะมีมากมายในเรา และหัวใจที่เต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ มันจะค่อยๆ เย็นชุ่มฉ่ำเย็นสบายในหัวใจของเรา
สิ่งนี้จะตามมาเมื่อเราขอโทษใครบางคน เมื่อเราสารภาพผิดต่อใครบางคน เมื่อเราทำในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นคนสนับสนุน ก็คือทำให้หัวใจของเราเต็มด้วยความสงบสุข เต็มด้วยหัวใจที่เย็นชุ่มฉ่ำ ขอบคุณพระเยซูเอเมน
อย่าลืมว่าการถ่อมใจเป็นหัวใจของพระเจ้า พระเยซูเป็นผู้ที่ถ่อมใจมากที่สุด และเป็นแบบอย่างที่เราควรใช้ชีวิตในการถ่อมใจในลักษณะของพระองค์ และให้พระองค์นั่นแหละเป็นคนที่ถ่อมใจอยู่ในเรา
และการที่ไม่ถ่อมใจ ตรงข้ามก็คือเป็นการอวดตัว หยิ่งพยองพองตัว อวดเก่ง อวดดี คือสิ่งที่ทำให้พี่น้องก็ไม่รักเรา แล้วก็พระบิดาก็ไม่ชอบพระทัยในชีวิตการงานการรับใช้ของเรา สิ่งที่เราทำก็ไร้ค่าในสายพระเนตรของพระบิดา
เพราะฉะนั้นอีกครั้ง “ขอโทษ” สารภาพผิดต่อกัน เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า และทำให้เกิดมิตรภาพ เราสร้างสันติ ดีกว่าสร้างศัตรู เอเมน
เราสำรวจดูว่าเราทำผิดกับใคร แล้วใครที่ไม่พอใจเราอยู่ เราได้ทะเลาะกับใคร ถกเถียงกับใคร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กก็ตาม ไปเคลียร์กัน และถ้าหากพี่น้องที่เราไปเคลียร์ด้วยเขาไม่เล่นด้วยเขาไม่ยอมรับเขาไม่พูดด้วย อันนั้นก็คือเราก็ปล่อยให้เป็นภาระของพระเจ้ากับเขา แต่เรื่องของเราก็คือเราได้ขอโทษแล้ว สารภาพผิดแล้ว เราก็เคลียร์กับพระเจ้าเรียบร้อยแล้ว เอเมน
มีพี่น้องบางคนหรือคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนนะครับ เขาเข้าใจกันว่าการทำงานก็ไม่ต่างไปจากการออกกำลังกาย อันนี้สำหรับผมที่ได้เรียนรู้ได้รับรู้มาจากคนที่มีความรู้ความเข้าใจจากหมอจากแพทย์นะครับ ก็คือการทำงานไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการออกกำลังกาย ซึ่งจะพอมีส่วนที่จะช่วยให้มีกำลังแข็งแรงบ้างก็พอมีส่วน แต่จะเรียกว่าการออกกำลังกายมันไม่ได้
ซึ่งการออกกำลังกายก็คือใช้เวลาส่วนตัวเพื่อออกกำลังกายหลายท่าทีหลายท่า แล้วมันจะช่วยได้เยอะมาก สำหรับผมนะครับก็คือพอได้ยินผู้ชายคนหนึ่งที่เขาเล่าว่า เขาไปหาหมอ แล้วหมอบอกว่าจะอยู่ได้อีกไม่นานและต้องทานยาทุกวันหลายเม็ดด้วย แต่ปรากฏว่ามะเร็งที่เขาเป็น คือเขากลัวนะครับเขาก็ทานยาทุกวัน แล้วหมอก็บอกคำสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินออกจากโรงพยาบาล ก็คือออกกำลังกายเป็นประจำน่ะ
คือเขาได้ยินคำนี้เขาก็ไปซื้อจักรยานมา แล้วก็ปั่นทุกวัน แล้วปรากฏว่า 3-4 เดือนต่อมาเกือบจะถึง 5 เดือนนี้แหละ โรคมะเร็งก็หาย แล้วเขาไม่ต้องทานยาทุกวันอีก แล้วทุกวันนี้เขาแข็งแรงมากกว่าใครเขาเลิกเหล้าเลิกบุหรี่เลิกทุกสิ่งที่มันทำลายสุขภาพของเขา ทุกวันนี้เขาแข็งแรงสุขภาพดีนะครับ
แล้วผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี ผมก็เอามาเป็นแบบอย่าง เอามาทำเป็นตัวอย่าง ก็คือปั่นจักรยานทุกวันวันละชั่วโมง 2 ชั่วโมง ปรากฏว่าขอบพระคุณพระเจ้าก็คือสุขภาพเหมือนคนหนุ่มยังแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพเลยแม้แต่เรื่องเดียว ยกเว้นเรื่องอาการที่ผมเป็นคนที่นอนดึก ก็ทำงานนะครับ ก็ปวดคอบ้างปวดไหล่บ้างซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ขอบพระคุณพระเจ้ามันไม่รบกวนเหมือนสมัยก่อนที่เป็นแล้วคือแบบมันอยู่ยากเจ็บปวด ขอบพระคุณพระเยซูสำหรับทุกสิ่งนะครับการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีขอสนับสนุนเราให้ทำ
ถาม.
เรื่องที่เราออกมาแล้ว (จากคริสตจักรศาสนา) ที่นี้มันมีลึกๆ ในใจ เราอยากจะไปเยี่ยมเยียนพี่น้อง มันเป็นโดยพระวิญญาณหรือว่าตัวเราเองครับผมก็ยังไม่เข้าใจเลย
ตอบ.
อย่าลืมนะครับว่าพี่น้องศาสนาคริสตจักรศาสนาเขาก็เป็นพี่น้องของพวกเรา และอย่าลืมนะครับว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็อยู่กับพวกเขาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นพระเจ้าก็รักเราและพระเจ้าก็รักพวกเขา และเราเองลึกๆ พระเจ้าก็อนุญาตให้เราคิดถึงพวกเขา และบางครั้งพระเจ้าก็เป็นคนกระตุ้นเราให้คิดถึงพวกเขา และอธิษฐานเผื่อ และไปเยี่ยมได้เป็นบางครั้งครับผม
ซึ่งถ้าหากพี่น้องเปิดใจรับฟังและยอมรับในสิ่งที่เราแบ่งปัน ก็เอเมนครับ แต่ถ้าหากเราไปเยี่ยม ไปผูกพัน กลับไปหาเขาเป็นบางครั้งแล้วปรากฏว่าเมื่อคุยกันเนี่ยไม่รู้เรื่องเขาไม่ยอมรับเขาต่อต้านขัดขวาง เราก็ไม่คุยดีกว่า แต่ไปเยี่ยมเยียนได้ครับผม
คือสำหรับผมเมื่อจะไปเยี่ยมพี่น้องในกลุ่มศาสนาคริสต์เมื่อไหร่ ก็คิดถึงเขาก็รักนะครับก็มีความผูกพัน เขาก็เป็นบุตรของพระเจ้าเหมือนกันกับพวกเรา ก็ไปนั่งนิ่งเฉยๆ นะครับไม่พูดอะไร ไม่พูดไม่คุยอะไร ก็ไปเพื่อให้รู้ว่าเรามีความผูกพันเรารักเราไม่ทิ้งเขา การไปนั่งเฉยๆ เนี่ยมันก็มีคุณค่าก็มีความหมายสำหรับเขาใช่ไหม
ถ้าหากว่าไปแล้วไปพูดไปคุยไปแบ่งปันไปเผยพระวจนะร่วมกับเขามันเกิดความขัดแย้ง คือทำให้ไม่ได้สร้างสันติ แต่สร้างศัตรู ก็คือเรานิ่งเฉยดีกว่า เราก็ได้ทำหน้าที่สำเร็จแล้วครับ เอเมน
...
ถาม.
อย่างกรณีของชนกนะคะคนที่นี่คือเขาจะเป็นคาทอลิก เวลาไปหาเขาคือเราไปประกาศไปคุยเรื่องพระเจ้า เวลาชนกพูดอะไรเกี่ยวกับมานาเข้ารับได้นะคะ เขารับด้วยความชื่นชมยินดี แต่ในบางครั้งเราก็ต้องพาเขาไปที่โบสถ์ที่เป็นคาทอลิกก็ไปพบเพื่อนอะไรอย่างเนี้ย คือเขารับฟังที่เราพูด แต่ว่าบางครั้งเขาก็จะพูดเขาก็อยากจะอธิษฐานถึงพระแม่มารี เขาก็บอกนี่ก็ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันน่ะ บางครั้งชนกก็บอกว่าฉันจะไม่พูดถึงพระแม่มารีฉันจะพูดถึงพระเยซูผู้เดียว เพราะว่าฉันเอาพระเยซูมาเพื่อที่จะพูดกับเธอ คือเราอยู่ในจุดนั้นนะคะ ยังคิดว่าเราจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาไหมคะในบางครั้ง คือเราอยู่ตรงนั้นเราออกไม่ได้หรือในบางครั้งเราเป็นคนพาเขาไป เรามีส่วนร่วมกับเขาด้วยหรือเปล่าค่ะอาจารย์
ตอบ.
คือจะเรียกว่ามีส่วน 100% ก็ไม่น่าจะใช่ ซึ่งตอนแรกพาเขาไปใช่ไหม แต่ปรากฏว่าความเชื่อ การดำเนินชีวิต การรับใช้มันไม่เหมือนกัน มันคนละเรื่องกัน ก็คือเราอธิษฐาน เราอธิษฐานให้พระเจ้าเป็นคนนำเราว่าจะทำยังไงต่อไป เพื่อข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรจะเกิดผล หรือถ้าหากไม่เกิดผลเราก็จำเป็นต้องยอมและออกมาครับ
...
ถาม.
เอเมนค่ะ แต่เขาก็ฟังเรานะคะ คือถ้าจะพูดไปแล้วคืออย่างชนกอย่างภาษาที่เราใช้พูดกัน ถ้าใช้ภาษาแบบโดยทั่วไปก็เข้าใจกันง่าย แต่เวลาไปพูดเรื่องพระคำของพระเจ้า คือภาษามันจะเป็นอะไรที่บางครั้งตัวชนกก็ไม่ได้ แต่เหมือนพระเจ้านำพาให้เราพูดออกมาแล้วเขาเข้าใจนะคะ เขาเข้าใจเขาก็ตอบรับกับเรา อาเมน แต่เราจะไม่อาเมนกับเขาเวลาเขาพูดถึงพระแม่มารีนะคะ คือมันจะเป็นออกไปอย่างนั้นนะคะ
ตอบ.
ถ้าเป็นในลักษณะนี้ก็เชื่อว่าพระเจ้าใช้เราอยู่ ใช้เราให้ช่วยพี่น้องเหล่านี้ แน่นอนครับเราไม่จำเป็นต้องอาเมนถ้าหากเขาทำอะไรพูดอะไรที่ไม่ถูกต้องตามน้ำพระทัยพระเจ้า หรือตามพระคำแห่งความจริง เราอยู่กับเขาและช่วยเหลือเขา อธิษฐานเผื่อเขา เอเมน
...
สิ่งสำคัญนะครับพระเจ้าใช้เราพระวิญญาณบริสุทธิ์นำเรา สิ่งสำคัญก็คือ เพื่อให้เกิดผลในทางที่ดี เพื่อให้เกิดผลมาถึงพระคำแห่งความจริงของพระเจ้า นำทุกคนมาถึงพระคำแห่งความจริง
สำหรับมีบางที่ซึ่งมีการข่มเหง มีการต่อต้าน ขัดขวางผู้รับใช้ที่นำข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักร นำพระคำแห่งความจริงไปสู่หลายๆ ที่ ปรากฏว่ามีการต่อต้านมีการขัดขวางขัดแย้งการต่อสู้ถึงขั้นรุนแรงมาก แต่ในที่สุดขอบคุณพระเจ้าทุกวันนี้มีหลายคริสตจักรที่เคยต่อต้าน กลับกลายเป็นว่าเป็นคริสตจักรที่ยอมรับมานา ยอมรับพระคำล้ำลึก และเกิดผลอย่างมากมายในท่ามกลางคริสตจักรเหล่านั้น
เพียงแต่เขาไม่พูดถึงไม่เอ่ยถึงผู้นำบางคนที่ได้นำพระคำแห่งความจริงหรือมานาที่ซ่อนไว้นี้ไปแบ่งปันให้กับเขา ซึ่งมันอาจจะเสียภาพพจน์ เพราะว่าเมื่อก่อนเขาเคยต่อสู้ เขาเคยเอ่ยถึงชื่อของผู้รับใช้คนนี้
เราไปแบ่งปันเราไปเปิดเผยความจริงของพระเจ้า เราไปช่วยเหลือเขานะครับ เป็นสิ่งที่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสำคัญที่สุด ก็คือให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนนำเรา เอเมนนะครับ
ให้พี่น้องสังเกตและคิดเอาเองนะครับว่าที่ไหน ซึ่งเมื่อก่อนเคยมีการต่อต้านอย่างมากมาย แล้วผู้นำก็ถูกข่มเหง แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปหลายปี สุดท้ายคำสอนที่ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้าๆ ออกๆ มันก็หายไปจากคริสตจักรเหล่านั้น พระคริสต์อยู่ในเราก็เริ่มสอนมากขึ้น เรื่องอาณาจักรก็สอนกันมากขึ้น เรื่องพระบัญญัติ เรื่องสิบลด ก็สอนกันมากขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงคำสอนเปลี่ยนแปลงความคิดของพี่น้องผู้นำทั้งหลาย แล้วก็พี่น้องคริสตจักร เกิดผลอย่างมากมายเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า สรรเสริญพระเยซู
นมัสการในวิญญาณ คืออาศัยความเชื่อ ไม่มองด้วยสายตาอารมณ์ความรู้สึก
ในความจริงก็คือ เราใหม่แล้ว อยู่ในพระคริสต์แล้ว เต็มด้วยพระพรฝ่ายวิญญาณแล้ว เป็นบุตรที่รักของพระบิดา เป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ เป็นพระกายของคริสตจักรแล้ว
ในความจริงคือพวกเรา รัก รักพระบิดา และรักซึ่งกันและกัน ผู้ที่ไม่รักพระเจ้าและพี่น้องก็ไม่ได้อยู่ในความจริง
สารภาพต่อกันและสารภาพต่อพระบิดา ก่อนที่จะเข้าร่วมในวิญญาณและในความจริง เพื่อพระโลหิตจะชำระเราและจะทรงต้อนรับเรา
ขอบพระคุณพระเยซูที่สอนเราในวันนี้ เรื่องหลักสองเรื่องคือ ท่าทีของเราต่อของประทาน / และเป้าหมายในการใช้ของประทาน และเรื่องการช่วยเหลือผู้ที่ขัดสนและงานฝ่ายร่างกายต่างๆ
ขอบพระคุณพระบิดาที่พระองค์อยู่ท่ามกลางพวกเรา
ขอบพระคุณพระเยซูคริสต์ที่เป็นพี่ชายนำเราทั้งหลายเข้าสู่การสามัคคีธรรมและนมัสการพระบิดา
ขอบพระคุณที่เราทั้งหลายถวายชีวิตใหม่เพื่อเป็นเครื่องถวายบูชาอันหอมหวลแด่พระบิดา
และขอบพระคุณพระเจ้าที่ให้เราได้พบความรักที่แท้จริง รักแท้ รักอากาเป้ ที่พระองค์ประทานให้พวกเราก่อน และวันนี้พวกเราจึงนำมาเพื่อถวายแด่พระองค์ พระเยซูพวกเรารักพระองค์ รักพระองค์มาก
ขอบพระคุณที่สอนพวกเราเรื่องการใช้ของประทาน การถ่อมใจ
และขอบพระคุณที่สอนพวกเราเรื่องการใช้ชีวิตคริสตจักร การช่วยเหลือ การให้ การใช้เงินทองทรัพย์สินเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ขัดสนตามน้ำพระทัยของพระองค์ คือต้องทำแบบไหนอย่างไร
ขอบพระคุณพระบิดาที่พระองค์เป็นคนกระทำทุกสิ่ง กระทำกิจในเราทั้งหลาย และเราไม่ต้องแบกภาระหนัก กางเขนหนัก แต่อยู่ในความสงบสุข และอยู่ในการนำพา ตัดสินใจ ทำแทนของพระองค์ สรรเสริญพระบิดาพวกเรารักพระองค์ เอเมน