a. เป็นเรื่องที่น่าเศร้าท่ามกลางสังคมคริสเตียน เราได้บังเกิดใหม่แล้ว แต่เราไม่เคยกิน และดื่มพระเยซูในสภาพของอาหารที่มาจากสวรรค์เพื่อให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราได้เติบโต
b. สำหรับผู้เชื่อที่ได้รับมานาฯ แล้ว เรารู้แล้วว่าพระคำพระเจ้าเป็นอาหารแห่งสวรรค์ และพระเยซูนั้นเเหละที่เป็นอาหารแห่งชีวิตของเรา (ยอห์น 6:35)
เราต้องฝึกเพื่อที่จะหายใจรับชีวิต และรับอาหารดังกล่าว โดยการขอบพระคุณพระเยซู และเชื่อว่าเรากำลังรับขณะที่ หายใจเข้า และอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ และนมัสการพระองค์
c. คนมักจะพูดว่าถ้าหากเรากินอะไรเข้าไปเราก็จะเป็นสิ่งนั้น
สมมุติว่าเรากินเนื้อวัว เราก็จะมีกลิ่นวัว หรือเป็นเหมือนวัว กินกระเทียม เราก็จะมีกลิ่นกระเทียม ฯลฯ และเมื่อเรากินพระเยซูเราก็จะมีกลิ่นหรือนิสัยของพระเยซู (ยอห์น 6:57)
d. ยิ่งเรากินพระเยซูโดยการอ่านเพื่อกินเพื่อโต เราก็จะมีชีวิตพระเจ้าสามพระภาคอยู่ในเรามากเท่านั้น
a. พระเจ้าเลือกเรามาเป็นเหมือนนักวิ่งเพื่อวิ่งแข่ง ไม่ใช่ให้เรายืนนิ่ง
b. เราวิ่งแข่งเรื่องการฝึกเดิน
c. เราวิ่งแข่งเรื่องการสะสมมานาฯ
d. เราวิ่งแข่งเรื่องการสำแดงความรัก ความชอบธรรมของพระเยซูผ่านเราในเรา
- ถ้าหากเรายังมองด้านลบต่อผู้อื่น แสดงว่าเรายังไม่มาถึง ชีวิต (ของพระเยซู)
ถ้าหากเรายังบ่น และเป็นทุกข์ กังวลกระวนกระวาย เรายังมาไม่ถึงชีวิต
เราไม่ได้ต่อติดกับเถาองุ่น หรือไม่ได้สนิท/อาศัยอยู่ในพระคริสต์
สิ่งแรกที่เราต้องทำ ก็คือ ไปตาย จากนั้นค่อยมาเชื่อมต่อ ต่อติดกับพระคริสต์สนิทในพระคริสต์
- สิ่งที่เป็นด้านลบ Negative things เป็นสิ่งที่ซาตานใช้เพื่อทำลายเรา และชักนำเราให้ออกจากพระคริสต์
อย่าหลงกลมาร เรายอมเป็นคนพ่ายแพ้ ยอมต่ำ เสียเปรียบต่อมนุษย์ แต่เราจะเป็นผู้ชนะต่อพระเจ้า (ในสายพระเนตรของพระเจ้า)
ขอบคุณพระเยซูสำหรับเรื่องการกินพระเยซู ในสมัยก่อนช่วงสองพันปีก่อนที่จะมาถึงยุคพวกเรา คือตอนที่พระเยซูมาเกิดแล้วก็มาเป็นมนุษย์ ระยะนั้นจะมีลัทธิหนึ่ง ที่เป็นศาสนา ที่มีการเฉือนเนื้อ มีการกินเนื้อ กินเลือดกัน ของสมาชิกในลัทธินั้น
ปรากฏว่าพระเยซูเมื่อพระองค์ประกาศข่าวประเสริฐเดินทางไปมามีสาวกเป็นร้อยเป็นพัน หลายพันคนที่ตามพระเยซู ในหนังสือยอห์นบทที่ 6 คือประมาณห้าพันคนที่เป็นผู้ชาย ไม่นับผู้หญิงและเด็ก แต่มีอยู่ตอนหนึ่งที่พระเยซูตรัสว่า (ยน 6:51-56) ถ้าหากท่านกินเรา และดื่มเลือดเนื้อของเรา ดื่มเลือดของเรา ท่านจะมีชีวิตอยู่โดยเรา
พี่น้องทราบไหมว่าตอนนั้น ขณะนั้น สาวกหลายพันคนเดินหนีไปจากพระองค์ ไม่มีใครติดตามพระองค์อีก เพราะว่าเขาคิดว่าพระเยซูคือผู้นำลัทธิ ของกลุ่มลัทธิกินเนื้อกินเลือด แล้วอัครสาวกสิบสองคนที่ยังอยู่กับพระเยซู พระองค์ก็ถามว่า แล้วพวกท่านล่ะ จะไปจากเราเลยหรือ สาวกสิบสองคนก็บอกว่าไม่ ไม่ไป หลังจากนั้นพระเยซูก็อธิบายน่ะว่ากินเลือดกินเนื้อแบบไหน ยังไงน่ะ
แต่พอมาถึงยุคของเปาโล ขอบคุณพระเจ้า เปาโลนำความรู้ความเข้าใจฝ่ายวิญญาณที่พระเยซูตรัสไว้เรื่องการกินพระเยซู ซึ่งการกินพระเยซูทุกวันนี้ เราทราบกันดีใช่ไหมว่าพระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิต พระเยซูก็ตรัสน่ะอยู่ในยอห์นบทที่ 6 พระเยซูตรัสว่าเราเป็นอาหารแห่งชีวิต เราเป็นแม่น้ำแห่งชีวิต ตรงนี้น่ะคือคำตอบ ก็คือการกินในฝ่ายวิญญาณ กินพระเยซูในสภาพของอาหาร และพระเยซูเองนเป็นมานา มานาที่ซ่อนไว้ ขอบคุณพระเจ้าเราเข้าใจแล้ว
ทีนี้เมื่อเราเข้าใจว่าพระเยซูเป็นอาหาร เป็นน้ำแห่งชีวิตที่เราต้องกินดื่ม เราจะกินแบบไหน จะกินยังไง คริสเตียนส่วนมากและคริสเตียนศาสนา และผมเองเมื่อก่อนก็ไม่เคยรู้ ไม่เคยเข้าใจ อ่านพระคัมภีร์เขาบอกว่าพระคำพระเจ้าเป็นอาหารแห่งชีวิต แล้วกินยังไง ก็แค่อ่านน่ะ อ่านเพื่อนได้เรียนได้รู้
สุดท้ายพอมาพบมานาฯ ขอบคุณพระเยซูที่เราได้รู้ว่า การกิน ก็คือต้องเชื่อเอา ว่าเราอ่าน ก็คือกินอยู่ ถ้าหากเราอ่านและไม่เชื่อว่ากิน ไม่คิดว่ากำลังกิน ก็ไม่ได้กิน เพราะว่าการกินการได้รับอาหาร ก็คือกินโดยทางการเชื่อเอา เราจำกันได้ใช่ไหมผมจะนำพวกเรากลับไปสู่โรมบทที่ 1:17 ผู้ชอบธรรมดำเนินชีวิตอยู่ เริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ และจบลงก็ด้วยความเชื่อ การกินพระเยซูคือกินโดยการเชื่อเอา
เชื่อว่าเมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ เราเชื่อว่าเรากำลังกินอาหารแห่งสวรรค์และพระคริสต์เป็นอาหารแห่งชีวิตของเรา เรากินเข้าไป กินเข้าไป พระวิญญาณบริสุทธิ์จะให้อาหารแห่งชีวิตการเต็มล้นการอิ่มเต็มในพระวิญญาณ และช่วยให้เราเติบโตได้ เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเติบโตได้ ก็คืออาหารฝ่ายวิญญาณ ก็คือพระคำพระเจ้าที่เป็นพระคริสต์ที่มาในลักษณะอาหารในสภาพของอาหาร เอเมน
ต่อมาก็คือ "การอธิษฐาน" เมื่อเราอธิษฐาน ทุกครั้งเราเอเมน เราขอบคุณพระเยซู เราบอกรักพระเยซู เราสนิทในพระเยซู ขอให้เชื่อน่ะว่า เรากำลังกินพระเยซูอยู่ในสภาพของอาหารฝ่ายวิญญาณ
ต่อมาก็คือ "การหายใจเข้าออก" หายใจเข้า หายใจออก คือการรับพระเยซูเข้ามาในสภาพของอาหารฝ่ายวิญญาณอาหารแห่งสวรรค์ เราจำกันได้ไหม ลม คำว่า ลม หรือวิญญาณในพระคัมภีร์เป็นคำเดียวกัน เมื่อเรารับลมหายใจเข้า เราเชื่อว่าเรารับพระเยซูเข้ามาในสภาพของอาหาร เราก็ได้อิ่มเต็มกับอาหารแห่งสวรรค์
ขอบคุณพระเยซูน่ะ เราอธิษฐาน เราอ่านพระคัมภีร์ เราหายใจเข้าออก เราทำทุกสิ่ง เราเอเมนกับพระเยซู เราพูดคุยกับพระเยซู เราเชื่อว่าเรารับพระองค์เข้ามา เราก็จะเห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ แปลกประหลาด ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ก็คืออาการอิ่มเต็ม อาการอิ่มหนำ อาการที่จะรู้สึกว่าจะเติบโตขึ้นสู่ชีวิตใหม่ โตขึ้น เป็นส่วนหนึ่งในการฝึกของเรา ฝึกเดิน ฝึกสนิทในพระเยซู แต่การกินอาหารนี้เราขาดไม่ได้
ขอบคุณพระเจ้าขอเพียงแต่เรา นึกถึง และเชื่อ และนับ ตอนที่เราหายใจเข้าออก ตอนที่เราอธิษฐาน ตอนที่เราอ่านพระคัมภีร์ ทุกสิ่งเหล่านี้เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ และพระคริสต์นั่นแหละที่เป็นอาหารของเรา เอเมน
....
ข้อที่ 6 ก็คือ "การวิ่งแข่ง" สำหรับคริสเตียน เราเป็นนักกีฬาของพระเจ้า เราเป็นนักวิ่ง เราเกิดมาพระเจ้าสร้างเราขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เราวิ่งแข่ง วิ่งอะไร?
1. ก็คือวิ่งแข่ง เพื่อการฝึกเดิน เราแข่งกัน เราวิ่งแข่งกันน่ะ ผมวิ่งแข่งคุณ คุณก็วิ่งแข่งผม เอเมน
2. ต่อมาก็คือเราวิ่งแข่ง เพื่อสะสมมานา ฯ มาแข่งกันผมกับคุณ ใครสะสมได้มากกว่าใคร ขอบคุณพระเยซูเราวิ่งแข่งกันน่ะ
แต่การวิ่งแข่งนี้ ไม่ใช่วิ่งแข่งเหมือนมนุษย์วิ่งน่ะ คือเห็นเขาล้มแล้วเหยียบซ้ำ ไม่เอาน่ะ การวิ่งแข่งของคริสเตียนพวกเราก็คือ ช่วยกัน ช่วยกัน ช่วยกันสะสม ช่วยกันแบ่ง ช่วยกันล้างเท้ากันและกัน ช่วยกันฝึกเดินในการฝึกเดิน เราช่วยกัน อันไหนที่ดีเพื่อใช้เพื่อการฝึกเดินแล้วเกิดผล เราก็แนะนำก็หนุนใจกันและกัน ช่วยกัน
3. สิ่งที่สามก็คือ เราวิ่งแข่งเพื่อการสำแดงความรัก ความชอบธรรมของพระเยซูผ่านเรา เปาโลพูดบ่อยมากน่ะว่า ข้าพเจ้าไม่อวดใคร ไม่มีใครอวด ไม่มีอะไรจะอวด แต่ข้าพเจ้าอวดพระคริสต์
การอวดพระคริสต์ของเปาโลคืออะไร?
คือการสำแดงชีวิตและนิสัยของพระเยซูผ่านท่าน เพราะฉะนั้นวันนี้สิ่งที่เราควรจะอวด ไม่ใช่อวดว่าพระเจ้าอวยพรฉัน พระเจ้าให้ฉันมีธุรกิจการงานที่ดี พระเจ้าให้ฉันร่ำรวย พระเจ้าให้ฉันเข้มแข็งแข็งแรงสุขภาพดีไม่ป่วยไม่ไข้ ไม่ใช่น่ะ
การอวดที่ควรจะอวดและการวิ่งแข่งที่ควรจะวิ่งแข่ง
ก็คือ.. การอวดพระคริสต์ สำแดงชีวิตและนิสัยของพระเยซู คำพูดขอให้เป็นคำพูดของพระเยซู ขอให้มีรสเค็ม การให้ การช่วยเหลือ การอธิษฐานเผื่อ การทำทุกสิ่ง เราสำแดงพระคริสต์
อีกครั้ง... เราวิ่งแข่งเรื่องอะไร? การฝึกเดิน
เราวิ่งแข่งเรื่องอะไร? การสะสมมานาฯ
เราวิ่งแข่งเรื่องอะไร? เรื่องแสดงความรัก อวดพระคริสต์ให้ผู้อื่นได้เห็นพระองค์
และการวิ่งแข่งของเรา กติกา ก็คือช่วยกันและกัน ใครล้มห้ามเหยียบซ้ำ เอเมน
.....
สำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณกับที่เป็นด้านลบ ขอบคุณพระเจ้าในพระคริสต์มีแต่สิ่งดีๆ ในพระคริสต์มีแต่ความรัก ความเมตตา พระเจ้านั่งที่พระที่นั่งแห่งพระคุณแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งไหนที่เป็นสิ่งที่ไม่ดี การตัดสิน การลงโทษ การมองในลักษณะของการทำร้ายทำลาย สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในหัวใจของคริสเตียน
คริสเตียนที่เป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราจะไม่มองคนในด้านลบ ไม่ทำในสิ่งที่เป็นด้านลบ เพื่อทำลายทำร้ายผู้อื่น ชีวิตของเราเกิดมาใหม่ให้เป็นลูกพระเจ้าน่ะ เพื่อเสริมสร้าง เพื่อช่วยเหลือ เพื่อหนุนใจ เพื่อให้ชีวิต ชุบชีวิต นี่คือหน้าที่ของเรา เอเมน
เอาความรักเป็นใหญ่ เอาความรักเป็นหลัก เอาสิ่งที่ดีๆ ให้เขา ให้เขาได้อบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้เรา อย่าให้เขาอบอ้าวเมื่ออยู่ใกล้เรา เอเมน
ถาม.
เวลาที่เราหักขนมปัง กินขนมปังดื่มน้ำองุ่น คือเป็นการกินพระเยซูอย่างหนึ่งหรือเปล่าครับ
ตอบ.
สำหรับการทำมหาสนิทนะครับ คือจริงๆ แล้วเราไม่นับว่าเป็นการกินการดื่มพระเยซู
การกินมหาสนิท ก็คือเล็งถึงพระกายของพระเยซูที่แตกหักที่กางเขนเพื่อไถ่บาปเรา และการตายของพระองค์ที่กางเขนเพื่อไถ่บาปเรา และพระโลหิตเพื่อจ่ายหนี้บาปให้เรา เป้าหมายของการทำมหาสนิทเราดูที่พระเยซูพูดใช่ไหมว่า (1 คร 11:24-25) จงทำสิ่งนี้เพื่อ จำเรา เพื่อท่านจะไม่ลืมเรา เราทำมหาสนิทเพื่อจดจำว่าพระคริสต์อยู่ในเราเสมอทุกวันทุกเวลาทุกนาที
สำหรับเรื่องการกินพระเยซู เรากินทุกเวลา เราอธิษฐานอยู่ เราพูดคุยกับพระเยซูอยู่ เรานมัสการพระเจ้าอยู่ เราอยู่ในที่ประชุมนะครับ เรารับการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามา เข้ามาๆ ทุกๆ เวลานะครับ
เพราะฉะนั้นในที่ประชุมที่ที่เรานมัสการ สามัคคีธรรม คืออาหารพร้อมที่จะให้เรารับอยู่แล้ว เอเมน ในสภาพของพระวิญญาณ เพราะฉะนั้นเราอยู่ที่นี่ (ที่ประชุม สามัคคีธรรม) อุดมสมบูรณ์ เป็นทุ่งหญ้าอันเขียวสด เรารับก็คือหายใจ แล้วก็เชื่อว่าตอนนั้นเรารับอยู่ รับอยู่ อาหารก็เข้ามาการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เข้ามา
เราเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับเดิมตามแบบอย่างของเปาโล แล้วก็เราได้เข้าใจเรื่องเกี่ยวกับอาดัมต้องตาย แล้วก็คำว่าสนิทคืออะไรกันแน่ คำว่าชีวิตคืออะไรกันแน่ กินพระเยซูแล้วเราจะมีกลิ่นและมีนิสัยของพระเยซู และเรื่องอย่าคิดลบ
กลิ่นพระเยซู ก็คือสง่าราศี กลิ่นพระเยซู ก็คือเมื่อผู้คนมองดูเรา ไม่เห็นเรา แต่เห็นพระเยซู
เมื่อก่อนกลิ่นเราเป็นกลิ่นแบบหนึ่ง แต่พอเขามาอยู่ใกล้เรา เขาจะรู้สึกสัมผัสกลิ่นหอมหวลของพระเยซู แล้วก็ความหมายของคำว่า กลิ่น ก็คือสง่าราศี เขาจะมองเห็น และชีวิต และนิสัยของพระเยซูก็จะปรากฏ แล้วก็เมื่อเรากินพระองค์
ข้อที่ 6 ก็คือคริสเตียนเกิดมาเพื่อวิ่งแข่ง เปาโลย้ำบ่อยมากเหลือเกินในพระคัมภีร์ใหม่ คือเราต้องวิ่งแข่ง
และข้อที่ 7 ที่เราเพิ่งได้เรียนรู้ด้วยกันก็คือคริสเตียนและสิ่งที่เป็นด้านลบ
เรามาถึงจุดนี้ เราขอบพระคุณพระเจ้า 6-7 สิ่งนี้ คือสิ่งที่เราต้องใส่ใจ ถ้าหากเราคิดอยากจะเป็นผู้ชนะ เป็นบุตรที่รักของพระเยซู และมีส่วนในการครอบครองร่วมกับพระเยซูในยุคพันปี และฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่ ความหมายก็คือเป็นผู้ครอบครองร่วมกับพระเยซูไปจนชั่วนิรันดร์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เราสรรเสริญพระเยซูที่บทเรียน 03 มีหลายสิ่งที่ช่วยให้เราในการฝึกเดิน ช่วยให้เราในการเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง และยังไม่พอน่ะ ยังช่วยให้เรามาถึงชีวิตผู้ชนะได้ เอเมน
สิ่งที่สำคัญ เชื่อน่ะว่าพี่น้องหลายคนฝึกอยู่อย่างครบ
แล้วก็สิ่งที่สำคัญเราขาดไม่ได้ก็คือ การใส่ใจ ใส่ใจ คำว่าใส่ใจเป็นคำที่สำคัญมาก มีความหมายมากสำหรับการประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตคริสเตียน เปาโลท่านเป็นคนที่ใส่ใจมากๆ และนับทุกวันทุกเวลา
คือตอนนี้ปัจจุบันนี้ ยุคนี้เป็นยุคใหม่ ทุกอย่างก้าวหน้า เรื่องเทคโนโลยี เรื่องมือถือ หลายสิ่งหลายอย่างน่ะที่เราสามารถนำมาช่วยในการฝึก เมื่อก่อนก็พูดย้ำบ่อยเกี่ยวกับเรื่องตั้งนาฬิกาปลุก ใครที่ทำได้ก็ดี ใครที่จำได้ที่พูดคุยกับพระเยซูไม่ลืมไม่หลง ก็ทำต่อไป แล้วแต่พระวิญญาณจะนำพา แล้วก็แล้วแต่การฝึกของเราที่ถนัด หรือใช้วิธีไหนที่ดีนะครับก็สรรเสริญพระเจ้า
และขอบพระคุณพระเยซูสำหรับเรื่องการกินพระเยซู ก็อยากจะย้ำกับพี่น้องอีก ทุกวันนี้เรารู้ว่าหลายคนอาจจะลืมหรือไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับการกินพระเยซู เป็นสิ่งที่สำคัญน่ะ พระเยซูเป็นพระวาทะ ก็คือเป็นถ้อยคำ แล้วเรากินพระองค์อาหารของเราก็คือพระคัมภีร์ เราเห็นในรูปในภาพที่คริสเตียนศาสนาหลายคริสตจักรเขาวาดเขาถ่ายรูปทำเป็นพระคัมภีร์ แล้วก็มีช้อนส้อม
สำหรับเรา เรารู้ดีน่ะว่าพระเยซูเป็นพระวาทะ พระเยซูเป็นพระคำ ถ้อยคำ คำพูด เมื่อผมพูดไปถ้าหากไม่มีสิ่งผิด ไม่มีเชื้อยีสต์ และพี่น้องบอกว่า เรากำลังกินพระเยซู ผ่านผม เราจะอิ่มเต็มในพระคำพระเจ้า ที่ผ่านมาเราก็รู้ใช่ไหมว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ป้อนเรา เมื่อเรากดลิงค์ เมื่อเรากดยูทูปเข้าไป แล้วก็ได้ยินถ้อยคำที่ผมพูด ไม่ใช่ถ้อยคำของผม แต่เป็นพระเยซูที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ชิม
เมื่อเราชิมเป็นยังไงครับ โอ้ อร่อย ถ้าจะพูดตามภาษากินก็คือ บอกว่าอร่อยจังเลย คือมันอร่อยมาก อุ๊ยยังไม่พอต้องกินอีก เห็นไหมครับนี่คือสาเหตุที่เราฟังแล้วฟังอีก ฟังแล้วฟังอีก สิ่งที่อยู่เบื้องหลังนะครับก็คือวิญญาณของเราหิวกระหาย มันต้องการอาหารแบบนี้ นี่คืออาหารของวิญญาณของเรา
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้า ทุกครั้งที่อ่านพระคัมภีร์ ขอให้คิดว่าเรากิน แล้วเราก็จะโต แต่ถ้าอ่านเพื่อความรู้เราก็ได้แต่แค่ความรู้ และทุกครั้งที่เราอธิษฐาน เราพูดไปเป็นลมๆ แล้งๆ พูดคุยกับพระเจ้าเสร็จก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าหากเราเชื่อ เชื่อว่าตอนนั้นเรารับพระวิญญาณ เรารับการเติมเต็ม เรารับอาหาร รับการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราก็จะได้รับ เราก็จะมีประสบการณ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะให้อาการที่อิ่มเต็ม เต็มล้น เกิดขึ้นภายในเรา ยังไม่พอน่ะ เราก็จะโต เอเมน
อย่าลืมคำนี้ ทุกครั้งที่เรากินพระเยซู หายใจเอาพระเยซู อ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน เราได้รับเข้ามา การเติบโตก็ต้องมี มีใครบ้างครับที่กินดื่มนมที่มีวิตามิน กินอาหารที่มีโปรตีนเยอะ แล้วกินไปกินไปเป็นวันเป็นเดือนเป็นปีจะไม่โต ไม่มีน่ะ ถ้าหากอาหารที่มีวิตามิน เรากินเข้าไปมันก็โตได้ใช่ไหม
ทีนี้เรากินพระเยซู มีวิตามินเต็มล้น มีพลัง มีชีวิตพระเจ้า มีสันติสุข สิ่งนี้น่ะก็จะเข้ามาเต็มล้นในเรา ทำให้เราโตขึ้น โตในชีวิตนิสัยของพระเยซู โตในความคิด โตในการกระทำ ในคำพูด เอเมน
....
คำพยาน:
สำหรับผมนะครับตอนที่เริ่มฝึกใหม่ๆ ก็คือมันไม่ได้ยากอะไร ตอนที่หายใจก็คือ รับพระเยซู แล้วก็เชื่อว่า เชื่อว่าพระองค์เป็นวิญญาณ และคำว่าวิญญาณ กับลม เป็นคำเดียวกัน เมื่อผมสูดหายใจเข้า สูดหายใจเข้า ก็คือเชื่อว่ารับพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามา แล้วหลังจากนั้นไม่นานอาการอิ่มเต็ม อิ่มเต็มนะครับก็มา ไม่หิว ไม่อยากกินข้าวก็ได้ นี่คือปรากฏการณ์ที่ผมเคยมีประสบการณ์ในการฝึกตนแรกๆ
และทุกวันนี้ขอบคุณพระเจ้า หายใจเข้าออกเป็นพระเยซู อ่านพระคัมภีร์เป็นพระเยซูที่เป็นอาหาร อธิษฐานเป็นพระเยซูที่เป็นอาหาร เราหิวกระหายเราอยากเต็มล้นเราพูดว่าเอเมนก็เป็นอาหาร คำว่าเอเมน ก็คือพระเยซู ก็คือรับเข้ามา ทุกสิ่งที่เราพูดคุยกับพระเยซู สนทนากับพระเยซู บอกรักพระเยซู เราก็รับเข้ามารับเข้ามา เราเชื่อแบบนั้น เราก็ได้รับจริงๆ
ถาม.
เรื่องการกิน ก็คือพระคัมภีร์ที่แปลถูก ทุกเล่มทุกตอนเลยใช่ไหมครับ ที่เราได้กินเลย
ตอบ.
พระคัมภีร์ครั้งแรกนะครับพระเจ้าดลใจให้ผู้รับใช้ในสมัยก่อนรวบรวมเป็นพระคัมภีร์เล่มเดียว ซึ่งเราเชื่อนะครับว่าเป็นถ้อยคำที่มาจากพระเจ้าและเป็นพระวาทะ เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ เป็นพระเยซูนั่นแหละที่มาและให้เป็นพระคัมภีร์ และพระคัมภีร์ที่เรากินทุกวันนี้ เราอ่านทุกวันนี้ ก็คืออาหารฝ่ายวิญญาณของเรา ตั้งแต่ปฐมกาลจนถึงหนังสือวิวรณ์ เรากินได้ เลือกกินเลยครับ
อ่านแล้วก็ได้รับความรู้ก็ขอบคุณพระเจ้า ก็เอเมนอยู่แล้วนะครับ
แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ทุกครั้งที่เราอ่านเราบอกว่า "เอเมนพระเยซูข้าพระองค์กินพระองค์ ข้าพระองค์กินพระองค์ เอเมน" หลังจากอ่านเสร็จนะครับเราบอกว่า "อิ่มแล้ว ขอบคุณพระเยซูข้าพระองค์อิ่มแล้ว อิ่มแล้ว กินเสร็จแล้ว" ต่อมาพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำอะไรครับ? ก็จะนำประสบการณ์การอิ่มเต็ม การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณเข้ามาสู่เรา พลังที่ยิ่งใหญ่เป็นชีวิตของพระเจ้า สันติสุขที่ยิ่งใหญ่เป็นแม่น้ำแห่งชีวิตของพระเจ้า ก็จะเข้ามาให้เราได้กินดื่ม ได้มีพลังเข้มแข็งแข็งแรง กระตือรือร้น ร้อนรน แล้วก็ความทุกข์ไม่มี ความกังวลความกระวนกระวายอะไรไม่มี เพราะว่าสันติสุขเข้ามาแทนที่ ความใจเย็นเข้ามาแทนที่ ทุกสิ่งก็จะดีไปหมด เอเมน
...
ถาม.
คือพระคัมภีร์ที่คริสเตียนทั่วไปเขาใช้ ก็ไม่รู้ว่าเราต้องเลือกเอาพระคัมภีร์ปีไหนมาอ่าน ถึงแบบว่าจะไม่มีเชื้อยีสต์ครับ
ตอบ.
ถ้าจะพูดตามตรงนะครับ พระคัมภีร์ทุกเล่ม ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ภาษาลาว ภาษาไหนก็ตามแปลผิดทั้งหมดครับ สิ่งที่จะช่วยเราให้เข้าใจพระคำพระเจ้าและแปลถูก ก็คือขอบคุณพระเยซูสำหรับมานาที่ซ่อนไว้ ที่มีคำอธิบาย
พอเรารู้นะครับ พระคัมภีร์ภาษาไทยเราใช้อยู่ใช่ไหม ปีไหนก็ตามไม่สำคัญ คิงเจมส์ก็ได้ สำหรับผมผมชอบใช้คิงส์เจมส์เพราะว่าเป็นฉบับค่อนข้างจะเก่าแก่ แล้วผมอ่านถ้าหากมีคำเขียนที่ผิดและเเปลผิด ผมรู้นะครับ ผมรู้ แล้วเวลาที่ผมเชื่อว่าผมกินเข้าไป ก็คือกินคำพูดของพระเยซูที่พูดมา แล้วอันไหนที่แปลผิด ผมไม่รับ ไม่เชื่อ ไม่เอา ไม่นับ ไม่รับ และรับถ้อยคำของพระเยซูและเข้าใจความหมายที่พระเยซูพูดครับ
เอาแบบนี้ สมมุติว่าผมวันนี้ ผมจะกินมัทธิวที่ 6 ข้อที่ 33 ผมอ่านในฉบับคิงเจมส์ภาษาไทย (จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน สมมุตินะครับ สมมุติว่าแปลผิดแบบนี้)
แล้วผมก็บอกว่า (เอเมนขอบคุณพระเยซู ข้าพระองค์อิ่มถ้อยคำของพระองค์แล้ว เอเมนข้าพระองค์กินอยู่ เอเมน จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เปิดตาให้ข้าพระองค์ได้พบอาณาจักรแล้ว และความชอบธรรมของพระองค์แล้ว และขอบคุณพระเยซูที่ข้าพระองค์ได้กินพระองค์ผ่านพระคำข้อนี้ เอเมน) เท่านี้นะครับก็ได้กินแล้ว
แต่ถ้าเราไม่เข้าใจ และเราอ่าน (จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า) แล้วเราบอกว่า (เอเมนขอบคุณพระเยซูที่ได้กิน ได้แสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า) เราไม่เข้าใจความหมายนะครับ ถามว่าได้กินไหม? เราเชื่อว่าเราได้กิน เราก็ได้กิน เพราะว่าถ้อยคำของพระเจ้า แต่ความเข้าใจของเราไม่มี ใช่ไหมครับ
การกินพระคำของพระเจ้า คือการได้เชื่อ เชื่อว่ากิน และการกินที่หลีกเลี่ยงเชื้อยีสต์ คือการกินถ้อยคำของพระเยซูที่เป็นความจริง อันนี้จะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับเรามาก เพราะฉะนั้นเราแปลถูก เรารู้ความจริง ของพระคัมภีร์ทุกข้อทุกตอนแล้ว เรากินเข้าไป ไม่มีเชื้อยีสต์เข้ามาครับ
สรุป
1. ก็คือเรากินถ้อยคำของพระเยซู เราเชื่อว่าเรากำลังกินอยู่ เมื่อเราอ่าน ขณะที่เราอ่านอยู่
2. คือเรากินถ้อยคำของพระเยซู และเรารู้ดีว่าพระคัมภีร์ข้อนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะแปลผิด แต่เรารู้ความหมาย รู้ความจริง แล้วเราแปลถูกแล้ว เราก็ได้อิ่มครับ
สำหรับพี่น้องที่ฝึกเคยมีใครที่มีประสบการณ์ การได้อิ่มเต็มในพลังชีวิตพระเจ้าผ่านพระคัมภีร์ไหมครับ หรือผ่านการอธิษฐาน ผ่านการอ่าน ผ่านการหายใจเข้าออกเอาพระเยซู ผมเชื่อว่าคลิปนี้ (คลิปกินพระเยซู) ผมทำนานแล้วนะครับ มีใครไปลองฝึกใช้ดูหรือเปล่า ฝึกเดินหรือเปล่า ถ้าหากเราใส่ใจนะครับ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยการเติบโตก็จะมาในไม่ช้านี้ เอเมน เราทำแบบที่เปาโลทำเราก็จะเห็นผลนะครับ
คือจริงแล้วอาการที่อิ่มเต็ม จริงๆ ไม่กินข้าวก็ได้ ไม่ทำอะไรก็ได้ คือไม่กินก็อิ่ม ถ้าหากเราอยู่กับพระคำพระเจ้าในสภาพของอาหาร อาหารทิพย์อาหารสวรรค์ อาหารที่มาจากพระเจ้า คือมันเป็นอะไรที่ประเสริฐมาก หลายคนน่ะไม่กินข้าวนานหลายวันก็อยู่ได้ก็อิ่ม ก็เข้มแข็ง ก็แข็งแรง ก็สรรเสริญพระเยซูเป็นอาหารที่แทนอาหารฝ่ายร่างกายได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าต้องให้เราแบบ คือไม่ต้องกินข้าวเลยหลายวัน อันนั้นไม่จำเป็นนะครับ
ถาม.
ลักษณะการอิ่มพระวจนะ มีลักษณะยังไงค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
การอิ่มในพระคำพระเจ้า การอิ่มต่อการหายใจรับเอาพระวิญญาณ รับเอาชีวิตของพระเยซู การอธิษฐาน การอ่าน การทำทุกสิ่งเพื่อรับอาการจะเป็นแบบไหน
1. คือสันติสุขเต็มล้น
2. มีความกระตือรือร้น มีความไม่หิว ไม่หิวนะครับ
แล้วก็มีอาการที่อยากอยู่ในพระนิเวศน์กับพระเยซู อยากอยู่ใกล้พระเยซู อยากพูดคุยกับพระเยซู หายใจโล่งหายใจโล่งอก ปล่อย ปลง วาง ใจเย็น ใจสบาย ใจเบา นี่คืออาการที่ตอนที่เราอิ่มพระเยซู ในสภาพของพระคำที่เป็นอาหาร
อีกอย่างนะครับประสบการณ์ที่ผมได้รับจากการหายใจเข้าออกเพื่อรับชีวิตพระเยซู พูดตามตรงก็คือเมื่อก่อนผมเป็นโรคหอบหืด ตอนนั้นผมมีปัญหาแล้วก็เกือบตายเพราะว่าหายใจไม่ทัน แต่ด้วยการฝึกหายใจรับชีวิตของพระเยซู สุดท้ายสรรเสริญพระเจ้านะครับทุกวันนี้หายแล้ว เอเมน.
ปกตินะครับการเป็นหอบหืด เป็นหอบเป็นหืด ก็คือเขาบอกว่าไม่หายใช่ไหม แต่ขอบคุณพระเยซูพระองค์เมตตา แล้วก็รักษาผ่านการฝึกเพื่อรับชีวิต รับพระวิญญาณ รับอาหารที่เป็นมาโดยพระเยซู เอเมน
...
ถาม.
เรื่องการเชื่อเอา ที่ อจ. สอนที่ผ่านมาว่าให้เราเชื่อเอาในความจริงของพระเจ้าในพระคำของพระเจ้า ดิฉันก็เชื่อเอาทุกวัน แต่ว่าบางวันเราไม่ได้เชื่อทุกอย่างที่ อจ. สอนมา เพราะแต่ละชั่วโมงเราก็เชื่อว่าตัวเก่าตายแล้ว ตัวใหม่เป็นอยู่ แล้วอันที่เราไม่ได้เชื่อ อยากถามว่ามันจะเกิดผลในชีวิตเราไหม แต่ถ้าวันนี้เราเชื่อ แล้ววันถัดมาเราไม่ได้เชื่ออย่างเนี้ยค่ะ
ตอบ.
สิ่งที่เราเชื่อก็จะมีผลสำหรับชีวิตของเรา ถ้าหากวันไหนเราไม่เชื่อ มันก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
สมมุติว่าวันนี้เราอ่านพระคัมภีร์ และเราเชื่อว่าพระเยซูเป็นอาหารแห่งชีวิต เรารับเข้าไป เราก็มีอาการเต็มอิ่ม มีสันติสุข มีพลังที่ยิ่งใหญ่จากพระเจ้า อิ่มนะครับ อิ่มอกอิ่มใจ หายใจโล่งสบายมาก เดินตัวเบาสบายมาก
แต่ถ้าสมมุติว่าพรุ่งนี้เราอ่านพระคัมภีร์ แต่เราลืมนับ ลืมท่อง ลืมจำ ว่าเรากินพระคำพระเจ้ากินพระเยซูเข้าไป ก็ได้แค่อ่านและได้ความรู้เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อย่าลืมนะครับ ทุกสิ่งที่เราทำ ถ้าหากเราทำโดยการเชื่อเอา มันก็เกิดผล ถ้าหากเราทำโดยการไม่เชื่อ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โลกที่เป็นฝ่ายวิญญาณ ชีวิตในพระคริสต์ ในพระคริสต์ อยากได้อะไรที่อยู่ในพระคริสต์ เราต้องเชื่อเอา กุญแจที่จะนำสิ่งที่เป็นของที่อยู่ในพระคริสต์ เอามาใช้ มามีประสบการณ์ในชีวิตของเรา ก็คือความเชื่อ คือการเชื่อเอา