ขอบคุณพระเยซูสำหรับวันนี้ที่พระองค์อยู่ท่ามกลางพวกเรา ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นพี่ชายคนโต ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นมหาปุโรหิต ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ให้เรามีส่วนร่วมในพระกายเพื่อถวายความรัก ถวายชีวิต ถวายอวัยวะใหม่ทุกส่วนที่ใหม่หมดแล้วแด่พระบิดา เป็นเครื่องถวายบูชาอันหอมหวลที่พระบิดารับได้ สรรเสริญพระเจ้า
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ให้เกิดสิ่งที่ดีในพระคริสต์ เพื่อเราจะมีสิ่งที่มามอบแด่พระบิดาของพวกเรา และพระบิดาก็รักพวกเรา เอเมน
กรณีที่พี่น้องบางท่านพูดถึงเรื่อง ชอบธรรม บริสุทธิ์ วิสุทธิชน คำว่า บริสุทธิ์ นะครับ คือ Holy และคำว่า ชอบธรรม ก็คือ righteous สองคำนี้ตรงข้ามกับคำว่า อธรรม ตรงข้ามกับคำว่า ไม่ชอบธรรม ตรงข้ามกับคำว่า ไม่บริสุทธิ์
เพราะฉะนั้นพี่น้องบางคนอาจจะคิดว่า เราเป็นคนชอบธรรมแล้วในสายพระเนตรของพระเจ้า และเมื่อเราทำบาป เรียกว่าคนชอบธรรมทำบาป คำนี้ถูกครับ
แต่บางคนพูดว่า เมื่อเราทำบาป เรากลายเป็นคนอธรรม อันนี้ต้องขอล้างเท้าพี่น้องนะครับว่า มันเป็นคำที่ใช้ไม่ได้ เราไม่ใช่คนอธรรม เมื่อเราทำบาป เราเป็นคนชอบธรรมทำบาป เราเป็นคนบริสุทธิ์ที่ไปทำบาป เราเป็นคนที่หลุดไปหลงไป หลุดหลงไป ออกจากทางของพระเจ้าคือชีวิตในพระคริสต์ แต่เราไม่เรียกตัวเราเองว่าเป็นคนอธรรม ในพระคัมภีร์ไม่มีนะครับ แต่ถ้าภาษาไทยแปลภาษาลาวแปลว่าเราเป็นคนอธรรม อันนี้ต้องไปค้นดูในภาษากรีกให้ดีๆ และก็ใช้ภาษากรีกช่วย เอเมนนะครับ
คำตอบอยู่ที่ไหน ง่ายๆ นะครับ มีหลายที่
(1 คร 1:2; 2 คร 1:1 / อฟ 1:1 / ฟป 1:1 / คส 1:1)
แต่ในที่หนึ่ง ก่อนอื่นก็คือเปาโลเรียก ผู้เชื่อทุกคน เรียกว่า วิสุทธิชน อันนี้เป็นคำตอบแล้ว คือเราบริสุทธิ์ บริสุทธิ์คือไม่มีอธรรม ไม่มี unjust ไม่มีไม่ชอบธรรม ไม่มีไม่บริสุทธิ์
และ 2 โครินธ์ที่เราคุ้นเคยกันก็คือบทที่ 5:16-17 บุคคลผู้ใดที่อยู่ในพระคริสต์ก็ใหม่หมดแล้ว ขอให้ฟังคำนี้นะครับ ใหม่หมด ใหม่หมด ใหม่หมดเลย คำว่าอธรรมมีไหม ไม่มี. คำว่าบาปชั่วมีไหม ไม่มี. คำว่าไม่บริสุทธิ์มีไหม ไม่มี. ใหม่หมดแล้ว เพียงแต่ว่าเราหลุดหลงไป เราออกไปจากพระคริสต์ไปอยู่ในอาดัมชั่วคราว เป็นเงา เรียกว่ามีชีวิตอยู่ในเงาก็เป็นได้ หรือสิ่งชั่วคราวหรือสิ่งที่เสื่อมทรามเสื่อมเสียตกต่ำไปแล้ว ก็คือชีวิต ในอาดัมนั่นเอง
ถาม.
คริสเตียนศาสนา เป็นคนอธรรมไหมค่ะ
ตอบ.
คริสเตียนศาสนาไม่ใช่คนอธรรมนะครับ และไม่ใช่คนบาป สำหรับพระเจ้าทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์เขาก็เป็นคนใหม่ทั้งนั้น และคนที่อยู่ในพระคริสต์ก็คือทุกคนที่เชื่อในพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนศาสนา หรือคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ
เพียงแต่ว่าเขาไม่รู้ตัวว่าเขาอยู่ในพระคริสต์ และเขาไม่รู้ตัวว่าพระคริสต์อยู่ในเขาแล้ว และเขาไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นคนชอบธรรมและบริสุทธิ์แล้ว ทุกวันนี้เขาจึงอ้าปากพูดในคริสตจักรว่าเราเป็นคนบาป เราเป็นคนบาป ข้าพระองค์เป็นคนบาป เพราะว่าเขาไม่รู้ตัวนะครับ
แต่จริงๆ แล้วสำหรับพระเจ้าทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ ใหม่หมดแล้ว ดูเถิดมีแต่สิ่งใหม่ๆ ทั้งนั้น
ถาม.
ศาสนาคริสต์ กับ คริสเตียนศาสนา แตกต่างกันไหมค่ะ
ตอบ.
ศาสนาคริสต์กับคริสเตียนศาสนา เราใช้เรียกเขาเพราะว่าเขาเป็นผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ทุกคน แต่อยู่ในเนื้อหนัง อยู่ในอาดัม อยู่ในชีวิตเก่า เขาทำให้ชีวิตในพระคริสต์การเดินในพระคริสต์ความเชื่อในพระคริสต์ กลายมาเป็นหนึ่งในศาสนาของหลายๆ ศาสนาในโลกนี้
จริงๆ แล้วคริสเตียนไม่ควรจะเป็นศาสนา ไม่ใช่ศาสนา คริสเตียนก็คือชีวิต ก็คือรูปแนวชีวิต ก็คือเดินไปกับพระเจ้าในพระคริสต์
ถาม.
อย่างคาทอลิก เขาก็เรียกตัวเองว่าเป็นศาสนาคริสต์ ก็เลยอยากจะเข้าใจ เรื่องเขาเป็นไหม หรือเป็นเทียมเท็จ อย่างพยานพระยะโฮวาห์ มอร์มอน กลุ่มผู้เชื่อเหล่านี้ไม่ได้บังเกิดใหม่ใช่ไหมค่ะ
ตอบ.
สำหรับโรมันคาทอลิก ปกติเขาจะไม่เรียกเขาเองว่าเป็นคริสต์ หรือเป็นคริสเตียน เขาเรียกพวกเขาเองว่าเป็นคาทอลิกนะครับ คาทอลิก
แต่ถ้าบางคนที่เขายอมรับสถานะของเขาว่าเป็นคริสเตียน เราต้องเข้าใจนะครับคริสเตียน ทั่วโลกมองว่าเป็นคริสเตียน ก็คือแยกจากคาทอลิก และคาทอลิกก็เรียกว่าพวกโรมันคาทอลิก
แล้วถามว่าพวกเขาเป็นเทียมเท็จไหม พวกเขาได้บังเกิดใหม่ได้รอดไหม โรมันคาทอลิกนะครับ หรือพวกที่ไม่ใช่คริสเตียน พวกนี้ไม่ได้บังเกิดใหม่ครับ เราต้องเข้าใจว่าโรมันคาทอลิกเขาไปโบสถ์ตามพ่อแม่ตามประเทศชาติบ้านเมืองพาเขาไป แล้วก็เขาไปก็คือเข้าไปทำพิธีกรรม ไปรับมหาสนิท แล้วก็รับคำสอนจากบาทหลวง จากคุณพ่อ จาก Brother แล้วก็กลับมา จากนั้นก็ใช้ชีวิตประจำวันเหมือนคนทั่วไป เขานับถือคาทอลิกเป็นศาสนาหนึ่งในศาสนาของชีวิตของเขา ไม่มีการเชื่อกลับใจจริงๆ รับพระเยซูจริงๆ ร้องไห้กับพระเยซูจริงๆ ทำทุกสิ่งในลักษณะของคนที่ได้บังเกิดใหม่ เขาจึงถูกจัดว่าอยู่ในพวกที่ไม่ได้บังเกิดใหม่และเป็นพวกที่เทียมเท็จครับ
พยานพระยะโฮวาห์ มอร์มอน เทียมเท็จไหม เทียมเท็จแน่นอนครับ พยานพระยะโฮวาห์มีความเชื่อหลายเรื่องหลายสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักความเชื่อของคริสเตียน ซึ่งทำให้ถูกเรียกว่าเป็นเทียมเท็จได้ เราไปค้นดูนะครับว่าเทียมเท็จมีคุณสมบัติอย่างไร ขัดแย้งกับหลักคำสอนหลักความเชื่อของคริสเตียนประการไหนบ้าง จึงถูกเรียกว่าเป็นเทียมเท็จ
มอร์มอนเป็นเทียมเท็จแน่นอนครับ และพยานพระยะโฮวาห์เป็นเทียนเท็จแน่นอน
มอร์มอนเป็นเทียมเท็จได้ยังไง เราจะยกสักเรื่องสองเรื่องนะครับ เรื่องแรกก็คือ เรื่องพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้า 3 พระภาค และพระเยซูเป็นลูกชายของพระบิดา เป็นพี่ชายของซาตาน ซาตานกับพระเยซูแย่งกันลงมาเกิดเพื่อไถ่โลก ซาตานไม่พอใจน้องชายไม่พอใจนะครับก็เลยเป็นซาตาน ก็เลยเป็นกบฏ และพระบิดาก็มาสมสู่มานอนกับนางมารีย์ แล้วให้เกิดมีชายชื่อเยซู ที่เป็นพระเยซู นี่คือความเชื่อของมอร์มอน
และพระเจ้าของมอร์มอนไม่ใช่พระเจ้าเดียว พระเจ้าของเราก็ครอบคลุมปกครองจักรวาลของพวกเรา แต่มีพระเจ้าอีกหลายล้านพระเจ้าที่อยู่ใน Galaxy หลายจักรวาล นี่คือมอร์มอนครับ
ส่วนพยานพระยะโฮวาห์ พระเยซูเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ทำดีที่สุด จนได้รับเกียรติจากพระบิดาและยกให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคน และพยานพระยะโฮวาห์ ไม่เชื่อนะครับว่าตายแล้ว ชีวิตหลังความตาย เขาไม่เชื่อ เขาเชื่อว่าตายก็ดับสูญไม่มีอะไรอีก ไม่มีการลงโทษ ไม่มีบึงไฟ
ถาม.
กรณีพี่น้องจอมปลอม เขาเป็นคริสเตียนที่บังเกิดใหม่จริงไหมค่ะ หรือว่าไม่ได้บังเกิดใหม่ค่ะ
ตอบ.
พี่น้องจอมปลอม ถูกเรียกชื่อนี้โดยเปาโลโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือเปาโลเรียกคริสเตียนชาวยิว ที่บังเกิดใหม่แล้วเชื่อพระเยซูแล้ว จอมปลอมก็คือ false brothers จอมปลอมก็คือผิดพลาด เชื่อผิด สอนผิด กะทำผิด ดำเนินชีวิตที่ผิด เรียกว่าจอมปลอมหรือ false brothers (กท 1:6-9)
เพราะฉะนั้นคริสเตียนชาวยิวเห็นไหมครับว่าเมื่อพระเจ้าเปลี่ยนแปลงยุค จากยุคเดิมสู่ยุคใหม่ จากพระบัญญัติเดิมสู่พระบัญญัติใหม่ จากรอดด้วยการเชื่อฟังพระบัญญัติให้ครบกลายมาเป็นรอดโดยทางความเชื่อ เราได้กลายเป็นคนชอบธรรมโดยทางความเชื่อ ขณะที่ยิวได้กลายเป็นคนชอบธรรมโดยการรักษาพระบัญญัติให้ครบ มันแตกต่างกัน
เพราะฉะนั้นคริสเตียนยิวสับสนและคริสเตียนยิวหนึ่งในนั้นก็คือสาวกทั้งหลายของพระเยซูตอนแรกๆ เห็นไหมครับว่าเขาหลงทาง เขายังไปที่พระวิหารยังไปนมัสการพระเจ้าร่วมกับยิว เขายังรักษาพระบัญญัติ จนกว่าตาสว่างขึ้นโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และในที่สุดพระเจ้าส่งเปาโลมา
จากนั้นการเปิดเผยก็มีมากยิ่งขึ้นๆๆ สุดท้ายก็คือหลุดออกมาจากยิว และความเชื่อก็เปลี่ยนแปลงไปเป็น 2 พรรค 2 ฝ่าย และการเชื่อ 2 พรรค 2 ฝ่ายนี้ ก็มาจนถึงยุคพวกเรานะครับ มีคริสเตียนที่เชื่อมแบบศาสนายิว แบบคริสเตียนยิว false brothers พี่น้องจอมปลอมเต็มโลกตอนนี้
และพี่น้องสายเปาโลก็มีนะครับแต่ไม่มาก ขอบคุณพระเจ้าน่ะ เราอยู่สายเปาโล เอเมน แล้วทีนี้ปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับ ปัญหาอยู่ตรงนี้ ก็คือพี่น้องจอมปลอมเรียกพวกเราว่าเป็นพี่น้องจอมปลอม ก็คือประมาณว่าของปลอมเตือนให้คนระวังของแท้ คนที่ผิดเตือนให้ระวังคนที่ถูก มันตรงข้ามกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราขอบคุณพระเจ้า เรารู้ได้ยังไงว่าเราเป็นของแท้ของปลอม สินค้าที่เรารู้ว่าเป็นของแท้ก็คือเราใช้แล้วมันมีประโยชน์ มันได้ประโยชน์ มันทนนาน มันเกิดผลจริงๆ เห็นผลจริงๆ เรามาถูกทางหรือไม่ เราดูที่ผลของชีวิตของเราที่เกิดขึ้นจริง เราดูที่สันติสุขที่เรามีทุกวันทุกเวลา มีมากกว่าสมัยที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา ตรงนี้เป็นคำตอบ เอเมนขอบคุณพระเยซู
ถาม.
แล้วพี่น้องที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์พระเจ้าหรือว่าพระเจ้ามี 4 พระภาค เขาจะเป็นเทียมเท็จไหมครับ หรือว่าพี่น้องจอมปลอม เพราะว่าเขาก็เชื่อพระเยซูเหมือนกันครับ
ตอบ.
ในโลกนี้มีหลายกลุ่มหลายคณะหลายนิกาย ที่เชื่อว่าตนเป็นคริสเตียนของแท้ ใครก็พูดทั้งนั้นแหละ ใครก็เห็นแก่ตัวเข้าข้างตนเอง แต่เราต้องดูที่คำสอนหลักความเชื่อของเขา ถ้าใครที่บอกว่าพระเจ้ามี 4 พระภาคอันนี้ผิดนะครับ
พระเจ้ามี 3 พระภาค พระเยซูตรัสเอง จงให้เขารับบัพติศมา ในพระนามพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
และเราดูในประวัติศาสตร์เรารู้ว่าพระเจ้ามี 3 พระภาค ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วพระเจ้ามี 3 ไม่มี 4 แต่อยู่ดีๆ มีบางกลุ่มบอกว่าพระเจ้ามี 4 น่ะ แล้วพระภาคที่ 4 คืออะไร ก็คือพระกายก็คือคริสเตียน อันนี้ผิดไปแล้วนะครับ
เราไม่ใช่มนุษย์พระเจ้า เราถูกสร้างให้เป็นบุตรของพระเจ้า พระคัมภีร์เรียกเราทั้งหลายว่าเป็นบุตรพระเจ้า บุตรพระเจ้า มีอยู่แค่ 2 ครั้งนะครับในพระคัมภีร์เดิมครั้งหนึ่ง แล้วก็ในพระคัมภีร์ใหม่ครั้งหนึ่งที่พระเยซูใช้คำนี้ ท่านทั้งหลายเป็นพระ
สดุดี 82:6 เราได้กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายเป็นพระ เป็นบุตรองค์ผู้สูงสุด ท่านทุกคนนั่นแหละ
ยอห์น 10:34 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ในพระราชบัญญัติของท่านมีคำเขียนไว้มิใช่หรือว่า ‘เราได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลายเป็นพระ’
อย่าลืมนะครับคำว่าพระเจ้าแปลได้ด้วยคำว่า “พระ” แปลได้ด้วยคำว่า “ตัวแทนของพระเจ้า”
แต่เราจะมาใช้คำนี้กับเราที่เป็นมนุษย์ บอกว่าเราทั้งหลายเป็นพระเจ้า อันนี้ผิดครับ ใช้ผิดแล้วนะครับ คือในภาษากรีกภาษาฮีบรูบางคำมันจะมีสองคำ เหมือนภาษาอังกฤษ บางคำนะครับมีสองสามความหมายที่ไม่เหมือนกัน เราจะใช้ในลักษณะเดียวกันไม่ได้
เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจว่าพระเจ้าสร้างเราให้เป็นบุตร เป็นพระฉายาของพระเจ้า เป็นตัวแทนของพระเจ้าในโลกนี้ พระเจ้าไม่เคยสร้างเราให้เป็นพระเจ้า เรานึกดูสิครับ “พระเจ้า” ความหมายก็คือพระเจ้าไม่มีใครสร้าง แล้วเราถูกสร้างโดยพระเจ้า เราจะเป็นพระเจ้าได้ยังไง เอเมน.
คือคำสอนนี้มีมาก่อนหน้าที่กลุ่ม วอชแมน นี กลุ่ม วิทเนส ลี อยู่ฟื้นฟูเขาจะเอามาใช้ ที่จริงแล้ววิทเนส ลี ไปเรียนรู้อยู่ในอเมริกาได้ความรู้ที่ผิดเพี้ยนมาเยอะมาก แล้วเขาก็รับเข้ามา เขาก็คิดว่ามันถูกเห็นว่ามีอาจารย์ชื่อดังหลายๆ คนที่เชื่อกันมา จอยซ์ไมเออร์ก็เชื่อ บิลลี่ เกรแฮมก็เชื่อ หลายๆ คนก็เชื่อว่าเราเป็นพระเจ้า เราเป็นพระเจ้าเล็กๆ เราเป็นพระเจ้าองค์น้อยๆ เติบโตมากลายเป็นพระเจ้า อันนี้มี คำสอนนี้มีมานานแล้ว
เราขอบพระคุณพระบิดาที่เราได้เข้าใจ และยอมรับและถ่อมใจเปิดใจรับความจริงของพระเจ้า ก็คือเราเป็นบุตร เราเป็นแค่บุตร เราเป็นแค่มนุษย์ จะดียังไงจะเป็นยังไงเราจะเรียกตัวเราเองว่าเป็นมนุษย์พระเจ้าหรือเป็นพระเจ้าไม่ได้ครับ
ถาม.
อ. ค่ะ มีเพื่อนที่เขานับถือศาสนาพุทธนะคะ แต่ทีนี้เวลาเขามีอะไรเขาก็จะเรียกให้พระเยซูช่วย แล้วอย่างเนี้ยเขาเป็นลูกพระเจ้าไหมค่ะ
ตอบ.
สำหรับบางคนนะครับที่เป็นชาวพุทธ ปรากฏว่าได้ยินข่าวคราวได้ยินเพื่อนพี่น้องญาติบอกว่า พระเยซูดี พระเยซูช่วยได้ ปรากฏว่าเมื่อเขาเข้าสู่สภาวะที่ต้องการความช่วยเหลือ ใครก็ได้คือนึกถึงใครก็ได้พระเยซูก็เอา ไม่ได้หมายความว่าเขาเชื่อพระเยซู ไม่ครับผม
คือเขาต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น อย่างญาติผมบางคนก็คือพอเจอปัญหาก็เอาทุกทางครับ เอาทุกทาง แล้วก็มาบอกผมด้วยช่วยอธิษฐานให้พระเยซูช่วยฉันหน่อย ผมก็บอกโอเคได้ เเล้วก็ได้โอกาสที่จะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในเขา ก็เรียกเข้ามามานั่งลงพูดตาม ตรงนี้นะครับที่จะทำให้พระวิญญาณมีโอกาสที่จะช่วยเขาเปิดใจเขาครับ
ถาม.
พอดีว่ารู้จักพี่น้องคริสเตียนที่ไปอยู่ต่างประเทศหลายคน แล้วก็มีพี่เขยก็เป็นคนเยอรมัน คนเหล่านี้คือในพาสปอร์ตเขาจะขึ้นว่าเป็นศาสนาคริสต์ แต่คนเหล่านี้ไม่เคยไปโบสถ์เลยค่ะ ไม่มีการนมัสการวันอาทิตย์ ถามว่าพระเยซูเป็นใครเขาก็อธิบายแบบกว้างๆ ไม่ได้อธิบายแบบเข้าใจไม่ได้ เขาจะไปโบสถ์ปีหนึ่งแค่ 4 ครั้ง หรือ 4 ฤดูกาล ก็มีแค่วันคริสต์มาส วันอีสเตอร์ แล้วก็งานแต่ง แล้วก็งานศพแค่นั้น คนเหล่านี้แค่นับถือศาสนาคริสต์ใช่ไหมค่ะ ไม่ได้เกี่ยวกับคริสเตียนศาสนาใช่ไหมค่ะ
ตอบ.
สำหรับพวกที่เรียกตนเองว่าเป็นศาสนาคริสต์ แบ่งออกเป็นสองประเภทนะครับ
ประเภทแรก ก็คือ เชื่อไปตามบ้านเมืองครอบครัว ตามสังคมที่เขาเชื่อกัน แล้วก็เรียกตัวเขาเองว่าเป็นคริสต์
แต่อีกพวกหนึ่ง ก็คือ พวกที่เชื่อจริงบังเกิดใหม่จริงๆ ต้อนรับพระเยซูจริงๆ รับบัพติศมา มีอาการฝ่ายวิญญาณที่เกิดขึ้น หิวกระหายอยากไปโบสถ์อยากรับใช้ อยากพูดคุยอธิษฐานกับพระเยซู อยากอ่านพระคัมภีร์ อันนี้คือคนที่ได้บังเกิดใหม่จริงๆ
แต่คนที่รับปากบอกกับคนอื่น คือพูดกับคนอื่นว่าเราเป็นคริสต์ เราเป็นคริสต์ แต่จริงๆ แล้วคนเหล่านี้ไม่ได้บังเกิดใหม่ไม่รอดครับ
ถาม.
เรื่อง lgbtq นะคะสรุปแล้วคือ เห็นมีหลายกระแสมากเลยบางที่ก็บอกว่าพระเจ้าไม่ได้ว่าอะไร แล้วจริงๆ แล้วคือพระเจ้าคิดยังไงค่ะ
ตอบ.
เรื่องแรกนะครับ ขอให้เราเข้าใจถ้าหากเราได้ศึกษาเรียนรู้ไปด้วยกันตั้งแต่กิจการบทที่ 8 ที่ฟีลิปไปประกาศกับขันที
คือพระเจ้ารักมนุษย์ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐานะ และพระเจ้ารักเพศชาย เพศหญิง พระเจ้ารัก และเพศที่สามก็คือขันที พระเจ้าก็รัก
ทีนี้ถามว่าพระเจ้าอนุญาตให้ หญิงรักหญิง ชายรักชาย หรือไม่ สำหรับพระเจ้านะครับน้ำพระทัยของพระเจ้า พระเจ้าสร้างให้มีชายหญิง และให้ชายสมสู่หญิง หญิงสมสู่ชาย แต่เมื่อปรากฏว่ามีอาการในลักษณะนี้ หญิงรักหญิง ชายรักชาย ต้องทำยังไง มันเป็นการกระทำกิจของพระเจ้าในขั้นตอนต่อมา
ขั้นตอนแรก ก็คือ พระเจ้าจะประกาศกับขันที ประกาศกับเพศที่สาม พระเจ้ารักทุกเพศจำได้นะครับ
และต่อมา ก็คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นคนชำระเขา ช้าหรือเร็วไม่ใช่หน้าที่ของเรา ไม่ให้เรารังเกียจหรือกีดกันหรือไม่สนใจเขา เราให้คุณค่าของเขาเท่ากับเพศชายเพศหญิง ทุกเพศ ทุกวัย เอเมนนะครับ
สำหรับเรื่องการเปลี่ยนแปลงเราไม่ห้ามเขาเราไม่บังคับเขา แต่เราให้ความจริงกับเขาว่า น้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นแบบนี้ แต่พระเจ้าจะเป็นคนเปลี่ยนพระเจ้าจะเป็นคนชำระพระเจ้าจะเป็นคนให้เขาเลิกในเวลาเมื่อไรกำหนดเป็นเวลาของพระเจ้าเอง ไม่ใช่ของเรา
เรามีหน้าที่ทำอะไรครับ รักเขา
สำหรับคริสตจักรทั่วไปทุกวันนี้เราเห็นใช่ไหมว่ามีการกีดกัน ไม่ต้อนรับ แล้วก็คือมองเขาในลักษณะที่เป็นคนที่ผิด
อันนี้สำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณพวกเรา เรามีแต่รัก แล้วก็เห็นใจเขา เข้าใจเขา แล้วก็ให้โอกาสเขา เห็นเขาไปด้วยกันเห็นเขาทำอะไรด้วยกัน เราก็เอเมนนะครับ เราขอบคุณพระเยซูเรามองไปที่วิญญาณของเขา เรามองไปที่ชีวิตของเขาที่อยู่ในพระคริสต์ ห้ามมองที่เนื้อหนังของเขา ทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์ก็เป็นคนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่แล้วสิ่งเก่าๆ ก็ร่วงไป ดูเถิดมีแต่สิ่งใหม่ๆ ทั้งนั้น เอเมน
มีพี่น้องบางคนถาม แล้วก็ชวนผมคุยเรื่อง สำหรับการเดินในพระวิญญาณ การมีชีวิตอยู่ในพระวิญญาณ ต้องทำอย่างไรบ้าง
คือการเริ่ม ด้วยหนังสือกาลาเทีย ที่เราเดินในพระวิญญาณและมีชีวิตในพระวิญญาณ ความหมายก็คือการนับนะครับ เชื่อ นับ ถวายตัว
เพราะฉะนั้นการเชื่อเอาและการนับเป็นสิ่งที่เคียงคู่กันไป เพียงแต่ว่าเราไม่ทำเกินขนาดของความเชื่อ ไม่ฝืนใจ ไม่บังคับใจ เราทำตามความสามารถตามกำลังที่เราทำได้เราทำอยู่ ไม่เรียกว่าอยู่ใต้พระบัญญัติครับผม
และอย่าลืมว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คู่เคียงเคียงคู่กันไป คู่กัน แยกกันไม่ได้ เมื่อเชื่อเอาแล้วว่าเราเป็นปุโรหิต เมื่อเชื่อเอาแล้วว่าเราเป็นสาวก เมื่อเชื่อแล้วว่าเราเป็นบุตรที่รักของพระเจ้า เมื่อเชื่อแล้วว่าเราเป็นผู้ชนะ แน่นอนที่สุดชีวิตประจำวันของเราเราก็ต้องนับ จะเชื่อเอาอย่างเดียวก็ไม่ได้และจะนับอย่างเดียวโดยไม่เชื่อเอาก็ไม่ได้ ต้องควบคู่กันไป
อย่างเรานะครับที่อาจจะไม่ควบคู่กัน เราต้องควบคู่กัน เพื่อเห็นแก่พระกาย เราต้องใช้สองสิ่งนี้ไปด้วยกัน เพื่อพระกายจะเติบโต เอเมน
ผมนึกถึงเสมอนะครับว่าคำพูดที่เปาโลพูดมันกระทบกระแทกหลายคน คือ 1 คร 13:1-3 ท่านทั้งหลายจะสั่งสอน ท่านทั้งหลายจะประกาศ ท่านทั้งหลายจะรับใช้ทั้งวันทั้งคืน ใช้ของประทาน ไล่ผี รักษาโรค ถวายชีวิต ทรัพย์สินทุกอย่างให้พระเจ้าเพื่อพระเจ้า แต่ถ้าหากท่านไม่มีความรักมันจะมีประโยชน์อะไร
แล้วความรักคืออะไร? ความรักก็คือทำให้เขาพอใจ ทำให้เขาดีใจ ทำให้เขาสบายใจ ทำให้เขามีความสุขเมื่ออยู่กับเราได้ยินเสียงเรา เมื่อร่วมกับเรา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับพระเจ้า เราจะบอกว่าเราดี เราจะบอกว่าเรามีผลงาน เราจะสอนคน เราจะเผยพระวจนะ เราจะทำได้มากมายหลายสิ่ง แต่ถ้าหากไม่มีความรัก ต้องกลับไปทบทวนใหม่ กลับไปคิดใหม่นะครับ. รักพระเยซูเอเมน
ถาม.
ทำยังไงให้สนิทกับพระเยซูได้ทั้งวันครับ
ตอบ.
คำถามก็คือว่า ทำยังไงถึงจะได้สนิทกับพระเยซู สนิทในพระเยซูทั้งวัน
การฝึกครั้งแรกนะครับมีหลายคนที่เขาทำกันและผมก็ทำ ก็คือใช้โทรศัพท์ใช้มือถือเพื่อตั้งนาฬิกาปลุก ทุกๆ ชั่วโมง อันแรกนะครับ จะมีประโยชน์มาก
อันที่สองก็คือ อธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ช่วย
“พระองค์เจ้า ข้าข้าพระองค์ต้องการที่จะเติบโต ข้าพระองค์ต้องการที่จะสนิทในพระองค์ และไม่อยากหลงไม่อยากลืม ไม่อยากออกไปจากชีวิตในพระคริสต์ เพราะว่ามีแต่สันติสุข มีแต่เต็มด้วยพลังของพระเจ้า เป็นน้ำพระทัยของพระองค์ ขอพระองค์รักษาข้าพระองค์อย่าให้ข้าพระองค์หลุดหลงไป เอเมน”
อันแรกก็คือ ตั้งนาฬิกาปลุก
สองก็คือ อธิษฐาน ให้พระเจ้าเป็นคนค้ำประกัน พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนค้ำประกัน ก็คือรักษาเราให้อยู่ในทางในการฝึก ให้พลัง ให้สติปัญญา ให้สันติสุข ให้ความทรงจำ ให้ความคิดอยู่ในการฝึกอยู่เสมอ และแน่นอนที่สุดเมื่อเราขออะไรพระเจ้าก็ให้ เมื่อเราขอสิ่งนี้ แน่นอนพระเจ้าก็จะช่วยเราในการฝึก และการฝึกเป็นสิ่งที่พระเจ้าชอบ พระเจ้ารัก เป็นน้ำพระทัยของพระบิดา สุดท้ายเราก็จะสนิทในพระเยซูได้ทั้งวัน
แต่สำหรับคนที่ฝึกแล้วยังไม่ประสบความสำเร็จ อย่าท้อนะครับ อย่าท้อ เวลาของการฝึกที่จะสำเร็จใกล้เข้ามาแล้ว เอเมน เพราะว่าสิ่งใดที่เป็นสิ่งที่พระเจ้าชอบเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า เป็นสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย พระเจ้าย่อมจะสนับสนุนและช่วยเหลืออยู่เสมอ
ถาม.
ความเชื่อเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเราขอพระเจ้าแล้ว เราก็ต้องจำเป็นที่เราจะต้องเชื่อเอา เมื่อเราเชื่อเอา การสนิททั้งวันก็จะมีมากขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ แต่ช่วงแรกๆ ก็จะหลุดบ่อยมากครับ
ตอบ.
เรื่องการหลุดเป็นสิ่งที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิด แน่นอนครับ เราฝึกมันจะมีอาการหลุดมาก เพราะว่ายิ่งเราใกล้พระเจ้ามากเท่าไหร่ รู้ไหมครับใครเกลียดเรา ไม่ใช่พ่อแม่ไม่ใช่เพื่อนหรือพี่น้องคริสเตียนไม่ใช่ชาวโลกน่ะ แต่เป็นใครครับ "ซาตาน" คนที่มันเกลียดก็คือคริสเตียนที่จะใกล้พระเจ้ามากๆ สนิทในพระเยซูมากๆ ก็คือซาตานเกลียด
เพราะฉะนั้นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณเป็นเป้าหมายหลักของซาตานที่จะจ้องมองเพื่อทำร้ายพวกเรา เพราะฉะนั้นมันจะหาทุกวิธีทางเพื่อที่จะทำให้เรา หลุด หลงได้ในการฝึก เพื่อไม่ให้ใกล้พระเจ้า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ชนะก็คือพระเยซูอีกล่ะ พระเยซูจะช่วยเราในการฝึกให้สำเร็จได้ อย่าท้อนะครับ ไม่ต้องท้อ ฝึกไปเท่าที่เราทำได้ตามขนาดของความเชื่อของเรา ตามการทรงนำ การนำพาของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ฝึกไปนะครับ หลุด ก็กลับมา เราขอบคุณพระเจ้าเมื่อเราหลุดพระเจ้าอนุญาตให้กลับมาได้เสมอ 24 ชั่วโมง เมืองลี้ภัยของเรา คือคำว่า “เอเมน” เพราะว่าอยู่ที่ลิ้นของเราอยู่ที่ริมฝีปากของเรา “เอเมนพระเยซู ข้าพระองค์กลับมาแล้ว เอเมนพระเยซู ข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์” สันติสุขก็จะเกิด พลังก็จะเกิด
เรื่องการวางใจในพระเจ้านะครับ เมื่อเราฝึกและเราเชื่อในความจริงเชื่อในสิ่งที่พระเจ้ากระทำในพระคริสต์ มันจะเกิดแน่นอน ยกตัวอย่าง:
คือมีพี่น้องหลายท่านขอให้ผมอธิษฐานเผื่อ รู้ไหมครับว่าพอผมอธิษฐานเสร็จ ผมไม่ได้สนใจเรื่องของเขาอีกเพียงแต่ว่านานๆ คิดถึง แล้วก็นึกถึง แล้วก็อธิษฐานอีกครั้งนึง “พระองค์เจ้าขอน้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จในชีวิตของเขา” จากนั้นก็ปล่อยวาง คือไม่ห่วงไม่กังวล
เมื่อเราไม่เป็นห่วงเราไม่กังวลมัน คืออะไร? มันคือการแสดงถึงการวางใจในพระเจ้า
ถ้าเราอธิษฐานนะครับ บอกว่าข้าพระองค์วางใจในพระองค์ แต่เรายังเป็นห่วงเรายังกลุ้มใจไม่สบายใจกังวลอยู่ เราวางใจในพระเจ้าไหม? ไม่.
เพราะฉะนั้นเคล็ดลับ “การเชื่อการวางใจในพระเจ้า” ก็คือการปล่อยวาง “พระบิดาขอให้น้ำพระทัยสำเร็จ เอเมน” จบ จากนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะไปทำ แต่ถ้าหากเรายังแบกอยู่พระวิญญาณจะไม่ทำครับ
ถาม.
ตอนนี้บ่าย 3 กลียุคคือ 5 โมงเย็น ตอนนี้บ่าย 3 ก็ใกล้เวลาแล้วใกล้กลียุคแล้ว ถามว่าแล้วตกลงมันอีกกี่ปีจะกลียุคค่ะ
ตอบ.
เป็นคำตอบที่ง่ายมากครับ เราดูคำตอบจากพระเยซู พระเยซูเป็นคนตอบเองใช่ไหมว่า เวลาไม่มีใครรู้ เพียงแต่รู้ว่าใกล้เข้ามาแล้ว คำว่า ใกล้เข้ามาแล้ว จะใกล้แค่ไหน จะอีกกี่วันเดือนปี ก็ยังกลับไปสู่คำตอบที่พระเยซูตรัสนะครับว่า ไม่มีใครรู้
แต่รู้นะครับว่าใกล้เข้ามาแล้ว ดูจากสภาพ ดูจากเหตุการณ์บ้านเมือง สงคราม เศรษฐกิจ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้บ่งบอกว่าใกล้เข้ามาแล้ว ใกล้จะถึงมัทธิวบทที่ 24 และสุดท้ายก็จะมาถึงกลียุคครับผม
แต่บางคนที่มีสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า ขอให้เราสังเกตนะครับผมรู้ว่าบางคนรู้และเข้าใจพระคัมภีร์ ก็คือสังเกตได้จากมีพระคริสต์เทียมเท็จจะมา หรือจากอะไรเกิดขึ้นก่อน อะไรเกิดขึ้นหลัง เราดูตรงนี้เราจะรู้ได้ว่าอีกประมาณกี่ปีนะครับประมาณได้ แต่จะบ่งบอกชัดเจนว่า เป๊ะเลยนะครับ ก็คืออันนี้เราจะขัดแย้งกับน้ำพระทัยพระเจ้า และขัดแย้งกับพระคำของพระเยซูครับ (มธ 24:36 / มก 13: 32-37 / ลก 21:34)
แต่ที่แน่ๆ ขอหนุนใจพวกเรานะครับ ก็คือใกล้เข้ามาแล้วครับ
...
ถาม.
อ. คะ ตรงวิวรณ์นะคะ มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยสอนว่า วิวรณ์มันเกิดขึ้นไปแล้วอ่ะค่ะ เขาดูได้จากที่มีคำเขียนไว้ว่าคนที่แทงพระองค์จะได้เห็นพระองค์ เขาก็เลยสรุปว่าวิวรณ์เกิดขึ้นไปแล้ว อ. ว่ายังไงคะ
ตอบ.
สำหรับวิวรณ์นะครับ เรื่องเหตุการณ์ต่างๆ ในมัทธิวบทที่ 24 และเข้าสู่กลียุค เข้าสู่การพิพากษาที่พระที่นั่งของพระคริสต์ ก็คือตัดสินคริสเตียน คนที่เชื่อที่ตายเป็นขึ้นมาและจะถูกพิพากษาบนท้องฟ้า สิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดครับผม
คือมีหลายคนที่สอนว่ามันเกิดขึ้นแล้ว มันจบแล้ว อันนี้ไม่จริงครับ เขาตีความหมายตามความเข้าใจของเขาเองหรือตามกลุ่มใหญ่ในอเมริกาที่เชื่อกันแบบนี้ครับ คนที่แทงพระองค์เนี่ย ก็คือเขาตายนานแล้ว และเขาก็จะได้เห็นพระเยซูอีกครั้งเมื่อไหร่ครับ? ในตอนที่เขาจะเข้าสู่การพิพากษาเพื่อจะส่งไปยังบึงไฟครับ
สิ่งสำคัญขอให้เราเข้าใจตรงนี้ มีกลุ่มคริสเตียนหลายกลุ่มหลายคณะหลายนิกายที่เชื่อแปลกๆ ที่เชื่อไม่เหมือนเรา ที่เชื่อไม่เหมือนกัน ที่ขัดแย้งกัน ไม่มีใครดีกว่าใคร ไม่มีใครแย่กว่าใคร มีแต่คนถูกไม่มีคนผิดนะครับ แต่สำคัญที่สุดก็คือพระคัมภีร์เป็นหลักพระคัมภีร์เป็นฐาน เพื่อรองรับว่าใครสอนถูกใครสอนผิด
ยังมีคริสเตียนบางกลุ่มที่เขาเรียกพวกเขาเองว่าเป็นกลุ่ม คริสตจักรพระคุณแห่งชีวิตเขาบอกว่าไม่มีนรก และทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้เชื่อไม่เชื่อก็รอดหมด ไม่มีการตัดสินว่าจะไม่รอด อันนี้เราก็ยังดูออกใช่ไหมว่ามันไม่ใช่ ในพระคัมภีร์ยังบอกว่าคนที่ไม่เชื่อก็จะถูกส่งไปยังบึงไป เราใช้พระคำพระเจ้าเป็นผู้ตัดสินนะครับ
พระเยซูเตือนแล้วใช่ไหมว่าขอให้ระวังในยุคสุดท้ายในช่วงระยะสุดท้ายของโลกนี้ ก็คือจะมีผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จมากมายที่จะมาสอนว่า คือสอนให้พูดให้ไพเราะ พูดให้คนเราฟังแล้วดีใจ ชอบใจ แล้วก็ติดตามเขามีเยอะมากครับ
ถ้าหากเราเห็นแก่ อยากมีสมาชิกเยอะในกลุ่มมานาฯ มันไม่ยากครับ ก็คือสอนตามเขาใช่ไหมสอนตามเขา หรือสอนอย่างคำสอนที่คนเขากล่าวหาพวกเราว่า ให้ทำบาปต่อไป ไม่กลัวพระเจ้า ไม่ต้องห่วงให้ทำบาปต่อไป เราสอนคำสอนนี้นะครับจะมีคนเป็นพันเป็นล้านมาติดตาม
แต่ขอบพระคุณพระบิดาเราสอนตามที่พระเยซูประทานความรู้ความเข้าใจให้เปาโล และเรานำมาสานต่อเพื่อพี่น้องจะเข้าสู่ชีวิตที่ใกล้ชิดพระเยซู และก็ดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระบิดา เข้าสู่ชีวิตผู้ชนะ เพื่อจะครอบครองร่วมกับพระองค์
ใช่ครับ เส้นทางจะยุ่งยาก เส้นทางจะเต็มด้วยปัญหามรสุม แต่พระเยซูก็อยู่ด้วย พระเยซูก็ช่วยเรา พระเยซูก็นำพา พระเยซูจะเป็นกัปตันที่จะนำเราให้ถึงเส้นชัย สู่ชีวิตผู้ชนะและอยู่ร่วมกับพระเยซูตลอดไป เอเมน
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับเปาโลที่เตือนผู้เชื่อโดยพระวิญญาณ คือการวางรากฐานชีวิต การวางรากฐานการรับใช้ของผู้เชื่อ ก็คือเราให้พระคริสต์ให้พระเยซูเป็นหลัก ให้พระเยซูเป็นฐานของชีวิตของเรา ของการรับใช้ของเรา ทำทุกสิ่งมีพระเยซูเป็นฐาน
ถ้าหากเราเอาไฟ เอาฤทธิ์เดช เอาเรื่องพระวิญญาณมาเป็นฐาน สุดท้ายก็เป็นไม้ฟางและหญ้าแห้ง บางคนเอาความรู้เอาสติปัญญาเอาแต่เรื่องความถูกผิด อย่างแบ๊บติสพูดถึงแต่เรื่องความรู้ อวดความรู้กัน อวดรู้ แต่ชีวิตฝ่ายวิญญาณไม่มี ชีวิตในพระคริสต์ไม่มี นี่คือฐานที่สองและอีกหลายๆ ฐานที่เขาวางอยู่
แต่ขอบคุณพระเจ้าวันนี้พวกเราโชคดี ขอใช้คำนี้นะครับ โชคดี จริงๆ แล้วพระเจ้าเป็นคนเลือก และขอบพระคุณพระเจ้าเป็นพระคุณอันล้นเหลือที่พระองค์นำเรามาพบการวางฐานของชีวิต โดยให้พระเยซูเป็นฐาน คืออะไร?
ตั้งแต่เช้าจนค่ำ ทุกวัน ทุกเวลา อะไรก็ตามชีวิตของเรา
“พระเยซู” คำว่า พระเยซู ตื่นนอนก็พูด “พระเยซู เอเมนพระเยซู ข้ารักพระเยซู พระเยซูทำแทนข้า พระเยซูเดินแทนข้า พระเยซูเป็นสติปัญญาของข้า พระเยซูเป็นเพื่อนของข้า ข้าพระองค์เหงาพระเยซูเป็นทุกสิ่งที่ข้าพระองค์ต้องการ เป็นสันติสุข เป็นพลัง เป็นพระบิดา เป็นพ่อ เป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นทุกสิ่ง พระเยซู พระเยซู” ทั้งวัน
นี่คือการวางฐานของชีวิตที่เปาโลเอ่ยถึงใน 1 คร 3:12-15 ผลสุดท้ายสิ่งที่เราได้รับ เราจะสะสมทองคำ เงิน และเพชรพลอย ก็คือบำเหน็จที่ยิ่งใหญ่ที่พระองค์จะประทานให้
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ไม่หลงไปสู่กลุ่มไฟ กลุ่มความรู้ กลุ่มอะไรทั้งหลาย ผมก็เคยอยู่ในกลุ่มไฟก็หลายปี ก็เป็นก็เคยเป็นก็เคยเจอมีประสบการณ์ไม่มีใครมาหลอกผมได้ จะมาโกหกผมไม่ได้เรื่องไฟนะครับ ผ่านมาแล้ว แล้วก็เคยสอนให้คนกระตือรือร้นให้ร้อนรนให้ตื่นแต่เช้าเฝ้าเดี่ยวให้แสวงหาการลั่นลิ้นการกระตุกลิ้นทั้งหลาย แต่สุดท้ายก็คือเป็นชีวิตที่เสแสร้งแกล้งทำใส่หน้ากากมาหลายปี
แต่ขอบพระคุณพระเจ้าเราพบว่าทุกวันนี้ คริสเตียนไม่ใช่คริสเตียน คริสตจักรไม่ใช่คริสตจักร ครอบครัวคริสเตียนไม่ใช่ครอบครัวคริสเตียน เพราะว่าเขาวางฐานของชีวิตไม่เป็น คือไม่มีพระเยซูเป็นฐาน
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ ที่พระองค์ให้เห็นถึงการรับใช้ของเปโตร ซึ่งคนแรกคือได้รับการรักษาโรคให้หาย เขาป่วยติดเตียงเป็นอัมพาตแปดปี (กจ 9:33)
แล้วสาวกคนหนึ่งซึ่งเป็นพี่น้องหญิง (กจ 9:36-40) ซึ่งรักพระเจ้ามาก และการกระทำของเขาก็มีการกระทำดี แต่น่าเสียดายที่เขาทำดีด้วยตัวเก่า ซึ่งพระเจ้าก็ให้เขามีผลตอบแทนนะครับ แต่ไม่ใช่ทองคำเงินและเพชรพลอย ซึ่งเป็นยุคแรกพระเจ้าเข้าใจนะครับพระเจ้าเข้าใจ แต่ต่อมาเปาโลมา ก็คือพระเจ้าน่าจะนำเขามาสู่การดำเนินชีวิตในฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง
เหตุการณ์ 2 เหตุการณ์นี้ก็คือ พี่น้องหญิงเสียชีวิต แล้วสุดท้ายเปโตรก็เป็นผู้รับใช้ที่พระเจ้าประทานของประทานที่ยิ่งใหญ่ คือชุบชีวิตของคนตายให้เป็นขึ้น อันนี้เป็นของประทานที่ยิ่งใหญ่ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปไม่มี เป็นสิ่งที่ต้องให้พระวิญญาณเร้าใจ ให้พระวิญญาณนำพา
เปโตรนะครับเมื่อไปรักษาชายคนนี้ (ไอเนอัส) และชุบชีวิตพี่น้องหญิง (โครคัส) ที่ตายให้ฟื้นขึ้นมา ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนบอกเขาและนำเขาและให้เขามา แล้วเป็นคนกระทำกิจแทนเขาใช้มือของเขา สุดท้ายชายคนนั้น (ไอเนอัส) ก็หายดี และสุดท้ายพี่น้องหญิง (โครคัส) ก็ฟื้นขึ้นมาจากความตาย
ทั้งนี้ทั้งนั้นขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้เกิดการอัศจรรย์ เพื่อชาวเมืองทั้งหลายที่ได้เห็นเหตุการณ์ “กลับใจ” ขอบคุณพระเยซูสำหรับบทเรียนในวันนี้ แต่อย่าลืมว่าการอัศจรรย์ทั้งหลาย การใช้ของประทาน การรับใช้พระเจ้า คือเป็นสิ่งที่พระเจ้าให้เพื่อยืนยันว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายพวกเรา เอเมน และเพื่อช่วยเหลือคนที่ไม่สามารถคือเหมือนคนอื่นไม่ปกติ และต้องการการช่วยเหลือและเราไปช่วยเขา
แต่สิ่งที่สำคัญ การประกาศข่าวประเสริฐและการเป็นพยานเรื่องพระเยซูคริสต์ ยังเป็นหลักและยังสำคัญกว่าสำคัญมากที่สุด
ถ้าเราไม่เข้าใจตรงนี้ เราจะไปสร้างโบสถ์หรือเราจะไปร่วมกับคริสตจักรที่เน้นแต่เรื่องฤทธิ์เดชๆๆ เข้ามาตั้งแต่เช้าจนถึงนมัสการเสร็จ ก็คือพูดแต่เรื่องฤทธิ์เดช (โอ้พระเจ้ายิ่งใหญ่ โอ้หายแล้ว โอ้พระเยซูรักษาคนนู้น โอ้พระเยซูรักษาคนนี้) เราเห็นไหมคริสตจักรหลายคริสตจักรเขาทำแบบนี้กัน พูดแต่เรื่องฤทธิ์เดช พูดแต่เรื่องไฟ
แต่ขอบคุณพระเยซูเมื่อเราร่วมกันนะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องรอง เราจะไม่พูดถึง เราขอบพระคุณพระบิดาที่อยู่เบื้องหลัง เราขอบพระคุณพระวิญญาณที่เป็นคนกระทำ เรารักพระเยซู พระเยซูเป็นฐานของเรา อะไรก็พระเยซู พระเยซู สรรเสริญพระเยซู ยกย่องพระเยซู นี่ครับคือคริสตจักรที่พระเจ้าต้องการ