“คำอุปมาเรื่องเชื้อยีสต์… ภาคพิเศษ”
มธ 13:33 พระองค์ยังตรัสคำอุปมาให้เขาฟังอีกข้อหนึ่งว่า “อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนเชื้อ ซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งเอามาเจือลงในแป้งสามถัง จนแป้งนั้นฟูขึ้นทั้งหมด”
ผู้เชื่อส่วนมากมักจะเข้าใจผิดคิดว่า คำอุปมาเรื่องผู้หญิงกับเชื้อยีสต์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการขยายตัวของคริสตจักร แต่ถ้าหากเราอ่าน มธ 13:1–52 เราจะพบว่า พระเยซูทรงกล่าวถึงราชอาณาจักรของพระเจ้าทั้งในด้านดีและด้านที่ไม่ดี
“เชื้อยีสต์” เป็นสิ่งที่พระเยซูใช้เพื่อเตือนสาวกของพระองค์ให้ระมัดระวังคำสอนที่ผิดเพี้ยน หรือการตีความหมายที่คลาดเคลื่อนไปจากพระวจนะคำของพระเจ้า (มธ 16:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงสังเกตและระวังเชื้อแห่งพวกฟาริสีและพวกสะดูสีให้ดี”)
อาจารย์เปาโลใช้เชื้อยีสต์เพื่อเตือนคริสตจักรเมืองโครินธ์ ให้ละทิ้งชีวิต คำสอน และความเข้าใจแบบเก่าที่ผิดเพี้ยนไปจากความจริง (1 คร 5:8 เหตุฉะนั้น ให้เราถือปัสกานั้นมิใช่ด้วยเชื้อเก่า หรือด้วยเชื้อของความชั่วช้าเลวทราม แต่ด้วยขนมปังไร้เชื้อ คือความจริงใจและความจริง)
.....
การที่พระเยซูรักษาคนป่วยในวันสะบาโต ทรงกล่าวว่า “เราเป็น” และกล่าวว่า “ถ้าหากผู้ใดกินเนื้อและเลือดของเรา ผู้นั้นก็มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์นบทที่ 5 และ 6) ทำให้ผู้คนมากมายเริ่มกลัว และเลิกติดตามพระองค์ เพราะเขาเหล่านั้นคิดสงสัยว่า พระเยซูเป็นผู้สอนปลอม และไม่ใช่ผู้เผยพระวจนะที่มาจากพระเจ้า
สุดท้ายก็คงเหลือแต่สาวกสิบสองคนที่ไม่ยอมละทิ้งพระเยซู
พระเยซูทรงกล่าวว่า เชื้อยีสต์มาจากผู้นำยิว และแพร่หลายไปทั่วอิสราเอล
.....
เมื่ออาจารย์เปาโลรับใช้พระเจ้า ท่านได้รับการเปิดตา และเรียนรู้จากพระวิญญาณที่ทรงถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้ท่านที่ทะเลทราย
คริสตจักรหลายแห่งจึงขับไล่ไสส่งและไม่ต้อนรับท่าน เพราะคิดว่าเป็นคำสอนที่ผิดเพี้ยน
อาจารย์เปาโลกล่าวว่า คริสตจักรเมืองกาลาเทียหล่นจากพระคุณ (กท 5:4) เพราะเขาเชื่อแต่รักษาพระบัญญัติเดิมเพื่อที่จะได้รับพระวิญญาณ และได้รอด คริสตจักรเมืองโคโลสีเดินในความมืด และคริสตจักรที่กรุงโรมเชื่อ แต่ไม่มีผลของชีวิตใหม่ และไม่เข้าใจการดำเนินชีวิตที่ชนะบาปว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
.....
เมื่ออาณาจักรโรมันเป็นคริสเตียนทั่วทั้งอาณาจักร คำสอนที่ผิดเพี้ยน และการดำเนินชีวิตของคริสเตียนและคริสตจักรทั่วไปกลับกลายเป็นศาสนาคริสต์ มีคนกลุ่มน้อยที่แยกตัวออกมา และหลบๆ ซ่อนๆ เพราะกลัวว่าจะถูกข่มเหง หรือถูกทำร้ายจากคริสเตียนศาสนาดังกล่าว
ทุกวันนี้คริสตจักรทั่วโลกกลับกลายเป็นศาสนาคริสต์ไปแล้วอีกรอบหนึ่ง มีแค่เพียงผู้เชื่อบางส่วนที่พบการดำเนินชีวิตแห่งผู้ชนะ และเข้าใจการแปลความหมายที่ถูกต้องตามความจริงแห่งพระวิญญาณ เป็นชีวิตที่สุขล้นได้ทุกวันเวลา และเข้าสู่การเติบโตในชีวิตพระคริสต์
.....
เมื่อคุณเชื่อ รักพระเจ้า และมอบกายถวายชีวิตแด่พระเจ้าเพื่อรับใช้พระองค์ แต่ชีวิตของคุณไม่มีสันติสุขทุกวันเวลา
ทั้งไม่ได้พบการเปลี่ยนแปลงสู่พระลักษณะของพระเยซูคริสต์ คุณกลายเป็นคริสเตียนศาสนาไปสียแล้ว
คุณจะรอด แต่เนื่องจากคุณไม่ได้เกิดผลฝ่ายพระวิญญาณใน กท 5:22–23 คุณจึงขาดรางวัล และไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานระหว่างพระคริสต์ที่เป็นเจ้าบ่าว และผู้ชนะที่เป็นเจ้าสาว ซึ่งงานเลี้ยงนี้จะยืดยาวไปจนถึงพันปี (มธ 7:21–27; 25:1–46; 1 คร 3:12–15)
เมื่อคุณแบ่งปัน สอน เทศนา หรือออกความคิดเห็นในคริสตจักร หรือกลุ่มสามัคคีธรรม คุณควรจะเข้าใจสิ่งที่คุณจะกล่าวอย่างถ่องแท้ และมั่นใจว่าไม่ใช่การแปลที่ผิดเพี้ยน เพื่อคุณจะไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษจากพระเจ้า ซึ่งทุกสิ่งที่คุณพูดจะเป็นสิ่งที่ทำร้ายคุณเองและผู้อื่นด้วย แต่ถ้าคุณแบ่งปันขนมปังไร้เชื้อ และพี่น้องเติบโตได้ คุณก็จะได้รับรางวัล
น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ คำสอนที่แปลผิดมีมากมายก่ายกอง คณะนิกายที่แตกต่างกันก็มีหลักคำสอนและหลักความเชื่อที่ไม่เหมือนกัน และต่างไม่มีใครยอมรับว่าใครผิด ขอพระเจ้าช่วยเรานะครับ เพื่อเราจะพบทางแห่งผู้ชนะ พบความสุขที่แท้จริง และเติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณ เพื่อเกิดผลถวายแด่พระเจ้า และมีส่วนเข้าในราชอาณาจักรที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมเพื่อรอรับคุณอยู่ บทเรียนที่จะช่วยให้คุณโตได้อยู่ไม่ไกลคุณนะครับ ขอให้จำเริญขึ้นในพระคุณพระเจ้านะครับ อาเมน