“ตาที่ได้เห็นหูที่ได้ยินก็เป็นสุข มธ 13:16”
มัทธิวบทที่ 7:1-6 พระเยซูพูดถึงเรื่อง การตัดสินผู้อื่น ซึ่งเกี่ยวกับการเชื่อผิดเชื่อถูก ตีความหมายพระคัมภีร์ถูกผิด เพราะว่าเราจะเห็นว่าไม้ทั้งท่อน พระเยซูเน้นถึงคำว่า ไม้ทั้งท่อน ไม้ ในที่นี้ ก็คือตรงกับใน 1 โครินธ์บทที่ 3:12-15 ซึ่งเปาโลพูดถึงเราก่อชีวิตก่อการรับใช้ขึ้น ด้วยไม้ด้วยฟางและหญ้าแห้ง
ไม้ ก็คือ สติปัญญาของอาดัม และถ้าหากว่าเราใช้สติปัญญาของอาดัมซึ่งเป็นไม้ เราตีความหมายพระคำพระเจ้า แปลความหมายพระคัมภีร์ ข้อนี้ต้องเป็นแบบนี้ ข้อนี้น่าจะแปลว่าอย่างนี้ ตรงนี้ควรจะเป็นแบบนี้ การตีความหมายการแปลความหมายของเราผิดๆๆ ไปหมด และสุดท้ายมันก็กลายเป็นไม้ทั้งท่อนเลย ท่อนใหญ่น่ะครับที่บังตาเรา
เราดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อที่ผิด ตีความหมายที่ผิด เรารับใช้ผิด อธิษฐานผิด อ่านพระคัมภีร์ผิด นมัสการผิด ทำอะไรทุกอย่างผิดหมด รับใช้ผิด สุดท้ายก็เป็นไม้ และไม้เหล่านี้ก็จะถูกเผาทิ้งในวันที่พระเยซูเสด็จกลับมา ไม่มีรางวัลนะครับ เราจะรอดแต่รอดเหมือนรอดผ่านไฟ
ซึ่งการรับโทษของเรา เราจะพบความพินาศยิ่งใหญ่ ความพินาศยิ่งใหญ่ก็คือ การดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ที่ขึ้นลงสุขทุกข์ดีบาป ยังไม่พอ ความพินาศยิ่งใหญ่ที่จะมาในอนาคต ก็คือการที่จะอยู่ในเกเฮนา ในที่ที่ทิ้งขยะเป็นเวลาพันปี ก่อนที่พระเจ้าจะให้เราได้รอดเข้าไปในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
สำหรับการ “ขอ หา เคาะ” ในที่นี้ความหมายที่แท้จริง ก็คือ “ขอ หา เคาะ” ตามน้ำพระทัย ไม่ใช่ตามใจเรา และการ “ขอ หา เคาะ” ที่แท้จริง ก็คือในมัทธิวไม่ได้บอกนะครับ ว่าขอหาเคาะอะไร แต่ในลูกาบทที่ 11:5-13 กล่าวว่า การ “ขอ หา เคาะ” แท้ที่จริงแล้ว ก็คือ “ขอ หา เคาะ” พระวิญญาณ ขอหาเคาะให้ได้รับพระวิญญาณให้เติมเต็มเต็มล้น เต็มล้นๆๆ อยู่เสมอ เหมือนกับหญิงพรหมจารี 5 คนที่ฉลาดที่มีน้ำมันใส่ภาชนะเอามาเผื่อด้วย
ซึ่งหญิงพรหมจารีคนโง่ 5 คนเอาตะเกียง มีน้ำมันเต็ม แต่ไม่เอาน้ำมันมาเผื่อ และปรากฏว่าเจ้าบ่าวมาช้า เจ้าบ่าวมาช้าน้ำมันหมด แล้วก็ไม่มีน้ำมันเติม
แต่คนที่เอามาเผื่อ เขามีน้ำมันในภาชนะ ก็คือมีพระวิญญาณเติมเต็มอยู่ตลอดเวลาในจิตใจของเขา จิตใจที่ถูกครอบครองแล้วโดยพระวิญญาณ ก็คือน้ำมัน เข้ามาเติมเต็มในจิตใจของเรา ก็คือพระวิญญาณครอบครองจิตใจ ให้เราเป็นคนใหม่ มีจิตใจใหม่ ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้การต่ำ ถ่อม และยอมเสียเปรียบได้ทุกวันทุกเวลานาที
เราเลิกโกรธเพราะว่าเรารู้ว่าความโกรธมีโทษเท่ากับการฆ่าคน เรารู้ว่าการหยิ่งผยองพองตัว เป็นนิสัยของซาตานที่พระเจ้าเกลียดมากที่สุด คนที่หยิ่งนะครับ ทุกวันนี้เราจะเห็นมากมายในคริสตจักร ขอโทษนะที่ผมพูดความจริงนะครับ คือใครก็แสดงอาการเข้มแข็งดูดีชอบธรรมเป็นคนดีหมด พยายามให้คนรู้ว่าเราเนี่ยเป็นคนที่เข้มแข็งในคริสตจักร แต่แท้ที่จริงแล้วเราไม่ได้เป็นแบบนั้น และน้ำพระทัยของพระเจ้า ก็คือให้เราเป็นคนต่ำนะครับ
เพราะฉะนั้นเราจึงควรจะมีการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ทุกวันทุกเวลานาที ก็คือการแสวงหา “ขอ หา เคาะ” และถ้าหากเรารู้ ถูกเปิดตา พระเจ้าเปิดตาเรา เราก็จะรู้ว่าการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือเราเต็มแล้ว เราเพียงแต่เชื่อและขอบพระคุณพระเจ้า “โอ้ ได้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว ขอบพระคุณพระเยซู ขอบพระคุณที่ให้ข้าพระองค์เต็มล้น” เราก็จะเต็มล้น
เพราะว่าคำว่า เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ภาษากรีกและภาษาอังกฤษเป็นอดีตกาลนะครับ Filled with the Holy Spirit
Fill คือคำว่า เต็มล้น แต่ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า จะมีตัว e และ ตัว d ต่อท้ายของคำว่า Filled ก็คือเต็มล้นแล้วด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
สำหรับมัทธิวบทที่ 7:13-14 จงเข้าไปในทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่และทางกว้างนั้นนำไปถึงความพินาศ และคนที่เข้าไปในทางนั้นก็มีมาก เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย
หมายความว่ายังไง พี่น้องคริสเตียนมากมายเข้าใจผิดคิดว่า พระคัมภีร์ข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับคริสเตียนและชาวโลกคือคนที่ไม่เชื่อ คริสเตียนเดินทางคับประตูแคบ อันนั้นผิดครับผม
แท้ที่จริงพระคัมภีร์ข้อนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับชาวโลกหรือคนที่ไม่เชื่อ อย่าลืมนะครับมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 และบทที่ 7 เป็นกฎหมายใหม่ของพระเยซู ซึ่งพระเยซูก่อตั้งกฎหมายใหม่นี้ รัฐธรรมนูญใหม่นี้ ให้ผู้เชื่อให้ประชากรของราชอาณาจักรสวรรค์ ไม่เกี่ยวอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ
เพราะฉะนั้นแล้ว ทางคับประตูแคบคืออะไร ทางคับประตูแคบ ก็คือการดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎหมายใหม่ของพระเยซูในมัทธิวบทที่ 5
ขอย้ำอีกครั้งนะครับ มัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 และบทที่ 7 เรียกว่า ทางคับประตูแคบครับ
ส่วนทางกว้าง ประตูใหญ่ ก็คือการดำเนินชีวิตของคริสเตียนทุกวันนี้ ที่มีผลงาน นำคนมาเชื่อ ทำอะไรต่อมิอะไรมากมายได้ แต่ไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎหมายใหม่ของพระเยซู ก็คือไม่มีจิตใจใหม่ ไม่มีพระคริสต์ทำแทนเขา ทำดีเล็กน้อยเชื่อฟังเล็กน้อย และที่เหลือเนี่ยก็รอคอยความหวังว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะเปลี่ยนเขา ก็พยายามทำดีพยายามบังคับชีวิตของเขาให้อยู่ในการเชื่อฟังให้ได้ อะไรที่ทำไม่ได้ก็ฝากไว้กับวันพรุ่งนี้ ให้พระเจ้าเป็นคนช่วยเหลือ
แต่แท้ที่จริงนะครับ เมื่อเรารู้เคล็ดลับในการดำเนินชีวิต ในพระคริสต์ ให้พระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเรา ให้พระคริสต์เป็นพระวิญญาณที่มีฤทธิ์เดชอํานาจมีกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตนำเราไปในแต่ละวันแต่ละเวลา เราจะเห็นว่ากฎหมายใหม่ของพระเยซูไม่ยากเลย แต่อาจจะต้องใช้เวลาครับผม ต้องใช้เวลา เพื่อเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงนี้
อีกครั้ง การเข้าไปในทางประตูแคบ ก็คือการเข้าไปในประตูที่เข้าไปในอาณาจักร มันแคบนะครับ คือต้องถอดทิ้งหมด เสื้อผ้าหนาๆ ใหญ่ๆ ราคาแพงๆ ชีวิตที่มีอะไรเกาะห้อย ทุกสิ่งที่เป็นของโลกนี้ก็ทิ้งหมด ความโกรธก็ต้องทิ้ง ความหยิ่งผยองพองตัวก็ต้องทิ้ง กิเลสตัณหาความใคร่ความโลภอะไรทั้งหลายก็ทิ้งหมด เพราะว่าประตูมันแคบเข้าได้แต่ตัว
และสำหรับการเดินทางกว้าง ก็คือการเดินทางที่จะลงไปในเกเฮนา ที่ทิ้งขยะนั่นเอง
สำหรับคริสเตียนทุกวันนี้ เราเดินทางกว้าง เราเดินทางสบายๆ คือไม่ต้องปฏิบัติตามอะไร ไม่ต้องเชื่อฟังอะไร เหมือนที่ผมพูดนะครับ ก็คือเชื่อฟังเล็กน้อยเท่านั้น และนี่คือที่มาของคำว่า ชีวิตที่ขึ้นลงดีบาปสุขทุกข์ ไม่ไปถึงไหนเลย
คริสเตียนทุกวันนี้กลุ้มอกกลุ้มใจมากเกี่ยวกับปัญหานี้ มีปัญหาเดียวเท่านั้นครับที่คริสเตียนเราต้องเผชิญในแต่ละวัน ก็คือเชื่อฟังก็ไม่ได้ หนีจากพระเจ้าก็ไม่ได้ ใช่ไหม
คริสเตียนเหมือนกับเรือที่ร่องอยู่กลางทะเล จะเข้าฝั่งก็ไม่ได้ จะมาหาอีกฝั่งนึงก็ไม่ได้ คือมาหาพระเจ้าก็ไม่มาหาให้ใกล้ที่สุด ไม่มาถึงผู้ชนะ ไม่มีชีวิตใหม่สักที
และจะหนีจากพระเจ้าไปดูอีกฝั่งหนึ่ง คือกลายเป็นคนที่ไม่เชื่อ ก็หนีไม่ได้
เพราะฉะนั้นจึงลอยล่องลอยอยู่กลางทะเล ไม่ไปถึงไหน ชีวิตก็ขึ้นลงขึ้นลงดีบาป แล้วแต่พายุ ฝน แม่น้ำไหลเชี่ยว จะกระแทกกระแทะทำให้เขาอยู่อย่างไม่เป็นสุข
อีกครั้ง มัทธิวบทที่ 7:13-14 เป็นกฎหมายใหม่ของพระเยซู เพื่อผู้เชื่อ ไม่เกี่ยวอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ
และข้อที่ 14 “เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย” น้อยครับ เรื่องพระคริสต์อยู่ในเราเป็นสง่าราศี เป็นเคล็ดลับเป็นข้อลึกลับที่ลึกลับที่สุด มีน้อยคนที่จะรู้และเข้าใจ (ข้อลึกลับแห่งอาณาจักร ข้อลึกลับพระคริสต์ในเรา)
บางคนก็บอกว่า พระเยซูอยู่ในเราอยู่ได้ยังไง เราเป็นคนบาป บอกรักพระเยซูได้ยังไง เราเป็นคนบาป ลิ้นของเราไม่สะอาด จิตใจเราไม่สะอาด กล้าดียังไงถึงบอกรักพระเจ้า
พระเจ้าต้องการให้เราบอกรักนะครับ พระเจ้าต้องการให้เราอยู่ในรักดั้งเดิมของพระองค์ พระเจ้าต้องการให้เราสนิทกับพระองค์ สนิทในพระองค์ การทำดีการเชื่อฟังก็จะตามมา เป็นหน้าที่ของพระเจ้าไม่ใช่หน้าที่ของเรา
เราดูดีๆ นะครับ กาลาเทียบทที่ 2:20 เราไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในเรา และกาลาเทียบทที่ 5:22-23 ก็คือพระคริสต์ทำแทน ผลของใคร ผลของพระวิญญาณนะครับ ไม่ใช่ผลของเรา
เพราะฉะนั้นแล้วมีการหลงประเด็น มีการเข้าใจผิดกันมากมายเหลือเกินทั่วโลกเลย เราไม่มาถึงทางคับประตูแคบนี้ เราหาไม่พบ
พระคัมภีร์ข้อนี้อีกครั้งนะครับ เป็นเรื่องราวของคริสเตียนสองฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งคือผู้ชนะ ที่หาพบแล้วที่เจอแล้วทางคับประตูแคบ ก็คือการดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎหมายใหม่ของพระเยซู และมีพระคริสต์ทำแทนเขา
ส่วนคนที่เดินไปในทางกว้าง ทางใหญ่ ประตูใหญ่ ก็คือผู้เชื่อทั้งหลายที่ดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ ไม่สนใจไม่แคร์ที่จะดำเนินชีวิตให้พระคริสต์ทำแทนเขา และไม่สนใจกฎหมายใหม่ของพระเยซู ทำได้ข้อไหนก็ทำ ทำอะไรไม่ได้ก็รอวันพรุ่งนี้ เพื่อจะมีการเปลี่ยนแปลง อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่บางคนเราจะเห็นว่าพี่น้องผู้เชื่อมากมาย จนตาย ก็ยังไม่เจอ ก็ยังไม่พบ ก็ยังไม่เห็น
มัทธิวบทที่ 7 ตั้งแต่ข้อที่ 15 จนถึงข้อที่ 20
จงระวังผู้พยากรณ์เท็จที่มาหาท่านนุ่งห่มดุจแกะ แต่ภายในเขาร้ายกาจดุจสุนัขป่า
ท่านจะรู้จักเขาได้ด้วยผลของเขา มนุษย์เก็บผลองุ่นจากต้นไม้หนามหรือ หรือว่าเก็บผลมะเดื่อจากต้นผักหนาม
ดังนั้นแหละต้นไม้ดีทุกต้นย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว
ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้
ต้นไม้ทุกต้นซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ
เหตุฉะนั้น ท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของเขา (คือผลของชีวิตใหม่ ไม่มี)
สำหรับพระคัมภีร์ข้อนี้ อีกครั้งนะครับ ก็เป็นเรื่องราวของผู้เชื่อเหมือนเดิม เป็นกฎหมายใหม่ของพระเยซู ในมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 และบทที่ 7 และเป็นการเตือนของพระเยซู ให้ระมัดระวังเรื่องเกี่ยวกับผู้เผยพระวจนะเท็จผู้พยากรณ์เท็จ ก็คือผู้นำ ครูสอน อาจารย์ ศบ. ศจ. อะไรทั้งหลายแหล่ ซึ่งเราจะเห็นว่าในโลกนี้มีผู้พยากรณ์เท็จผู้นำเท็จ ของแท้ก็มี ของปลอมก็มี
ของปลอมคืออะไร ของปลอม ก็คือคนที่ไม่เชื่อ ที่อยู่ข้างนอกนะครับ ไม่ได้เป็นคริสเตียน เข้ามาต้มตุ๋น เข้ามาหากิน เข้ามาในท่ามกลางสังคมคริสเตียนเพื่อทำธุรกิจ เพื่อมาหลอกเอาเงินคริสเตียนโดยเฉพาะนะครับ มันจะเหมือนมาก เราดูไม่ออกนะครับ แต่คนที่มีพระวิญญาณคนที่เข้ามาถึงผู้ชนะแล้วจะสังเกตได้ทันทีเลยว่า เขาใช้อะไร เขาเป็นอะไร ของแท้หรือของปลอม
เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่เขาใช้มากที่สุดก็คือเขาเน้นเรื่องไฟเรื่องฤทธิ์เดชเรื่องพระวิญญาณ อันนี้เป็นการทำงานที่ประสบความสำเร็จ เป็นกลวิธีที่ประสบความสำเร็จมาก เพราะว่าคริสเตียนเราส่วนมาก ชอบ นิยมชมชอบ เกี่ยวกับเรื่องไฟ เรื่องฤทธิ์เดช เรื่องอำนาจ ของประทาน ถ้าหากใครทำแบบนี้ก็จะมีโอกาสเด่นดังดีเพียงข้ามคืนได้ และใครที่อยู่ข้างนอกนะครับไม่เป็นคริสเตียน เข้ามาและใช้วิธีนี้ ก็จะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจของเขา หลอกเงินคริสเตียนเอาไป เพื่อสร้างความร่ำรวย เพื่อสร้างฐานะ ด้วยเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงพี่น้อง
และผู้พยากรณ์เท็จ อีกแบบหนึ่งก็คือ อยู่ท่ามกลางสังคมคริสเตียนนี่เอง คือผู้นำ อาจารย์ ศิษยาภิบาล ศาสนาจารย์ทั้งหลาย ที่เป็นคริสเตียน ที่รักพระเจ้าจริงๆ ที่เชื่อจริงๆ ที่บังเกิดใหม่แล้ว แต่ชีวิตของเขานะครับ ยังไม่มาถึงผู้ชนะ แต่เขาใส่เสื้อผ้าอย่างดี ใส่สูทผูกไท้ ทำหน้าตาแต่งตัวเหมือนกับอาจารย์ เหมือนกับศิษยาภิบาล เหมือนกับชั้นผู้ใหญ่ มีชื่อเสียงโด่งดัง และเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะหลอกลวงใคร ก็อาจจะเล็กน้อยนะครับ และปัญหาของเขาก็คือชีวิตของเขาไม่มีจิตใจใหม่ ภายนอกของเขาดูดีมาก ดูเหมือนเข้มแข็งมาก เป็นนักแสดงละครที่ดี ที่เด่นที่ดังมาก
อีกครั้งนะครับ คริสตจักรว่ากันว่า คริสตจักรทุกวันนี้ก็เหมือนโรงละครโลงใหญ่ ใครตีบทแตก ใครเล่นดี แสดงดี ก็มีตำแหน่งสูง ใช่ไหม แต่ใครแสดงไม่ดี ก็เป็นสมาชิกโบสถ์เท่านั้น แล้วเราจะเห็นว่าภายในจิตใจมีกิเลสตัณหาโลภโกรธหลง ซ่อนอะไรต่อมิอะไรมากมาย อยู่ในความลับ อยู่ในที่มืด
และนี่คือความหมายที่พระเยซูต้องการบอกเรา คือ..
1. ผู้พยากรณ์เท็จ มาจากข้างนอก ที่ไม่เชื่อพระเจ้า มาหลอกลวงต้มตุ๋น ทำมาหากินในคริสตจักรของพระเจ้า
2. และผู้พยากรณ์เท็จแบบที่สอง ก็คือผู้นำ ผู้รับใช้ ภายในท่ามกลางคริสเตียนเรา ที่ไม่มีชีวิตใหม่ไม่มีจิตใจใหม่ มีความโกรธ มีความหยิ่งผยองพองตัว อยากเด่นดัง อยากมีชื่อเสียง อยากร่ำรวย โดยใช้ตำแหน่ง ใช้ชื่อเสียง ใช้พระวจนะคำของพระเจ้าทำมาหากินในท่ามกลางคริสตจักร แต่ถ้าธาตุแท้ภายในจิตใจไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่มาถึงผู้ชนะ เมื่อถึงเวลาระเบิดก็ระเบิด เมื่อถึงเวลาอิจฉาใครอิจฉา เด่นดังดีเกินเราไม่ได้ อย่ามาแตะต้องตำแหน่งของเรา อย่ามาแตะต้องชื่อเสียงของเรา และบางกรณีนะครับ อาจจะถึงการทำร้ายกันด้วย ทำร้ายทำลายชื่อเสียงกันได้ เพราะความอิจฉา
และพระเยซูต้องการเตือนเรานะครับ ให้ระวังผู้นำเหล่านี้ พี่น้องเหล่านี้ และขอพระเจ้าช่วยเรานะครับ ที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อของพี่น้องเหล่านี้ หรือคนที่เข้ามาหลอกลวงเรา
ขอให้ใช้สติปัญญา “ทองคำ” คือขอพระเจ้าให้เปิดตา ให้ช่วยเราที่จะระมัดระวังไม่ถูกหลอกง่ายๆ แล้วเราเองไม่ต้องเชื่อใจมนุษย์ เราเชื่อใจในพระคำพระเจ้า เราเชื่อใจในพระเยซู เรายึดที่พระเยซูคนเดียวเท่านั้น อย่ายึดใคร อย่าเชื่อใคร อย่าไว้ใจใคร อย่าให้ใครเป็นไอดอลของเรา อย่ายกใครสูงขึ้นกว่าเรา
ผมไม่มีอะไร และไม่ต้องการมีชื่อเสียง พี่น้องรับพระคำ รับมานาที่ซ่อนไว้ เอาไปใช้เอาไปฝึก ได้รับสันติสุขทุกวันเวลา และมากขึ้นมากขึ้น และอยู่ตัว สันติสุขอยู่ตัว และต่อมาไม่นานก็จะเห็นจิตใจใหม่ เข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง เห็นมากขึ้นมากขึ้น เลิกโกรธได้ เลิกหยิ่งผยองพองตัวได้ เลิกตัณหาของเนื้อหนัง ตัณหาของร่างกายได้ ผมขอบพระคุณพระเจ้า ไม่มีอะไรที่ผมต้องการต่อพี่น้องนะครับ
สิ่งที่พระเจ้าใช้ผมมา หน้าที่ของผมผมรู้ดี ก็คือมาทวงความรักให้พระเจ้า พระเจ้ารอคอยความรัก ที่พี่น้องตกจากความรักดั้งเดิม พี่น้องยุ่งอยู่กับการทำงาน การรับใช้ การทำนู่นทำนี่ การเชื่อฟัง แต่หัวใจของพี่น้องไม่มีให้พระเจ้า
เมื่อเรานมัสการ หัวใจเราอยู่ที่ไหน
เมื่อเราเชื่อฟังพระเจ้า พยายามทำดีๆ หัวใจของเรามีให้พระเจ้าไหม
เมื่อเราเล่นกีต้าร์ เล่นเปียโน ร้องเพลง หัวใจของเราอยู่ที่ไหน หัวใจของเราไม่อยู่กับพระเจ้า
พระเจ้าต้องการทวงหัวใจของเราคืนมาให้สนิทกับพระองค์ ให้บอกรักพระองค์ ให้อยู่ใกล้พระองค์ ติดสนิทสนมมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ การเชื่อฟังการทำงานการเกิดผล การก่อชีวิตขึ้น การก่อการรับใช้ที่ถูกต้องขึ้น คือการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ได้มาจากการสนิทของเรา
เราเน้นที่การสนิท พระเจ้าจะกระทำ เมื่อเราเน้นที่การกระทำ เราจะล้มเหลว เพราะว่าพระเจ้าไม่กระทำให้