รสเค็มของอาดัม คือคุณสมบัติของตัวเก่าที่ใช้ไม่ได้ รัก/จริง/ชอบธรรม/บริสุทธิ์ที่ตายแล้ว
รสเค็มของพระคริสต์ คือคุณสมบัติของพระคริสต์ที่สำแดงผ่านเราให้โลกเห็นพระองค์ คือ รัก/จริง/ชอบธรรมและบริสุทธิ์ ที่มีชีวิต
เมื่อพระเยซูกล่าวถึงคุณสมบัติ 9 ประการของประชากรแห่งราชอาณาจักรเสร็จสิ้นลง ในมัทธิวบทที่ 5:13 พระเยซูตรัสต่อไปอีกว่า ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก แต่ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้วจะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียออกไปข้างนอกสำหรับคนเหยียบย่ำ
พี่น้องคริสเตียนมากมายไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงเกี่ยวกับมัทธิวบทที่ 5:13 นี้ ความหมาย ก็คือ พระเยซูตอนนั้น พระองค์ตรัสกับสาวกทั้งหลายที่สมัครใจเป็นศิษย์พระเยซูและเดินตามพระเยซูไปทุกหนทุกแห่ง และเมื่อพระองค์ทรงกล่าวในข้อนี้ ในข้อที่ 13 ว่า "ท่านทั้งหลาย" คือพระเยซูพูดถึงสาวกเหล่านั้น และมีผลถึงเราทั้งหลายที่เป็นสาวกในยุคนี้ ในทุกยุคทุกสมัยเลย
"ท่านทั้งหลาย" ในที่นี้ ก็คือ ผู้ที่เชื่อ ผู้ที่ติดตามพระเยซู ผู้ที่ยอมอาสาสมัคร สมัครใจเป็นศิษย์ เป็นสาวกของพระเยซู ก็คือผู้เชื่อทุกๆ คน
คำว่า "เป็นเกลือ" ท่านทั้งหลายเป็นเกลือ เกลือ ในที่นี้ ก็คือ ผู้ที่ถูกเลือก (เกลือ คือผู้เชื่อทุกคน) ผู้ที่ได้รับการชำระ ผู้ที่พระเจ้านำเขามา และทำให้ชีวิตของเขาขาวสะอาด เป็นเกลือ คือการได้เป็นผู้เชื่อแล้ว ได้บังเกิดใหม่แล้ว เป็นบุตรพระเจ้า เป็นประชากรของพระเจ้าแล้ว ซึ่งเวลานั้นยังไม่มีผล แต่การที่ได้บังเกิดใหม่ เป็นเกลืออย่างแท้จริง ก็คือช่วงเวลาที่พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และฟื้นคืนพระชนม์ 3 วันต่อมา การยกโทษบาปก็เกิดขึ้น การประทานชีวิตใหม่ก็ตามมา เขาได้กลายเป็นเกลือแล้ว
คำว่า "แห่งโลก" ล่ะคืออะไร ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก ก็คือทุกวันนี้นะครับชีวิตมนุษย์ คุณสมบัติต่างๆ ที่สำแดงออกมาผ่านมนุษย์ทุกคน คือเขาสำแดงชีวิตของอาดัมที่ตายแล้ว เป็นชีวิตที่มีตัวบาปอยู่ข้างใน เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองพองตัว ความโกรธ ความรักโลก กิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลง ทั้งหลายนี้ คือมันแพร่เต็มทั้งโลกไปเลย และทำให้โลกเสื่อมสลาย โลกนี้เสื่อมแล้ว ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Corrupted ก็คือเสื่อมสลาย ถูกลงโทษ ถูกพิพากษาแล้ว
และถ้าหากว่าไม่มีคริสเตียนที่มีคุณสมบัติของพระเจ้าอย่างแท้จริง สำแดงออกมา เป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตที่มี ความรัก ความสว่างความจริง ความชอบธรรม และความบริสุทธิ์ ถ้าหากไม่มีคริสเตียนกลุ่มผู้ชนะ ที่สำแดงคุณสมบัติของพระเจ้าออกมา โลกนี้ก็จะถูกทำลายไปแล้ว
แต่เนื่องจากว่า ยังมีคริสเตียนเหล่านี้ ที่ดำเนินชีวิตอยู่ และเป็นเกลือที่มีรสเค็มจริงๆ รสเค็มที่มีคุณสมบัติของพระเจ้า 4 ประการ สำแดงออกมาในแต่ละวัน ทำให้พระเจ้าไม่อาจที่จะทำลายล้างโลกนี้ได้
พระเยซูตรัสว่า "ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว" หมายความว่ายังไง แสดงว่าเกลือนี้เมื่อก่อนเคยเค็มอยู่ใช่ไหม เคยมีรสเค็มใช่ไหมครับ พระเยซูตรัสว่า "แต่ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว"
"หมดรสเค็ม" ในที่นี้หมายความว่ายังไง คือพระเจ้าประทานชีวิตหนึ่งให้เรา เป็นชีวิตที่เป็นเกลือที่บริสุทธิ์ขาวสะอาด ต่อพระพักตร์พระเจ้า เป็นคนที่ชอบธรรมแล้ว สวมชีวิตของพระคริสต์ เป็นคริสเตียน เป็นผู้ที่ติดตามพระเยซู อันนี้ไม่ใช่เรื่องของคนที่ไม่เชื่อ แต่เป็นเรื่องของคริสเตียน
และพระเจ้าให้ชีวิตคริสเตียนนี้ มีชัยชนะ มีรสเค็ม มีคุณสมบัติของพระเจ้า มีชีวิตที่สามารถสำแดงพระเจ้าให้โลกเห็นได้ มี love , reality , righteousness , holiness
love ก็คือ รัก
reality ก็คือ ความจริงหรือความสว่าง
righteousness ก็คือ ความชอบธรรม
holiness ก็คือ ความบริสุทธิ์
เป็นคุณสมบัติ เป็นกิริยา อาการ เป็นมารยาท เป็นคาแรคเตอร์ของพระเจ้า และคำพูดกิริยาอาการต่างๆ คือพระเจ้าเป็นคนที่สำแดงทำแทนเรา ไม่ใช่เราเอง ไม่ใช่เรา แต่พระเจ้าให้เราเป็นคนที่สุขุมรอบคอบ เป็น gentlemen มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะอาการ การพูดจา มีลักษณะที่ถ่อมใจถ่อมตน
ซึ่งชีวิตนี้ที่มีความเค็มรสเค็ม ที่เป็นคุณสมบัติของพระเจ้าที่สำแดงผ่านเรา แต่เนื่องจากว่าคริสเตียนมากมายทุกวันนี้ไม่รู้ ไม่รู้ว่าพระเจ้าประทานคุณสมบัติเหล่านี้ ให้เราอยู่ข้างในนี้แล้ว (รสเค็มมาพร้อมกับเกลือตั้งแต่วันที่เราเชื่อแล้ว) คือพระเจ้าให้เราเป็นเกลือและให้มีรสเค็มอยู่ข้างใน
แต่รสเค็มมันหมด ก็คือเราหล่นจากพระคุณ ตกจากพระคุณนี่เอง
คือแทนที่เราจะค้นหาว่า ชีวิตของเราภายในเรามีใครอยู่ มีใครสถิตอยู่ในเรา และเป็นผู้ที่จะสำแดงคุณสมบัติ กิริยา อาการ มารยาท การนั่ง เดินไปมา การพูดจา ของพระเจ้าผ่านเรา
แต่เรากับพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง เราคิดว่า เอ๊ะ การพูดจาแบบนี้ไม่ดี เราก็เปลี่ยน เราคิดว่า เอ๊ะ การเดิน การนั่ง การแต่งกายแบบนี้ไม่เหมาะ เราก็เปลี่ยน พยายามเปลี่ยน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนของตัวเก่าตัวอาดัมให้ดีขึ้น ให้พูดจามีมารยาทมากกว่าเก่า มากกว่าเดิม ให้เป็นคนที่เปลี่ยนแปลงจากการเป็นคนไม่ดี มีกิริยาอาการมารยาทคุณสมบัติไม่ดี ให้กลายมาเป็นคนดี (รสเค็มของอาดัมคือรสเค็มที่ตายแล้ว) ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจว่าเราเป็นคนดีแล้ว เราเป็นคนที่มีรสเค็มแล้ว ก็คือให้พระเจ้าสำแดงความเค็มออกมา
บอกว่า “พระเจ้าสำแดงเถิด พระเจ้าคุณสมบัติเป็นของพระองค์ ความรักเป็นของพระองค์ การอยู่ในความจริงความสว่างเป็นของพระองค์ การดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์เป็นของพระองค์ เป็นการงานเป็นการกระทำกิจของพระองค์ที่อยู่ภายในตัวข้า พระองค์ทำเถิด” นี่คือการไม่หมดรสเค็ม
แต่การที่หมดรสเค็ม ก็คือไม่รู้ว่าพระเจ้าอยู่ข้างในเรา ไม่รู้ว่าพระคริสต์อยู่ในเรา ไม่รู้ว่าเราเป็นเกลือแล้ว (เป็นแล้ว)
ในพระคัมภีร์ข้อนี้ ข้อที่ 13 พระเยซูตรัสว่า "ท่านทั้งหลายเป็น" พระองค์ไม่ได้บอกว่า จะเป็นใช่ไหม หรือว่ากำลังจะเป็น หรือจะเป็นพรุ่งนี้ มะรืนนี้ เดือนหน้า ปีหน้า ไม่ใช่ พระเยซูตรัสว่าท่านทั้งหลาย "เป็น" เป็นก็คือเราได้เป็นเกลือ (เราเป็นเกลือทันทีที่เราเชื่อ) และเรามีรสเค็มพร้อมอยู่แล้ว ที่จะให้รสเค็มนี้สำแดงออกมาผ่านตัวเรา ซึ่งรสเค็มนี้ไม่ใช่ของเรา แต่เป็นของพระเจ้า
นี่คือปัญหาของคริสเตียน ซึ่งพวกเราไม่รู้ว่าเราเป็นเกลือที่มีรสเค็มแล้ว และเรากับพยายามผลิตรสเค็มของเราเอง ซึ่งเป็นรสเค็มของอาดัมมันใช้ไม่ได้
"เกลือ" เป็นคนที่เกิดใหม่ เป็นคนที่อยู่ในพระวิญญาณ เกิดในพระวิญญาณ
แต่เรากลับมาใช้รสเค็มของตัวอาดัมเป็นตัวเก่าที่ตายแล้ว ทำให้เราหมดรสเค็มของพระเจ้า พระเจ้าไม่สามารถที่จะสำแดงคุณสมบัติ คาแรคเตอร์ กิริยา อาการ ของพระเจ้าออกมาได้ พระเจ้าจะพูดแทนเราไม่ได้ คำพูดที่ถ่อม นอบน้อม สุภาพอ่อนโยน อ่อนหวาน อะไรก็ตาม พระเจ้าทำไม่ได้ เพราะว่าเราเป็นคนพยายามเปลี่ยนตัวเราเอง เปลี่ยนคำพูดเราเอง เปลี่ยนกิริยาอาการของเราเอง นี่คือความหมายของคำว่าหมดรสเค็ม
ซึ่งพระเจ้าแต่งตั้งชีวิตหนึ่งที่เป็นเกลือและมีรสเค็มอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ เมื่อเราไม่รู้ เราก็คิดว่ายังไม่เค็ม ยังไม่มีรสเค็ม เรายังไม่ดีพอ คุณสมบัติก็ไม่ดี การพูดจาก็ไม่ดี อ่ะเราเปลี่ยน คำว่าเราเปลี่ยน คือการเปลี่ยนตัวเดิมตัวเก่า เรียกว่าหล่นจากพระคุณ หรือตกจากพระคุณ
และพระเยซูว่า "จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้" สาเหตุก็คือเมื่อเราพยายาม พยายาม พยายาม ทำให้ตัวเองเราเนี่ยมีรสเค็มให้ได้ และเราไม่เคยเรียนรู้ เราไม่ถ่อมใจ ไม่แสวงหาว่า เอ๊ะ จะทำยังไงถึงจะมีรสเค็มของพระเจ้า มีกิริยาอาการของพระเจ้า มีคุณสมบัติของพระเจ้าได้ เราไม่แสวงหา และทำให้เราไม่สามารถกลับมามีรสเค็มได้อีก
และในที่สุดพระเยซูตรัสว่า "มีแต่จะทิ้งเสียออกไปข้างนอก" คำนี้พระเยซูตรัสถึงคำว่า ออกไปข้างนอก ใช่ไหม และพระเยซูตรัสหลายครั้งใช่ไหมว่า ได้เข้าไปข้างใน ได้เข้าไปข้างใน เราจะเห็นว่าหนังสือมัทธิวพูดถึงคำว่า ได้เข้าไปข้างใน และถูกโยนออกไปข้างนอก ร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในที่มืด และใช้หนี้ให้ครบใช่ไหม.
และเราจะเห็นว่าในบทต่อๆ ไปพระเยซูจะตรัสถึงคำว่า อยู่ข้างใน เข้าไปข้างใน ได้เข้าไปข้างใน และถูกโยนออกไปข้างนอก บ่อย
"แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียออกไปข้างนอกสำหรับคนเหยียบย่ำ" การทิ้งเสียออกไปข้างนอก ข้างนอกนี้จะมีก็ต่อเมื่อยุคหน้ามาถึง ตอนนี้ยังไม่มีข้างในข้างนอก
คือเรากำลังฝึกฝนชีวิตของเราให้พร้อม สำหรับอาณาจักรของพระเยซู ที่กำลังจะลงมาจากสวรรค์ มาตั้งอยู่บนโลกนี้ และพระองค์จะครอบครองเป็นเวลาพันปี ตอนนั้นจะมีข้างในและข้างนอก
แล้วพระเยซูตรัสว่า "มีแต่จะทิ้งเสียออกไปข้างนอก" ก็คือเขาไม่มีโอกาสได้เข้าไปข้างใน
พี่น้องจำได้นะว่า มีคริสเตียนจำนวนมากมาย ที่ยังรับใช้อยู่ มีผลงานมากมาย เขาบอกว่าพระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ขับไล่ผี รักษาโรค ประกาศข่าวประเสริฐ ทำงานรับใช้พระองค์ในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ พระเยซูตรัสว่าเราไม่เคยรู้จักเจ้า (มธ 7:21-23)
สาเหตุก็เพราะว่า เขาเป็นเกลือแต่ไม่มีรสเค็มของพระเจ้า ไม่มีคุณสมบัติของพระเจ้า เขาใช้คุณสมบัติของตัวเอง รสเค็มของตัวเอง ซึ่งเป็นรสเค็มที่ตายแล้ว
เพราะฉะนั้นเมื่อพระเยซูเสด็จมา เขาจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปข้างใน มีแต่จะโยนทิ้งออกไปข้างนอกให้ผู้คนเหยียบย่ำสำหรับคนเหยียบย่ำ คำว่า คนเหยียบย่ำ ในที่นี้ ก็คือ เป็นคนที่ไม่มีคุณค่าอะไรทั้งนั้นเลย ถึงขนาดว่าผู้คนเหยียบย่ำ ก็คือดูถูกเหยียดหยาม ชาวโลกที่อยู่นอกอาณาจักรในเวลานั้น ในยุคพันปียังจะมีชาวโลกที่มีชีวิตอยู่ รอดตายจากช่วง 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมาน และเขาจะมีชีวิตอยู่เหมือนเดิม เมื่อตายไปลูกหลานก็สืบต่อ ลูกหลานตายไปเหลนก็สืบต่อ จนครบพันปี
และผู้คนเหล่านี้ เมื่อมองคริสเตียนที่อยู่ข้างนอก เขาก็ดูถูกเหยียดหยาม ผู้คนก็จะถามกัน คนที่เกิดใหม่ก็ถามว่าเนี่ย พวกนี้เป็นใคร พ่อแม่ปู่ย่าตายายก็บอกว่า พวกนี้เป็นคริสเตียน เขาเชื่อพระเจ้าน่ะลูก แต่เขาไม่มีปัญญาได้เข้าไปข้างใน เพราะว่าเขาเป็นเกลือแต่ไม่มีรสเค็มของพระเจ้า เขาใช้รสเค็มที่ตายแล้ว ของเขาเองเพื่อถวายแด่เกียรติพระเจ้า เพื่อดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ ให้ผู้คนเห็นคุณสมบัติของเขา เห็นความอ่อนโยน นอบน้อม ถ่อมตน ที่สำแดงอยู่แต่เฉพาะในโบสถ์ส่วนมากใช่ไหม
แต่ปกติแล้ว ความเค็มรสเค็มของเขาไม่ค่อยจะสำแดงที่บ้าน หรือที่ทำงาน อันนี้เราไม่ได้ตัดสินใคร คือเราดูจากเนื้อผ้าใช่ไหม คือชีวิตคริสเตียนทุกวันนี้ รสเค็มของเราใช้สำแดงแต่เฉพาะในเวลาที่อยู่ต่อหน้าพี่น้องคริสตจักร ต่อหน้าพี่น้องคริสเตียนในคริสตจักร
ขอพระเจ้าช่วยเรา ที่เราเป็นเกลือแล้ว แต่เราควรจะรู้วิธีการให้รสเค็มสำแดงออกมา คือคุณสมบัติของพระเจ้า 4 ประการ รัก, ความจริงความสว่าง, ความชอบธรรม, และความบริสุทธิ์ ,ให้ปรากฏออกมาให้โลกเห็น ไม่ใช่ใช้คุณสมบัติกิริยาอาการมารยาทการพูดจาของเรา ของเราเอง ของตัวเก่านี้ พระเจ้าไม่รับ พระเจ้าไม่ต้องการให้ใช้
แต่พระเจ้าต้องการให้เรา ให้พระองค์เป็นผู้สำแดงความเค็ม รสเค็มของพระองค์ออกมาผ่านเรา
อีกครั้ง พระยซูตรัสว่า "ท่านทั้งหลาย" ก็คือสาวก คือผู้เชื่อทุกคนพูดที่ติดตามพระเยซู คือพวกเราทุกคน
"เป็นเกลือ" ก็คือเป็นคนที่มีคอนดิชั่น หรือมีสภาพใหม่แล้ว เราได้บังเกิดใหม่ เราเป็นเกลือแล้วน่ะ
"แห่งโลก" ก็คือ ทุกวันนี้ถ้าหากไม่มีเราคริสเตียนจำนวนหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติของพระเจ้าที่แท้จริง ที่เป็นความเค็มของพระเจ้าสำแดงออกมา โลกนี้ก็จะถูกทำลายไปแล้ว
แต่เนื่องจากว่าขอบพระคุณพระเจ้าที่มีพี่น้องคริสเตียนจำนวนหนึ่ง ที่เป็นคริสเตียนผู้ชนะ ที่สำแดงคุณสมบัติของพระเจ้าจริงๆ ซึ่งไม่ใช่คุณสมบัติของอาดัม ออกมาให้โลกเห็นและพระเจ้าได้รับเกียรติ
และคุณสมบัติของพระเจ้านี้สามารถค้ำจุนและรักษาโลกนี้ไว้ไม่ให้ถึงขนาดต้องมีการทำลายเกิดขึ้น
"แต่ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว" ก็คือถ้าหากเราไม่รู้ว่า พระเจ้าใส่ความเค็มในเกลือของเรา มีรสเค็มแล้วเรียบร้อย พร้อม เตรียมพร้อมที่จะสำแดงความเค็ม กิริยา มารยาท อาการ คุณสมบัติ การพูดจาของพระเจ้าออกมาผ่านเรา เราไม่รู้และเราแสวงหาความเค็มรสเค็มของเราเอง ซึ่งเป็นตัวเก่า ใช้ตัวเก่าและพยายามเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น อันนั้นใช้ไม่ได้ เป็นรสเค็มที่ตายแล้ว
"แต่นั้นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร" เราไม่สามารถที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้ ใช้เป็นประโยชน์ให้พระเจ้าไม่ได้
"มีแต่จะทิ้งเสียออกไปข้างนอกสำหรับคนเหยียบย่ำ" ก็คือผู้ที่ไม่เชื่อ คนที่ไม่เชื่อ ชาวโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ในช่วงยุคพันปี เขาก็จะดูถูกเหยียดหยามชั่วลูกชั่วหลานชั่วเหลน หลายชั่วคนเลยนะ บอกว่าเนี่ยน่ะคริสเตียนอะไร เชื่อพระเจ้ามีพระเยซู แต่ไม่มีปัญญาเข้าไปข้างใน นี่คือการดูถูกเหยียดหยาม คือการให้คนเหยียบย่ำ เป็นคริสเตียนอะไร เชื่อพระเจ้า มีพระเยซู แต่ไม่มีปัญญาเข้าไปข้างใน