2:14 จงเตือนเขาทั้งหลายให้ระลึกถึงข้อความเหล่านี้ และกำชับเขาต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ให้เขาโต้เถียงกันในเรื่องถ้อยคำ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์เลย แต่กลับเป็นเหตุให้คนที่ฟังเขวไป
** มนุษย์วิญญาณ หรือ คริสเตียนแท้จะไม่โต้เถียง ถกเถียงกัน หรือโต้ วาทีในเรื่องความเชื่อ หลักคำสอน หรือศาสนาต่างๆ ซึ่งสำหรับพระเจ้าทรงถือว่าเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ และทำให้คนที่สนใจอยากเชื่อกลับไม่เชื่อ และคนที่เชื่อก็ท้อและถดถอยไป พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างที่ดีเรื่องการไม่ตอบโต้โต้เถียงผู้อื่น
2:15 จงอุตส่าห์สำแดงตนเองให้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า เป็นคนงานที่ไม่ต้องอาย ยึดมั่นพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง
** การสำแดงตนเองให้เป็นที่ชอบพระทัย คือการดำเนินชีวิตและรับใช้ในพระคริสต์ ร่วมกับพระคริสต์ และเพื่อพระคริสต์
** คนงานที่ไม่ต้องอาย คือฝึกเดิน สนิทบอกรัก สะสมมานาฯ เพื่อให้ชีวิตเติบโตและทำบาปน้อยลง ทำหน้าที่ตามของประทานของตน เพื่อสะสมบำเหน็จในสวรรค์
** ยึดมั่นพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง คือการยึดมานาที่ซ่อนไว้และหลีกเลี่ยงเชื้อยีสต์คือคำสอนที่แปลผิดโดยการขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณในทุกเรื่อง
2:16 แต่จงหลีกไปเสียจากถ้อยคำหมิ่นประมาทและไร้ประโยชน์ เพราะคำอย่างนั้นย่อมก่อให้เกิดอธรรมมากยิ่งขึ้น
** มนุษย์วิญญาณจะไม่ดูถูกหลักคำสอน ความเชื่อ และศาสนาของใคร ซึ่งถ้าหากเราทำ เราจะถูกกล่าวหาว่าใช้ถ้อยคำที่หมิ่นประมาทผู้อื่น
2:17 และคำพูดของเขาจะแพร่ออกไปเหมือนแผลเนื้อร้าย ในพวกนั้นมีฮีเมเนอัสกับฟิเลทัสเป็นต้น
2:18 คนทั้งสองนั้นได้หลงจากความจริง โดยพูดว่าการฟื้นจากความตายนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว และได้ทำลายความเชื่อของบางคนเสีย
** เมื่อมีการโต้เถียง ถกเถียง โต้ วาทีอยู่ที่ใด ก็ย่อมจะมีการหลงทางจากความเชื่อหรือหลักคำสอนแห่งความจริง เนื่องจากว่าซาตานจะพยายามทำให้ผู้ที่สอนผิดชนะ
2:19 แต่ว่ารากฐานแห่งพระเจ้านั้นอยู่อย่างมั่นคง โดยมีตราประทับไว้ว่า `องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักคนเหล่านั้นที่เป็นของพระองค์' และ `ให้ทุกคนซึ่งออกพระนามของพระคริสต์ละทิ้งความชั่วช้าเสีย
** สำหรับพระเจ้า น้ำพระทัยของพระองค์ก็คือให้เราเลิกทำบาป แต่ผู้ที่ได้รับการเปิดตาเข้าสู่พระคำล้ำลึกเท่านั้นจึงจะเอาชนะบาปได้
1 ทธ 6:5, 6:4
6:5 บรรดาการโต้เถียงที่ดื้อรั้นของพวกคนที่มีใจเสื่อมทรามและขัดสนซึ่งความจริง โดยคิดเอาเองว่าการได้รับผลประโยชน์เป็นทางของพระเจ้า จงถอนตัวท่านเองไปเสียจากคนเช่นนี้
6:4 ผู้นั้นก็เป็นคนทะนงตัว โดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ชอบทุ่มเถียงเรื่องคำถามต่าง ๆ และโต้แย้งเรื่องถ้อยคำต่าง ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการอิจฉากัน การทะเลาะวิวาทกัน การกล่าวร้ายกัน การนึกเหมาอันชั่วร้าย
ทต 3:9-10
จงหลีกเลี่ยงจากคำถามอันโง่เขลาและการโต้แย้งกัน
3:9 แต่จงหลีกเลี่ยงบรรดาคำถามอันโง่เขลา และลำดับวงศ์ตระกูล และการทุ่มเถียงกัน และการทะเลาะกันเรื่องพระราชบัญญัติ เพราะว่าการอย่างนั้นไร้ประโยชน์และไร้สาระ
3:10 คนใด ๆ ที่เป็นคนก่อให้เกิดความแตกแยกกัน หลังจากการตักเตือนหนหนึ่งและสองหนแล้ว ก็จงปฏิเสธเสีย
ก็พอดีเป็นเวลาที่พระคำพระเจ้ามาถึงพวกเรา ผมจะยกมาข้อเดียวนะครับใน 2 ทิโมธี บทที่ 2 ข้อที่ 14 คือเปาโลพูดโดยพระวิญญาณว่า "จงเตือนเขาทั้งหลายให้ระลึกถึงข้อความเหล่านี้และกำชับเขาต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า คือไม่ให้เขาโต้เถียงกันในเรื่องถ้อยคำซึ่งไม่เป็นประโยชน์เลย แต่กลับเป็นเหตุให้คนที่ฟังเขวไป"
พระเจ้านะครับมีพระประสงค์ที่จะให้บุตรทั้งหลายของพระองค์ ไม่โต้เถียงกัน ไม่มีการโต้วาที ไม่มีการถกเถียงกัน ในเรื่องหลักคำสอน ความเชื่อ ศาสนา เพราะว่าถ้าหากเราไปตอบโต้ โต้เถียง หรือเข้าสู่เวทีการโต้วาทีนะครับ พระเจ้าจะไม่อยู่ด้วยพระเจ้าจะไม่สนับสนุน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่ทำงานในเขา และซาตานที่จ้องมองที่จะเล่นงาน ซาตานจะเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ช่วยนะครับ
เราพบว่ามีบางคนมีหลายคนผมจะไม่เอ่ยชื่อนะครับ ที่เข้าสู่วงการเข้าสู่การโต้เถียง โต้วาที กับศาสนาอื่นบ้าง กับคนที่ไม่เชื่อบ้าง หรือกับคนที่ไม่มีศาสนาบ้างนะครับ แล้วผลที่ได้รับนะครับเขาทำลายเกียรติพระเจ้า มีหลายคนสะดุด มีหลายคนที่สนใจอยากเป็นคริสเตียนก็เลยถอยไปเลย (คือทำไมคริสเตียนพูดแบบนี้ดูหมิ่นศาสนาคนอื่น พูดหยาบคายใช้คำพูดที่ไม่เหมาะ) จึงทำให้คนมากมายแทนที่จะสนใจและอยากมาเชื่ออยากมาเป็นคริสเตียนเนี่ยก็ไม่เป็น และคนที่เป็นคริสเตียนอยู่แล้วหลายคนก็สะดุดนะครับ สะดุดในสิ่งที่เขาพูด
ทั้งนี้ทั้งนั้นนะครับ เพราะว่าพระเจ้าไม่สนับสนุน เราดูหลักฐานนะครับ 2 ทิโมธี บทที่ 2 ข้อที่ 14 อย่าโต้เถียงกันในเรื่องถ้อยคำ ในเรื่องหลักความเชื่อ ในเรื่องศาสนาต่างๆ
ถึงแม้ว่าเราจะถูกเป็นฝ่ายถูกนะครับ เรามีพระเจ้าแห่งความจริง พระเยซูเป็นความจริง พระเจ้ามีจริง การไถ่บาปมีจริง เราถูกต้องใช่ครับ แต่อย่าลืมนะครับมนุษย์ยังไม่ได้ถูกเปิดตา มนุษย์ยังถูกปิดหูปิดตาอยู่ และซาตานนะครับเป็นคนกีดกันกีดขวางขัดขวางไม่ให้เขามาถึงความจริงของพระเจ้า สิ่งที่เราพูดไปก็ไร้ประโยชน์ ใช่ไหมครับ
ถ้าหากมีใครติดตามนะครับถ้าติดตามดูถ้าได้ดูข่าว ผมก็เห็นผ่านๆ บ้างก็เห็นอยู่นะครับ เราจะพบว่าคอมเมนท์ทั้งหลายกลับกลายเป็นว่าเขายกย่องอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่าบุตรของพระเจ้านะครับ
ซึ่งสำหรับผมนะครับคือเราจะไม่เอ่ยถึงมาก แต่เราต้องเข้าใจว่าเด็กน้อยในฝ่ายวิญญาณ ก็คือเด็กน้อยได้ฝ่ายวิญญาณ คุณจะเป็นคริสเตียนมา 5 ปี 10 ปี 30 ปีก็ตาม เรียนรู้มหาวิทยาลัยศาสนศาสตร์ จบมาอะไรก็ตามนะครับ แต่พระเจ้าไม่เปิดตาไม่มาถึงมานาที่ซ่อนไว้ ก็ยังเป็นเด็กฝ่ายวิญญาณอยู่ดี ก็ยังจะใช้คำพูดแสวงหาเกียรติ ชื่อเสียง อยากโด่งดัง เด่นดีดังท่ามกลางมนุษย์ท่ามกลางโลก
แต่พระเยซูเตือนเรานะครับว่า 2 ทิโมธี บทที่ 2 ข้อที่ 14 ไม่ให้เราโต้เถียงกันในเรื่องถ้อยคำ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์เลย เห็นไหมครับไม่เป็นประโยชน์จริงๆ นะครับ เราเสียคนที่เชื่อไปและเราเสียคนที่กำลังจะมาเชื่อ
เอเมน วันนี้พระเจ้าให้เราเข้าสู่มนุษย์ฝ่ายวิญญาณ กลายเป็นบุตรของพระเจ้า เราจะหลีกเลี่ยงสิ่งนี้เราไม่สนับสนุนนะครับ เขาจะทำอะไรศาสนาคริสต์จะทำอะไร เราไม่ยุ่งเกี่ยวไม่เกี่ยวข้องเราไม่เกี่ยว แต่เราอยู่ด้วยความรัก เราหลีกหนีการโต้เถียง พระเยซูหลีกเลี่ยงนะครับ เมื่อมีคนถามพระเยซูตอบ และเมื่อมีคนเถียงพระเยซูถอย อีกครั้งนะครับ เมื่อมีคนถามเราตอบ และเมื่อเขาเถียงเราถอย นี่คือบุตรพระเจ้าที่แท้จริง
ถ้าจะให้ผมนะครับเข้าสู่เวทีการโต้วาที อันนี้ไม่มี ไม่มีจริง และจะเป็นไปไม่ได้ ผมไม่มีตัวตน แล้วก็พระเจ้าสั่งห้ามนะครับว่าไม่ให้เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว การพูดของเรา เราอาจจะพูดดีได้ แต่อย่าลืมนะครับซาตานปิดหูปิดตาคนที่ฟังเนี่ยจะดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าเขาตาบอดนะครับ เขาจะเห็นไม่ได้
ถาม.
อีกแง่นึงอย่างคุณ....เขาพูด เขาฐานะเขาคิดว่าเขาประกาศ อย่างนี้ก็ไม่ได้ใช่ไหมค่ะ
ตอบ.
การประกาศข่าวประเสริฐในลักษณะของการโต้วาที ไม่เกิดผลนะครับ อาจจะมีเกิดผลบ้าง 1 2 3 4 5% แต่ผลเสียที่ได้รับมันมากกว่าก็คือ 95% ไม่คุ้มค่านะครับ
การประกาศข่าวประเสริฐ พระเยซูสั่งให้เราประกาศบนหลังคาบนที่สูง ไม่ได้หมายความว่า คือประกาศไปทุกที่ทุกแห่งทุกหนไปประกาศทั้งๆ ที่เขาไม่รับไม่เชื่อไม่เอา เขาถกเถียง เขาโต้เถียง เขาตอบโต้เรานะครับ อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คือเราประกาศกับคนที่ฟัง ที่เปิดใจฟังเรา อันนั้นได้ครับ
อีกครั้งสรุปนะครับ ก็คือไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะให้เราไปโต้เถียง เข้าเวทีการโต้วาที ออกสื่อ ออกทีวี ออกโซเชียลอะไรทั้งหลาย
เราทุกคนรู้ดีใช่ไหมครับว่า เราได้รับสิ่งลบเข้าสู่ศาสนาคริสต์ มากกว่าสิ่งที่เป็นในแง่บวก เขาโจมตีเขาจู่โจมเขาพูดคอมเมนท์ในด้านที่เสียหายมากสำหรับพระเจ้านะครับ เขาทำลายเกียรติพระเจ้ามากกว่าถวายเกียรติแด่พระเจ้า อันนี้ผมพูดถูถไหมครับ
ถาม.
หนูสงสัยข้อหนึ่ง ในเมื่อคุณเบียร์เขาเป็นคริสเตียน 7 ปี แล้วเขาถลำลึกไปปัจจัยเหตุปัจจัยในพุทธเจ้าถึงขนาดนั้นเพราะอะไรค่ะ
ตอบ.
สำหรับคนที่เขาเรียกกันว่าอาจารย์เบียร์เนี่ยก็คือ เขาไม่ได้บังเกิดใหม่อย่างแท้จริงนะครับ เขาเพียงแต่แสวงหาศาสนา แสวงหาทางแห่งความรอดพ้น แสวงหาอะไรที่เป็นในเรื่องของในแง่มุมของศาสนามากกว่า เขาจึงไม่เคยเข้าสู่การบังเกิดใหม่อย่างแท้จริง
คนที่บังเกิดใหม่อย่างแท้จริงนะครับ ก็จะรักพระเจ้า เชื่อพระเจ้า ทิ้งพระเจ้าไม่ได้เป็นอันขาด และกลับไปสู่ศาสนาเดิมของเขาไม่ได้เป็นอันขาด และนี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกนะครับว่าเขาไม่ได้บังเกิดใหม่นะครับ
บางคนเป็นคริสเตียนนะครับเรียกตัวเองว่าคริสเตียนเนี่ย 30 ปี บางคนเป็นศาสนาจารย์ บางคนก่อตั้งก่อสร้างโรงเรียนพระคัมภีร์ เป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง สร้างสาวกมากมาย สร้างคริสเตียนมากมาย ให้เขาได้บังเกิดใหม่ให้เขาได้มาเชื่อ แต่ตัวเองไม่เคยบังเกิดใหม่ มีจริงนะครับที่อเมริกานะครับ
"มีศาสนาจารย์ท่านหนึ่งที่สร้างมหาวิทยาลัยศาสนศาสตร์ แล้วก็สร้างสาวกมากมาย เป็นผู้นำเป็นศิษย์าภิบาลจากโรงเรียนที่เขาก่อตั้ง สุดท้ายมีนักเรียนคนหนึ่งนะครับที่เรียนจบ ก็คือได้ถูกมอบหมาย รับมอบหมายให้เป็นคนเทศนาสั้นๆ ในวันที่รับปริญญา
ปรากฏว่าเมื่อเขาเทศนาจบนะครับ มีศาสนาจารย์คนเดียวที่เดินออกมาคุกเข่าต่อหน้าเขา แล้วบอกว่าวันนี้ขอประกาศกับทุกคนว่า ขอโทษขอยอมรับผิดว่า ไม่เคยเชื่อพระเยซูจริงๆ ไม่เคยบังเกิดใหม่ เขาทำ เพื่อเป็นธุรกิจ วันนี้ข้าพเจ้าขอต้อนรับพระเยซู เป็นพระเจ้าและเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
โดยที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนดลบันดาลให้นักเรียนคนนี้เป็นคนพูดและพูดกับเขา เพื่อให้เขากลับใจ"
เห็นไหมครับ 30 ปี 40 ปี หลายคนเป็นคริสเตียน แต่ไม่ใช่เป็นคริสเตียนแท้ เป็นเมล็ดข้าวที่ไม่มีแป้ง ไม่ใช่เมล็ดข้าวของแท้ที่มีชีวิตอยู่จริงๆ ที่บังเกิดใหม่จริงๆ
ถาม.
สมมุติว่าอาจารย์ดังๆ รายการต่างๆ เชิญไปออกทีวีเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเหรอค่ะ
ตอบ.
2 ทิโมธี บทที่ 2 ข้อที่ 14 พระเจ้าเตือนเราทุกคนนะครับ ที่เป็นมนุษย์วิญญาณ ที่เป็นบุตรที่รักของพระเจ้า ไม่ให้โต้เถียงกันในเรื่องถ้อยคำครับ การเข้าไปสู่เวทีการโต้วาที เพื่ออะไรครับ? เพื่อถกเถียง เพื่อโต้เถียง คือคุณก็ไม่ยอมผม ผมก็ไม่ยอมคุณ ผมจะเอาชนะคุณให้ได้ แล้วคุณก็จะเอาชนะผมให้ได้ นี่คือการโต้เถียงกัน อีกครั้งนะครับ (2 ทิโมธี 2:14)
จากคำพูดของเด็กหนุ่มคนนั้นนะครับ ก็คือมีเยอะมาก มีหลายสิ่งที่ฟังแล้วรู้สึกว่า แม้แต่คริสเตียนศาสนาที่เป็นผู่ใหญ่นะครับ ฟังดูก็น่าจะสะดุดเหมือนกันนะครับ คือเป็นการหมิ่นเป็นการเหยียดหยามเป็นการดูถูกศาสนาของคนอีกฝ่ายหนึ่งนะครับ และคำพูดเป็นคำพูดที่เขาทำตัวเป็นผู้ใหญ่เป็นผู้สูงส่งเป็นผู้ที่ด้อยค่าคนอื่นอย่างมากมายนะครับ
เราเห็นว่าเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากน้ำพระทัยของพระเจ้า พระเจ้าจะเสียพระทัยมาก แต่พระเจ้าก็เข้าใจว่า มนุษย์คริสเตียนศาสนาทุกวันนี้ทำลายเกียรติพระเจ้ามาเยอะแล้ว เราไม่แปลกใจนะครับ
ถาม.
อย่างคุณเบียร์เขาเข้าป่าลึกขนาดนั้น เขามีสิทธิ์ที่กลับใจบังเกิดใหม่มาเป็นคริสเตียนได้ไหมค่ะ มาเชื่อพระเจ้าจริงๆ
ตอบ.
ก็เป็นไปได้ครับ ในวันหนึ่งถ้าหากว่า คือใครก็ตามที่ได้ยินข่าวประเสริฐ ได้รู้เรื่องของพระเยซูคริสต์นะครับ พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ปล่อยไม่ทิ้งจนวันสุดท้ายที่เขาสิ้นชีวิตจากโลกนี้ไปนะครับ พระเจ้ามีโอกาสที่จะทำงานในเขา เป็นไปได้นะครับ เป็นไปได้ที่วันหนึ่งเขาอาจจะกลับใจ
อย่าลืมนะครับพระเจ้ารักโลกพระเจ้ารักทุกคน พระเจ้าต้องการที่จะช่วยทุกคน และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานหนักมากเพื่อจะช่วยใครก็ตามนะครับที่เกิดมาและต้องการความรอดแสวงหาความรอด พระเจ้าจะช่วยเขาให้ได้จนถึงที่สุด
สำหรับพี่น้องที่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับปรัชญา ก็คือเราไม่จำเป็นที่จะให้มันเกิดขึ้นเป็นความจริงได้ โดยที่เอาคนหนึ่งมานั่งคุยกับอีกคนหนึ่ง เรียกว่าการโต้วาทีในลักษณะในแง่มุมของในรูปแบบของปรัชญานะครับ ก็คือสมมติฐานนะครับ สมมุติว่าเอาคนนี้มาอยู่กับคนนี้ เอาผมก็ได้นะครับไปนั่งคุย แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น? เป็นการแค่สมมุตินะครับ
ก็คือ เราต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบ เราไม่ถกเถียง เราไม่โต้เถียง คือถ้าผมนะครับ สมมุติ ก็คือจะฟัง จะฟังสิ่งที่เขาพูด แล้วก็คือจะไม่ตอบโต้ จะไม่ถกเถียง จะไม่บอกว่าอันนี้มันผิดน่ะ อันนี้มันไม่ใช่น่ะ อันนี้คุณต้องการความรอดน่ะ คือเราจะไม่พูดในสิ่งนี้นะครับ เราก็แค่ฟังนะครับ ถ้าอันไหนเรายอมเราก็ยอม แต่เราไม่สนับสนุนสิ่งที่เขาพูดนะครับว่ามันผิดมันถูก
ถ้าเป็นไปได้มีโอกาสนั่ง ถ้าขอเปลี่ยนนะครับ เป็นคำพูดเป็นการพูดในลักษณะของการแลกเปลี่ยนหรือการเรียนรู้นะครับ เราเน้นที่ความผูกพันความสัมพันธ์มากกว่า แต่อย่างน้อยเราก็รู้แล้วใช่ไหมว่า การโต้เถียงการขึ้นเวทีการโต้วาที มันไม่มีในรูปลักษณะนี้
อีกครั้งนะครับผมขอย้ำ การถกเถียง การโต้เถียง การโต้วาที คือการที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการจะเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้ ผมจะต้องป้อนผมจะต้องให้ ผมจะต้องทำให้คุณเป็นคนแพ้ให้ได้ นี่คือเป้าหมายของการโต้วาทีโต้เถียงทั้งหลายนะครับ เพราะฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้นะครับ
สำหรับพี่น้องผมเข้าใจนะครับว่ายังมีพี่น้องอีกหลายท่านที่ติดตาม อาจจะติดตามใช่ไหม เพราะว่ารู้สึกว่าช่วงนี้จะเป็นข่าวใหญ่ แล้วก็พูดกันไปพูดกันมาในท่ามกลางคริสเตียน แล้วก็อาจจะมาถึงหูเรา เราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะฟังนะครับ ก็ฟังนะครับก็ฟัง แต่อย่าสนับสนุน อย่าคอมเมนท์ อย่าไปยุ่งเกี่ยวไปเกี่ยวข้อง เพียงแต่เรานะครับขอบพระคุณพระเยซู ที่เราไม่ได้มีส่วนในเรื่องการโต้เถียงการโต้วาทีของพวกเขา ปล่อยให้เขาทำกันเองนะครับ ศาสนากับศาสนาต่อสู้กันเอง
เราบุตรพระเจ้าอยู่อย่างสันติ อยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน และเน้นที่การสร้างความผูกพัน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับมนุษย์นะครับ เราจะไม่ไปใส่ใจว่าอันนี้มันถูกอันนี้มันผิด คุณผิดน่ะๆ คุณต้องมาหาพระเยซูน่ะ พระเยซูเป็นพระเจ้าน่ะ คุณจะไม่รอดตกนรกแน่นอนน่ะ คือสิ่งเหล่านี้นะครับมันเรียกว่าการตัดสิน อาจจะไม่โดยทางตรง แต่เป็นการตัดสินโดยทางอ้อม และเขาเองนะครับคือเขาไม่ได้เปิดใจ เขาไม่ได้พร้อมที่จะรับฟังในความจริงของพระเจ้า เขารับความจริงไม่ได้
โลกนี้นะครับรักในความมืด พระเยซูพูดเองใช่ไหม เพราะฉะนั้นคนที่จะรักความสว่างก็คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในเขาและนำเขามาเพื่อให้เราประกาศกับเขา เขาจึงรับพระเจ้าของเราได้นะครับ เอเมน
ถาม.
อยากถามว่า พอดีพี่ประกาศข่าวประเสริฐแก่แม่บ้านอีกคนหนึ่ง เขาก็บอกว่า เมื่อก่อนก็นับถือคริสเตียนศาสนาก็ไม่เห็นอะไรขึ้นมาดีขึ้นมาเพราะว่าทุกวันนี้ก็มารับเชื่อพุทธเหมือนเดิม เขาก็บอกอย่างนี้ค่ะ เราไม่ได้มีของประทานในการประกาศข่าวประเสริฐ ที่ว่าคนเขาไม่มาเชื่อ หรือว่ายังไงสงสัยตรงนี้ล่ะค่ะ
ตอบ.
สำหรับการประกาศข่าวประเสริฐของคริสเตียนนะครับ เราอย่าเพิ่งด่วนสรุปนะครับว่าเมื่อเราประกาศกับใคร แล้วเขาฟังแล้วสุดท้ายเขาก็สนใจ แต่ต่อมาเขากลับไปเป็นศาสนาเก่าของเขา กลับไปนับถือศาสนาเก่าของเขา อันนี้ยังไม่สามารถที่จะตัดสินได้ว่าเขาจะรอดหรือไม่รอด จะเป็นคริสเตียนหรือไม่ เวลาของเขายังมีอยู่ตลอดชีวิตนะครับ ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขามีโอกาสที่จะกลับใจและต้อนรับพระเยซูเมื่อไหร่ก็ได้ครับ
พระวิญญาณบริสุทธิ์ อีกครั้งผมขอย้ำนะครับเมื่อกี้ก็ได้พูดไปแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เคยทิ้งใคร พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานหนักมากเพื่อที่จะช่วยมนุษย์ทุกๆ คน ขอย้ำนะครับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว พระเจ้ารักทุกคน ต้องการให้ทุกคนได้รอดได้กลับคืนดีกับพระเจ้านะครับ
เพราะฉะนั้นอธิษฐานเผื่อเขานะครับ ถ้าตอนนี้เขาไม่รับ แล้วก็สุดท้ายก็กลับไปอยู่ในศาสนาเดิม เราอธิษฐานเผื่อเขา พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ทิ้งแน่นอนนะครับ พระองค์ต้องตามต้องช่วยให้ได้ อย่าลืมนะครับยุคนี้เป็นยุคการทำงานของใคร? พระวิญญาณบริสุทธิ์
คือสำหรับผม ผมไม่เคยกังวลเลย ตั้งแต่ได้รู้พระคำล้ำลึกได้รับการเปิดตา เมื่อก่อนผมประกาศข่าวประเสริฐเนี่ย คือกลุ้มใจ น้อยใจ ไม่พอใจ คนไม่มาโบสถ์ แล้วก็ไม่มีใครกลับใจเชื่อ โดยที่เราไปประกาศกับเขา เราทุ่มเทเวลา เสียเงินทอง เสียเวลาเสียอะไรมากมาย แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ตามที่คาดหวังก็เสียใจน้อยใจ
แต่พอได้รับการเปิดตา ก็คือขอบพระคุณพระเจ้า คือเราเป็นบุรุษไปรษณีย์จริงๆ คือเราไม่ต้องกังวลใจไม่ต้องห่วงว่าใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เรามีหน้าที่ประกาศเรามีหน้าที่พูด เราก็ทำงานสำเร็จแล้วและบำเหน็จก็เป็นของเรา มันง่ายมากมันเบาสบายมาก
เราไม่ใช่คนที่จะต้องกลุ้มใจเสียใจน้อยใจท้อใจ หรือไปสาปแช่งเขาเมื่อเขาไม่รับ ไม่จำเป็นนะครับ
เพราะว่าอันนี้เป็นหน้าที่ของพระเจ้า เป็นงานของพระเจ้าไม่ใช่งานของเรา เราทำหน้าที่จบนะครับ ใครเป็นคนที่สานต่อ ใครที่จะเป็นคนที่จะไปทำงานกับเขา ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์