ขอบคุณพระเยซูที่เราได้มาร่วมกันในพระคริสต์ แล้วก็มีพระคริสต์เป็นผู้นำพาเราในการนมัสการพระบิดา เราขอบพระคุณพระองค์และเราถวายตัวใหม่คนใหม่ชีวิตใหม่ทั้งความรัก เป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้า
ขอบคุณพระเยซูสำหรับสันติสุข ขอบคุณพระเยซูสำหรับชีวิตที่มีพลัง ขอบคุณพระเยซูสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในสวรรค์บนดินทุกๆ วัน เมื่อเรามาถึงแก่นแท้ของพระคำพระเจ้า เอเมน
เรื่อง สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้เราเห็นกันนะว่าคำทำนายในพระคัมภีร์เดิมเกิดขึ้นแล้ว แล้วมีอีกมากมายหลายสิ่งที่กำลังเป็นไป ซึ่งในพระคัมภีร์ก็ถูกต้อง และคำทำนายของพระเจ้าก็ถูกต้องแม่นยำไม่มีผิดพลาดแม้แต่ข้อเดียว เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าสิ่งที่คำทำนายที่พูดถึงเรื่องอนาคตที่กำลังจะมา แน่นอนไม่มีพลาดเช่นกัน แต่สิ่งที่เรามีความหวังก็คือ เราอยู่ในพระเจ้า เราอยู่กับพระเจ้า เราเป็นบุตรของพระเจ้า เมื่อเรามาเชื่อในพระเยซู ขอบคุณพระเจ้า
พี่น้องที่สนใจเรื่องคำทำนาย เรื่องคำทำนายมีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดในพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ ซึ่งในอดีตก็เกิดขึ้นแล้วไม่มีผิดพลาด ปัจจุบันก็กำลังเกิดก็ไม่มีผิดพลาด และอนาคตกำลังจะมา ก็จะเกิดขึ้นแน่นอน
สำหรับวันนี้เปาโลอยู่ในเหตุการณ์ที่ต้องตอบคำถามที่ต้องเล่าเรื่องให้กับเฟลิกส์ เฟลิกส์ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการ ผู้ว่าของราชการเมือง สิ่งที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของเปาโล ก็คือการประกาศข่าวประเสริฐตามน้ำพระทัย เปาโลประกาศข่าวประเสริฐถูกวิธี ถูกต้อง ไม่มีปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลังกับเขา ก็คือ..
1. เขาหลีกเลี่ยงเรื่องการถกเถียงเพื่อเอาชนะ หรือเพื่อเห็นแก่ความถูกต้อง ถูกผิดไม่สำคัญ เอาชนะไม่สำคัญ ตอนนั้นก็คือรักษาน้ำใจ หลีกเลี่ยงการถกเถียงไม่มีการทะเลาะกันถกเถียงเพื่อเอาชนะกันและกัน เราต้องเป็น คนยอม เราเป็นฝ่ายยอม เราไม่เอาชนะ เราไม่ถกเถียง พูดไปเขาไม่รับ พูดไปอีกเขาไม่รับ ให้โอกาสเขาอีกครั้งหนึ่งก็คือ อธิบายด้วยความรัก เขาไม่รับ เราหนีเราถอย พูดเรื่องอื่นก็ได้ นี่คือสิ่งที่เปาโลใช้เหมือนกับพระเยซูที่ใช้อยู่
2. เราจะไม่เข้าไปหากลุ่มผู้เชื่อหลายคน ที่อยู่ด้วยกันหลายคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคริสเตียน หรือศาสนาอื่นก็ตาม เราจะไม่เข้าไปคือลุยเข้าไปเลย มีหลายคนยืนอยู่ด้วยกันร่วมกันอยู่ อันนี้เราหลีกเลี่ยงเพราะว่าซาตานจะฉวยโอกาสใช้เขา อยู่ข้างหลังเขาใช้เขาให้เกิดมีการทะเลาะเบาะแว้ง เกิดมีการถกเถียง เกิดมีการขัดแย้ง ถกเถียงเพื่อเอาชนะ สิ่งนี้เกิดขึ้นก็คือซาตานจะเป็นฝ่ายชนะ ซาตานมันจะมาอยู่ข้างหลังเราด้วยถ้าหากเราร่วมอยู่ในการถกเถียงกับเขา เพราะฉะนั้นเราหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้
แต่ถ้าหากเขาเรียกร้องเรา หรือขอให้เราไปแบ่งปัน เราก็จะพูดถึงความเชื่อที่ไม่ขัดแย้ง ที่ไม่ขัดแย้งอย่างรุนแรง อย่างเช่น เรื่องพระบัญญัติ เรื่องการถวายสิบลด เรื่องงานต่างๆ เทศกาลต่างๆ คริสต์มาส หรืออีสเตอร์ หรืออะไรก็แล้วแต่เราจะไม่พูดถึงว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิด ไม่มีในพระคัมภีร์ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่เราทำกันมา คือเราอธิบายยังไงก็ไม่มีผล เพราะว่าเป็นความเชื่อที่เขามีมาตั้งนานแล้ว เราเองควรหลีกเลี่ยง
และเราถ้าจะประกาศ ก็ประกาศ เลือกคนหนึ่งส่วนตัว แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์จะมีโอกาสได้ทำงานกับเขา ช่วยเขา ให้ได้รับการเปิดตาได้ เอเมน
สำหรับการเชิญของพี่น้องศาสนาหรือศาสนาใดก็ตาม เชิญเราไปชวนเราไปเรียกร้องให้เราไปร่วม เราไปเรายินดีนะครับ การไปร่วมก็คือเพื่อไปรักษาน้ำใจ สร้างความผูกพัน เป็นมิตรกับเขา เพื่อเราจะมีโอกาสในอนาคตที่จะประกาศข่าวประเสริฐกับเขาให้เขาได้รับความรอด เอเมน
และสิ่งที่ 3. ที่สำคัญมาก ก็คือเราอธิษฐานเผื่อ และสำแดงชีวิตพระคริสต์ก่อน เพื่อเราจะมีโอกาสช่วยพี่น้องบางคนที่เปิดใจรับฟังพระคำแห่งความจริง และเราจดจำอยู่เสมอว่าคริสตจักรศาสนาที่เป็นเนื้อหนัง จะมีส่วนในคริสตจักรฝ่ายวิญญาณไม่ได้ อันนี้แน่นอนที่สุดนะครับ
คริสตจักรศาสนา ขอย้ำคริสตจักรศาสนาจะเป็นหนึ่งเดียวร่วมกับคริสตจักรฝ่ายวิญญาณ เป็นไปไม่ได้ การไปร่วมของพวกเราก็เพื่อที่จะประกาศพระคำแห่งความจริงกับเขาโดยยินดีไปร่วมงานกับพวกเขา ถ้าหากเข้าสู่การถกเถียงเมื่อไหร่ เราก็พร้อมที่จะหลีกเลี่ยงด้วยการชวนคุยเรื่องอื่น และถ้าเขาไม่ยอม ก็หนีออกมา แค่นั้น นี่คือสิ่งที่เปาโลทำ พระเยซูทำ และเราเองที่เป็นบุตรพระเจ้าก็ทำเหมือนกัน
และสิ่งหนึ่งที่เราจะป้องกันเพื่อไม่ให้การข่มเหงที่จะมาก่อนเวลา มาถึงเรา ปกตินะครับการข่มเหงของเราก็จะมีเป็นระยะๆ แต่ถ้าหากเราประกาศไม่เป็น ไม่รู้วิธี แน่นอนครับการข่มเหงก่อนเวลาก็จะมาถึง คือการข่มเหงที่พระเจ้าไม่ได้จัดเตรียมให้ เป็นสิ่งที่ซาตานนำมา
เมื่อเราประกาศหรือเป็นพยานนะครับ ไม่มีใครฟ้องหรือเอาเรื่องเราได้ ถ้าหากเราพูดในสิ่งที่ไม่ขัดแย้ง หรือทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือการดูถูกศาสนา ดูถูกความเชื่อของเขา อันนี้เราหลีกเลี่ยง เราจึงไม่ต้องเข้าสู่การข่มเหงที่จะมาก่อนเวลา
สำหรับเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์นำพาเราให้พูด บางครั้งพระองค์จะพูดถึงความบาปของคนที่ฟังอยู่ พระเจ้ารู้นะครับว่าเขาทำผิดอะไร เพื่อให้เขารู้ว่าเขาทำผิดอยู่และให้กลับใจ เพื่อที่จะไม่เข้าสู่การลงโทษเดี๋ยวนั้นและการพิพากษาที่จะมาถึงในอนาคต
สำหรับเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย อันนี้เป็นคำสอนในพระคัมภีร์เดิมก็มี และพระคัมภีร์ใหม่พระเยซูย้ำบ่อยครั้ง สาวกก็ย้ำบ่อยครั้ง แล้วเปาโลก็พูดถึง
การเป็นขึ้นเพื่อเข้าสู่การพิพากษาของคนชอบธรรม ก็คือการพิพากษาผู้เชื่อก่อน ส่วนการเป็นขึ้นเพื่อเข้าสู่การพิพากษาคนอธรรม คือการพิพากษาคนที่ไม่เชื่อ ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
ข้อต่อไปก็คือ ผู้ชนะที่แท้จริงก็คือ ต้องเป็นคนที่ชอบธรรมทั้งต่อหน้ามนุษย์และต่อหน้าพระเจ้า การเป็นคนชอบธรรมต่อหน้าพระเจ้านะครับ เราขอบคุณพระเยซูพี่น้องที่ร่วมกับพวกเราตอนนี้ทุกๆ ท่านได้กลายเป็นคนชอบธรรมแล้ว ได้กลายเป็นคนดีแล้วต่อสายตาต่อพระหัตถ์ต่อพระพักตร์ของพระเจ้า เอเมน
ทันทีที่คุณมาเชื่อพระเยซู พระเจ้ารับพระโลหิตของพระเยซูเป็นค่าจ่าย เพื่อไถ่บาปของเราทั้งหลาย พระโลหิตหลั่งไหลเพื่อใช้หนี้ความผิดบาปทั้งหลายของมนุษย์ เมื่อเราต้อนรับเมื่อเราเชื่อเราวางใจในพระเยซูว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เราเชื่อวางใจว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าของเรา ที่สุดสุดท้ายก็คือพระโลหิตของพระเจ้าจะชำระเราให้กลายเป็นคนบริสุทธิ์เป็นคนชอบธรรมต่อหน้าพระเจ้า แล้วทุกวันนี้จึงไม่ใช่คนบาปอีกต่อไป อย่าพูดนะครับว่าเราเป็นคนบาป ถ้าหากคุณเป็นคริสเตียน คุณเชื่อในพระเยซู คุณไม่ใช่คนบาปอีกแล้ว คุณคือคนชอบธรรมต่อหน้าพระเจ้า
ทุกครั้งที่พระเจ้ามองมาที่เรา พระเจ้าจะเห็นว่าเราเป็นคนชอบธรรมเป็นคนบริสุทธิ์สำหรับพระองค์ เพราะว่ามีพระโลหิตเป็นสิ่งที่ยืนยัน มีพระคริสต์เป็นเสื้อที่เราสวมใส่อยู่ พระเจ้ามองมาที่เราเมื่อไหร่ไม่เห็นเรา แต่จะเห็นพระเยซูแทน เราจึงกลายเป็นคนชอบธรรมและบริสุทธิ์ต่อหน้าพระเจ้า เอเมน
และเราเองนะครับก็จะผ่านหลักการแห่งการพิพากษาของพระเจ้า เพราะว่าความชอบธรรมนี้เป็นหลักการแห่งการพิพากษาครั้งสุดท้าย ก็คือมนุษย์ทุกคนจะไปยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้าที่พระบัลลังก์ใหญ่สีขาว และเรานะครับกลายเป็นคนชอบธรรม เราจะถูกเรียกว่าลูกมาหาเรา เจ้าเป็นคนชอบธรรมเราจะไม่พิพากษาเจ้า นี่คือสิ่งที่เราจะได้ยินจากพระเจ้า อยู่ต่อหน้าพระบัลลังก์
ขอบคุณพระเยซูที่วันนี้ เราเชื่อในพระเยซู เราเชื่อในความรอด เราเชื่อในการตายของพระองค์เพื่อไถ่บาปเรา วันนี้เราได้กลายเป็นคนชอบธรรม เราผ่านหลักการแห่งการพิพากษาแล้ว เราเป็นบุตรพระเจ้าแล้ว เรารอดแล้ว เอเมน
สำหรับความชอบธรรมคือหลักการแห่งการพิพากษาของพระเจ้านะครับ
ส่วนความอดกลั้นเพราะเห็นแก่มนุษย์มากมายจะได้รับความรอด ปกตินะครับการเสด็จมาของพระเยซู ก็คือเสด็จมานานแล้ว เชื่อกันว่าอยู่ในช่วง ค.ศ 70 แต่ทุกวันนี้ก็คือ 2,000 ปีผ่านไป พระเยซูยังไม่มา ถามว่าทำไม พระเจ้าไม่สัตย์ซื่อต่อคำทำนายเหรอ ไม่จริงครับ
ในพระคัมภีร์ที่พระเยซูบอกใบ้ พระเยซูตรัสเป็นคำอุปมาว่าเจ้าบ่าวมาช้า เจ้าบ่าวก็คือพระเยซูนั่นเอง และการมาช้าของพระองค์ เพื่อช่วยให้คนมากมายที่ยังไม่มีโอกาสได้รับความรอด ได้เข้าสู่การเป็นบุตรพระเจ้า และได้เชื่อในพระเยซู และได้รอด ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์มาช้าเอเมน
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่ได้กลายเป็นคนชอบธรรม อีกครั้งนะครับโดยทางความเชื่อ โดยพระโลหิตของพระเยซูชำระเพื่อการยกโทษบาปทั้งหมดของเราแล้ว เราจึงถูกมองโดยพระเจ้าว่าเป็นคนดีเป็นคนชอบธรรมเป็นคนบริสุทธิ์ พระเจ้าพอใจที่เราเชื่อในพระเยซู เอเมน
สุดท้าย เปาโลถูกจำจองเป็นเวลา 2 ปี ท่านประกาศรับใช้ไม่ได้ จริงนะครับ แต่นั่นคือช่วงเวลาแห่งการสงบนิ่ง การสนิท การอธิษฐานในพระเยซู เพื่อรอภารกิจที่กำลังจะมา เมื่อท่านได้รับการปลดปล่อยท่านก็เกิดผลมากมาย ผู้รับใช้ของพระเจ้ามีช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน การพักสงบ และการประกาศข่าวประเสริฐ เพราะฉะนั้นพระเจ้าอนุญาตให้เราอยู่ในช่วงไหน เราก็เอเมน เราก็สงบนิ่ง รอการเร้าใจรอการนำพารอแผนการที่จะมาในอนาคต ทั้งนี้ทั้งนั้นบำเหน็จก็เป็นของเราทุกวันทุกเวลาอยู่แล้ว เอเมน
พอดีมีพี่น้องถามคำถามเข้ามา เรื่องการนมัสการพระเจ้า สำหรับการนมัสการพระเจ้านะครับเป็นสิ่งที่คริสเตียนทุกคนที่เชื่อในพระเจ้า ในพระเยซู ควรมาร่วมกันเพื่อสรรเสริญ ยกย่อง นมัสการ ขอบพระคุณ ร้องเพลงถวายแด่พระเจ้า มาถวายตัวใหม่ให้พระเจ้า มาถวายพระกายใหม่ร่วมกันทั้งหมด คือทุกคนเป็นพระกายของพระเยซู เป็นอวัยวะของพระเยซู เรามาร่วมกันเพื่อถวายให้พระเยซูที่เป็นศีรษะ จะใช้เพื่อให้เกิดผล เพื่อสำแดงชีวิตของพระองค์ และเพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ขัดสน เอเมน
ทีนี้ปัญหามันอยู่ตรงนี้นะครับ การนมัสการพระเจ้ามีทั้งการนมัสการที่ผิดวิธี และมีการนมัสการที่ถูกวิธี
การนมัสการที่ผิดวิธีทุกวันนี้เราเห็นกันเยอะแยะเต็มไปหมด เอาเรื่องแรกก่อน เรื่องการสร้างโบสถ์ สำหรับพระคัมภีร์นะครับพระเจ้าไม่สนับสนุนให้สร้างโบสถ์ ให้สร้างตึกที่ใหญ่โตหรูหราอลังการ มีป้ายมีชื่อมีไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่านี่คือโบสถ์คริสเตียนนะ อันนี้ในพระคัมภีร์ไม่มีบอกไม่มีสอนไม่มีสั่ง พระเจ้าให้เราร่วมกันตามขนาดของความเชื่อ ร่วมกันตามขนาดของทุนทรัพย์ที่เรามี
ถ้าบ้านไหนต้อนรับ เราเปิดบ้าน เราร่วมนมัสการร่วมกันที่บ้านของพี่น้องก็ได้ก็ดี จะได้ไม่เปลืองค่าใช้จ่าย ไม่เปลืองค่าเช่า ไม่เปลืองทรัพย์สิน สำหรับความสะดวกที่เรามีถ้าหากเราทำได้ คือเช่าสถานที่ ที่ใหญ่พอ เพราะว่าพี่น้องมีเยอะ เราก็สามารถเช่าได้ แต่ไม่ทำเป็นหรูหรา ไม่ทำเป็นสวยงาม เราเน้นที่ความสะดวกสบาย ให้พี่น้องได้เข้ามาร่วมกันเพื่อนมัสการพระบิดา เอเมน
และในหนังสือกิจการเราพบว่าผู้เชื่อทั้งหลายส่วนมาก ร่วมกันนมัสการที่บ้าน บ้านพี่น้องท่านไหนสะดวกเปิดบ้าน เปิดใจต้อนรับ เราทุกคนก็ไปร่วมกัน และมีการช่วยเหลือกันค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าที่อยู่อะไรก็แล้วแต่ ช่วยกันเล็กๆ น้อยๆ ตามขนาดของความเชื่อ และเจ้าของบ้านนะครับจะไม่เรียกร้องว่าต้องจ่ายช่วยนะ ต้องอะไรนะ แต่มันเป็นความสมัครใจความพอใจที่พระเจ้าเร้าใจแต่ละคนให้ทำ เอเมน
สิ่งต่อมาสิ่งที่ 2. ก็คือการนมัสการพระเจ้าที่ผิดวิธี ก็คือมานมัสการด้วยอารมณ์ ด้วยความรู้สึก ด้วยจิตใจที่รู้สึกว่าดี ก็คืออารมณ์ดีก็มา อารมณ์ไม่ดีก็ไม่มา ไม่มีปัญหาก็มา พอมีปัญหาเจอมรสุมชีวิตก็ไม่มา คือมารนมัสการพระเจ้าตามอารมณ์ความรู้สึก ตามสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นก็มา แล้วมาเพื่อขอพระพรอันนี้เป็นสิ่งที่ผิดนะครับ
การนมัสการพระเจ้าที่แท้จริง ก็คือเราไม่สบาย แต่เราพอมาได้ ก็มา เราไม่สบายจนลุกไม่ได้ก็ไม่มา และเราเห็นว่าเราสะดวกที่จะมาถึงแม้ว่าจะมีปัญหา เราก็มา เพื่อพระเจ้าจะแก้ปัญหาให้เรา เพื่อพระเจ้าจะช่วยเราในสิ่งที่เราขัดสนอยู่ มีปัญหาอยู่ มีมรสุมชีวิตเข้ามาอยู่
- การมาหาพระเจ้าคือการปลดปล่อย
- การมาหาพระเจ้าคือการช่วยเหลือของพระเจ้า
- การมาหาพระเจ้าก็คือสิ่งที่ยากจะกลายเป็นง่าย สิ่งที่หนักจะกลายเป็นเบา สิ่งที่ร้ายจะกลายเป็นดีได้ แต่ขณะที่เรามาหาพระเจ้า มานมัสการพระเจ้าร่วมกับพี่น้อง เราจะไม่นำปัญหามาบอกพี่น้อง เราจะไม่นำปัญหามาเพื่อบ่น ระบายความใน มาบอกว่า โอ๊ย กลุ้มใจ กังวล ไม่สบายใจ เป็นทุกข์มาก ไม่นะครับ แต่เรามาเพื่อบอกว่า
“พระบิดาช่วยแก้ไขปัญหานี้ พระบิดาขอบพระคุณพระองค์ที่มันเกิดขึ้น แต่พระองค์จะทำให้หนักกลายเป็นเบา ยากกลายเป็นง่ายได้ ร้ายกลายเป็นดีได้ ขอบพระคุณพระเยซู”
ให้พี่น้องช่วยกันอธิษฐานเผื่อ นี่คือสิ่งที่เราควรจะมาเพื่อนมัสการ ไม่ใช่เอาความกังวลเอาความทุกข์ใจมา แต่เรามาเพื่อขอบพระคุณ สรรเสริญ ยินดี เมื่อเรายินดี เมื่อเราขอบพระคุณ เมื่อเรายกย่องสรรเสริญพระเจ้า พระเจ้ารู้นะครับว่าเรามีปัญหาอะไร พระเจ้าก็จะแก้ไขให้
นี่นะครับคือการนมัสการที่ถูกวิธี ก็คือเอาชีวิตใหม่ เอาคนใหม่ ที่เราเรียกว่าเราเป็นคนชอบธรรม ไม่ใช่คนบาป เรามาร่วมกันเมื่อไหร่อย่าพูดนะครับว่า ข้าพเจ้าเป็นคนบาป ผมเป็นคนบาป ดิฉันเป็นคนบาป คนบาปไม่มีแล้วนะครับในคนที่เชื่อในพระเยซู
แล้วมีพี่น้องถามว่าแล้ว การเจิมเพื่อรับไฟ รับพระวิญญาณ การร้องไห้การหัวเราะ การกลิ้งไปมา การวิ่งการกระโดด ที่มีในคริสตจักรหลายๆ คริสตจักรมันคืออะไร สิ่งนี้คือการแสดง สิ่งนี้คือการกระทำโดยที่ผู้นำไม่รู้ไม่เข้าใจและนำมาใช้ ซึ่งเริ่มจากประเทศอเมริกาที่เขาทำก่อน เขาบอกว่ากิจการบทที่ 2 เรียกว่าการรับไฟรับพระวิญญาณ ไฟแห่งพระวิญญาณมาเผาไหม้ความผิดบาปของเรา มาเร้าใจเราให้กระตือรือร้น ร้องโห่ร้องไห้หัวเราะกลิ้งไปมา วิ่งกระโดดรอบโบสถ์ อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีในพระคัมภีร์ ไม่มีนะครับ
กิจการบทที่ 2 ก็คือทุกคนได้รับเปลวไฟอยู่บนศีรษะ มีรูปเหมือนลิ้น ก็คือคนที่ได้รับเขาสามารถพูดภาษาต่างๆ ได้เพื่อคนที่มาร่วมมาเห็นเหตุการณ์จะได้ยินเสียงได้เข้าใจภาษาของตนและต้อนรับพระเยซูต้อนรับข่าวประเสริฐในวันนั้น ไม่ใช่การกระโดดโลดเต้นหัวเราะโห่ร้อง ร้องไห้กลิ้งไปมาวิ่งไปมารอบโบสถ์ อันนี้ไม่ใช่นะครับเป็นการกระทำที่ไม่เข้าใจของผู้นำหลายๆ โบสถ์ทุกวันนี้ แล้วหลายๆ โบสถ์ทุกวันนี้ก็มีชื่อเสียงโด่งดัง ทำให้คนสนใจ ทำให้ผู้คนแปลกใจ แล้วอยากทำเหมือนเขา แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่นะครับ
การรับไฟเพื่อเผาผลาญความผิดบาปมันไม่มี มีแต่พระโลหิตของพระเยซู และมีแต่การสารภาพบาป เราสารภาพบาปเมื่อไหร่พระเจ้าก็ยกโทษให้เรา ความบาปก็ถูกชำระและถูกทำลายล้างไปพระเจ้าจำไม่ได้ เอเมน (1 ยน 1:9)
ส่วนการรับการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือการรับพระวิญญาณเพื่อเราจะมีความกระตือรือร้น ร้อนรน ในการอยากอธิษฐาน คือกลายเป็นคนขยันขณะที่เราเกียจคร้าน เราไม่อยากทำอะไรเพื่อพระเจ้า เราจะกลับกลายมาเป็นคนขยันร้อนรนกระตือรือร้น อยากทำนู่นนี่นั่นเพื่อพระเจ้า อยากอธิษฐานอยากอ่านพระคัมภีร์ อยากมาหาพระเจ้าทุกๆ วันอาทิตย์ นี่คือสิ่งที่เราได้รับจากการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณ แต่เราจะไม่เรียกว่าการรับไฟรับพระวิญญาณ ไม่เรียกอันนี้นะครับ
ล่าสุดอันนี้พูดตามความจริง โบสถ์เหล่านี้ที่รับการเจิมด้วยไฟ ก็คือที่ผ่านมาก็คือมีการร้องไห้ในพระวิญญาณ โห่ร้องในพระวิญญาณ เห่าหอนในพระวิญญาณ กลิ้งไปมาในพระวิญญาณ วิ่งกระโดดในพระวิญญาณ แต่ล่าสุดพี่น้องทราบไหม ตอนนี้มีหลายโบสถ์มีตดในพระวิญญาณด้วย อันนี้พูดความจริง เราไปดูในยูทูปได้นะครับ
ซึ่งถ้าผู้ที่มีจิตสำนึก จิตใต้สำนึก ที่วินิจฉัยได้ เราก็น่าจะรู้ว่าอันนี้ไม่ได้มาจากพระเจ้า เอเมนมั้ยครับ
ถาม.
ก็พอดีว่ามีคนในโบสถ์นี่แหละค่ะ เขามาถามพี่ว่าทำไมไม่ไปโบสถ์ พี่ก็บอกว่าทุกวันอาทิตย์หรือทุกวันพี่ก็เดินในวิญญาณ แล้วก็วันอาทิตย์จะเข้ากับกลุ่มพี่น้อง เพราะพี่พระเจ้าเปิดตาแล้ว แล้วเขาบอกว่าเนี่ยพี่มั่ว มั่วแล้วก็มันจะได้อะไร นมัสการอยู่บ้าน มันไม่มีประโยชน์อะไร เขาพูดแบบนี้ค่ะ แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจค่ะ แต่เขาพูดแบบนี้เพราะอะไรอ่ะค่ะ เขาบอกว่าถึงแม้พี่จะนมัสการในบ้าน พี่จะไม่ได้อะไรเลย นอกจากมาโบสถ์
ตอบ.
เราขอบพระคุณพระเจ้านะครับสำหรับวันนี้ ที่เราได้ถูกเปิดตา เรารู้แล้วว่าคริสตจักรแท้ที่จริงคืออะไร คริสตจักรคือผู้เชื่อทั้งหลายที่ถูกเรียกออกมาเป็นคริสเตียนเป็นผู้ที่เชื่อพระเจ้า และมารวมกันร่วมกันเพื่อนมัสการพระเจ้าร้องเพลงถวายแด่พระองค์ ขอบพระคุณพระองค์ บอกรักพระองค์ สรรเสริญยกย่องพระนามของพระองค์ร่วมกัน เรียกว่าคริสตจักร คริสตจักรคือเราแต่ละคน ไม่ใช่ตึกอาคารไม่ใช่สถานที่ ขอบคุณพระเยซูสำหรับความจริงที่เราได้เข้าใจในวันนี้ เอเมน
ซึ่งพี่น้องหลายคนยังไม่เข้าใจ ยังไม่รู้ เขาบอกว่าต้องไปโบสถ์ โบสถ์คือที่ศักดิ์สิทธิ์ โบสถ์คือที่พระเจ้าสถิตอยู่ ไม่นะครับที่ที่พระเจ้าสถิตอยู่ก็คือวิญญาณของเรา และเมื่อมี 2 คนมาร่วมกันเมื่อไหร่ที่ไหนก็ตาม พระเยซูตรัสว่าเราก็อยู่ที่นั่นแล้ว (มธ 18:20)
พระเยซูไม่ได้บอกนะครับว่าเราจะมา แล้วอีกหน่อยเราจะมา เราจะมาสรุปให้ เราจะมาตอนจบเพื่ออวยพรพวกท่าน เราจะมานิดนึงแล้วก็จะไปเยี่ยมอีกโบสถ์อีกอยู่ข้างๆ แล้วจะไปโบสถ์ประเทศไหนดีต่อไป ไม่นะครับ คือพระเยซูบอกว่า 2 คนหรือมากกว่า 2 คนร่วมกันรวมกันอยู่ที่ไหน เราก็อยู่ที่นั่นแล้ว
เพราะฉะนั้นคริสตจักรไม่ได้อยู่ที่บ้านไม่ได้อยู่ที่ตึก ไม่ได้อยู่ที่ไหน สถานที่ไม่เรียกว่าคริสตจักร แต่คริสตจักรก็คือผู้คนที่ถูกพระเจ้าเรียกออกมา ก็คือผู้คนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา เรียกว่าคริสตจักร
วันนี้นะครับคริสตจักรที่กรุงเทพฯ ออกไปพร้อมกันไปทานข้าวที่ร้านอาหาร คริสตจักรอยู่ที่ไหนครับ อยู่ที่บ้านหรือว่าไปอยู่ที่ร้านอาหารแล้ว ขอบคุณพระเจ้าคริสตจักรอยู่ที่ร้านอาหารแล้ว คนที่เชื่อร่วมกันไปด้วยกันอยู่ที่ไหนคริสตจักรก็อยู่ที่นั่น ขอให้เข้าใจตรงนี้นะครับ
แล้วทีนี้ถ้าหากเราไม่สะดวกที่จะไปร่วมกับพี่น้อง เราไม่สบาย หรือเรามีปัญหา เราไม่มาก็ไม่เป็นไรก็ไม่ผิดนะครับ พระเจ้าเข้าใจเรา เราทำทุกสิ่งตามขนาดของความเชื่อ บางคนนะครับป่วยไม่สบายก็ต้องไป บางคนมีปัญหาอะไรที่แบบว่าหนักใจมากจนเกินไป แล้วมีเหตุจำเป็นก็คือต้องมาโบสถ์ให้ได้ อันนี้เป็นการบังคับของผู้นำเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามน้ำพระทัยของพระเจ้าครับ
เราทำทุกสิ่งตามขนาดของความเชื่อ เราไม่สบายเรามีปัญหาที่จำเป็นที่มาไม่ได้ ก็คือพระเจ้าเข้าใจเรา และเราร่วมนมัสการกับพี่น้องในวิญญาณได้ ผมนะครับร่วมกับพี่น้องไม่ได้ก็ร่วมในวิญญาณได้ นี่คือสิ่งที่เปาโลทำเป็นประจำ
และสิ่งที่ผมอยากจะบอกนะครับไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เราได้มาพบพระเยซู พระเจ้าเป็นคนเลือกเรา พระเจ้าเป็นคนวางแผนที่จะนำเรามาหาพระองค์ เพื่อช่วยชีวิตของเรา เพื่อให้เราได้กลายเป็นคนชอบธรรม ได้คืนดีกับพระเจ้า ได้รู้จักพระเจ้า และได้รับพระพรทุกประการที่พระองค์เตรียมที่จะประทานให้เรา ชีวิตของเราจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ชีวิตของเราจะกลายเป็นบุตรพระเจ้าที่เป็นมนุษย์วิญญาณที่เข้าสู่โลกอีกโลกใบหนึ่ง ซึ่งมีการอัศจรรย์ มีความรักของพระเจ้า มีพระคุณของพระเจ้า มีมากมายหลายสิ่งที่รอเราอยู่ เป็นการเดินทาง การผจญภัยที่ตื่นเต้น และจะมีทั้งดีและไม่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระเจ้าก็อยู่กับเรา พระเจ้าสอนเราพระเจ้าช่วยเรา จนสุดท้ายเราเชื่อพระเจ้ามาหลายปีเราจะพบว่าชีวิตที่มารู้จักพระเจ้าเป็นชีวิตที่ดีที่สุด เป็นชีวิตที่พิเศษที่สุด เป็นชีวิตที่อยู่ในสวรรค์บนดิน เอเมน
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคำของพระเจ้าในวันนี้ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์ตรัสผ่านพวกเรา สรรเสริญพระเยซูเอมเมน