ขอบคุณพระเยซูสำหรับหนังสือยอห์นบทที่ 7 ขอบคุณพระเยซูในความรักของพระองค์ ขอบคุณที่พระองค์เป็นพระเจ้า ขอบคุณที่เราได้พบพระเจ้าเราได้พบแสงสว่างความสว่างที่เป็นมาผ่านพระเยซู
คือปกติเราจะไม่เคยเห็นผู้ใหญ่ทะเลาะกันใช่ไหม แต่ส่วนมากการทะเลาะกันมันจะเกิดจากเด็กน่ะครับ ถึงยังไงก็ช่างเราก็ขอบคุณพระเจ้า คือเป็นเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกมีเด็กเข้ามาใหม่ก็จะมีการทะเลาะเข้ามา จะมากจะน้อยก็อยู่ที่ขนาดของความเชื่อ ของเขาความถ่อมใจของเขา เราอธิษฐานเผื่อเราเลี้ยงดูกันต่อไปน่ะครับ เสริมสร้างก่อการขึ้นโดยพระคริสต์
เราขอบคุณพระเจ้า เรามีแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ มีแหล่งอาหารที่มาจากสวรรค์ก็คือมานาที่ซ่อนไว้ เรากินเราโตได้ เราเรียนรู้ เรารับชีวิต รับสันติสุขทุกสิ่งได้มากกว่าที่อื่น อยากเจอแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ก็คือมาที่นี่
ขอบคุณพระเจ้าที่มีการทะเลาะวิวาทถกเถียงบางครั้ง เพื่อเราจะฝึกเดินไงครับ พระเจ้าให้เราฝึกเดิน เราต้องเจอสิ่งนี้ ถ้ามันราบรื่นไปทั้งหมดจะเอาอะไรมาฝึกเดินล่ะใช่ไหม แล้วก็ขอให้คิดในด้านบวกก็แล้วกันน่ะครับ แต่ส่วนที่เป็นด้านลบ ก็คือเราอธิษฐานเผื่อ เราเห็นใจ เราสงสารพี่น้องเหล่านั้น เขาเศร้าเราก็เศร้าด้วย เขาทะเลาะกันเราไม่สบายใจไปด้วยอันนี้เป็นเรื่องธรรมดาครับพระเยซูก็ทำ
...
สรรเสริญพระเจ้าสำหรับยอห์นบทที่ 7 มีหลายเรื่องที่น่าสนใจมากที่สอนเราเรื่องเทศกาลอยู่เพิง เทศกาลอยู่เพิงก็คือ เราจำกันได้ไหมยิวเขาฉลองกันเพื่ออะไร?
ก็คือเทศกาลก่อเต็นท์ คือยิวเขาเดินทาง 40 ปีในถิ่นทุรกันดาร คือค่ำที่ไหนก็นอนที่นั่น ก่อนนอนของเขา ก็คือเขาก่อเต็นท์ แล้วก็พักสงบระลึกถึงความดีของพระเจ้าที่ช่วยเขาตลอด 40 ปีที่เขานอนในเต็นท์ แล้วก็อยู่ในการช่วยเหลือ ดูแล ปกปักรักษา คุ้มครอง เลี้ยงดูของพระเจ้า อาหารที่เขากินคือไม่ใช่ที่เขาไปหามาเอง เป็นมานาจากสวรรค์พระเจ้าให้ตกลงมาจากฟ้า แล้วเขาก็จะไปเก็บกินตอนเช้ากินได้วันเดียว เป็นอาหารที่พระเจ้าทำให้กิน แล้วน้ำถ้าเขาต้องการดื่มน้ำ หิวน้ำก็จะมีน้ำที่ออกมาจากหิน คือมันเป็นวิธีการเลี้ยงดูของพระเจ้าที่เหนือธรรมชาติไม่ใช่มนุษย์ทำ พระเจ้าเป็นคนทำ
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้าที่ทุกวันนี้เรานับถือฉลองเทศกาลอยู่เพิงทุกวัน พระเจ้าเลี้ยงดูเราอยู่เหนือธรรมชาติ เพราะว่าเราเป็นลูกพระเจ้าบุตรพระเจ้าเป็นลูกแห่งสวรรค์ เรากินอาหารจากบิดาของเรา พระบิดาก็คือพระเจ้า เพราะฉะนั้นทุกสิ่ง เราเดิน เรานั่ง เรานอน ไปมาทำทุกสิ่ง พระเจ้าคุ้มครอง ปกปักรักษา คือเหนือธรรมชาติ ขอให้เราจำสิ่งนี้น่ะครับ มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากกำลังของมนุษย์ทำไม่ได้ มนุษย์ก็พอทำได้นิดๆหน่อยๆ แล้วก็จะรอดหรือไม่รอดยังไม่รู้เลย โลกนี้เข้าสู่ภาวะที่เจอมรสุมหนัก วิกฤตกำลังมา เราไม่รู้จะพึ่งใคร แต่ขอบคุณพระเยซูที่เรามีพระบิดาของเรา ที่ให้มานาจากสวรรค์ให้น้ำที่ออกจากหิน ก็คือการเลี้ยงดูที่อยู่ในการอัศจรรย์ ปาฏิหาริย์ เหนือธรรมชาติ
แล้วคุณ คุณน่ะครับ ที่ยังกระวนกระวาย ยังกังวลยังคิดหนักเรื่องการใช้ชีวิต จะทำยังไง เงินจะไม่เหลืออยู่แล้ว เป็นหนี้คน ขอให้เลิกเถอะครับเลิกคิด เลิกกังวล เลิกห่วง พระเยซูสั่ง 3 ครั้งใช่ไหม อย่ากระวนกระวาย อย่ากระวนกระวาย ไม่ต้องกระวนกระวาย พระเจ้าจะดูแลเอง คือถ้าเราทำตามที่พระเยซูสั่ง ทุกเรื่องมันก็น่าจะดีไปนานแล้ว แต่สาเหตุมาจากเราไม่ไว้วางใจ ไม่เชื่อใจ ไม่เชื่อคำที่พระเยซูบอก เราจึงต้องทนทุกข์มา มีปัญหาชีวิตไม่หยุดสักที ยังไงก็ตามเราขอบคุณพระเจ้านี่คือวิธีทางออกที่พระเจ้าให้เรา ก็คือการไม่กระวนกระวาย วางใจในพระเจ้า ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับทุกกรณี
มีพี่น้องบางคนบอกว่าขอบคุณพระเจ้าที่น้ำท่วม ไม่ๆไม่ใช่แบบนั้น !!!
"ขอบพระคุณพระเจ้าที่เป็นพระเจ้าแสนดีของข้าพระองค์ ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่ ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เป็นผู้ให้ชีวิต"
แบบนี้น่ะครับไม่ได้หมายความว่าขอบพระคุณที่วันนี้ไม่มีกินอันนี้ผิดครับ
แล้วก็เรามาดูในเหตุการณ์ที่น้องๆของพระเยซูสั่งชวนพระเยซูขึ้นไปที่เยรูซาเล็มไปที่พระวิหาร เพื่อฉลองเทศกาลอยู่เพิง แล้วปรากฏว่าพระเยซูไม่ไป (ตอนนั้นอยู่ที่แคว้นกาลิลี) แล้วพระเยซูบอกว่าไปก่อนเถอะ ไปก่อนยังไม่ถึงเวลา ที่นี้พอน้องๆของพระเยซูไปแล้ว
พระเยซูก็ตามไปภายหลัง เพื่อไม่ให้น้องๆของพระเยซูเดือดร้อนถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็คือพระเยซูไป ไปแบบเงียบๆ ไปในลักษณะของเป็นการลับไม่ให้ใครรู้
เมื่อพระเยซูสั่งสอนหลายคนก็พอจำได้ แล้วหลายคนก็สงสัย แล้วบางคนก็พูดดีเกี่ยวกับพระองค์ แล้วบางคนก็พูดไม่ดีใส่ร้ายพระองค์ว่าพระองค์เป็นคนไม่ดีก่อเรื่องอะไรประมาณนั้น แต่ยังไงก็ตามน่ะครับ
เราดูตรงนี้ผมเห็นจุดหนึ่งก็คือ การรอ พระเยซูรอ หลายครั้งที่เราที่เป็นคริสเตียน เราใจร้อน เราไม่ชอบรอ อยากทำอะไร อยากรับใช้ อยากประกาศ อยากช่วยเหลือพี่น้อง อยากอะไรก็อยากไปหมด แล้วมันก็เป็นสิ่งดีที่เรามีความปรารถนาอยากจะช่วยมันเป็นสิ่งที่ดี
แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ก็คือ การรอ คริสเตียนใช้ชีวิตมีสองสิ่งที่สำคัญ
1. ก็คือรักๆๆๆๆ รักพระเยซู รักเพื่อนบ้าน รักศัตรู
2. ก็คือรอๆๆๆ รอเวลาของพระเจ้า
ถ้าเราทำเอง เวลาของเราเอง เวลาของโลกนี้นาฬิกาหมุนทุกสิ่งมันอาจจะล้มเหลวได้ แล้วมันจะเกิดผลที่ไม่ได้ตามที่เราคาดคิดเอาไว้ เพราะฉะนั้นขอให้เราเรียนรู้สองสิ่งนี้ คริสเตียนเรามีสองรอ ร.รักและร.รอๆๆๆ ก็คือรอเวลาของพระเจ้านั้นเป็นนาน นานเท่าไหร่ก็ตาม เวลาของพระเจ้าไม่เหมือนเวลาในโลกนี้ เวลาของโลกนี้ใช้นาฬิกา แต่เวลาของพระเจ้าไม่รู้เมื่อไหร่ แต่มันสำคัญที่สุดถ้าพระเจ้าบอกให้รอ เราก็ต้องรอ จะกี่ปีเราก็ต้องรอ แล้วไม่ผิด แต่ถ้าพระเจ้าบอกให้เรารอ แล้วไม่รอเราไปทำเราหวังดีต่อพระเจ้าเราอยากช่วยพระเจ้า อันนี้ผิดน่ะครับ ผิดต่อกฎหมายใหม่ของพระเยซู
โยชูวาบทที่ 5:1-8
1 ต่อมาเมื่อบรรดากษัตริย์ของคนอาโมไรต์ซึ่งอยู่ฟากจอร์แดนข้างตะวันตก และบรรดากษัตริย์ของคนคานาอัน ซึ่งอยู่ใกล้ทะเล ได้ยินว่าพระเยโฮวาห์ทรงบันดาลให้น้ำในจอร์แดนแห้งไปต่อหน้าคนอิสราเอล ให้เราข้ามฟากไปได้หมดแล้ว จิตใจของเขาก็ละลายไป ไม่มีกำลังใจในตัวอีกต่อไปเหตุเพราะคนอิสราเอล
2 คราวนั้น พระเยโฮวาห์ตรัสกับโยชูวาว่า “จงทำมีดด้วยหินคมและให้คนอิสราเอลเข้าสุหนัตเป็นครั้งที่สอง”
3 โยชูวาจึงทำมีดด้วยหินคมและให้คนอิสราเอลเข้าสุหนัตที่เนินเขาแห่งหนังหุ้มปลายองคชาต
4 นี่แหละเป็นเหตุซึ่งโยชูวาให้เขาเข้าสุหนัต ในบรรดาประชาชนผู้ออกมาจากอียิปต์พวกผู้ชาย คือทหารทั้งหมดสิ้นชีวิตเสียตามทางในถิ่นทุรกันดารหลังจากที่ออกจากอียิปต์
5 แม้ว่าประชาชนผู้ออกมาเหล่านั้นได้เข้าสุหนัตหมดทุกคนแล้ว แต่ประชาชนทุกคนที่เกิดมาใหม่ตามทางที่ในถิ่นทุรกันดารหลังจากที่ออกมาจากอียิปต์นั้น ยังไม่ได้เข้าสุหนัต
6 เพราะว่าคนอิสราเอลเดินทางสี่สิบปีอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนประชาชนทั้งสิ้น คือทหารที่ออกมาจากอียิปต์สิ้นชีวิตเสียหมด เพราะเขามิได้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์ ผู้ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงปฏิญาณกับเขาว่า พระองค์จะไม่ทรงยอมให้เขาเห็นแผ่นดิน ซึ่งพระเยโฮวาห์ได้ปฏิญาณแก่บรรพบุรุษว่าจะประทานแก่เราทั้งหลาย เป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์
7 แต่บุตรของเขาซึ่งพระองค์ทรงให้แทนเขานั้น โยชูวาก็ได้ให้เข้าสุหนัต เพราะว่าเขายังไม่เข้าสุหนัต เพราะว่าเขาไม่เคยได้เข้าสุหนัตเมื่อมาตามทาง
8 ต่อมาเมื่อได้ให้ประชาชนเข้าสุหนัตเสร็จหมดแล้ว เขาก็พักอยู่ในที่อาศัยในค่ายจนกว่าจะหายเป็นปกติ
เราเห็นน่ะครับว่าโยชูวาก่อนที่เข้าไปยึดบ้านเมืองทรัพย์สินที่อยู่ของชาวเมืองในดินแดนคานาอัน เราพบน่ะครับว่าโยชูว่ามั่นใจเหลือเกิน แล้วก็เหล่าทหารก็มั่นใจ เนื่องจากว่ากษัตริย์แล้วก็เจ้าเมือง แล้วก็ทหารในแถบนั้น ได้ยินข่าวร่ำลือเรื่องพระเจ้าอยู่เคียงข้างโยชูวาและชนชาติอิสราเอล คือเขากลัวมากกลัวจนตัวสั่น แล้วโยชูวาเห็นว่ามันเป็นเวลาที่เหมาะ แล้วก็พร้อมที่จะเข้าไปยึดบ้านเมือง
แต่รู้ไหมครับว่าพระเจ้าห้ามเขา ห้ามโยชูวา บอกว่ารอก่อน อย่าเพิ่ง รอก่อน โยชูวาก็แปลกใจว่ารออะไร พระเจ้าตรัสว่ารอเวลาของเราไม่ใช่เวลาของเจ้า พระเจ้าบอกว่าลูกหลานของชนชาติอิสราเอลผู้ชายหลายคนที่เกิดมาใหม่ ยังไม่ได้เข้าสุหนัต ไปจัดการก่อนให้มันถูกต้องต่อสายพระเนตรของเรา ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าก่อน
เวลาอาจจะพร้อมสำหรับมนุษย์ แต่ไม่พร้อมสำหรับพระเจ้า พระเจ้าก็เลยบอกให้โยชูวาไปจัดการ โยชูวาก็จัดการทำพิธีสุหนัตกับลูกชายชนชาติอิสราเอลทุกคนลูกหลานเขาน่ะครับ กว่าจะหายดีน่าจะประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วหลังจากนั้นก็เข้าไปยึดบ้านเมืองได้
เหตุการณ์นี้สอนเราให้รู้น่ะครับว่า เราเนี่ยรีบร้อน เราอยากไป เราพร้อม คริสเตียนหลายคนพอเชื่อปุ๊บเกิดร้อนใจร้อนรน อยากรับใช้อยากทำอยากนู่นนี่นั่นเพื่อพระเจ้า แต่เราเห็นนะว่าพระเจ้าบอกว่าเจ้ายังไม่พร้อม ไม่พร้อมทางไหน? ไม่พร้อมอะไร? เรายังไม่ได้ทำพิธีสุหนัต เราเห็นนะว่าคริสเตียนมากมายทุกวันนี้ที่กลายเป็นคริสเตียนศาสนา คริสตจักรศาสนาเขายังไม่ได้ทำพิธีสุหนัต
เข้าสุหนัต คืออะไร?
เข้าสุหนัต คือถูกพระเยซูถูกพระเจ้าประหารชีวิต แล้วประทานชีวิตใหม่ให้ เมื่อมีชีวิตใหม่ ก็ต้องรู้จักวิธีใช้ชีวิตใหม่ที่พระเจ้าประทานให้ เราเป็นมนุษย์วิญญาณ แต่คริสเตียนมากมายทุกวันนี้ใช้ชีวิตอาดัมเพื่อดำเนินชีวิตและรับใช้และปรนนิบัติพระเจ้า
เราเห็นน่ะครับ เห็นความหมายที่ผมต้องการสื่อไหม แล้วทุกวันนี้คุณเดิน คุณเอาชีวิตไหนเดิน ชีวิตเก่าหรือชีวิตใหม่ ถ้าชีวิตใหม่แล้วก็ขอบคุณพระเยซู
แต่อย่าลืมน่ะครับ นมัสการเสร็จ สามัคคีธรรมเสร็จ ไปทานข้าวออกไปข้างนอกอย่าลืมเอาตัวใหม่ไปด้วยนะ เพราะว่าหลายคนลืมผมรู้ นี่คือจุดอ่อนของพวกเรา
คือพระเจ้าบอกว่าถ้าเจ้าไป.. ใช้ตัวเก่าใช้ชีวิตเก่า พวกเจ้ายังไม่พร้อม จะทำอะไรก็ล้มเหลว หรือถ้าสำเร็จก็เรียกว่าล้มเหลวสำหรับพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เราดำเนินชีวิตด้วยตัวใหม่ ผ่านสุหนัตของพระเยซูแล้ว เพราะฉะนั้น รอ รอให้พร้อมก่อน
พร้อม คืออะไร?
พร้อม คือพร้อมชีวิตนี้ ชีวิตของเราพร้อมเดินด้วยตัวใหม่ ทำด้วยตัวใหม่ ทำทุกสิ่งด้วยตัวใหม่ นมัสการด้วยตัวใหม่ ปรนนิบัติด้วยตัวใหม่ ช่วยเหลือพี่น้องด้วยตัวใหม่ ทำทุกสิ่งด้วยตัวใหม่
หลังจากนั้นเรารอ รอ เมื่อเราใช้ชีวิตใหม่ เราจะได้ยินเสียงของพระเจ้าชัดเจนมาก ชัดเจนมากๆ วิทยุเครื่องเก่ารับได้สัญญาณไม่ค่อยดีเพราะว่ามันเครื่องเก่ามากมันไม่ทันสมัย แต่สมัยนี้มัน 3g 4g 5g เข้าไปแล้ว เมื่อก่อนไม่ถึง 2g เลย แต่เดี๋ยวนี้มัน 5g แล้ว ก็คือพระเจ้าต้องการสื่อสาร สื่อกับเรารวดเร็วมาก เนื่องจากว่าเราใช้ชีวิตใหม่ที่มี 5g ชีวิตเก่ามันมีแค่ 2g
เราขอบคุณพระเจ้าเมื่อเรามีตัวใหม่ ใช้หูใหม่ พระเจ้าจะตรัสกับเราบ่อยๆ เราจะได้ยินเสียงพระองค์ชัดเจน การรอของเรามันจะไม่นานเกินรอ ทุกวันนี้เราไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าเรารอๆๆ ไม่รู้จักวิธีรอ รอยังไง
เพราะฉะนั้นสิ่งแรกก็คือ เราระลึกถึงความรักของพระเจ้า เราฉลองเทศกาลอยู่เพิงทุกเวลาทุกวัน เราขอบคุณพระเจ้าที่เลี้ยงดูเรา เราขอบพระคุณพระเจ้าที่ให้อาหารที่มาจากสวรรค์ คือการดำเนินชีวิตของเราในโลกนี้มันเป็นการอัศจรรย์ เดินด้วยการอัศจรรย์ ไปไหนก็มีการอัศจรรย์เกิดขึ้น พระเจ้าก็ช่วยเหลือปกปักรักษาดูแลคุ้มครองเราอยู่เสมอ เราเห็นน่ะครับเห็นชัดๆเลย นี่เป็นการกระทำของพระเจ้า ไม่ใช่เราเอง เราปลอดภัยเพราะพระเจ้า เรามีอยู่มีกินทุกวันนี้ก็เพราะพระเจ้า อยู่ดีๆมีคนโอนเงินโอนตังค์ให้ก็เพราะพระเจ้า เนื่องจากว่าเราขอบพระคุณพระองค์อยู่เสมอ ก็คือฉลองเทศกาลอยู่เพิงเสมอ เรียกว่าขอบพระคุณพระเจ้า สรรเสริญพระเจ้า แล้วไม่ต้องกระวนกระวาย ไม่ต้องกังวล
แล้วการพร้อมชีวิตที่เราพร้อม ก็คือชีวิตที่ตายต่อตัวเก่า แล้วใช้ชีวิตใหม่อยู่ทุกวันทุกเวลา ออกไปทานข้าวเที่ยงไปกินด้วยตัวใหม่ คนใหม่ที่กำลังกินอยู่ เพราะฉะนั้นมองทุกสิ่งก็ใหม่หมด
แล้วสุดท้ายก็ พระเจ้าก็จะให้เราอยู่อย่างสงบ มีสันติสุข มีพลังยิ่งใหญ่ที่มาจากพระเจ้า แล้วก็อยู่ในการดูแลของพระเจ้า อยู่ใต้ร่มพระคุณของพระองค์ เราขอบคุณพระเยซูสำหรับบทเรียนยิ่งใหญ่นี้
แล้วก็การที่เราจะรับใช้พระเจ้าหรือที่เราจะไปไหน ทำเหมือนพระเยซูครับไม่ให้ใครเดือดร้อน ไม่ให้น้องๆ ของพระองค์เดือดร้อน เราก็เหมือนกัน ทำอะไรคิดดูดีๆก่อน ให้พระเจ้าเป็นคนนำทางก่อน เพื่อจะไม่ต้องให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะเรา
ถาม.
ขอถามเผื่อพี่น้องบางคนอาจจะยังสงสัยก็คือเรื่องการรอ คือปกติแล้วเราจะเข้าใจว่าเวลาสถานการณ์เราพร้อม สถานการณ์พร้อมหมายถึงว่าเราจะเข้าใจว่าพระเจ้าเปิดโอกาส คือสถานการณ์พร้อมเหตุการณ์ต่างๆพร้อม ดูเหมือนมีคนมาพูดสนับสนุน และเราก็พร้อมเหมือนที่จะให้เราทำบางสิ่งบางอย่าง แต่ว่าคือการที่เราจะรู้น้ำพระทัยพระเจ้าว่าเราจะควรทำ เราจะควรทำไหม ก็คือเราต้องรอพระวิญญาณเคลื่อนภายในพูดกับเรา อธิษฐานรอก่อนใช่ไหมครับแม้ว่าสถานการณ์ต่างๆดูเหมือนพร้อม
ตอบ.
ถูกแล้วครับอันนี้เป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด "คือทุกสิ่งอยู่ที่พระวิญญาณ ไม่ใช่อยู่ที่สถานการณ์" เข้าใจกันน่ะครับ
หลายครั้งที่เราคิดว่า เอ่อ มันดูเหมือนพระเจ้านำเรา มันดูเหมือนถึงเวลาแล้ว แต่จริงๆ แล้ว เราไม่เห็นการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณ ไม่ได้ยินเสียง ไม่มีนิมิต ไม่มีการกระตือรือร้น ร้อนร้อนรนภายในที่มันเกินธรรมชาติ คือเราสงสารเราร้องไห้คือมันนิดหน่อย แต่เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เราเต็มล้น ก็คือเราจะร้องไห้มากเกินปกติเหมือนคนไม่ปกติ เข้าใจกันน่ะครับ เพราะฉะนั้นเราต้องดูที่เครื่องหมายที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานให้เรา
...
ถาม.
คำว่า รอของพระเจ้านี้ อย่างสมมุติเราจะไปหางานทำใช่ไหมคะ เราก็อธิษฐานเเล้วก็ให้พี่น้องอธิษฐาน เราก็ไปสมัครงานหางานทำแต่ว่ามันก็จะมีบางที่ที่รับ แต่เราก็ไม่แน่ใจว่าพระเจ้าจะให้เราทำงานอะไร และขณะที่เรารอนี้ ถ้าสมมุติเรามีอาชีพค้าขายเราทำอะไรเป็น เราก็ทำไปก่อน ไม่ต้องรองานที่แบบว่าพระเจ้าให้จริงๆบางทีรออาทิตย์นึง 2 อาทิตย์ ก็ยังไม่ได้คำตอบ ก็เลยยังไม่แน่ใจว่าอะไรคือการรอ และรอเวลาของพระเจ้ามันแบบไหนประมาณไหนยังไงคะ เพราะว่าเราต้องกินต้องใช้ มีหนี้สินต้องใช้อย่างงี้ จะมานั่งรอโดยไม่ทำอะไรเลยมันก็ไม่ใช่อย่างงี้อยากได้รับคำแนะนำคะ
ตอบ.
ตอนนั้นน่ะครับ ขณะที่เรารออยู่ เราทำอะไรอยู่เราก็ทำไปก่อน ใช่ครับทำไปก่อนแล้วรอ
รู้ได้ยังไงว่าพระเจ้านำเราหรือถึงเวลาแล้ว
1. นิมิตร
2. เครื่องหมาย
เครื่องหมายอะไร?
ก็คือจะมีคนมาบอก จะมีคนมาพูดหรือจากมือถือของเราก็ได้ แต่เราจะเห็น เราจะได้ยินหลายครั้งไม่ใช่ครั้งเดียวนะ หลายครั้ง คือการคอนเฟิร์มของพระเจ้าจะมีหลายครั้งเพื่อเรามั่นใจว่าใช่แล้ว
เราเดินไปทางไหน ไปเจอคน มีคนพูด เขาก็บอกว่าเนี่ยพร้อมแล้วนะ คือมันบังเอิญจริงๆ คำว่าพร้อมแล้ว พอไปหาอีกคนหนึ่งเขาก็บอกว่าพร้อมแล้ว พร้อมสิ คือมันจะมีบางอย่างที่ทำให้เรารู้ว่ามาจากพระเจ้าจริงๆ แล้วพระเจ้าจะให้นิมิตรเราไม่ใช่แต่ครั้งเดียวครับ สองด้วยเพื่อคอนเฟิร์ม เพื่อให้เรามั่นใจว่านี่มาจากพระเจ้าจริงๆ
เพราะว่าหลายครั้งที่เราสงสัยมันก็เหมือนๆใช่ อย่างที่ผมพูดน่ะครับ "เราเดินตามพระวิญญาณ ไม่ต้องไปมองที่สถานการณ์" หรือมันจะคล้ายๆ เหมือนๆ อันนั้นไม่เอาครับ
แต่สำหรับอีกบางคน ผมพูดถึงบางคนน่ะครับ บางคนที่มาถึงจุดที่สูงมากแล้ว จุดที่สูงมากแล้ว คือจะไม่ทำอะไร เขาจะไม่ทำอะไร เพราะเขารู้ คือคำว่ารู้ เขาเคยมีประสบการณ์มาแล้ว ที่พระเจ้าเลี้ยงดูเขาแล้ว เมื่อเขารอจริงๆเขาก็ได้รับจริงๆ
อย่างที่ผมเคยพูดใช่ไหม ร้านห้างสรรพสินค้าทั้งหลายที่อยู่ต่างประเทศที่เขาเชื่อพระเยซู แล้วปรากฏว่าต้องขายเหล้าขายบุหรี่ แล้วเขาไม่ยอมขายเขาเชื่อว่าพระเจ้าจะเลี้ยงดูเขา พระเจ้าจะจัดการ และในที่สุดกำไรที่เขาได้มาคือธุรกิจค้าขายดีมาก ขายดีกว่าเพื่อนที่ไม่ได้วางใจในพระเจ้า "การรอก็เหมือนกัน"
สำหรับผม ผมเคยมีประสบการณ์เรื่องการรอ แล้วไม่ทำอะไร คือเป็นคนที่ชอบท้าทาย นิสัยเก่าของผมน่ะครับชอบท้าทาย ถ้าพระเจ้าจะเลี้ยงดูจริงๆ ในพระคัมภีร์ก็บอกว่าพระเจ้าจะเลี้ยงดู อะเลี้ยงสิ มาดูสิ ข้าพเจ้าอยากวางใจในพระองค์ คือไม่ได้ประชดน่ะครับแล้วก็ไม่ได้ท้าทายพระเจ้า คือจะทำตามพระคัมภีร์ จะทำตามผมเป็นคนหัวดื้อน่ะครับ แล้วก็ทำจริงๆ ก็ไม่ทำอะไร ก็รอ แล้วในที่สุดหลายครั้งต่อมาผมเห็นบ่อยมากเห็นการดูแลเลี้ยงดูของพระเจ้า เห็นการจัดการกับเรื่องการเงิน การงานให้ผม แล้วมันเกินคาดเกินที่คาดหมายเอาไว้ งานก็ได้ที่ดีมากๆด้วย ก็ขอบคุณพระเจ้า
...
ถาม.
แล้วหมายความว่าเป็นไปได้ไหมคะ สมมุติว่างานที่เราอยากทำอยากเปลี่ยนพระเจ้าไม่อนุญาตให้เราเปลี่ยนเป็นไปได้ไหมคะ
ตอบ.
เป็นไปได้ครับ อย่าลืมน่ะครับว่าสิ่งที่เราชอบบางครั้งมันไม่ดีสำหรับเราในอนาคต พระเจ้ารู้ พระเจ้าจึงไม่ให้เรา แต่ถ้าเราฝืนไป เราอยากไปทำ ก็คือผลตามมาก็คือไม่ดี
1. เวลาของเราไม่ดี เวลาของพระเจ้าดีกว่า
2. การงานที่เราคิดว่าดี สำหรับพระเจ้าไม่ดี
เห็นน่ะครับเพราะฉะนั้นเราอย่าเอาสิ่งที่เป็น ตา หู ความคิดของเรา ไปตัดสิน ไปเลือก
แต่เอาตา "เจ็ดตา" ของพระวิญญาณให้เลือกให้เรา พระองค์สัพพัญญู พระองค์รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง จะดีหรือจะร้ายหรือจะเป็นยังไง พระเจ้าเลือกให้เราดีที่สุดแล้วครับ
ขอเพียงแต่ว่าเรา เรียนรู้ที่จะรอและพร้อม พร้อมก็คือดำเนินชีวิตด้วยตัวใหม่
...
ขอบคุณพระเยซูสำหรับเทศกาลอยู่เพิง เราขอบคุณพระองค์ที่พระองค์เลี้ยงดูดูแลเรา และเราอยู่ในเต็นท์ทุกวันในโลกนี้ เราอยู่ในที่ชั่วคราว แต่พระองค์ดูแลเลี้ยงดู ด้วยอาหารที่มาจากสวรรค์ ด้วยการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นทุกๆวัน "ขอบคุณพระเจ้าที่สอนให้เรารู้จักคำว่า พร้อม และรู้จักคำว่า รอ" เมื่อเราพร้อมก็คือการใช้ชีวิตใหม่ตัวใหม่ คนใหม่ ลิ้นใหม่ หูใหม่ จมูกปากอะไรทุกสิ่งใหม่หมด และการมองของเราก็จะเป็นการมองที่ใหม่ ต้องขอบพระคุณพระบิดาและเมื่อเราพร้อมก็คือการ รอที่จะให้พระองค์นำเรา ถึงแม้ว่าเวลาอาจจะนาน เราอาจจะเหนื่อยที่จะรอ แต่เราจะรอเพื่อให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ