มัทธิวบทที่ 18 : 5-9 ไม่ดูหมิ่น หรือเป็นเหตุให้ผู้อื่นหลงผิดหรือสะดุดล้มเพราะเรา
มัทธิวบทที่ 18 ข้อที่ 5-9 ในพระคัมภีร์ข้อนี้พูดถึงไฟนรก แต่แท้ที่จริงภาษากรีกบอกว่าเกเฮนา เกเฮนาไม่ใช่นรกไม่ใช่บึงไฟ เกเฮนาคือที่ลงโทษคริสเตียนพันปี อยู่นอกอาณาจักรอย่าเข้าใจผิดน่ะครับ เราไปอ่านภาษากรีกเราจะเห็นว่ามันเป็น เกเฮนา / เกเฮนา ก็คือ ที่ทิ้งขยะ ไม่ใช่บึงไฟ เเต่เป็นที่ลงโทษคริสเตียน เป็นคริสเตียนก็ต้องถูกลงโทษถ้าหากเราดำเนินชีวิตในโลกนี้เปลี่ยนแปลงไม่ทัน มีชีวิตใหม่ นิสัยใหม่ไม่ทัน เรายังมี กิเลส ตัณหา โลภ โกรธหลง อยู่เราจะถูกลงโทษเป็นเวลาพันปี
แล้วในข้อที่ 5 จนถึงข้อที่ 9 พระเยซูพูดถึงเรื่องว่า อย่ามองข้ามเด็กในความเชื่อ คือในคริสตจักรเราถ้าหากมีคนที่มาเชื่อใหม่ๆ อย่าไปมองข้ามเขา ต้องดูแลเอาใจใส่เขา แล้วก็จำชื่อเขา เอาชื่อของเขาไปอยู่ในคำอธิษฐานของเราอยู่เสมอ (พวกคุณเคยทำไหม ?)
อันนี้เป็นสิ่งที่รับบำเหน็จมากมาย คือจดจำพี่น้องในคริสตจักรพวกเรา หรือใครก็ได้ที่เรารู้จักเอาเขามาอธิษฐานเผื่ออยู่เสมอ ได้บำเหน็จครับ
เพราะว่าทุกวันนี้คริสตจักรมากมาย อันนี้เราไม่ได้ตัดสินใคร เราพูดความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น คริสตจักรมากมายทุกวันนี้ จะใส่ใจแต่คนที่มีฐานะ ใส่ใจแต่คนที่เราชอบ ใส่ใจแต่คนที่มีนิสัยจิตใจที่มันตรงสเปคกับเรา คุยกันได้ คุยสนุก เราก็ไปใช้เวลาอยู่กับคนนั้นมากมาย
แต่คนที่มา ลุงสี ลุงสา ป้ามี ป้ามา ชาวไร่ ชาวนา คนยาก คนจน กรรมกร มาร่วมคริสตจักรไม่มีใครสนใจ นั่งกินข้าวเราก็นั่งกินกับคนที่มีเกียรติหรืออาจารย์หรือกับผู้นำ หรือกับคนที่มีฐานะ
แต่คนที่เป็นชาวไร่ ชาวสวน กรรมกร คนธรรมดาทั่วไป คือไม่มีใครสนใจ คริสตจักรก็มีการแบ่งแยก เมื่อมีการแบ่งแยกน่ะครับ ก็มีการที่ข้อที่ 5 จนถึงข้อที่ 9 ไม่เกิดขึ้นภายในคริสตจักร ขอให้เราใส่ใจคนที่เป็นเด็กในความเชื่อ
อย่าเข้าใจผิดนะว่าเป็นเด็กๆ ไม่ใช่ อาจจะเป็นคนแก่ก็ได้ คนมีอายุก็ได้ ผู้ชาย ผู้หญิง ที่เป็นผู้ใหญ่ แต่มีความเชื่อที่ยังเป็นเด็กอยู่ มีหลายคนในคริสตจักรทุกวันนี้มีน่ะครับ
คุณอย่าเข้าใจผิดว่าเราเห็นผู้ใหญ่ แล้วมาคริสตจักรนานๆ แล้วเขาจะเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ /ไม่ใช่.
คือมีคุณแม่ท่านหนึ่งเป็นคริสเตียนมา 30 ปี รับใช้มามากประกาศข่าวประเสริฐบ่อยมากคนรับเชื่อเพราะคุณแม่ 50 กว่าคน แล้วเราจะเรียกเขาว่าเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ /ไม่ใช่.
...
ผู้ใหญ่หรือเด็กฝ่ายวิญญาณวัดกันตรงไหน ?
ผู้ใหญ่หรือเด็กฝ่ายวิญญาณวัดกันตรงที่ นิสัยของพระเยซูเกิดขึ้นในเขามากเท่าไหร่แล้ว ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณในพระคัมภีร์สำหรับพระเจ้า คนที่เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณก็คือคนที่มีนิสัยใหม่ ไม่ใช่อาจารย์ไม่ใช่ผู้นำไม่ใช่คนที่มาคริสตจักรนานๆ ไม่ใช่คนที่มีผลงานเยอะๆ /ไม่ใช่.
แต่ดูที่ใจของเขาว่าเขามีนิสัยใหม่หรือยัง กิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลง เขามีมากน้อยแค่ไหน ความเป็นผู้ใหญ่ของเขา ความเป็นเด็กของเขา วัดกันตรงนี้
เลิกทำบาปได้มากเป็นผู้ใหญ่มากเรียกว่าคริสเตียนรุ่นพ่อ แล้วคนที่จะมาถึงคริสเตียนรุ่นพ่อ ก็คือ คนที่สะสมมานาที่ซ่อนไว้แล้วเอาไปฝึกประจำ ฝึกบ่อยๆ มีนิสัยจิตใจใหม่แล้ว แล้วคนที่ยังฝึกอยู่ แล้วยังทำบาปอยู่ แล้วก็ทำดี ทำบาปๆ แล้วก็รับการเปิดตา รับมานา เรียกว่าเป็นหนุ่ม
คริสเตียนในพระคัมภีร์มี 3 ระดับ มีระดับเด็ก ระดับหนุ่ม และระดับพ่อ ทุกวันนี้คริสเตียนทั่วโลกมากมายเต็มคริสตจักรไม่ว่าคุณจะเป็นอาจารย์ คุณจะเป็นผู้นำ คุณจะเป็นศิษย์าภิบาล ศาสนาจารย์ แต่คุณยังเป็นเด็กในสายตาของพระเจ้า ถ้าหากคุณยังแอบทำบาปอยู่ หรือว่าคุณใช้ความดีของคุณเอง คุณเลิกทำบาปได้ด้วยตัวคุณเอง พระเจ้าก็ยังมองว่าคุณเป็นเด็กอยู่
คนไหนที่จะเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ คนนั้นต้องมีนิสัยของพระเยซู ก็คือ การทำแทนของพระเยซู พระเยซูมาทำเอง ถ้าคุณยกโทษให้ผู้อื่นโดยที่คุณทำด้วยตัวคุณเอง คุณไม่เคยรู้ว่าพระเยซูมาทำให้คุณ อันนั้นคุณก็ยังเป็นเด็กอยู่เหมือนเดิม เพราะว่าทุกวันนี้มีหลายคนที่เป็นคนดี แล้วก็มาเข้าคริสตจักรแล้วเขาเอาความดีของเขาที่เป็นทุน เข้ามาในคริสตจักร แล้วเรียกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่หรอ /ไม่.
ทุกคนที่เข้ามาในคริสตจักร เป็นเด็กเริ่มจากศูนย์ทั้งหมดเลย คุณจะมีทุน คุณเข้ามาคริสตจักร
** สมมุติมีพี่น้อง 2 คนเข้ามา คือคุณหนึ่งและคุณสอง คุณหนึ่งเป็นคนที่พูดก้าวร้าวเป็นคนที่ชอบโมโห แต่คุณสองเป็นคนที่เงียบๆ เป็นคนที่ไม่ชอบก้าวร้าวเป็นคนที่ถ่อมตน พระเจ้ามอง 2 คนนี้ ไม่มองว่าคุณสองดีกว่าคุณหนึ่งนะ ไม่นะ. พระเจ้ามองว่าสองคนนี้เท่ากัน เริ่มจากศูนย์เหมือนกัน เพื่อพระคริสต์จะได้รับเกียรติ พระเยซูต้องการให้ทั้งคุณสองและคุณหนึ่งใช้นิสัยของพระเยซูมาทำให้
เพราะว่าทุกวันนี้หลายคนที่มาเป็นคริสเตียนแล้วใช้ ไม้ ฟาง หญ้าแห้ง ที่เป็นส่วนดี ไม้ ฟาง หญ้าแห้ง ก็ดี นิสัยการเลิกทำบาปมันมีหลายอย่างที่เราเลิกได้มันก็ดี แต่ไม่ใช่พระวิญญาณเลิกให้มันไม่ดี สำหรับพระเจ้ามองมันไม่ดี
คุณหนึ่งเอาเงินไปบริจาคให้สถานเด็กกำพร้า 1 ล้านบาท พระเจ้าบอกว่าดีไหม / ไม่. แต่เมื่อไหร่ที่คุณหนึ่งควักกระเป๋า 1 ล้านบาทโดยที่เชื่อว่าพระเยซูกำลังทำให้ โดยที่เขาเชื่อว่าเขาเป็นคนใหม่ที่ทำอยู่ เราไม่ฝืนใจยื่นให้ อันนี้เรียกว่า ทองคำ เงิน เพชร พลอย เห็นไหมครับความแตกต่าง
ต้องเป็นความชอบธรรมของพระเยซูมาทำแทนให้เรา เราทำเองมันสูญเปล่า มันเป็น ไม้ ฟาง หญ้าแห้ง พระเยซูทำแทนเราได้เมื่อไหร่ พระเยซูเป็นคนทำเมื่อไหร่ เรียกว่า ทองคำ เงิน เพชร พลอย
เพราะฉะนั้นขอให้เราคริสเตียนระมัดระวังในการดำเนินชีวิตและการรับใช้ เราต้องก่อให้เป็น เปาโลเตือนในพระวิญญาณ ว่าพวกท่านทั้งหลายจงก่อให้เป็น (1 คร 3:12-15)
บอกว่าถ้าก่อไม่เป็น ผลงานทั้งหลายมันจะเป็น ไม้ ฟาง หญ้าแห้ง พวกท่านจะรอดแต่ไม่มีบำเหน็จ ก็เหมือนรอบผ่านไฟ
แต่ถ้าท่านก่อเป็น ก็คือ ก่อด้วย ทองคำ เงิน เพชร พลอย
- ทองคำ คือพระเจ้าพระบิดา
- เงิน คือพระเจ้าพระเยซู
- เพชรพลอย คือพระเจ้าพระวิญญาณ
พระเจ้าพระบิดา พระเยซู พระวิญญาณ ร่วมกันทำในเราให้ในเรา ดำเนินชีวิตในเรา รับใช้ในเรา ไปประกาศข่าวประเสริฐในเรา นมัสการในเรา และเล่นกีต้าร์ในเรา ร้องเพลงในเรา พระเจ้าสามพระภาคทำในเรา มันคือ ทองคำ เงิน เพชร พลอย และในที่สุดสิ่งนี้จะเกิดขึ้น (มธ 18:1-4) เราจะเป็นเหมือนเด็กได้ พระเยซูมาอยู่ในเราเมื่อไหร่ สำแดงชีวิตของพระองค์เมื่อไหร่ได้ ก็คือเราจะกลายเป็นเด็ก (มธ 18:1-4)
แล้วอย่าลืมข้อที่ 5 จนถึงข้อที่ 9 พระเยซูเตือนให้เราดูแลเอาใจใส่เด็กในความเชื่อ ใครที่เป็นเด็กในความเชื่อเอาใจใส่ดูแลเขา คือมีอาจารย์บางคนเดินมาแล้วก็มาเห็นคุณคำหุ่ง แล้วคุณคำหุ่งรับมานาที่ซ่อนไว้ รับบทเรียน แล้วอาจารย์คนนี้ก็บอกว่าอย่าไปเชื่อนะคำสอนปลอม / คุณคำหุ่งก็บอกว่าผมพอใจจะเชื่อ คุณจะทำไม คุณนั่นแหละปลอม คุณนั่นแหละไม่ถูก คุณผิด คุณจะต้องถูกลงโทษพันปี แล้วก็คุณคำหุ่งก็หนีไปน่ะครับ
อันนี้เรียกว่าไม่แคร์เด็กในความเชื่อ อย่าลืมน่ะครับอาจารย์คนนั้นเป็นเด็ก ถ้าเขาเป็นผู้ใหญ่เขาจะรับมานาได้ ถ้าเขารับมานาไม่ได้แสดงว่าเขาก็เป็นเด็กอยู่ และอาจารย์คนนี้คือเป็นเด็กในสายตาของพระเจ้า
แล้วถ้าอาจารย์คนนี้มาใหม่อีกน่ะครับ แล้วบอกว่าคุณคำหุ่ง คำสอนนี้ปลอมนะอย่าไปเชื่อ แล้วคุณคำหุ่งก็บอกว่า เรามาศึกษาดูดีไหม เรามาค้นหาความจริงกันดูไหม คือเอาใจใส่ดูแลไม่ทิ้งเขาไม่ทำให้เขาสะดุด อันนี้เรียกว่าอย่ามองข้ามเด็กในข้อที่ 5 จนถึงข้อที่ 9
อย่าทำให้เด็กสะดุด ถ้าเราทำให้เด็กสะดุดน่ะครับ เด็กเสียใจเพราะเราไม่พอใจหรือออกจากความเชื่อ เราจะถูกส่งไปที่เกเฮนาเป็นเวลาพันปี
....
ผมน่ะครับไม่เคยไปถกเถียงใครเลย เมื่อก่อนเคยแต่เดี๋ยวนี้ อาจารย์ศาสนาอาจารย์คนไหนที่บอกว่ารู้พระคัมภีร์เยอะมาคุยกับผม มาหา คือ อยากจะมาจับผิด คือ ผมไม่ได้สนใจ ไม่เป็นไร ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ไม่ชอบก็ไม่เอา มาๆคุยเรื่องอื่น คือ ยังรักเขา อภัยให้เขา ไม่ถือสาเขา เพราะว่าเขาไม่รู้
และถ้าเราบอกต่อแล้วเขาไม่ฟังเขาปิด แสดงว่าการเอาใจใส่มันไม่เกิด เขาไม่ได้ต้องการ การเอาใจใส่จากเราแล้ว คือเราก็หยุด แต่เราอธิษฐานเผื่อเขา มีโอกาสเราก็ลองเคาะๆ ดู มีโอกาสก็แชทไปก็ทักไปถ้ามีโอกาส และถ้าพระเจ้าใส่ใจที่ไม่ท้อในเรา เราก็ลองใหม่ แต่ถ้าพระเจ้าไม่ได้ใส่ใจให้เราไม่ท้อเราก็ปล่อยเขาไป แต่อธิษฐานเผื่อเขา คือสิ่งสำคัญเราไม่ถือสา ไม่ทะเลาะ เบาะแว้ง ไม่หาเรื่องเขา ไม่ไปทำร้ายหัวใจเขา
อย่าทำร้ายน้ำใจของคริสเตียนด้วยกัน พูดง่ายๆสำหรับเขา เขาเป็นเด็กในสายตาของพระเจ้าในสายพระเนตรของพระเจ้า พระเจ้ามองน่ะครับคนที่รับมานาไม่ได้ แล้วคนที่มาโจมตีใครว่ามานาที่ซ่อนไว้ผิด แสดงว่าเขายังเป็นเด็กอยู่
...
สรุป สำหรับพระเจ้า พระเจ้ามองแต่ละคน คนไหนเป็นผู้ใหญ่ก็คือคนที่มีนิสัยใหม่แล้ว เปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ว่าปัจจุบันนี้มันมีปัญหาคริสตจักรทั่วไป อาจารย์ผู้นำผู้รับใช้หลายคนอันนี้ไม่ได้ตัดสินน่ะครับ หลายคนยังไม่เปลี่ยนนิสัยใหม่ยังเหมือนเดิม แต่ว่าใส่หน้ากากโกหกเอาว่าเปลี่ยนนิสัยใหม่แล้ว สำหรับพระเจ้ามองพวกเขายังเป็นเด็กอยู่ พวกเขารู้ตัวดีว่าพวกเขาเป็นเด็ก เขารู้เพราะว่าเขายังแอบทำบาปอยู่และก็หน้าซื่อใจคดอยู่ยังแสดงละครอยู่
...
สำหรับตัวอาจารย์เอง อาจารย์ยอมรับเหมือนกัน ยอมรับว่าเปลี่ยนได้หลายส่วน ขอบคุณพระเจ้า บางส่วนยังเปลี่ยนไม่ได้ก็ขอบคุณพระเจ้า ไม่เคยบอกว่าอาจารย์เพอร์เฟคอาจารย์... 100% แล้ว / ไม่. อาจารย์ยอมรับ เราทำยังไงที่ว่าได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้าได้เราทำเลย
พระเจ้าไม่ชอบคนหน้าซื่อใจคด แสดงละครใส่หน้ากาก คนใส่หน้ากากไม่ได้อยู่ในความจริง พระเจ้าทำงานไม่ได้ เราก็เป็นคนแบบที่เปิดเลย เปิดเลยแล้วเป็นยังไงอยู่เราทำอะไรผิดอยู่ เรายังมีจุดอ่อนตรงไหน เราเปิดเผยเราไม่ปิดบัง
สำหรับอาจารย์ อาจารย์พูดตรงๆ เลยยังมีจุดอ่อนอยู่ก็พูดก็บอก (ไม่ใช่ว่าอาจารย์ครบแล้วนะ คบแล้วเด้อพวกเราต้องทำเหมือนกันเด้อ) ไม่ครับ. อ่อนแอก็บอกว่าอ่อนแอ มีบางครั้งก็อ่อนแอช่วงปีที่แล้วเจอมรสุมอ่อนแอก็อ่อนแอพวกเราจะสังเกตได้
...
อีกครั้งน่ะครับ มัทธิวบทที่ 18 มี 35 ข้อ 35 ข้อพูดถึงเรื่องคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ในหนังสือมัทธิว มีหลายเรื่องที่พระเยซูสั่งมีบัญญัติใหม่ที่พระเยซูประกาศสั่งสอน แล้วก็นำมาเพื่อให้คริสเตียนดำเนินชีวิตเป็นคุณสมบัติเพื่อจะเข้าไปในอาณาจักรและเป็นใหญ่ แต่! คนที่จะเป็นใหญ่มากๆน่ะครับ คือคนนี้ (มธ 18:1-4) เป็นเหมือนเด็ก ทุกวันนี้หายากมาก แต่ขอบคุณพระเยซูก็มีเยอะ ขอบคุณพระเยซูที่พระเยซูเมตตาผมไม่ให้คิดถึงเรื่อง หยิ่ง ผยอง พองตัว ไม่คิดถึงเรื่องอำนาจ ไม่คิดถึงเรื่องอยากเป็นใหญ่เหนือพวกเรา ไม่คิดถึงเรื่องว่าอยากมีตำแหน่งสูง ขอบคุณพระเยซูที่ชำระผมในจุดนี้ คือการถ่อม