11:1 ท่านทั้งหลายก็จงปฏิบัติตามอย่างข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าปฏิบัติตามอย่างพระคริสต์
** นี่คือคำสรุปของเปาโลในบทที่สิบ
- ปฏิบัติตามอย่างข้าพเจ้า ... นี่คือข้อสรุปสิ่งที่เปาโลระมัดระวังทำและไม่ทำ เราผู้เชื่อจึงควรทำตามเพราะว่าท่านทำตามพระคริสต์
1. ไม่ขาดความรู้ที่เป็นพระคำแห่งความจริงเพื่อเดินในความสว่างได้ ไม่ใช่เชื้อ / ข้อที่ 1
2. เปาโลกินดื่มอาหารและน้ำฝ่ายวิญญาณ คือทั้งมีพระคริสต์ที่เป็นศิลาฝ่ายวิญญาณที่เป็นฐานของชีวิต / ข้อที่ 3
3. ท่านไม่โลภและไม่กราบไหว้พระอื่น ซึ่งเรียกว่าเล่นชู้กับพระเจ้า / ข้อที่ 6-12
4. ท่านอดทนต่อการทดลองเพราะท่านรู้ดีว่าไม่มีความทุกข์ยากอะไรที่ใหม่ / ข้อ 13
5. ท่านให้ความสำคัญของการเป็นหนึ่งเดียวกันของพระกาย และเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์ / ข้อ 16
ผู้ที่เป็นหนึ่งกับพระคริสต์ก็จะมีพระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเขาไม่มากก็น้อย
ผู้ที่เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระกายก็รักพี่น้อง มองบวก และยกโทษ ไม่ช่างจดจำความผิด
6. ถึงแม้ว่าเปาโลได้รับอิสระจากพระบัญญัติและกฎเกณฑ์มากมายแต่ท่านเลือกที่จะร่วมทำกับยิวและต่างชาติเพื่อชนะใจพวกเขา / ข้อ 23
7. ท่านไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวแต่เห็นแก่ส่วนรวมเรื่องการกินดื่ม / ข้อ 24
8. อาหาร เนื้อที่ขายตามตลาด ถ้าหากเราไม่รู้ก็ทานได้ ถ้าหากมีคนมาบอกว่าผ่านการกราบไหว้เราอย่าทานเพื่อเห็นแก่คนที่มาบอกและจิตสำนึกของเรา
11:2 พี่น้องทั้งหลาย บัดนี้ข้าพเจ้าขอชมท่านทั้งหลายเพราะท่านได้ระลึกถึงข้าพเจ้าทุกประการ และท่านได้รักษากฎที่ข้าพเจ้าได้มอบไว้กับท่าน
** กฎที่ข้าพเจ้าได้มอบไว้กับท่าน คือถ้อยคำในจดหมายฉบับที่หนึ่งถึงเมืองนี้ และคำสั่งสอน ทั้งจดหมายหลายฉบับที่แบ่งปันจนมาถึงผู้เชื่อเมืองนี้
11:3 แต่ข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกท่านทราบว่า ศีรษะของผู้ชายทุกคนคือพระคริสต์ และศีรษะของผู้หญิงคือผู้ชาย และพระเศียรของพระคริสต์คือพระเจ้า
** ศีรษะของผู้ชายทุกคนคือพระคริสต์ ในฐานะของพระกาย พระคริสต์ทรงเป็นขึ้นเพื่อเป็นประมุขของคริสตจักร เป็นสติปัญญาความคิดการตัดสินใจเพื่อการบริหารคริสตจักรให้ขับเคลื่อนไปตามน้ำพระทัยของพระบิดา พี่น้องชายจึงต้องเรียนรู้การให้พระคริสต์ทำหน้าที่ประมุขของพระองค์เพื่อแผนการของพระบิดาจะสำเร็จท่ามกลางพวกเราทั้งหลาย ส่วนพี่น้องหญิงควรนอบน้อมถ่อมตนและยอมฟังพี่น้องชายที่ให้พระคริสต์เป็นประมุขได้แล้ว
** พระเศียรของพระคริสต์คือพระเจ้า บทที่ 11:3 นี้ยังยืนยันอีกว่า จริงๆ แล้วพระเจ้าทั้งสามพระภาคเป็นผู้ดูแลบริหารคริสตจักรของพระองค์ในพระนามพระเยซู
11:4 ผู้ชายทุกคนที่กำลังอธิษฐานหรือพยากรณ์ โดยคลุมศีรษะของตนอยู่ ก็ทำความอัปยศแก่ศีรษะของตน
11:5 แต่ผู้หญิงทุกคนที่กำลังอธิษฐานหรือพยากรณ์ โดยไม่คลุมศีรษะของตน ก็ทำความอัปยศแก่ศีรษะของตน เพราะนั่นก็เหมือนกับว่านางถูกโกนผมเสียแล้ว
** เมื่อพี่น้องชายทำหน้าที่เป็นประมุขหรือเป็นศีรษะของพี่น้องหญิงและเป็นผู้สำแดงพระฉายาและสง่าราศีของพระเจ้า เขาจึงไม่ควรคลุมศีรษะ ซึ่งแตกต่างจากพี่น้องหญิงที่ต้องคลุม ยุคสมัยนี้ (ค.ศ. 2025) เราไม่จำเป็นต้องคลุมหรือไม่คลุมแต่เน้นที่การสำแดงพระฉายาพระสิริของพระเจ้า พี่น้องหญิงก็ถ่อมใจเป็นเหมือนคนที่ไร้ตัวตนไม่แสวงหาการเป็นใหญ่ เป็นผู้นำ หรือเกียรติชื่อเสียงใดๆ ทั้งสิ้น
11:6 เพราะว่าถ้าผู้หญิงไม่ได้คลุมศีรษะ จงให้นางตัดผมเสียด้วย แต่ถ้าเป็นสิ่งที่น่าอับอายที่จะให้ผู้หญิงถูกตัดผมหรือถูกโกนผมนั้น จงให้นางคลุมศีรษะเสีย
11:7 เพราะผู้ชายไม่ควรจะคลุมศีรษะของตนจริงๆ ด้วยเหตุที่ว่าผู้ชายเป็นพระฉายและสง่าราศีของพระเจ้า แต่ผู้หญิงนั้นเป็นสง่าราศีของผู้ชาย
** เมื่อพี่น้องหญิงให้เกียรติพี่น้องชายด้วยการเชื่อฟังและถ่อมใจก็เท่ากับเธอได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า
11:8 เพราะว่าผู้ชายไม่ได้มาจากผู้หญิง แต่ผู้หญิงมาจากผู้ชาย
11:9 และไม่ได้ทรงสร้างผู้ชายไว้เพื่อผู้หญิง แต่ได้ทรงสร้างผู้หญิงไว้เพื่อผู้ชาย
** ข้อนี้ ชี้ให้เห็นเป้าหมายการทรงสร้างของพระเจ้าคือให้ผู้หญิงเป็นเพื่อน ผู้ช่วย และรับแบกภาระช่วยผู้ชาย ด้วยความถ่อมใจ เนื่องจากว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ ขี้ใจอ่อน และเมื่อซาตานมาล่อลวงเธอก็หลงไป
11:10 ด้วยเหตุนี้เอง ผู้หญิงจึงควรมีสิทธิอำนาจอยู่บนศีรษะของนาง เพราะเหตุพวกทูตสวรรค์
11:11 แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งผู้ชายก็ต้องพึ่งพาผู้หญิง และผู้หญิงก็ต้องพึ่งพาผู้ชาย ในองค์พระผู้เป็นเจ้า
** ในฐานะพระกายหรือคริสตจักร พี่น้องทั้งชายหญิงก็ต้องพึ่งพากันและกันตามหน้าที่และของประทานของตน
11:12 เพราะว่าผู้หญิงนั้นเป็นมาจากผู้ชายฉันใด เช่นกันผู้ชายก็เกิดมาโดยผู้หญิงฉันนั้น แต่สิ่งสารพัดก็มาจากพระเจ้า
11:13 จงตัดสินในพวกท่านเองเถิดว่า เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือที่ผู้หญิงจะอธิษฐานต่อพระเจ้าโดยไม่คลุมศีรษะ
** เมื่อพี่น้องหญิงปรนิบัติรพระเจ้าและพี่น้อง พี่น้องหญิงจึงต้องใช้คำพูดที่แสดงความถ่อมใจและไม่ยกตนขึ้นหรือพยายามทำให้มองว่าเป็นนาย หัวหน้า อาจารย์ หรือผู้นำเป็นอันขาด
11:14 แม้แต่ธรรมชาติเองไม่ได้สอนพวกท่านหรือว่า ถ้าผู้ชายไว้ผมยาวก็เป็นที่น่าละอายแก่ตัว
** ผู้ชายชาวยิวทุกคนต้องตัดผมสั้น ขณะที่คริสเตียนมากมายทุกวันนี้เข้าใจผิดคิดว่าพระเยซูไว้ผมยาว
11:15 แต่ถ้าผู้หญิงไว้ผมยาวก็เป็นสง่าราศีแก่ตัว เพราะว่าได้ประทานผมของนางให้แก่นางสำหรับเป็นเครื่องปกคลุม
11:16 แต่ถ้าผู้ใดดูเหมือนจะชอบโต้แย้ง พวกเราก็ไม่มีธรรมเนียมอย่างนี้ และคริสตจักรทั้งหลายของพระเจ้าก็ไม่มีเหมือนกัน
** ผู้เชื่อทุกคนควรยอมรับคำสั่งสอนผ่านจดหมายฝากของเปาโลและไม่ควรนำมาโต้เถียงถกเถียงเนื่องจากว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนดลใจท่านให้เขียน
1. ข้อที่ 3-16 เปาโลต้องการย้ำว่า พี่น้องหญิงควรที่จะปรนนิบัติพระเจ้าและพี่น้องทุกคนด้วยถ่อมจิตถ่อมใจโดยเฉพาะพี่น้องชาย (ที่สำแดงพระฉายาและพระสิริของพระเจ้า)
2. คริสตจักรเที่ยงแท้ต้องมีพระคริสต์เป็นประมุขอย่างแท้จริงคือพระองค์เป็นคนคิด ตัดสินใจและเคลื่อนอยู่ภายในผู้เชื่อทุกคน
11:17 บัดนี้ในสิ่งนี้ที่ข้าพเจ้าประกาศแก่พวกท่าน ข้าพเจ้าไม่ชมพวกท่านเลย ที่พวกท่านมาประชุมกัน ไม่ใช่เพื่อให้ดีขึ้น แต่เพื่อให้แย่ลง
11:18 ด้วยว่าประการแรก เมื่อพวกท่านมาประชุมกันในคริสตจักรนั้น ข้าพเจ้าได้ยินว่ามีการแตกก๊กแตกเหล่าในท่ามกลางพวกท่าน และข้าพเจ้าเชื่อว่าคงเป็นอย่างนั้นอยู่บ้าง
11:19 เพราะว่าจะต้องมีการขัดแย้งกันบ้างในท่ามกลางพวกท่านด้วย เพื่อว่าคนทั้งหลายซึ่งเป็นที่เห็นชอบจะได้ปรากฏเด่นขึ้นท่ามกลางพวกท่าน
** คริสตจักรเมืองโครินธ์แตกแยกแบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม คือกลุ่มพระคริสต์, กลุ่มเคฟาส (เปโตร), กลุ่มอปอลโล, และกลุ่มเปาโล
11:20 เหตุฉะนั้นเมื่อพวกท่านมาประชุมพร้อมกันในที่แห่งเดียวนั้น ก็ไม่ได้เป็นเพื่อจะรับประทานพิธีระลึกถึงองค์พระผู้เป็นเจ้า
** การทำมหาสนิทไม่ใช่พิธี แต่คือการกระทำเพื่อทบทวนความจำหรือจดจำพระคริสต์ว่าพระองค์อยู่ในเราตลอดเวลา
** ภาษาไทยแปลว่า พิธีมหาสนิท แต่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า the Lord’ supper หรือ the Lord’s table โต๊ะของพระเจ้า คือพระเยซูสั่งให้สาวกและผู้เชื่อทำเพื่อเป็นการร่วมโต๊ะเพื่อรับประทานอาหารและดื่มเหล้าองุ่นเพื่อจดจำพระคริสต์อยู่เสมอว่าพระองค์อยู่ท่ามกลางพระกายในการประชุมและอยู่ภายในเราทุกวันและทุกเวลา
11:21 เพราะว่าในการรับประทานนั้น ทุกคนรับประทานอาหารของตนเองก่อนคนอื่น และคนหนึ่งยังหิวอยู่ และอีกคนหนึ่งก็เมามาย
** การทำมหาสนิทในสมัยสาวก พวกเขาจะนำอาหารมาเพื่อรับประทานร่วมกันและควรทานพร้อมกัน แต่ปัญหาก็คือพวกเขารับประทานตามใจและกินของใครของมัน บางคนก็ดื่มน้ำองุ่นมากเกินไปจนเกิดอาการเมา
11:22 อะไรกัน พวกท่านไม่มีบ้านที่จะกินและดื่มหรือ หรือพวกท่านเหยียดหยามคริสตจักรของพระเจ้า และทำให้คนทั้งหลายที่ไม่มีอาหารได้รับความอับอายหรือ ข้าพเจ้าจะว่าอะไรแก่พวกท่าน ข้าพเจ้าจะชมพวกท่านในสิ่งนี้หรือ ข้าพเจ้าไม่ชมพวกท่านเลย
11:23 เพราะว่าข้าพเจ้าได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้าสิ่งซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้กับพวกท่านแล้วนั้น ว่าพระเยซูเจ้าในคืนเดียวกับที่พระองค์ถูกทรยศนั้น ได้ทรงหยิบขนมปัง
11:24 และเมื่อพระองค์ทรงขอบพระคุณแล้ว พระองค์ทรงหักขนมปังนั้น และตรัสว่า “จงรับไปกินเถิด นี่เป็นร่างกายของเรา ซึ่งถูกหักออกเพื่อพวกท่าน จงกระทำสิ่งนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา”
11:25 เมื่อพระองค์ทรงรับประทานแล้ว พระองค์ทรงหยิบถ้วยด้วยอาการอย่างเดียวกันด้วย โดยตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา พวกท่านดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด พวกท่านก็กระทำสิ่งนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา”
** เมื่อพี่น้องพระกายมาพร้อมหน้าพร้อมตาหรือถึงเวลาอันควร ผู้ปกครองจะนำขนมปังและน้ำองุ่นไปแจกจ่ายแก่ทุกคนเพื่อรับประทานและดื่มทั้งตามด้วยคำว่า เอเมน (ไม่จำเป็นต้องพูดว่า นี่คือร่างกายและโลหิตของเรา เหมือนตอนที่พระเยซูทรงตรัสแก่สาวก แต่ทุกคนได้รับการเรียนรู้มาเป็นอย่างดี)
** คำว่า จงกระทำสิ่งนี้เพื่อระลึกถึงเรา ไม่ใช่การระลึกถึงพระเยซูที่เป็นเนื้อหนัง แต่ระลึกถึงพระคริสต์ที่ทรงเป็นอยู่ในเรา เพื่อเราจะไม่ลืมพระองค์ หรือเพื่อจดจำอยู่เสมอว่าพระองค์อยู่ภายในเรา เนื่องจากว่าเราผู้เชื่อมักจะลืมพระคริสต์ที่อยู่ในเราอยู่เป็นประจำ
11:26 เพราะว่าพวกท่านกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้บ่อยเท่าใด พวกท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
** บ่อยเท่าใด คือเราทำได้ทุกเวลาที่ร่วมประชุม (ถ้าหากสะดวกที่จะทำ)
** การทำมหาสนิท ไม่ใช่เพื่อจดจำการตายของพระเยซูที่กางเขนเพื่อไถ่บาปเรา แต่เพื่อประกาศการตายที่กางเขนของพระองค์เพื่อไถ่บาปเรา ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้คริสเตียนมากมายสับสนและไม่เข้าใจ
11:27 เหตุฉะนั้น ผู้ใดก็ตามที่จะกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สมควร จะมีความผิดต่อพระกายและพระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า
11:28 แต่จงให้คนหนึ่งคนใดสำรวจตนเอง และจงให้คนนั้นกินขนมปังนั้นและดื่มจากถ้วยนั้น
11:29 เพราะว่าคนที่กินและดื่มอย่างไม่สมควร ก็กินและดื่มเพื่อนำพระอาชญามาสู่ตนเอง โดยไม่ได้พินิจดูพระกายขององค์พระผู้เป็นเจ้า
** การร่วมทำมหาสนิทเพื่อกินและดื่ม เราต้องค้นดูภายในจิตว่าเรารู้สึกผิดอะไรหรือได้คิดพูดและกระทำผิดอะไรต่อพระเจ้า ถ้าหากมีเรารีบสารภาพและกินดื่มได้ เพื่อการตีสอนจะไม่มาถึงเรา
11:30 ด้วยเหตุนี้หลายคนในท่ามกลางพวกท่านจึงอ่อนกำลังและป่วยอยู่ และหลายคนล่วงหลับไปแล้ว
** อาการอ่อนกำลัง ป่วยและบางคนอาจถึงเสียชีวิตเนื่องจากไม่พิจารณาว่าตนได้กระทำผิดอะไรบ้างก่อนที่จะทำร่วมกับพี่น้อง
11:31 เพราะว่าถ้าพวกเราจะพิจารณาตัวเอง พวกเราจะไม่ถูกลงโทษ
11:32 แต่เมื่อพวกเราถูกลงโทษ พวกเราก็ถูกตีสอนจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพวกเราจะไม่ถูกพิพากษาด้วยกันกับโลก
** การตีสอน ในที่นี้ คือาการตีสอนในชีวิตนี้ เพื่อเราจะไม่ต้องถูกลงโทษที่บึงไฟ
11:33 เหตุฉะนั้น พี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อพวกท่านมาร่วมประชุมเพื่อรับประทาน จงคอยซึ่งกันและกัน
11:34 และถ้าผู้ใดหิว ก็จงให้เขากินที่บ้าน เพื่อพวกท่านจะไม่ร่วมประชุมกันจนมาสู่การพิพากษา และเรื่องอื่นๆ นั้น ข้าพเจ้าจะจัดการเมื่อข้าพเจ้ามา
1. มหาสนิทไม่ใช่พิธี แต่คือการร่วมดื่มกินเพื่อจดจำว่าพระคริสต์อยู่ในเราและอยู่ท่ามกลางพระกายทุกครั้งที่เราร่วมสามัคคีธรรม
- ปัญหาคือ คริสตจักรส่วนมากไม่เห็นพระเยซูท่ามกลางพวกเขา ความคิดจะอยู่ที่เพลงนมัสการ คำเทศนา มองลบ
2. การทำมหาสนิทไม่ใช่เพื่อจดจำหรือคิดถึงการตายของพระเยซูเพื่อไถ่บาปเราที่กางเขน แต่เพื่อการประกาศการตายเพื่อไถ่บาปเรา
- เนื่องจากว่าคริสตจักรศาสนามีความคิดที่เป็นรูปแนวศาสนาที่ไม่รู้ว่าเข้ามาด้วยคนใหม่และพระคริสต์ในเรา เขาจึงคิดถึงพระเยซูเป็นบางเวลา
- หลายคริสตจักรต้องอันเชิญพระเยซูและพระวิญญาณเสด็จมา แต่ มธ 18:20 กล่าวว่า ด้วยว่าสองคนหรือสามคนประชุมกันที่ไหนๆ ในนามของเรา เราก็อยู่ท่ามกลางพวกเขาที่นั่น”
- สรุปคือ การทำมหาสนิทเพื่อเป้าหมายสองประการ 1. เพื่อจดจำ+นับอยู่เสมอว่าพระคริสต์อยู่ในเรา และ 2. เพื่อประกาศข่าวประเสริฐเรื่องการตายบนกางเขนเพื่อไถ่บาปทุกคนจนถึงวันที่พระองค์เสด็จกลับมา (1 คร 11 ข้อ 26)
3. การร่วมพระกาย ถ้าหากไม่เป็นหนึ่งเดียวกันกับพี่น้อง ยังแตกแยกรักคนโน้นไม่รักคนนี้ เราจะทำอะไรก็ผิดไปหมดสำหรับพระเจ้า
- เรามาร่วมกับพี่น้องก็ดี เรารักพระเจ้าก็ดี แต่จะให้ดีกว่าคือการนำคนใหม่เข้ามา คนใหม่ที่มีความรักต่อพี่น้อง ไม่แตกแยกแบ่งแยกแต่เป็นหนึ่งเดียวกันกับทุกคน
4. เมื่อพวกเขาตั้งชื่อกลุ่ม สาวกและพระคริสต์ไม่มีส่วนรู้เห็นกับพวกเขาเลย
5. การทำมหาสนิท เราควรนำอาหารเพื่อมาร่วมรับประทานกับพี่น้องพระกาย เรารอเพื่อกินพร้อมๆ กัน ถ้าหิวก็กินที่บ้านก่อน
6. เราต้องพิจารณาว่าเราได้ทำผิดอะไรบ้างต่อพระเจ้า จากนั้นก็สารภาพและกินดื่มได้ ถ้าไม่อย่างนั้นจะถูกตีสอน
7. การลงโทษผู้เชื่อในบึงไฟไม่มี แต่จะมีก็ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้
- การเข้ามีส่วนร่วมกับพี่น้องในมหาสนิท เราต้องมีหัวใจที่เป็นหนึ่งเดียวกันกับทุกคนในพระกาย เรารักทุกคน เราช่วยล้างเท้ากันและกัน เรื่อง จดจำว่าพระคริสต์อยู่ในเราทุกเวลา ถ้าทำไม่ได้ก็สารภาพและขอการชำระเพื่อการเติบโต
* การพูด/อธิษฐาน และพี่น้องเอเมน ให้มีจังหวะ ประโยค เพื่อให้พี่น้องได้ร่วมเอเมนด้วย อย่าพูดยาวเกินไป
* คริสตจักรมากมายสะสมโทษ เนื่องจากว่าทำไม่ถูกและอย่างไม่สมควร
* ประเด็นเรื่อง การล้างเท้า "เพื่อจะมีส่วนในพระคริสต์" เราดูหนังฟังเพลงซีรี่ ต้องกลับมา พี่น้องจึงมีบทบาทที่สำคัญมากเพื่อติดต่อหาและเตือนใจกันและกัน
* การล้างเท้าเพื่อเข้ามีส่วนในพระคริสต์เยซู ส่วนการทำมหาสนิทเพื่อ 1. จดจำว่าพระคริสต์อยู่ในเรา 2. ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องการตายของพระเยซูเพื่อไถ่บาปของทุกคน
* การงานของซาตานคือเมื่อเราออกจากพระคำพระเจ้าไปในวันนี้ มันจะนำเรื่องราวมากมายที่อยู่ล้อมรอบเรา ในมือถือของเรา เพื่อชักกนำเราออกจากการจดจำว่า พระคริสต์อยู่ในเราและลืมเรื่องประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซู (แต่พระวิญญาณต้องการช่วยเราโดยให้พี่น้องสามัคคีธรรมและพูดถึงเพื่อล้างเท้ากันและกัน)
อ่านสรุปเพิ่มเติม: การทำมหาสนิท ก็คือเพื่อให้จดจำว่าพระเยซูอยู่ในเราอยู่กับเราตลอดเวลา