15:21 แล้วพระเยซูเสด็จไปจากที่นั่นเข้าไปในเขตแดนเมืองไทระ และเมืองไซดอน
15:22 ดูเถิด มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งมาจากเขตแดนนั้นร้องทูลพระองค์ว่า "โอ พระองค์ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงโปรดเมตตาข้าพระองค์เถิด ลูกสาวของข้าพระองค์มีผีสิงอยู่เป็นทุกข์ลำบากยิ่งนัก"
15:23 ฝ่ายพระองค์ไม่ทรงตอบเขาสักคำเดียว และพวกสาวกของพระองค์มาอ้อนวอนพระองค์ ทูลว่า "ไล่เธอไปเสียเถิด เพราะเธอร้องตามเรามา"
15:24 พระองค์ตรัสตอบว่า "เรามิได้รับใช้มาหาผู้ใด เว้นแต่แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล"
15:25 ฝ่ายหญิงนั้นก็มานมัสการพระองค์ทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์เถิด"
15:26 พระองค์จึงตรัสตอบว่า "ซึ่งจะเอาอาหารของลูกโยนให้แก่สุนัขก็ไม่ควร"
15:27 ผู้หญิงนั้นทูลว่า "จริงพระองค์เจ้าข้า แต่สุนัขนั้นย่อมกินเดนที่ตกจากโต๊ะนายของมัน"
15:28 แล้วพระเยซูตรัสตอบเขาว่า "โอ หญิงเอ๋ย ความเชื่อของเจ้าก็มาก ให้เป็นไปตามความปรารถนาของเจ้าเถิด" และลูกสาวของเขาก็หายเป็นปกติตั้งแต่ขณะนั้น
ถาม.
เรารู้สึกว่าตัวเองเชื่อใหม่หรือว่าความเชื่อยังไม่เข้มแข็ง หรือว่าบางครั้งการรับใช้ไม่ได้รับใช้เยอะ แต่ว่าบางครั้งอยากอธิษฐานเผื่อความจำเป็นอะไรต่างๆ บางคนก็คิดว่าต้องเอาคนที่มีความเชื่อเข้มแข็งอธิษฐานเผื่อ แบบนี้เราอธิษฐานเองได้ไหม พระเจ้าจะตอบเราไหม หรือว่าจะต้องตื้อเหมือนกับผู้หญิงคนนี้
ตอบ.
ถามว่า..
• ทำไมคริสเตียนหลายคนมาเชื่อใหม่ๆ แล้วไปวางมือให้คนไม่หาย เหตุผลมี 2 เหตุผลด้วยกัน
1. เขาไม่มีของประทาน เขาไม่มีของประทานในการอธิษฐานเผื่อรักษาโรค
2. ก็คือความเชื่อของเขายังไม่ถึง ความเชื่อของเขาห่างไกลมาก มาตรฐานของพระเจ้า ก็คือ เชื่อ เชื่อให้ได้มาตรฐาน แล้ววางมือคนจะหายดี
ปรากฏว่าผู้หญิงคนนี้หรือผู้ชายคนนี้ที่มาเชื่อใหม่ ไปวางมือให้คนอื่นไม่หาย ไปทำอะไรก็ไม่หาย ก็คือเขาไม่มีของประทานและความเชื่อไม่ถึง
• คนที่อธิษฐานและวางมือให้คนหายได้
1. เพราะว่าความเชื่อของเขาถึง เขามั่นใจ เขาวางใจ เขาเชื่อใจในพระเจ้า
2. เขามีของประทาน พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานผ่านเขา แล้ววางมือเขาก็หายได้
แต่อย่าลืมน่ะมีหลายคนที่เชื่อใหม่ๆ ไปวางมือให้คน ไปอธิษฐานให้คน ก็หาย ก็มี เพราะว่าคนๆ นั้นเขาเชื่อ คือเขาเชื่อตายใจ เห็นไหมคริสเตียนบางคนเชื่อใหม่ๆ แต่เชื่อตายใจ
เหมือนกับพี่น้องคนหนึ่งที่มานมัสการกับพวกเรา พี่น้องคนนี้เขาเชื่อตายใจ เขาเชื่ออย่างตายใจ เขาเชื่อมากๆ พอนั่งรถมากับผมจากทุ่งนามีมาที่เวียงจันทน์ เขาก็เชื่อ เชื่อ นั่งใกล้อาจารย์จะหายดี ขอนั่งใกล้ขอนั่งติดอาจารย์ แต่ผมนะครับก็โอเคไม่เป็นไร (เพราะว่าเขาเป็นตุ่มเป็นตุ่มเต็มตัว) มานั่งใกล้เรา ผมก็คิดว่าเอ๊ะมัน จะไม่เป็นการประมาทหรอ ไม่ใช่ว่าเป็นอาจารย์แล้ว แล้วจะนั่งใกล้กับคนที่เป็นโรคผิวหนัง ใครเป็นอะไรก็จะไปนั่งกับเขาคิดว่าพระเจ้าดูแล อันนี้ไม่ให้ประมาท
ใช่ว่าเราเป็นผู้นำแล้ว แล้วเราจะไปนั่งใกล้คนที่เป็นโรคติดต่อเป็นโรคอะไร ไม่เป็นไรหรอกพระเจ้าดูแล อันนี้เรียกว่าการประมาท เพราะฉะนั้นตอนนั้นผมก็คิดว่าไม่ประมาท ผมก็นั่งแล้วพี่น้องคนนี้ก็ขอนั่งด้วยขอนั่งติดด้วยน่ะ แล้วเขาพูดตามทางนะครับเขาพูดว่า อยู่ใกล้อาจารย์นี่หายแน่ สุดท้ายมาถึงเวียงจันทน์ แล้วไม่นาน เขาก็หาย โรคตุ่มเต็มตัวก็หายดี แต่ว่าสำหรับผม ผมก็เชื่อแบบรวมๆ ว่าพี่น้องหลายคนอธิษฐานเผื่อ พี่น้องคนนี้จึงหายดี พี่น้องหลายคนอธิษฐานเผื่อ ยังไงก็ตามก็ขอบคุณพระเจ้า
• คนที่เชื่อใหม่มีจุดอ่อน 2 สิ่ง
1. เขาไม่มีของประทาน
2. ความเชื่อของเขาไม่ถึง เขาวางมือให้ใครเขาอธิษฐานให้ใครคนนั้นก็ไม่หาย
แต่ก็มีคนเชื่อใหม่ๆ หลายคนอธิษฐานวางมือให้คนก็หาย ก็มี ตอนผมเชื่อใหม่ๆ นะครับ ผมวางมือให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่เมืองไทย ผู้หญิงคนนี้น้ำตาไหลไม่หยุด เวลานั่งเวลากินข้าวเวลาไปไหนน้ำตาไม่ไหลไม่เป็นไร พอตกกลางคืนนอนลงปุ๊บน้ำตาจะไหลเลย ไม่ได้โศกเศร้าไม่ได้เสียใจไม่ได้ร้องไห้แต่น้ำตามันไหลเอง โรคนี้เขาเรียกโรคอะไรภาษาบ้านเรา ก็คือนอนกลางคืนแล้วน้ำตามันไหลออกไหลไม่หยุด มีนะครับ
ผมก็เคยเป็นแต่ว่าเป็นไม่นาน คือแบบว่าเรานอนลงปุ๊บบางครั้งก็มีน้ำตาไหลออกมา แต่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นจนน้ำตามันไหลออกมาเลยไหลจนหมอนเปียก แล้วก็เป็นโรคหัวใจสั่น ผมนะครับเพิ่งเชื่อใหม่ๆ เพิ่งเชื่อได้ไม่นานเองประมาณสักเดือนนึง แล้วผมตื่นเต้นดีใจที่ได้เชื่อพระเยซู แล้วเห็นคนหายโรคอยู่ที่คริสตจักร ผมก็ไปอธิษฐานให้ผู้หญิงคนนี้ อธิษฐานปุ๊บ พรุ่งนี้เขาบอกว่า (ลูก แม่หายดีแล้วน่ะ น้ำตาไม่ไหลอีกแล้ว แล้วโรคหัวใจโรคหัวใจสั่นมันก็ไม่เป็นอีก ตื่นนอนหายใจสะดวกโล่งมันไม่สั่นมันไม่เหมือนเมื่อก่อน)
คนเป็นโรคหัวใจสั่นนะครับ หัวใจมันจะแบบวูบวาบ ไม่ปกติ มันหยุด มันเต้น แล้วเป็นคือแบบว่ามันจะหยุดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นเขาหายดี ผมเพิ่งเชื่อ เพราะว่าผมเชื่อตายใจ ผมรักพระเยซูมากตอนนั้น ผมแบบคืออะไรผมก็ยอมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อพระเจ้าตอนนั้น เพราะว่าเห็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า
ถาม.
สำหรับการอธิษฐานเผื่อ รักษาโรคอะไร ประมาณ 2 เดือนได้ก็ยังไม่หาย 3 เดือนก็ยังไม่หาย เกิดมาจากสาเหตุอะไรครับ หรือว่าเกิดมาจากพระเจ้าอยากให้เป็นไหม หรือว่าเกิดมาจากหนึ่งความเชื่อเราไม่เข้มแข็ง หรือว่าเกิดมาจากสาเหตุอันไหนแน่ที่ยังไม่หายครับ
ตอบ.
โดยปกตินะครับ สำหรับพระเจ้า พระเจ้าต้องการรักษาทุกคน และทุกคนมีสิทธิ์หายดี เอเมนไหม ในพระคัมภีร์มัทธิวบทที่ 8:17 ทั้งนี้เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะโดยอิสยาห์ศาสดาพยากรณ์ที่ว่า `ท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลาย และหอบโรคของเราไป`
บอกว่าพระเยซูได้รับแบกความเจ็บไข้ของทุกคนไปที่กางเขน วันที่พระเยซูตายบนไม้กางเขนสองพันปีก่อน วันที่พระเยซูตาย พระเยซูได้รวบรวมเก็บเอาแบกเอาความเจ็บไข้โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ของมนุษย์ทุกคนมาไว้ที่พระองค์ พระองค์ป่วยหนักมากตอนนั้น พระองค์ป่วยทุกโรคเลย เป็นทุกโรค แล้วพระเยซูก็ตายที่กางเขนวันนั้น เพื่อพวกเราจะหายดีในวันนี้ มัทธิวบทที่ 8 บอกไว้
เพราะฉะนั้นทุกคนมีสิทธิ์หาย ทุกคนมีสิทธิ์หาย แต่ถ้าใครที่อธิษฐานวางมือแล้วไม่หาย ไปหาคนที่มีของประทานมาวางมือ หรือเอาพี่น้องคริสตจักรหลายๆ คนมาอธิษฐานด้วย เป็นพลังนะครับให้มีพลังของการอธิษฐาน แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทำงานผ่านพลังผ่านกลุ่มนั้น หรือถ้าไม่หายก็อดอาหาร ถ้าเรารักเขามากเราเห็นใจเขาอดอาหารเผื่อเขา
ทีนี้ถ้าอธิษฐานยังไงก็ไม่หาย แสดงว่าพระเจ้าต้องการลงโทษคนนั้น บางคนนะครับมีโรคประจำตัวแล้วอยากหายก็ไม่เคยหายเลย สรุปนะครับก็คืออธิษฐานก็แล้ว อดอาหารก็แล้ว มีผู้มีของประทานมาวางมือให้ก็แล้ว ก็ไม่หาย แสดงว่าคนนั้นพระเจ้ากำลังลงโทษเขา อย่าลืมนะครับการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นโทษอย่างหนึ่งที่พระเจ้าเอาให้มนุษย์บางคน พระเจ้าให้เจ็บให้ป่วยเพราะว่าเราทำผิดบางอย่าง เราทำบาปบางอย่าง คือให้เขาสารภาพ ให้เขาสารภาพให้เขากลับใจ แล้วให้เขาอ้อนวอนขอพระเยซูให้เมตตาให้รักษาเขา
จำได้ไหมเปาโลเขาเป็นโรคบางอย่าง แล้วขอพระเจ้าให้รักษา พระเยซูบอกว่ายังไง เราให้พระคุณแก่เจ้าก็มากพอแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอ รักษาโรคไม่ต้องเอา เห็นไหมล่ะ
“2 โครินธ์ 12:7 และเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ายกตัวจนเกินไป เนื่องจากที่ได้เห็นการสำแดงมากมายนั้น ก็ทรงให้มีหนามในเนื้อของข้าพเจ้า หนามนั้นเป็นทูตของซาตานคอยทุบตีข้าพเจ้า เพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ายกตัวเกินไป
12:8 เรื่องหนามนั้น ข้าพเจ้าวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า
12:9 แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “พระคุณของเราก็มีพอสำหรับเจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน เดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น” เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงยินดีโอ้อวดในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า”
คือเปาโลเขาทำผิดเขาสารภาพ เปาโลนะครับเขาใช้ชีวิตที่เชื่อฟังพระเจ้ามาตลอด แล้วอยู่ดีๆ เขาเป็นโรคมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติกับร่างกายเขา เขาขอพระเจ้ารักษา แล้วพระเยซูก็บอกว่า “พระคุณพอแล้ว เอาพระคุณไปก็พอแล้ว ไม่ต้องเอาเรื่องรักษาโรค”
พระเจ้ามีเหตุผลนะครับที่ให้บางคนเจ็บป่วย แล้วรักษาก็ไม่หาย แต่ปกติน่ะ ปกติธรรมดาแล้วทุกคนต้องหาย ทุกคน ถ้าเราเป็นโรคอะไรมีอะไรที่เราเป็นอยู่ อธิษฐานขอ ถ้าอธิษฐานขอยังไม่ได้ ให้พี่น้องคริสตจักรมาวางมืออธิษฐานให้ เรามีสิทธิ์หายได้ทุกคน เพราะว่าพระเจ้าสัญญาว่าทุกคนจะหาย จะหายดี แต่ว่าบางคนพระเจ้าไม่รักษาพระเจ้ามีเหตุผล
ถาม.
กรณีที่ถ้าพระเจ้ามีเหตุผลให้คนนั้นไม่หาย สิ่งเดียว ก็คือ ปล่อยวางไหมอาจารย์
ตอบ.
ปล่อยวาง หรือตื้อ ตื้อเอา ดื้อขอ ถ้าตื้อขอ ดื้อขอแล้วพระเจ้ามีโอกาสจะช่วย พระเยซูก็ยังพูด “มัทธิว 7:9-10 ในพวกท่านมีใครบ้างที่จะเอาก้อนหินให้บุตร เมื่อเขาขอขนมปัง หรือให้งูเมื่อบุตรขอปลา” ไม่มีใครใจดำ แสดงว่าพระเจ้าไม่ได้ใจดำ พระเยซูสอนอะไรเราสามารถรู้ใจพระเจ้า เราสามารถรู้ใจของพระเยซูได้ว่าพระเยซูมีใจแบบไหน พระองค์สอนแบบไหนเราสังเกตคำพูดของพระองค์ แสดงว่าพระเจ้าของเราไม่ใจดำพระองค์ใจขาว
ถาม.
ถ้าเป็นแบบอาจารย์พูดนี้หมายความว่า กรณีนี้ก็เป็นการทดลองของพระเจ้า พระองค์จะดูเรา ว่าจะดื้อหรือว่ายอมจำนนหรือว่าพอแล้ว
ตอบ.
บางคนเป็นโรค บางคนไม่สบาย แล้วขอการรักษาจากพระเจ้า พระเจ้าไม่รักษา บางคนพระเจ้าตีสอนพระเจ้าลงโทษ ปล่อยให้เขาเจ็บป่วยอยู่ต่อไป
แต่บางคนไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ได้ทำบาปอะไร นั่นก็คือการทดลอง
ถ้าเรารู้สึกนะครับว่าเราไม่ได้ทำผิด แล้วทำไมเราเจ็บป่วย ก็คือพระเจ้าทดลองเรา พระเจ้าทดลองให้เราเกิดเจ็บป่วยเป็นบางครั้ง เพื่ออยากดูว่าเราจะด่าพระเจ้าไหม เราจะหนีจากพระเจ้าไหม เพราะว่าหลายคนเมื่อเจ็บป่วยไข้ ขอพระเจ้ารักษาไม่หายสุดท้ายก็ไม่มาคริสตจักรสุดท้ายก็ไม่เอาพระเจ้า
แต่พระเจ้าทดลอง ทดลองความเชื่อ ยกตัวอย่างคุณน้อย คุณน้อยอยู่ดีๆ ไม่ได้เป็นอะไรสุขภาพดี แต่จู่ๆ มีอะไรผิดปกติในร่างกายเขา แล้วเขาขอการรักษาก็ไม่หาย แล้วเขาสารภาพบาป สารภาพไปแล้ว ขอการรักษาพระเจ้าก็ไม่รักษาอีก แสดงว่าพระเจ้ากำลังทดลอง ทดลองความเชื่อ แล้วสุดท้ายคุณน้อยก็บอกว่า “ไม่เป็นไร” ไม่ด่าไม่สาปแช่งไม่พูดหยาบคายกับพระเจ้า ไม่หนี ยังไงก็รักพระเยซูเหมือนเดิม เจ็บป่วยไม่เป็นไร รักพระเยซูเหมือนเดิม สุดท้ายพระเยซูก็รักษาเขา
โยบไม่ได้ทำผิดอะไร อยู่ดีๆ ก็ล่มจม และสุดท้ายพระเจ้าก็อวยพรให้มีมั่งคั่งมากหลายเท่า
ถาม.
ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาการเจ็บป่วย หรือว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพื่อว่าพระเจ้าจะสำแดงและให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จในคนนั้นไหม
ตอบ.
อีกกรณีหนึ่งมีบางคนเจ็บป่วยไข้ พระเจ้าไม่ได้ทดลอง แล้วก็เขาก็ไม่ได้ทำบาปอะไร แต่เพื่อให้พระเจ้าได้รับเกียรติ ความหมายก็คือว่า
สมมุติ.. ว่าคุณนิ่ม ไม่ทำบาป เชื่อฟังพระเจ้า รักษาชีวิตไม่ทำบาป ไม่โกหก ไม่มีกิเลสตัณหาโลภโกรธหลง ใช้ชีวิตแบบคริสเตียนที่น่ารักมาก ทีนี้พระเจ้าไม่ได้ทดลองคุณนิ่ม ไม่ได้ทดลองไม่ได้ทดสอบ แล้วพระเจ้าก็ไม่ได้ลงโทษคุณนิ่ม แต่อยู่ๆ คุณนิ่มมีปัญหาเรื่องสุขภาพป่วยไม่สบาย แล้วก็คร่ำครวญมาตลอด เจ็บป่วยมาตลอดหลายปี
แล้วอยู่มาวันหนึ่ง แล้วพวกเราก็มาที่บ้านหลังนี้แล้วพวกเราก็นมัสการร้องเพลงกัน ฟังพระคำพระเจ้ากัน แล้วอยู่ดีๆ คุณนิ่มก็บอกพี่น้องทุกคน (ฉันมีปัญหาเรื่องสุขภาพอธิษฐานเผื่อฉันด้วย ไอไอมากเลย น่าจะเกี่ยวกับปอด พี่น้องอธิษฐานเผื่อด้วย) แล้วทีนี้มีบางคนที่ไม่เชื่อมานั่งฟังด้วยมาร่วมด้วย
แล้วปรากฏว่าพวกเราก็ลุกขึ้นมาแล้ววางมือให้คุณนิ่มอธิษฐานให้คุณนิ่ม ปรากฏว่าคุณนิ่มเขาหายดีทันที ลองไอดูก็ไม่ไออีก มันไม่หนักอกอีก อาการปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง แล้วคุณนิ่มเขาก็ลุกขึ้นบอกว่า (พี่น้องฉันดีใจมาก ทำไมมันหายแล้วไม่ไอแล้ว ขอบคุณพี่น้องทุกคนและขอบคุณพระเยซู) แล้วมีบางคนที่ฟังอยู่นะครับที่เขามาร่วมเขาไม่รู้เรื่องอะไร แล้วเขาเห็นการอัศจรรย์เกิดขึ้น เขาก็อยากเชื่อ อยากลอง อยากร่วม อยากเป็นคริสเตียน เชื่อพระเยซูแล้วได้ดีแบบนี้พระเจ้ารักษาแบบนี้
บางคนนะครับพระเจ้าไม่ได้ทดลอง พระเจ้าไม่ได้ลงโทษ แต่อยู่ดีๆ ก็ป่วย ก็คือเพื่อให้ถึงเวลาและพระเจ้าได้รับเกียรติ มีสามกรณี.
1. พระเจ้าตีสอน
2. พระเจ้าทดลอง
3. พระเจ้าไม่ได้ทดลอง พระเจ้าไม่ได้ตีสอน แต่ว่าเพื่อถึงเวลาพระเจ้ารักษาต่อหน้าบางคน แล้วให้หลายคนมาเชื่อ เพื่อพระเจ้าได้รับเกียรติ
ถาม.
คือสมมุติตัวอย่าง ปกติผมเป็นคนที่แบบไม่มีเงินหรือว่ามีอะไรต่างๆ แล้วชีวิตก็คืออาจจะเป็นมะเร็งอะไรแบบนี้ แล้วการไปโรงพยาบาลก็เป็นการใช้จ่ายสูง ฉะนั้นแล้วถ้าสมมุติว่า ผมถ้าวันไหนที่ผมเป็นและผมบอกว่าโอเค ชีวิตของผมตายไปก็ไม่เป็นไร ความคิดแบบนี้อาจารย์คิดยังไง
ตอบ.
ความคิดแบบนี้เป็นความคิดของคริสเตียนที่เติบโตแล้ว เป็นคริสเตียนที่ทำใจปล่อยปลงวางได้แล้ว แต่ก็ไม่เป็นอะไร โอเค ยังไงก็เอเมน
แต่คริสเตียนที่ยังไม่เติบโตจะกลัว ทำยังไงจะรอดร้องไห้เรียกหาพระเยซูขอ กลัวตาย
โดยปกติถ้าเรามาถึงจุดที่ว่ายังไงก็ได้ อยู่ก็ได้ ตายก็ได้ ไม่เป็นไร มีพระเจ้าแล้วมีความหวังแล้ว
สำหรับพวกเราที่เป็นคริสเตียนพวกเราที่มีพระเจ้า เรื่องการเงินพวกคุณอย่าห่วง สิ่งที่พวกคุณควรห่วงก็คือเรื่องการเข้ามาใกล้พระเยซู ถ้าใครอยู่ใกล้พระเยซูสุขภาพดี ใครอยู่ใกล้พระเยซูจิตใจดี ใครอยู่ใกล้พระเยซูมีความสุข อยู่ใกล้พระเยซูราบรื่นดี พระเจ้าจัดเตรียมชีวิตของเราขอให้เราอยู่ใกล้พระเยซู อยู่ใกล้พระเยซูแล้วทุกอย่างจะดี สุขภาพจะดี
ผมเคยเป็นมะเร็ง ก้อนเท่าประมานเหรียญห้าบาท อยู่ในปอด เป็นห่วงมากกังวลมากกลัวมากตอนนั้นอายุสามสิบกว่ายังไม่อยากตาย อยากเห็นโลกต่อไปอยากเห็นชีวิตไม่อยากตาย แล้วขอพระเจ้ารักษาด้วย ถ้ารักษาเนี่ยให้ไปสอนที่ลาวก็ไป สุดท้ายพระเยซูก็รักษา ไปเอ็กซเรย์ดูนะครับ (หมอบอกว่ามันแปลกจังไอ้ก้อนเท่านี้มันไปไหน ไม่เห็นอีกแล้วในปอด) เอกซเรย์ 2 ครั้งก็ไม่เห็น (คุณหายแล้วอัศจรรย์มากคุณหายแล้ว เนี่ยพระเจ้าช่วยคุณน่ะ)
ที่อเมริกาถ้าใครหายดีแบบนี้ ไม่ได้รักษา คือเขาเชื่อเลยว่าเป็นพระเจ้าช่วย หมอทุกคนจะพูดแบบนี้ พระเจ้าช่วยคุณ กลับบ้านเลยพระเจ้าช่วยคุณแล้ว เขาบอกแบบนี้ หมอก็ยังเชื่อพระเจ้าเชื่อพระเยซูน่ะ แต่ถ้าใครพระเจ้าไม่รักษาเขาก็รักษาหรือไม่งั้นก็ตาย
ผมรอดตายเพราะว่าเป็นโรคมะเร็งนะครับ รอดตายได้ตอนนั้นผมกลัว แต่ถามว่าตอนนี้กลัวไหม ตอนนี้ถึงจุดแล้ว ไม่กลัวแล้ว ตายก็ได้ อยู่ก็ได้
ถาม.
ต่อจากคำถามเมื่อกี้ ถ้าสมมุติว่าเราตัดสินใจว่า ไม่เป็นไร ตายก็ไม่เป็นไร ในกรณีนี้เปอร์เซ็นต์ที่พระเจ้าจะให้ตายเลยหรือว่าให้อยู่
ตอบ.
โดยปกติถ้าเรามีความเชื่อขนาดนี้แล้ว พระเจ้าให้อยู่ พระเจ้าจะให้อยู่เป็นส่วนมาก ถ้าเราความเชื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว เราเรียนรู้มามากแล้ว พระเจ้าไม่ทิ้งไปแบบง่ายๆ คือเสียดาย เสียดายของ เราเรียนรู้เราเติบโตเรามีชีวิตคริสเตียนที่มาถึงขนาดจุดนี้แล้ว พระเจ้าจะต้องใช้งานเราแน่ ใช่ไหมล่ะ
ถ้าคริสเตียนคนไหนที่แบบว่าทำใจได้แล้วเป็นหนุ่มแล้วเป็นหนุ่มในความเชื่อ เติบโตในความเชื่อแล้ว พระเจ้าได้ฝึกฝนเขา พระเจ้าได้ถอดถอนชีวิตของเขา พระเจ้าได้ฝึกเขามา ชีวิตมาได้ขนาดนี้ แล้วอยู่เฉยๆ จะให้เป็นมะเร็งแล้วตายไป ตายซะ อาจารย์ว่าพระเจ้าไม่ฉลาด แต่ขอบคุณพระเจ้าพระเจ้าของเราฉลาด
ถ้าคริสเตียนคนไหนที่มีความรู้มาขนาดนี้เชื่อมาได้ขนาดนี้ต้องเป็นประโยชน์สำหรับพระองค์ พระองค์ต้องใช้งานไม่ให้ตาย
คำฮุงน้องชายของอาจารย์ กินเบียร์แล้วก็ไม่กินข้าวไม่ยอมกินข้าวเป็นอย่างนี้มาหลายปี สุดท้ายมาภรรยาบอกว่าจะเลิกยังไงก็จะเลิก อ้ายยังไงน้องก็จะเลิกแล้ว โทรมาหาอาจารย์คุยกัน วันนี้เป็นวันที่ขาดกันวันนี้ยังไงก็ไม่เอาเด็ดขาดยังไงก็จะไม่เอาเด็ดขาดผู้ชายคนนี้น้องไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว
ข้าวไม่กินกินแต่เบียร์ เหล้าก็กินเบียร์ก็กิน ใช้ชีวิตที่แบบที่ภรรยาไม่มีอะไรที่พอประทับใจได้ ไม่เป็นประโยชน์สำหรับภรรยาแล้ว ภรรยาก็เลยบอกว่ายังไงก็ไม่เอาแล้ว ส่งคืนเอาไปซะไม่เอาแล้ว
อาจารย์ก็เลยขอเขา อ้ายขอเวลา 3 เดือน ขอเวลา 3 เดือน วันจันทร์ไป วันพุธไป วันศุกร์ไป / วันจันทร์ไป วันพุธไป วันศุกร์ไป/ ไปไม่ทำอะไรน่ะ ไปมีแต่อธิษฐานให้เฉยๆ ไปนั่งชวนอธิษฐาน 5 นาที ไปครั้งนึง 5 นาที
สุดท้ายมา 3 เดือนผ่านไปเดือนที่ 4 เดือนที่ 5 เริ่มเห็นผล แล้วก็ขอบคุณพระเจ้ายังไม่พออีกน่ะ ภรรยาคำฮุง ก็ได้มาเชื่อพระเยซูด้วย ลูกชายน่ารักก็เชื่อพระเยซูด้วย สุดท้ายมาครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่อบอุ่นน่ารัก
ถาม.
อาจารย์เราพูดได้ไหมว่าผู้ที่พระเจ้าเอาไป คือพระเจ้าไม่ใช้แล้ว
ตอบ.
ผู้ที่พระเจ้าออกไปส่วนมากนะครับโดยส่วนมากพระเจ้าจะไม่อยากใช้แล้วเพราะว่ามันใช้ไม่ได้ อยู่ไหนก็ได้แต่ว่าใช้อยู่ในโลกนี้ไม่ได้แล้ว คือใช้ชีวิตบาปประจำวัน ใช้ชีวิตที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพระเจ้า ใช้ชีวิตที่ไม่อยากรับใช้พระเจ้า แบบว่าไม่ได้ทำการงานของพระเจ้าให้เกิดผล
การนมัสการ ร้องเพลงก็ยังดี หรือว่ามีส่วนในการอธิษฐานก็ยังดี หรือว่ามีส่วนเป็นปุโรหิตทำหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ แสดงว่าพระเจ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์อยู่
แต่สำหรับคนไหนที่เชื่อพระเจ้าแล้ว ยังไม่มาคริสตจักร เชื่อพระเจ้าแล้วไม่อธิษฐาน ไม่อ่านพระคัมภีร์ ไม่รับใช้ ไม่มีส่วนในคริสตจักร ไม่มีอะไรเลยในความเชื่อ มีแต่เชื่อเฉยๆ สุดท้ายมาถึงเวลาตายก็ได้ปล่อยให้ตาย พระเจ้าไม่เอาไว้
แต่ถ้าคนไหนมีประโยชน์พระเจ้าก็เสียดาย พระเจ้าก็ไม่ให้ตาย ยังไงก็ดีความหมายคือ พระเจ้าเสียดาย ถ้าเราเป็นประโยชน์สำหรับพระองค์ พระเจ้าพระองค์เสียดาย ถ้าเรามีประโยชน์สำหรับสังคม สำหรับโลก สำหรับสังคมคริสเตียนด้วย คือสำหรับมนุษย์ พระเจ้าพระองค์ให้อยู่
เป็นเกลือที่มีรสเค็ม เกลือมันมีหลายเกลือ เกลือบางชนิดมันหมดรสเค็มหมดความเค็ม เห็นแต่ก้อนขาวๆ จะกินมันก็ไม่เค็มเสียแล้ว มันหมดแล้วรสเค็ม ทำยังไงได้เอาไปใส่แกงได้ไหม เอาไปใส่อะไรได้?
ถาม.
ความหมายก็คือแบบว่าพระเจ้าจะเตรียมพวกเหล่านี้แล้วว่าจะต้องทำแบบนี้ ผลประโยชน์แบบนี้เพื่อพี่น้อง เพื่อมนุษย์ เพื่อการงานของพระเจ้า แต่ว่าคนที่พระเจ้าเอาไปเพราะว่าคนเหล่านี้พระเจ้าไม่ต้องใช้แล้ว ให้เอาไปอยู่กับพระเจ้า หรือว่าอยู่สถานที่ใดหนึ่ง
ตอบ.
ในพระคัมภีร์ 1 โครินธ์ 5:1 มีข่าวเล่าลือว่าในพวกท่านมีการผิดประเวณี และการผิดประเวณีนั้นถึงแม้ในพวกต่างชาติก็ไม่มีเลย คือเรื่องมีว่าคนหนึ่งได้เอาภรรยาของบิดามาเป็นภรรยาของตน
ผู้ชายคนหนึ่งที่ไปเอาภรรยาของพ่อตัวเองมาเป็นภรรยาของตน ไม่ใช่แม่นะครับไม่ได้เอาแม่มาเป็นภรรยา แต่เป็นภรรยาใหม่ของพ่อ ครอบครัวหนึ่งนะครับภรรยาเขาตายแล้วมีลูกชาย แล้วคนเป็นพ่อก็ไปมีภรรยาใหม่ พอได้ภรรยาใหม่มา ลูกชายเห็นภรรยาพ่อสวย ก็เลยแย่งมาเป็นภรรยาตนเอง พ่อด้วยความที่แกแล้วไม่มีแรงจะตีลูกกลัวลูกตีคืน สุดท้ายภรรยาของตัวเองก็ยกให้เป็นภรรยาของลูกชาย
เรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้นก็คือว่าครอบครัวนี้ยังไปคริสตจักร ครอบครัวนี้ยังไปคริสตจักรอยู่ พี่น้องคริสตจักรเห็นก็พากันตกใจ อาจารย์เปาโลได้ยินข่าว อาจารย์เปาโลก็เลยส่งข่าวมา ว่าเรื่องแบบนี้อย่าให้เกิดขึ้นในคริสตจักรอย่าให้เกิดขึ้นอยู่ภายในคริสตจักร อาจารย์เปาโลเตือนก่อน เมื่ออาจารย์เปาโลเตือนแล้ว
แล้วจดหมายฉบับต่อมาอาจารย์เปาโลเขียนมาไม่ได้พูดถึงครอบครัวนี้อีกเลย แสดงว่าเขาหยุดเขากลับใจ แสดงว่าผู้ชายคนนี้อาจจะยกภรรยาคืนให้พ่อ หรือว่าพ่อยกให้ลูกเลย แล้วก็สารภาพบาปแล้วก็กลับใจ สุดท้ายมาครอบครัวนี้ก็ไม่ได้ถูกอาจารย์เปาโลตำหนิอีก
อ่านต่อเพิ่มเติม: เรื่องป่วยบางครั้งอาจคือการลงโทษ บางครั้งอาจเป็นการทดลองความเชื่อ