เราขอบพระคุณพระองค์ที่ดูแลเลี้ยงดูให้อาหารมานาที่มาจากสวรรค์อย่างแท้จริง และเราขอบพระคุณพระเยซูที่อาหารนี้เป็นความจริงที่ปลดปล่อยเราให้เป็นไท ให้หลุดพ้นจากความไม่จริงจากเชื้อยีสต์และคำสอนปลอมทั้งหลาย จากความคิดคำสอนของมนุษย์ที่แต่งขึ้นมา
เราสรรเสริญพระเยซูที่เราได้รู้ รับการเปิดตา รับยาหยอดตาเพื่อทาตาให้หายบอดฝ่ายวิญญาณได้ และเราขอบพระคุณพระเยซูที่มาถึงการเข้าสู่ยอห์นบทที่ 11
สำหรับตั้งแต่ข้อที่ 47 จนถึง 57 เราจะเห็นว่ามีอยู่ 2 ประเด็น 2-3 ประเด็นใหญ่ๆ ซึ่งเรื่องแรกก็คือเรื่องของปัสกา สำหรับชาวยิวปีละครั้งเขาจะฉลองเทศกาลปัสกา และก่อนที่ฉลองก็คือเขาต้องนำแกะมาที่พระวิหารเพื่อให้ปุโรหิตฆ่าเพื่อทำพิธีชำระ เพื่อให้ปราศจากมลทินเสียก่อน ก่อนที่จะกินดื่ม ก่อนที่จะร่วมพิธีฉลองปัสกาได้
และสิ่งนี้อยู่ในหนังสือ 2 พงศาวดาร 30:17-18 คือต้องเข้าพิธีชำระก่อน ต้องฆ่าแกะ และทำพิธีชำระเพื่อให้ปราศจากมลทิน แล้วมานั่งร่วมกินดื่มที่พระวิหารได้
แต่เรา สำหรับปัสกาฝ่ายวิญญาณ เราขอบคุณพระเยซู คือโดยพระโลหิตเลือดของพระเยซู ช่วยปลดปล่อยเราให้หลุดพ้นจากพระพิโรธของพระเจ้า ซึ่งเกิดมาจากความบาปเรามีมลทินเราเป็นคนบาปเราไม่สะอาด แต่โดยพระโลหิตของพระเยซูจึงทำให้เราได้หลุดพ้นจากความผิดบาปทั้งหลาย และได้กลับกลายมาเป็นบุตรของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง
และยังไม่พอ เราเห็นว่าพระโลหิตมีคุณค่ามากกว่านั้นใช่มั้ย มีอยู่ 3-4 ประการด้วยกัน ซึ่งแต่ก่อนเราไม่เคยรู้ ถ้าหากเราไม่ได้ถูกเปิดตา เราพบว่าพระโลหิตไม่เพียงแต่เป็นเครื่องบูชาไทบาปของเราเท่านั้น แต่พระโลหิตยังทำให้เราเข้ามาใกล้พระเจ้าจนถึงที่สุด สุด เข้ามาใกล้พระที่นั่งของพระเจ้าโดยทางพระโลหิตนี้ สรรเสริญพระเยซู
และก็ยังไม่พอ ถ้าวันนี้คุณรู้สึกฟ้องผิดในใจ เราทำบาปมากเหลือเกินในแต่ละวัน เดี๋ยวก็ทำบาป เดี๋ยวก็ทำผิด เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็โมโห เดี๋ยวก็กิเลสตัณหาโลภโกรธหลงเกิดขึ้น เกิดขึ้น มันบ่อยมาก เรารู้สึกท้อ รู้สึกเหนื่อยกับการกระทำของเรา เราไม่อยากทำแต่ตัวบาปในเรามันเป็นคนผลักดันให้เราทำ เราไม่อยากทำแต่เพื่อนมนุษย์ทำให้เรารู้สึกว่าอยากทำ
แต่ เราขอบพระคุณพระเจ้า พระคัมภีร์บอกว่าพระโลหิตตั้งไว้มีไว้เพื่อให้เราไม่ต้องฟ้องผิด เมื่อเราผิดเมื่อไหร่ ทำบาปเมื่อไหร่ เราขอบพระคุณพระเยซูเราสารภาพและเราไม่ฟ้องผิดอีกแล้ว สรรเสริญพระเจ้า เพราะว่าพระเยซูเป็นทนายความที่ดีให้กับเรา พระองค์ยืนอยู่ที่ข้างขวาของพระบิดาเพื่อทำหน้าที่เป็นทนายความ เมื่อเราทำผิด พระเยซูบอกว่าเราไม่ผิด เมื่อเราทำบาปพระเยซูบอกว่าเราไม่ได้บาป เห็นไหมพระบิดาเขาบริสุทธิ์ เขาสะอาด เขาดี เขาชอบธรรมทั้งหมดเลย
คือจะว่ายังไงไม่ใช่พระเจ้าโกหก ไม่ใช่พระเยซูโกหก แต่โดยการมีชีวิตอยู่ในพระคริสต์ ทุกคนที่เชื่อก็ได้อยู่ในพระคริสต์ และเมื่ออยู่ในพระคริสต์มีแต่ความชอบธรรม มีแต่ความบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นพระคริสต์เป็นผู้ปกปิดเราทั้งหลายแม้กระทั่งเวลาที่เราทำบาป ขณะที่เราทำบาปอยู่พระคริสต์ก็ปกปิดเราอยู่
เพราะฉะนั้นพระคริสต์จึงกล้าที่จะยืนยันความชอบธรรมของเราต่อพระบิดาได้ เราทำบาปเราไปทำบาปแต่พระเยซูอยู่บนสวรรค์ยืนอยู่ที่ประทับข้างขวาของพระบิดา พระองค์ตรัสว่าเห็นไหมเขาชอบธรรม พระบิดาจะพูดยังไงครับ "ไม่หรอกพระเยซูโกหกน่ะ เห็นไหมเขาทำบาป" ไม่เลยครับ พระบิดามองไม่เห็นเราแต่เห็นพระเยซูปกปิดเราอยู่ จำได้ไหมพระเยซูเป็นเสื้อที่ดีที่สุดของเรา
เพราะฉะนั้นอย่าฟ้องผิด ไม่ต้องฟ้องผิดอีกแล้วตั้งแต่นี้ต่อไป เราขอบคุณพระเจ้าเมื่อเราทำผิด เรามีพระโลหิตที่จะกำจัดอาการฟ้องผิดของเรา และยังไม่พอพระโลหิตช่วยเราไม่ให้ซาตานมาฟ้องพระบิดาเรื่องความผิดบาปของเราได้ วันนี้เราทำผิดซาตานจะไปฟ้อง ดูสิลูกของพระองค์ทำบาปนู่นทำบาปนี่ แต่พระบิดาบอกว่ายังไง "เขาไม่ได้ผิดเขาชอบธรรมเขาบริสุทธิ์เพราะว่าเขาอยู่ในพระคริสต์"
ฉะนั้นขอบพระคุณสำหรับพระโลหิตที่ทรงคุณค่าของพระเยซู เพื่อช่วยปลดปล่อยเราจากปัญหาทั้งหลาย ทั้งเข้าใกล้พระบิดา ทั้งฟ้องผิด ทั้งกลัวที่ซาตานจะเอาเรื่องเรา เราขอบพระคุณพระเจ้า
เรามาดูในข้อที่ 47 จนถึงข้อที่ 50 เมื่อมีการเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเกี่ยวกับฝ่ายศาสนา และอะไรก็ตาม ถ้าหากในสังคมชาวยิวเห็นใครที่เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังคนติดตามเยอะๆ ข่าวก็จะต้องไปถึงนายทหารโรมันอย่างแน่นอน และในที่สุดความเดือดร้อนก็จะมาถึงชาวยิว นี่คือสิ่งที่ผู้นำยิวกลัวเพราะว่าชาวโรมันคอยที่จะเอาเรื่องอยู่
ซึ่งผู้นำชาวยิววิตกอย่างมาก และเมื่อพระเยซูมีผู้ติดตามมากขึ้น เนื่องจากว่าพระองค์ทรงทำการอัศจรรย์ พระองค์ทำการอัศจรรย์อย่างมากมายทำให้ผู้คนติดตามพระองค์ไปทุกที่ทุกแห่งทุกคน เพราะฉะนั้นการกำจัดพระเยซูคือทางออกที่ดีที่สุด การที่ผู้นำยิวกลัวว่าพระเยซูจะเป็นเหตุให้ความพินาศมาถึงพวกเขาเป็นหนึ่งในหลายสาเหตุ ซึ่งทั้งกลัวพระเยซูจะมาเป็นใหญ่บ้าง และกลัวจะสูญเสียผลประโยชน์บ้าง ถ้าหากพระเยซูมีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้นำยิวก็จะหมดคือไม่มีอะไรเหลืออยู่ แล้วสุดท้ายก็คือพวกเขาตัดสินใจที่จะกำจัดพระเยซูเสีย คือกำจัดฆ่าทิ้งหมดเรื่องเลย ไม่ต้องมีปัญหาอะไรอีก
และในข้อที่ 51 จนถึงข้อที่ 52 การวางแผนฆ่าพระเยซู เราดูแล้ว เห็นว่าเขาจะทำแบบสมเหตุสมผล คือเนื่องจากว่าพระเยซูละเมิดสะบาโต พระเยซูอ้างตัวอ้างตนเท่าเทียมกับพระบิดา พระเยซูมีชื่อเสียงคนติดตามเยอะ ยังไงก็แล้วแต่ ก็เกิดมีการวางแผนที่ฆ่าพระเยซู
แต่แท้ที่จริงเรารู้ดีในข้อที่ 51 และ 52 เปิดเผยความจริง ก็คือมันคือแผนการของพระเจ้า พระเจ้าเป็นคนวางแผน และใช้ผู้นำยิวที่จะจับพระเยซู และฆ่าพระเยซู เป็นเครื่องมือให้พระองค์ใช้ และพระเจ้าต้องลงโทษพวกเขาผู้นำยิว เพราะว่าพวกเขาก็ไม่ต่างไปจากยูดาสที่ทรยศ คือพวกนี้เกิดมาเพื่อที่จะเป็นคนชั่ว พวกนี้เกิดมาเพื่อจะมีความอิจฉาริษยา พวกนี้เกิดมาเพื่อที่จะทำสิ่งไม่ดี พระเจ้าจึงนำเขามาเพื่อเป็นตัวละครในเรื่อง และทำให้สิ่งที่ตนต้องทำ และทำให้พระเยซูต้องถูกฆ่า ก็ตรงกับแผนการของพระเจ้าทุกอย่าง พระองค์เป็นคนจัดฉากพระองค์เป็นคนจัดเตรียมพระองค์เป็นคนจัดงานแผนการงานของพระองค์เพื่อไถ่โลก แต่ยิวไม่รู้เขาคิดว่าเขาวางแผนฆ่า ก็คือมาจากพวกเขาเอง เราดูข้อที่ 51-52 เป็นคำตอบ
ถาม.
2 พงศาวดาร 30:17-18 ค่ะ
ตอบ.
คือสำหรับคนยิวก่อนที่จะมาฉลองเทศกาลปัสกาได้ ก็ต้องนำแกะมาและให้คนเลวีฆ่าให้ปุโรหิตฆ่าเพื่อทำพิธีชำระให้ปราศจากมลทินเสียก่อน จึงจะเข้าส่วนในพิธีฉลองปัสกาได้
17 เพราะว่ามีหลายคนในชุมนุมชนนั้นยังมิได้ชำระตนให้บริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นคนเลวีจึงต้องฆ่าแกะปัสกาแทนทุกคนที่มลทิน เพื่อกระทำให้บริสุทธิ์ต่อพระเยโฮวาห์
18 เพราะว่ามวลชนนั้น คนเป็นอันมากที่มาจากเอฟราอิม มนัสเสห์ อิสสาคาร์ และเศบูลุนยังไม่ได้ชำระตน ถึงกระนั้นเขาก็ยังรับประทานปัสกาผิดต่อข้อที่กำหนดไว้ แต่เฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานเผื่อเขาว่า “ขอพระเยโฮวาห์ผู้ประเสริฐทรงให้อภัยแก่ทุกๆคน
เราจะเห็นนะครับ ถ้าหากใครที่นำเครื่องถวายบูชาไถ่บาปมาเป็นประจำเมื่อเขาทำผิดทำบาป ก็ไม่ต้องมาทำพิธีชำระ
แต่ถ้าหากใครที่รู้ตนรู้อยู่แก่ใจว่ามีบาปทำบาปทำผิดบ่อยๆ และไม่แน่ใจว่าบริสุทธิ์ไหม ก็จะต้องนำแกะมาในวันนั้นนะครับ
แล้วเรื่องนี้สอนอะไรเรา สอนครับ ก็คือเราขอบคุณพระเยซูเราฟ้องผิดเมื่อไหร่ เรารู้สึกผิดบาปเมื่อไหร่ เราสารภาพบาป พระโลหิตของพระเยซูก็ชำระเรา เราก็จะปราศจากมลทิน และร่วมกินดื่มกับพระเยซูไปมากับพระเยซูนั่งนอนกับพระเยซูไปทำอะไรกับพระเยซูได้ทุกวันทุกเวลาได้ มีพระเยซูอยู่กับเรา เราอยู่กับพระเยซูได้ ไม่ขาดจากกันจะเชื่อมโยงกันตลอดไป
คือเราได้เปรียบนะครับ เราขอบคุณพระเยซู ได้เปรียบชาวยิวตั้งเยอะ พระโลหิตอันเดียวจบ แก้ปัญหาได้ทุกอย่างทุกเรื่อง เราไม่ต้องแบกไม่ต้องลากแกะไปที่พระวิหาร หรือต้องไปที่ไหนอีกแล้ว เราอยู่ที่นี่แหละ พระเยซูก็อยู่กับเรา และพระวิหารของพระเจ้าก็อยู่ที่นี่ ก็อยู่กับเราอยู่ในเรา เพราะฉะนั้นพระโลหิตแล้วก็ความง่าย คือแอกมันเบามาก พระเยซูบอกในมัทธิวบทที่ 11 แอกเบา ภาระเบา กางเขนก็เบา คือตรงนี้คือคำตอบ เอเมน
...
สำหรับเรา เราเองที่เป็นคริสเตียนศาสนาเราเป็นคริสเตียนมานานหลายปี ตอนที่เรายังไม่ได้ถูกเปิดตา อันนี้ใครก็เป็น คือเมื่อสารภาพบาปแล้วก็จะรอประมาณสัก 2-3-4-5 ชั่วโมงใช่มั้ยล่ะ ใครก็เป็นใช่มั้ย คือเริ่มดีขึ้น เริ่มแบบว่ารู้สึกว่า เอ่อ..พระเจ้าน่าจะอภัยแล้วล่ะ คือมันเป็นความรู้สึกเราเดินตามความรู้สึกของเรา ผมก็เป็น ใครก็เป็นกัน คือสารภาพผิดแล้ว ก็คือไม่เริ่มต้นใหม่เดี๋ยวนั้นเลย ไม่นะครับ. ก็คือยังเป็นทุกข์อยู่ ยังกลัวพระเจ้าจะยกโทษมั้ยน้อ หรืออาจจะรออีกสัก 2-3-4-5 ชั่วโมง ใครก็เป็นครับ
แต่เดี๋ยวนี้ขอบคุณพระเยซูเมื่อเราถูกเปิดตาเราเข้าใจความจริง เราสารภาพปุ๊บพระเจ้าไม่เอาเรื่องปั๊บ มีการสารภาพเมื่อใด มีการยกโทษอยู่เมื่อนั้นที่ที่นั้นด้วย
ถาม.
บางทีเราทำบาป แต่ผมเนี่ยบางทีมันจะมีสันติสุขทันทีเลยนะ พอมีสันติสุขปุ๊บเราค่อยสารภาพบาป เอ๊ะมันยังไงนะ ที่จริงเราทำบาปเราต้องเป็นทุกข์ใช่ไหม แต่พอเราทำบาปเรามีสันติสุขเราก็สารภาพบาปเลย มันเหมือนกับเราไม่สำนึกหรือเปล่า แต่อันนี้คือไม่เกี่ยวข้องกับการทำบาปแล้วมีความสุขนะครับ แต่ว่าแบบว่ามันมีสันติสุขทุกๆวันเวลาเลย คือเราก็มาสารภาพบาปทีหลัง
ตอบ.
อาการที่เกิดขึ้นแบบนี้นะครับ เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์กระตุ้นเรา คนที่ทำบาปแล้วเนี่ย แล้วปรากฏว่ามีสันติสุขเกิดขึ้นภายในจิตใจของเขา ไม่ได้หมายความว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์สนับสนุนให้เขาทำบาปต่อหรือชื่นชอบชื่นชมยินดีที่เราทำบาป ไม่นะครับ
การที่เราทำบาปแล้วบางคน อันนี้เกิดขึ้นกับบางคน บางคนมีสันติสุข ก็คือเพื่อให้เขาสำนึกและเพื่อให้เขามาสารภาพบาปนะครับ เพราะว่าเขารู้ดีว่า "ถ้าฉันทำผิด แล้วพระเจ้าก็ยังรักฉัน และให้ฉันมีสันติสุขเกิดขึ้นภายในจิตใจ" แล้วแน่นอนที่สุดสิ่งที่ตามมานะครับ คนๆ นั้นจะต้องสารภาพแน่นอนไม่ปล่อยผ่านไปครับ
เราขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิตที่แท้จริง เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ดูแลป้อนเรา แล้วให้เราเข้าสู่การอิ่มเต็มครบบริบูรณ์ เต็มล้นด้วยพระวิญญาณและได้รับการเปิดตา ยาทาตา ทาตาเราให้สว่างเห็นทะลุพระคำของพระเจ้า และรู้จักคิดเข้าใจในสิ่งที่อาจจะไม่มีในพระคัมภีร์แต่เป็นไปได้
ขอบพระคุณพระเยซูที่พระโลหิตของพระองค์กำจัดปัญหาทั้งหลายของพวกเราแล้ว เราอยู่อย่างสงบเรามาหาพระเจ้าโดยทางพระโลหิตเราไม่ต้องฟ้องผิดอะไร เราทำบาปเราก็สารภาพ บาปร้อยพันครั้งเราก็สารภาพร้อยพันครั้ง
เรามีความสงบสุขสันติสุขในพระเยซูตลอดเวลา สรรเสริญพระเจ้าที่เราไม่ต้องกลัวพระองค์อีกต่อไป เพราะว่าพระองค์รักเราและเราก็รักพระองค์ พระเยซูเป็นทนายที่ดี พระเยซูเป็นผู้ที่รักเรา พระเยซูเป็นผู้ที่อยู่ข้างเราไม่ว่าเราจะทำผิดอะไรก็ตาม แต่เนื่องจากว่าการตายของพระองค์มีคุณค่ามากมายมหาศาลที่จะกำจัดปัญหาทั้งหลายที่เรามีอยู่ได้ พระบิดาก็รับเราเนื่องจากว่าพระโลหิตของพระเยซู สรรเสริญพระเจ้า
พระเยซูเราสรรเสริญพระองค์อย่างยิ่งที่เมื่อก่อนเราเป็นคริสเตียนศาสนาเราไม่รู้คุณค่าอันมหาศาลมากมายของพระเยซูนี้ แต่วันนี้เราได้รู้แล้ว และเราชื่นชมยินดีอย่างมาก และเรามีความสุขอยู่กับความเข้าใจความรู้สิ่งนี้ ที่ปลดปล่อยเราให้แอกเบา ภาระเบา กางเขนเบา เอเมน.