เราขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้พระองค์นำเรามาถึงพระคำแห่งความจริง เรื่องการเข้าสุหนัต เรื่องสะบาโต เรื่องพระบัญญัติ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องข้องเกี่ยวกับเรื่องความรอด เรารู้ดีว่าโลกนี้ สมัยนี้ ทุกยุคทุกสมัย คือมนุษย์คิดว่าการทำดี เขาถึงจะได้รอดหรือไปสวรรค์ นี่คือกฎเกณฑ์ที่มนุษย์คิด เขาเข้าใจว่าไม่ว่าจะศาสนาไหนก็ตาม เชื่อว่าต้องทำดีจึงจะได้ไปสวรรค์จึงจะได้รอด หลังจากชีวิตนี้จบ แล้วก็เป็นขึ้นมาจากตายหรือวิญญาณจะไปสู่ที่ที่ดี คือสวรรค์ เมื่อเขาทำดี
แต่สำหรับการเชื่อพระเยซูมันเป็นสิ่งตรงข้าม คือเมื่อก่อนเราหนักใจ เราอยู่ในศาสนาอื่นเราหนักใจมาก ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่รอด ตายแล้วจะไปไหน ตกนรกหรือจะไปสวรรค์เรายังไม่รู้ไม่แน่ใจ แต่ทุกคนต่างก็หวังใช่ไหมว่าจะไปในที่ที่ดี อยากไปสวรรค์ แต่การกระทำของเรามันเป็นสิ่งตรงข้ามใช่ไหมครับ ก็คือทำบาป ทำบาปมากด้วย
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ ที่พระเจ้าประทานพระคุณ พระคุณแท้ที่จริง คำว่าพระคุณ ก็คือ Gift / Gift ก็คือของขวัญ ความรอดเป็นของขวัญ ไม่ใช่การทำดีไม่ใช่การพยายามทำอะไร เพื่อที่จะแลกเอาความรอด แลกเอาสวรรค์ แลกเอาชีวิตที่ดีที่พระเจ้าประทานให้ มันเป็นของขวัญ คือถ้ามีใครที่จัดงานวันเกิด แล้วเรานำของขวัญไปให้เขา เราแค่มอบให้เขาเขาก็แค่รับเอาเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรเพื่อที่จะแลกเอาของขวัญนั้นจากเรา อันนี้เราขอบคุณพระเจ้า ที่หลายคนในโลกนี้ซึ่งอยากไปสวรรค์อยากรอด ก็ต้องทำดี
แต่สำหรับพวกเรา พระเยซูตายเพื่อไถ่บาปเราแล้ว พระเยซูเสด็จมาเพื่อตาย การตายของพระเยซูเป็นการตายที่บริสุทธิ์ พระองค์ไม่ได้ทำบาป เพราะฉะนั้นเมื่อพระองค์ตาย พระองค์แบกเอาความเจ็บไข้ แบกเอาความผิดบาป แบกเอาการสาปแช่งทั้งหลาย ของมนุษย์ทุกคน ทุกยุคทุกสมัย ทุกชาติเชื้อชาติศาสนา ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร พระเจ้ารักคุณ และพระเจ้าต้องการที่จะไถ่คุณ และพระเจ้านำความรอดนำชีวิตแห่งสวรรค์มาให้คุณ ทั้งตอนที่มีชีวิตอยู่และตอนที่จากโลกนี้ไป
เราขอบคุณพระเจ้า โดยเชื่อพระเยซูพระองค์ประทานของขวัญ ก็คือประทานความรอดให้แก่เรา แต่น่าเสียดายที่มีคนอีกมากมายไม่เชื่อ มีคนอีกมากมายรับไม่ได้ ทำไมไปสวรรค์มันง่ายจัง ทำไมรอดมันง่ายจัง แล้วถ้าไม่ง่ายจะเรียกว่าของขวัญเหรอ ใช่ไหมครับ
ขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าเปิดเผยความจริงนี้ ให้กับพวกเรา และขอบคุณพระเจ้าที่พวกเรารับได้ และขอบคุณพระเจ้าที่เเอกภาระเบา ทุกสิ่งในชีวิตเบาไปหมด ซึ่งไม่ต้องตระหนักไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลอีกแล้วว่า จะรอดหรือไม่รอด
เราทราบกันดีแล้วใช่ไหมว่าโลกนี้ มีศาสนา 2 สาย คริสเตียนศาสนา แล้วก็คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ศาสนาคริสต์ มี 2 สาย
สายแรก ก็คือ เชื่อ แล้วก็รับว่าได้รอด
อีกสายนึง ก็คือ เชื่อ แต่ต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องทำดี ต้องเชื่อฟัง ต้องไม่ทำบาป ต้องถวายเงินมากๆ ก็คือสิบลดให้คริสตจักรให้โบสถ์ จึงจะได้รอด
เราไปดูในเฟซบุ๊ค แล้วเราไปดูในยูทูป มีคลิปมีวีดีโอคำสอนมากมาย ซึ่งเราพบว่าต่างคนก็สอนว่าต้องทำดี ต้องทำดี ถ้าไม่ทำดีก็จะไม่รอด ไม่ได้ไปสวรรค์
วันนี้เราขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เปิดตาเรา เราหายจากอาการตาบอดแล้ว เราอยู่ในความสว่าง ซึ่งเป็นพระคำแห่งความสว่างของพระเจ้า เราขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ต้องแบกแอกหนัก ภาระหนัก ทุกสิ่งพระเยซูเป็นคนรับไปหมดแล้ว แล้วเราเป็นคนรับแต่สิ่งที่ดีจากพระองค์
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพิธีสุหนัต ที่ชาวยิวเขาต้องทำ ซึ่งเป็นการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะ หรือหุ้มปลายองคชาติของผู้ชาย อันนี้เราพูดถึงในแง่ศึกษา ในแง่ความเชื่อ พระเจ้าต้องการที่จะทำเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญา ซึ่งทุกคนที่เป็นประชากรของพระเจ้าจะต้องทำ คือผู้ชาย แล้วพระเยซูเองก็ทำ
แล้วมาถึงพวกเราที่เป็นคริสเตียน เราเชื่อพระเยซู เราต้องทำไหม? คำตอบคือ ไม่. เพราะว่าการเข้าพิธีสุหนัต เป็นเรื่องของฝ่ายร่างกาย ของยิวฝ่ายร่างกาย แต่เราทุกวันนี้เป็นยิวฝ่ายวิญญาณ เราเชื่อพระเยซู เราตายร่วมกับพระเยซูที่กางเขนเมื่อสองพันปีก่อน เราจึงได้เข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณแล้ว เอเมน
และขอบคุณพระเจ้าสำหรับสะบาโต ที่เราไม่ต้องพักวันเสาร์วันเดียว ไม่ต้องหยุดพักวันเสาร์ แต่สะบาโตก็คือการพักสงบ เราพักสงบในหัวใจในจิตใจของเราทุกวันทุกเวลานาที เราสุขสบายเราสุขสงบ สงบสุข มี (peace) มีสันติสุขในพระเจ้า ปล่อยปลงวางได้กับทุกสิ่ง มันเบาสบาย มันว่างเปล่า ไม่ต้องคิดไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวล เรื่องการใช้ชีวิต การงานธุรกิจ ไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลเรื่องครอบครัว เรื่องอะไรทั้งนั้น พระเจ้าเป็นคนนำพา พระเจ้าเป็นคนดูแล พระเจ้าเป็นคนช่วยเหลือ พระเจ้าเป็นคนให้สติปัญญาแก่เรา เราจะทำอะไรมีพระเจ้าอยู่ด้วย เราทำอะไรมีพระเยซูอยู่ด้วย เราคิดอะไรมีพระเยซูคิดกับเราด้วย ความสำเร็จก็จะมาถึงพวกเรา
ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้รู้เรื่องความรอดมี 2 รอด ขอบคุณพระเจ้าสำหรับเรื่องพระคุณ ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้รู้เรื่องพระคุณซ้อนพระคุณ ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้รู้เรื่องรอดโดยพระคุณ ก็คือเชื่อเท่านั้น ไม่ใช่เชื่อและรักษาพระบัญญัติ ไม่ใช่เชื่อและบัพติศมา ไม่ใช่เชื่อและเข้าสุหนัต ไม่ใช่เชื่อและทำมากมายหลายสิ่งเพื่อที่จะรอด แต่เรารอดโดยพระคุณทางความเชื่อเท่านั้น เชื่อพระเยซูปุ๊บเราได้รอดปั๊บ สันติสุขก็มา พระพรก็มา ทุกสิ่งก็ตามมา เป็นของขวัญเป็นของฟรี พระเจ้าแจกพระเจ้าประทานให้พวกเรา นี่คือพระคุณที่แท้จริง
และเราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับ ให้เราเข้าใจเรื่องการเข้าสุหนัตในฝ่ายวิญญาณ ซึ่งตอนนี้เราเป็นลูกหลานของอับราฮัมฝ่ายวิญญาณแล้ว เป็นยิวแท้ สรรเสริญพระเยซู
และขอบคุณพระเจ้าที่เราเข้าใจเรื่องสะบาโต ขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่พระองค์ให้พวกเรา ได้อยู่เหนือพระบัญญัติไม่ต้องอยู่ใต้พระบัญญัติอีกต่อไป เมื่อก่อนมีการถกเถียง เมื่อก่อนมีความกลัวความกังวลเรื่องความรอด แต่ตอนนี้เราเป็นอิสระแล้ว เราเป็นไทย สรรเสริญพระเจ้าสรรเสริญพระบิดาสรรเสริญพระเยซูสรรเสริญพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่พระองค์กระทำให้พวกเราอยู่ใต้พระคุณ และอยู่ใต้พระคุณซ้อนพระคุณ
สำหรับโรม 11:6 ภาษาไทย ก็คือ "และถ้าเป็นโดยพระคุณ การทรงเลือกไว้นั้นจึงหาได้เป็นโดยบรรดาการกระทำไม่ มิฉะนั้นพระคุณก็ไม่เป็นพระคุณจริงอีกต่อไป แต่ถ้าการทรงเลือกไว้นั้นเป็นโดยบรรดาการกระทำแล้ว มันก็หาได้เป็นพระคุณอีกต่อไปไม่"
เราเข้าใจกันนะ พระคุณก็คือพระคุณ ไม่มีการกระทำ ทำดี เชื่อฟัง เลิกทำบาป เข้ามายุ่งเกี่ยวเกี่ยวข้อง และพระบัญญัติก็คือ การกระทำ การกระทำ การกระทำก็คือต้องทำ ต้องทำนู่นนี่นั่น ต้องเลิกทำบาป ต้องเลิกทำชั่ว เพื่อที่จะรับพระคุณพระเจ้า มันไม่เกี่ยวกัน พระคุณบุญคุณก็คือพระเจ้าประทานให้เราฟรีๆ
และสำหรับเรื่องการรักษาพระบัญญัติ ก็คือไม่ฟรี ต้องทำต้องรักษาต้องเชื่อฟังต้องถวายสิบลด จึงจะรอด สำหรับภาษาอังกฤษ โรม 11:6 And if by grace, then is it no more of works เข้าใจนะ if by grace, then is it no more of works ถ้าเป็นพระคุณไม่มีการกระทำ ไม่มีเลย ไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียวกันกระทำ พระเจ้าอาศัยความเชื่อของเรา พระเจ้าพอพระทัยในคำว่าเชื่อ เราเชื่อในการตายของพระเยซูเพื่อไถ่บาปเราเมื่อ 2,000 ปีก่อน เราก็ได้รับพระคุณของพระเจ้าแล้ว
และสำหรับเอเฟซัส 2:8-9 For by grace are ye saved through faith โดยพระคุณของพระเจ้าท่านทั้งหลายได้รอดแล้ว โดยทางความเชื่อ รอดแล้ว เป็นอดีตกาล อย่าลืมนะ
ขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าให้เราได้เห็นความจริงตรงนี้ ก็คือเราได้รอดแล้ว ไม่ใช่ว่ากำลังจะรอด หรืออาจจะรอด หรือในอนาคตเราจะรอด ไม่ใช่นะ ก็คือเรารอดแล้ว
and that not of yourselves และไม่ใช่ตัวท่านเองเป็นคนกระทำ it is the gift of God ขอย้ำนะพระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสผ่านเปาโล it is the gift of God มันเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้เรา ซึ่งถ้าเป็นภาษาไทย ก็คือพระเจ้าประทานความรอด เราอาจจะไม่เข้าใจชัดเจน แต่ถ้าหากเราอ่านภาษาอังกฤษเราจะพบว่า it is the gift of God / gift ก็คือของขวัญ ของขวัญก็คือของฟรีใช่ไหม ไม่ต้องเอาอะไรมาแลก สรรเสริญพระเจ้า เอเมน
เราสงสารเราเห็นใจเราอธิษฐานเผื่อพี่น้อง ที่ยังเชื่อไม่ถึงความจริงนี้ ยังมาไม่ถึง แล้วเราอธิษฐานเผื่อพวกเขา
แต่สำหรับเราเราขอบพระคุณพระเจ้า ซึ่งเป็นพระคุณที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นพระคุณอันล้นเหลือ เป็นพระคุณที่เราไม่รู้จะขอบพระคุณพระเจ้ายังไง เพราะว่าเราได้หลุดพ้นการถกเถียง เราได้หลุดพ้นข้อสงสัยความกังวล ความกลัวเรื่องจะไม่รอด อีกต่อไป
และถ้าหากมีใครที่ซาตานใช้มาเพื่อล่อลวงเรา เพื่อหลอกล่อเรา ให้กลับไปอยู่ในพระบัญญัติ อยู่ใต้พระบัญญัติ อยู่ในการเชื่อฟังเพื่อให้ที่จะได้รอด เราปฏิเสธ เราขอพระวิญญาณปกป้องเรา อย่าให้สิ่งเหล่านี้มาล่อลวง
เราเห็นนะว่ามีหลายคนที่เคยเข้ามารับมานาฯ แล้วจากนั้นก็กลับไปสู่ความเชื่อเดิม ซึ่งอาทิตย์ที่แล้วได้พูดถึงน้องชายคนหนึ่ง ซึ่งเขาก็ยังหนุ่ม แล้วก็เขาก็คิดว่าเขารู้มาก แล้วเขาก็อยู่กับพวกเราได้นานพอสมควร แต่อย่าลืมนะซาตานฉลาดมาก มากกว่าที่คุณคิด มันล่อลวงทุกคน แล้วมันใช้ทุกวิธีเพื่อที่จะล่อเรา ให้หลุดออกจากความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า
เอเฟซัส 2:8-9 เรารอดโดยพระคุณทางความเชื่อ และเรารอดแล้ว และพระคุณก็คือของขวัญ ความรอดเป็นของขวัญ ไม่ใช่ค่าจ้างเพื่อที่เราจะต้องทำอะไรเพื่อแลกเอาความรอดนั้นๆ สรรเสริญพระเยซูที่วันนี้ความจริงมาถึงเรา สรรเสริญพระเยซูที่วันนี้ตาเราถูกเปิดแล้ว เอเมน
ส่วนข้อพระคัมภีร์หรือคำสอนที่คริสเตียนมากมายที่อ้างว่า เชื่อไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องเลิกทำบาปให้ได้โดยสิ้นเชิง ก็คือเขาเห็นคำสอนที่พระเยซูตรัสว่า (มธ 18:8-9) ต้องตัดแขน ต้องตัดขา ต้องควักตาออกมา ถ้าตายังมองในสิ่งที่ผิดบาป มือกระทำในสิ่งที่ผิดบาปอยู่ ต้องตัดทิ้งหมดต้องเลิกทำบาปให้ได้โดยสิ้นเชิง เพื่อที่จะเข้าอาณาจักร เขาไม่เข้าใจคำว่า อาณาจักร เขาไม่เข้าใจคำว่า รอด 2 รอด
แต่วันนี้ขอบคุณพระเยซู เราเข้าใจแล้ว
ถาม.
เอเมนครับ อาจารย์ถามหน่อยครับผม แล้วพี่น้องคริสเตียนศาสนา เขายังเชื่อแบบว่า เชื่อไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติด้วย เขาเชื่อแบบนี้ แล้วเขาก็ยังจะรอดใช่ไหมครับ
ตอบ.
สำหรับคริสเตียนที่เชื่อแบบนี้ ก็ยังจะรอดเหมือนเดิมนะครับ คือความเชื่อของเราจะเชื่อผิดเชื่อถูก ความจริงของพระเจ้าก็จะยังคงอยู่ จะตั้งมั่นอยู่ พระเจ้าตรัสว่าคนไหนที่เชื่อพระเจ้า (โรม 10:9) ก็คือจะได้รอด
และความรอดเป็นของขวัญ ที่พระเจ้าประทานให้เราฟรีๆ (อฟ 2:8-9) คนที่บอกว่าไม่เอาไม่เชื่อแบบนี้ไม่รับ พระเจ้าก็จะให้นะครับ
เพียงแต่ว่า ถ้าหากเราพยายามทำดีเชื่อฟังด้วยตัวเก่า ด้วยตัวเก่าเราก็จะแบกภาระหนัก คริสเตียนทุกวันนี้ที่เชื่อแบบนี้ ก็คือแบกภาระหนักมาก ผมก็เคยเป็น พวกเราหลายคนก็เคยเป็นใช่ไหม ที่พยายามรักษาพระบัญญัติ พยายามเชื่อฟังให้ได้รอด แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ก็ระเบิด
อีกครั้งนะครับขอย้ำเรื่องคำถามของน้องชาย ก็คือเราถึงว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม ว่าเชื่อเท่านั้นก็รอด แต่พอถึงวันสุดท้ายเราก็รอดอยู่ดีนะครับ แล้วคริสเตียนเรานั้นก็จะตกใจนะครับว่า อ้าว เสียดายจัง ที่ผ่านมาก็คือพยายามทำๆๆ เพื่อให้ได้รอด แต่สุดท้ายมันง่ายแบบนี้ด้วยหรอ
มีผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นคนฐานะยากจน แล้วผู้ชายคนนี้ทำงานหนักมาก เพื่อที่จะให้มีชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น มีเงินใช้เพียงพอ ก็ไม่นานต่อมามีจุดหมายมาถึงบ้านเขา แล้วก็เขาเปิดอ่านบอกว่า มีญาติของคุณที่เป็นผู้ใหญ่ เขียนมรดกแล้วก็มอบทรัพย์สินให้คุณจำนวนหลายล้าน พอเขาอ่านเนี่ยเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกมากกว่าไม่เชื่อหรอก มันเป็นไปไม่ได้ ใครจะไปใจดีแล้วก็ให้เรา เงินเป็นล้านๆ แบบนี้ เขาฉีดจดหมายทิ้งนะครับ แล้วก็ทำงานหนักต่อไป แล้วก็ไม่เชื่อ ไม่ไปธนาคาร ไม่ไปพิสูจน์ว่าจดหมายฉบับนี้เป็นความจริงหรือไม่
เขาคิดว่าจะมีคนมา ตลกหรือทำกวน หยอก แต่ความเป็นจริงจดหมายฉบับนั้นมาจากผู้ใหญ่จริงๆ เขาให้จริงๆ เป็นของจริง ถ้าไปธนาคารนะครับก็คือได้รับเงินจริงๆ แต่โดยที่ว่าผู้ชายคนนี้ไม่เชื่อ เขาจึงไม่ได้รับ จนสุดท้ายอีกไม่นานต่อมา จดหมายฉบับที่ 2
ส่งมาแล้วบอกว่า ให้รีบไปธนาคารเพื่อรับเงิน เพราะว่าถึงกำหนดแล้ว ผู้ชายคนนี้ก็ลังเลนะครับ แต่สุดท้ายก็ลองไปดู ก็ไปเจอจริงๆ เห็นเงินจริงๆ แล้วก็รับเงินมาจริงๆ เขาก็บอกว่า โอ๊ย ทำงานมาหลายปี ตั้งแต่ได้รับจดหมายฉบับนั้น ทำไมโง่จัง
เราคริสเตียนก็เหมือนกัน พระเจ้าประทานของขวัญ ซึ่งเป็นความรอดให้เรา แต่เราเนี่ยบอกว่าไม่เชื่อมันง่ายเกินไป สุดท้ายเป็นยังไงครับ ก็เหมือนผู้ชายคนนี้นี่แหละ เอเมน
แต่ขอบคุณพระเจ้าน่ะ เราพอได้รับจดหมายปุ๊บ เมื่อก่อนเราก็เคยเป็นเหมือนผู้ชายคนนี้ใช่ไหม แต่ตอนนี้เราไปธนาคารแล้ว รับความรอดมาโดยเต็มๆ แล้ว แล้วก็รับพระพร รับสันติสุข เชื่อพระเยซูเราได้รับความสุขมาแล้ว แล้วมีประสบการณ์แล้ว เชื่อพระเยซูเรามีพลังที่ยิ่งใหญ่ ที่พระเจ้าประทานให้เราเพื่อเลิกทำบาปได้ เพื่อปล่อยปลงวางกับทุกสิ่งได้ ขอบคุณพระเจ้าเราใช้เราเข้าสู่ประสบการณ์นี้ ซึ่งในขณะที่หลายคนยังมาไม่ถึง เราสรรเสริญพระเยซูและเราอธิษฐานเผื่อพี่น้องเหล่านั้น เอเมน
ถาม.
อาจารย์ครับจะเป็นอย่างนี้ใช่ไหมครับ การเชื่อเท่านั้นไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติด้วย เราจะได้ใจที่หนัก ภาระที่หนัก แต่ถ้าเราเชื่อเท่านั้นก็รอดแล้ว เราจะได้ใจที่เบา เบาสบาย แล้วก็เราอยู่ใต้พระคุณ แล้วก็แบบประมาณว่าชีวิตนี้มีความรู้สึกว่า เดินไปเบาสบายไม่ต้องคิดอะไรให้มันหนักหัว ว่าเราจะรอดไหม หรือว่าต้องกังวลว่าเราจะทำตรงนี้เราจะรอดไหม จิตใจเราจะได้แบบนี้ใช่ไหมครับเอเมน
ตอบ.
สำหรับพระเจ้าพระเจ้าประทาน (peace) ก็คือความสงบสุขภายในจิตใจ
อันแรกนะครับ ก็คือพระเจ้าให้เราได้รู้ว่าเราได้รอดแล้ว ไม่ใช่ว่าจะรอดหรืออาจจะรอดหรือกำลังจะรอด แต่รอดแล้ว ในเอเฟซัส 2:8 ท่านทั้งหลายรอดแล้ว เราไปดูภาษาอังกฤษตรงกับภาษากรีก ก็คือรอดแล้ว
คำว่า รอดแล้ว คืออะไร ก็คือไม่ใช่ว่ากำลังจะรอด หรืออาจจะรอด หรือไปเอาความรอดมา แต่ความรอดมันอยู่กับเราแล้ว เอเมน
เมื่อเราเข้าใจความจริงนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้น ความสงบสุข หรือ peace ก็จะเกิดกับเรา เกิดขึ้นภายในจิตใจของเราทันทีใช่ไหมครับ
แต่ก่อนเราหนักใจ เราคิดมาก เรากังวล เรากลัว เอ๋ วันนี้จะรอดไหม ถ้าพระเยซูมาตอนนี้เนี่ย เราทำบาปเยอะมาก ตอนนี้ทะเลาะกับภรรยา สามี ตอนนี้จิตใจไม่ดี ตอนนี้เป็นคนที่ชอบโกหก ตอนนี้เป็นคนที่มีอารมณ์โกรธโมโหมาก เราจะรอดหรือไม่ ไม่น่าจะรอดหรอก เราคิดไปทุกวันกลัวทุกวัน มันก็คือไม่มี peace
แต่ peace ที่พระเจ้าใส่ให้เรา ก็คือเปิดตาเราให้รู้ว่า เรารอดแล้วและรอดเลย
อันที่สอง ก็คือพระเจ้าให้สันติสุขความสงบสุขภายในจิตใจของเรา ก็คือเปิดตาเราให้รู้ว่า เราไม่ต้องกลัวพระเจ้าเมื่อเราทำบาป เมื่อเราทำบาปเมื่อไหร่นะครับเราสารภาพ และพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม จะยกโทษให้เรา และลืมสิ่งที่เราทำไปในขณะนั้น (1 ยน 1:9) สรรเสริญพระเยซู
พระเจ้าทราบดี พระเจ้าเข้าใจดี ว่าเราต้องทำบาป เรายังทำบาปกันอยู่ไม่มากก็น้อย อันนี้คือสิ่งที่พระเจ้าเปิดเผยกับเปาโลโดยพระวิญญาณ เพราะฉะนั้นคริสเตียนทุกคนนะครับต้องทำบาปยังทำบาปอยู่ไม่มากก็น้อย
แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องความรอด การยังทำบาปหรือเลิกทำบาปได้ เป็นเรื่องของการเข้าอาณาจักร ที่จะปกครองที่จะร่วมครอบครองกับพระเยซูในยุคพันปี และฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
แต่สำหรับเรื่องความรอดในวันสุดท้าย เข้าสู่ช่วงยุคนิรันดร์ ก็คือฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ก็คือเชื่อเท่านั้นก็ได้รอดแล้ว
ถาม.
ขอถามนิดนึง คือเจอมาเมื่อเวลาเราไปประกาศกับคนที่ไม่เชื่อ หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์โต้วาทีที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่คนไม่เชื่อเขามักจะไม่เชื่อก็เพราะว่า ที่เราทำบาปมาแล้วก็พระเยซูมาตายไถ่บาป ก็คือแค่พระเยซูไถ่บาปเรา แล้วความบาปของเราก็หมดไปแล้วได้รอด มันเหมือนกับเขาบอกว่า เหมือนกับมันไม่ยุติธรรม คือคนทำบาปต้องตกนรกสิ พระคุณพระเจ้ามันเหมือนกับขัดแย้งกับความยุติธรรม ตรงนี้คือเราจะอธิบาย ตอบตรงนี้กับเขาว่ายังไงครับ
ตอบ.
เราอาจจะเล่าเรื่องยกตัวอย่างบางเรื่องให้เขาฟังก็ได้นะครับ ก็คือง่ายๆ
มีผู้ชายคนหนึ่งไปซื้อรถ แล้วต้องผ่อน ต้องจ่ายเดือนละเท่าไหร่ แต่ปรากฏว่าคือด้วยความที่เขาตกงาน ไม่มีเงินใช้ ไม่มีงานทำอีก พอถึงวันที่จะต้องจ่ายงวดรถ ต้องจ่ายค่ารถ ปรากฏว่าไม่มีเงินจ่าย
สุดท้ายเขาก็ต้องทวงนะครับทวงหนี้ เมื่อทวงไม่ได้เขาก็ต้องมายึดรถเราไป แต่ปรากฏว่าเรื่องนี้เขาเล่าให้หลายคนฟัง แล้วก็เล่าให้เพื่อนสนิทเขาคนนึงที่รู้จักกันมานานฟัง แล้วเพื่อนสนิทคนนี้เป็นคนร่ำรวยเป็นเศรษฐี เขาใจดีมาก เขารักเพื่อนคนนี้มาก ก็เลยบอกว่าโอเคงั้นไม่ต้องห่วงเรื่องงวดค่ารถหรือต้องจ่ายเป็นเดือน เขาจะจ่ายให้ทั้งหมดแล้วจะยกหนี้ให้ด้วย แล้วเขาก็ได้รับสิ่งนี้นะครับเป็นค่าตอบแทน ก็คือการช่วยเหลือของเพื่อน
แล้วเขาไปเล่าให้เพื่อนๆ อีกคนนึงฟัง เพื่อนคนนี้บอกว่ามันจะยุติธรรมหรอ ที่คนหนึ่งไปจ่ายให้แก แต่ผู้ชายคนนี้บอกว่าเพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่รักกันมาก ยุติธรรมไม่ยุติธรรมก็คือมันชอบธรรมแล้ว
สำหรับความยุติธรรมมันอยู่ที่ความชอบธรรมของพระเจ้า พระเจ้าเห็นว่าสิ่งไหนที่เป็นสิ่งที่ชอบธรรม อันนั้นก็คือยุติธรรมนะครับ
แน่นอนครับเมื่อเราทำผิดทำชั่วก็ต้องได้รับผล แต่ถ้ามีคนหนึ่งมารับแทนเนี่ย แล้วเขาเต็มใจรับเขายินดีรับ ด้วยความชอบธรรม สิ่งนั้นก็คือยุติธรรมสำหรับพระเจ้า เอเมน
เราถามเขาตรงๆ ถ้ามีใครมายกหนี้ให้เอาไหม แน่นอนที่สุดครับเราต้องเอา ไม่ใช่ว่าผมเป็นหนี้ผมต้องจ่าย ถ้าไม่งั้นให้คนอื่นจ่ายมันจะยุติธรรมเหรอ ก็ยุติธรรมสิครับเพราะว่าเขาเห็นว่ามันชอบธรรม เขาทำด้วยความเต็มใจพอใจ
ขอถามหน่อยครับว่าพระเยซูอยู่ที่กางเขน พระองค์ก่อนตาย พระองค์ยอมรับความตาย การเฆี่ยนตี ความบาปทั้งหลายไปตกอยู่ที่พระองค์ พระองค์ยินยอมหรือว่าไม่เต็มใจ?
วันนั้นสรรเสริญพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ที่ประทานพระเยซูมา และพระเยซูยินยอมยินดีที่จะมา เพื่อตายไถ่บาปพวกเรา ใช่ครับพระองค์อาจจะกลัว ใช่ครับพระองค์อาจจะร้องไห้ ใช่ครับพระเยซูอาจจะขอให้พระบิดาเลื่อนสิ่งเหล่านี้ไปจากพระองค์ แต่ในที่สุดพระเยซูตรัสว่า ด้วยความรักที่พระองค์มีให้กับมนุษย์นะครับ ขอให้เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าขอให้สำเร็จด้วยเถิด แล้วพระเยซูก็ไปตาย
สำหรับเรื่องการคุยกับคนที่เขายังไม่เชื่อ หรืออธิบายนะครับ คนที่จะช่วยได้มากที่สุดก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเรื่องที่เราจะเล่านะครับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเหมาะสม เอเมน
แต่ก่อนผมเองก็เคยอ่านเจอหลายที่ ที่พระเยซูตรัสว่า เรื่องความสว่าง เรื่องตาบอด เรื่องการเดินในความมืด แต่ก็ไม่เคยคิดนะครับว่าพระองค์หมายถึงอะไร พอมาถึงตอนนี้ สรรเสริญพระเจ้า ที่พระองค์ให้ความชัดเจน ให้เข้าใจ ซึ่งเราพบว่าการดำเนินชีวิตคริสเตียน แท้ที่จริงมันเป็นเรื่องของตา
การเป็นคริสเตียนที่ตาบอดก็ไม่เห็นอะไร ไม่ไปถึงไหน แบกภาระหนัก
แต่การเป็นคริสเตียนที่ตาหายบอด อยู่ในความสว่าง เห็นทุกสิ่ง เราสรรเสริญพระเจ้า ชีวิตเบาสบายมีสันติสุข ความสงบสุข มั่นใจในความรอด และไม่กลัวพระเจ้าเพราะว่าพระเจ้าเป็นความรัก เราทำผิดเราสารภาพ แล้วกลับเข้ามาหาพระเจ้า สนิทในพระองค์ทันที พระองค์ก็ต้อนรับเรา เพราะว่าทุกครั้งที่เราสารภาพบาป พระองค์ก็ลืมสิ่งเหล่านั้น และยกโทษให้เรา เป็นสิ่งที่อัศจรรย์มาก เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นพระคุณอันล้นเหลือของพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้าที่คริสเตียนมากมายได้พบพระคุณ ก็คือมาเชื่อและก็ได้รอด ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามทำดี พยายามทำอะไรก็ตามเพื่อพระเจ้า แต่พระเจ้าไม่ได้สนใจ ก็คือให้ความรอดเป็นของขวัญ
แต่สำหรับพวกเรา เป็นคนเลือกที่ถูกเลือกที่พิเศษ ก็คือมารับเอาพระคุณ และรับเอาพระคุณซ้อนพระคุณ ก็คือพระเยซูมาตายไถ่เรา และพระเยซูมาอยู่แทนเรา christ died for us and christ lives for us. พระเยซูตายแทนเราและพระเยซูอยู่แทนเรา คำนี้สำเร็จแล้วในชีวิตของพวกเรา เอเมน
เราไปประกาศ แต่พระเยซูประกาศแทนเราด้วยน่ะ เอเมน
ตอนที่ผมอยู่อเมริกา ก็มีอาการนี้ตลอดเรื่อง รอดหรือไม่รอด วันที่อารมณ์ดีจิตใจดี เชื่อฟังพระเจ้า อธิษฐานบ่อยๆ ก็คิดว่าน่าจะรอด แต่วันไหนที่ทำบาป ที่โกรธโมโห ที่มีกิเลส ตัณหา โลก โกรธ หลง ก็คิดว่าวันนี้พระเยซูมาเราไม่รอดแน่นอน มันก็สลับกันไปในแต่ละวัน อันนี้ผมจำได้ที่ผมพูดในคลิปในยูทูป คริสเตียนในลักษณะนี้เรียกว่าคริสเตียนลิฟท์ ลิฟท์ก็คือขึ้นลิฟท์ลงลิฟท์ วันไหนที่มีคนกดขึ้น เราก็ขึ้น วันไหนที่คนกดลง เราก็ลง ซึ่งคนที่กดก็คือตัวเราเองนี่แหละ
เราเห็นว่าคริสเตียนมากมายทุกวันนี้ เป็นคริสเตียนลิฟท์ ก็คือวันนี้รอดถ้าทำดี วันหน้าไม่รอดถ้าทำบาป
แต่สรรเสริญพระเจ้าเรารอดแล้ว ก็คือรอดแล้วนะครับ ความรอดเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้เรา สวรรค์นะครับ ชีวิตสวรรค์เป็นของเราแล้ว ตั้งแต่วันนี้ ก็คือเราอยู่ในสวรรค์บนดินด้วย คือมีสันติสุข มีความสงบสุข ปล่อยปลงวางได้กับทุกเรื่อง กับทุกสิ่ง ใครจะดี ใครจะร้าย ใครจะชั่ว ใครจะทำดีกับเรา โลกนี้จะร้อนจะหนาวจะเป็นยังไง เราก็รอดแล้ว และเราก็อยู่ในชีวิตสวรรค์ของพระเจ้าที่ประทานให้เรา ใครจะทำยังไง ใครจะเป็นอะไร โลกนี้จะเป็นแบบไหน ลักษณะยังไง ไม่ได้เดือดร้อนเราอีกต่อไป
เราขอบพระคุณพระเจ้า ที่พระองค์เปิดตาพวกเรา และขอบพระคุณพระเจ้าที่เราได้เห็นได้เข้าใจ เรื่องความรอด 2 รอด ถ้าไม่อย่างนั้นก็คือเราจะสับสน และพระคัมภีร์จะมีความขัดแย้งในตัวเยอะมาก แต่วันนี้พระเจ้าปลดปล่อยเราให้เป็นไทย เป็นอิสระ จากความไม่เข้าใจ จากอาการตาบอด มาสู่ความจริงแห่งพระคำพระเจ้า
เราขอบคุณพระเยซูที่เราเดินอยู่ในความสว่างแล้ว ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ให้เราปล่อยปลงวางเรื่องความรอด เราไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว
และขอบพระคุณพระเจ้าที่ โรม 11:6 ความรอดเป็นพระคุณของพระเจ้าไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องการกระทำ
และขอบคุณพระเจ้า เอเฟซัส 2:8-9 ความรอดเรารอดแล้ว และความรอดเป็นของขวัญ ที่พระเจ้าประทานให้เราฟรีๆ โดยไม่ต้องทำอะไรเพื่อที่จะมาแลก เพื่อที่เราจะไม่ต้องอวด และไม่มีใครจะอวดได้ เอเมน
สำหรับคริสเตียนที่ยังอยากจะรักษาพระบัญญัติ คริสเตียนที่ยังอยากจะเลิกทำบาปเพื่อให้ได้รอด ก็ปล่อยเขาไป ให้เขาทำให้เข็ด เดี๋ยววันหนึ่งเขายอมแพ้ เขาจะมาพึ่งพระคุณซ้อนพระคุณของพระเจ้า