เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่พระองค์ประทานชีวิตให้อีกวันหนึ่ง และขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับกฎหมายใหม่ ก็คืออยู่วันต่อวัน เพื่อไม่ต้องคิดถึงปัญหา ไม่ต้องคิดถึงภาระ ไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว
และเราก้าวไปสู่ข้างหน้า และวันนี้เราจะทำให้ดีที่สุดตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และจะทำให้ดีที่สุด ก็คือ การสนิท บอกรัก พูดคุย สนทนา ให้พระวิญญาณเป็นคนนำในชีวิตของเรา เราจะอยู่ที่ไหน จะไปไหน จะทำอะไร ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรา เอเมนสรรเสริญพระเจ้า
ขอบพระคุณพระเยซูสำหรับวันนี้ที่พระองค์นำเรามาถึงความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพระคริสต์ คำว่า พระคริสต์
เริ่มแรกก็คือ ...
1400 ปีก่อนคริสต์ศักราชศักราช สมัยนั้นก็คือลูกหลานของโยเซฟ ลูกหลานของโยเซฟที่แพร่ขยาย มากมายเต็มในแผ่นดินของอียิปต์ เป็นพวกที่ถูกเรียกว่าชาวฮีบรู ขอให้จำตรงนี้นะ ชาวฮีบรูก็คือยิวนั่นเอง ก็คือชนชาติอิสราเอล เป็นลูกหลานของโยเซฟ
พอมาถึง 922 ปีก่อนคริสต์ศักราชศักราช คือโมเสสนำชาวฮีบรูมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่แผ่นดินคานาอัน แล้วก็มีอาณาจักรอิสราเอลแล้วเรียบร้อยนะ
จากนั้นพอถึงปี 922 ก่อนคริสต์ศักราชศักราช อาณาจักรอิสราเอลแบ่งออกเป็นสอง ก็คือ เหนือและใต้
จากนั้นก็คือ 722 ปีก่อนคริสต์ศักราช อาณาจักรอัสซีเรียเริ่มมีแล้ว อาณาจักรอัสซีเรียยึดครองอาณาจักรอิสราเอลทางเหนือ ตอนนี้ก็คือเป็นเวลาที่พระเจ้าส่งท่านอิสยาห์มาเพื่อประกาศ เรื่องพระคริสต์ คำทำนายเรื่องพระคริสต์ จึงแพร่ขยายเต็มไปทั่ว แล้วก็ทำให้ชนชาติอิสราเอลมีความหวัง
ความหวังของพวกเขาไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องฝ่ายวิญญาณ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความสุข ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความรอด แต่เป็นเรื่องของการปลดปล่อยให้หลุดพ้น ให้เป็นอิสระจากอาณาจักรอัสซีเรีย พวกเขาไม่เข้าใจนะว่าคำทำนายของท่านอิสยาห์จะเป็นเรื่องของ "พระคริสต์" ก็คือผู้ที่ถูกเจิม หรือพระเมสสิยาห์ คือผู้ที่ถูกเจิม
คำว่า คริสต์ เป็นภาษากรีก คำว่า เมสสิยาห์ เป็นภาษาฮีบรู แปลว่า ผู้ที่ถูกเจิมเอาไว้
จากนั้นต่อมาไม่นาน อาณาจักรบาบิโลนก็ยึดครองอิสราเอส ก็โค่นล้มอาณาจักรอัสซีเรีย
จากนั้นอีกต่อมาไม่นาน 538 ปีก่อนคริสต์ศักราชศักราช อาณาจักรเปอร์เชียก็ยึดอำนาจ
จากนั้นอีกต่อมาไม่นาน 322 ปีก่อนคริสต์ศักราชศักราช อาณาจักรกรีกขยายอำนาจไปทั่ว
ต่อมาไม่นานก็คือ 63 ปีก่อนคริสต์ศักราชศักราช อาณาจักรโรมันเรืองอำนาจและยึดครองอิสราเอล
ต่อมา 37 ปีก่อนคริสต์ศักราชศักราช ก็คือกษัตริย์เฮโรดถูกแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ของชาวยิว
อีกต่อมาไม่นาน ก็คือ ค.ศ. 30 พระเยซูถูกตรึงตายบนกางเขน
เราจะพบว่า อิสราเอลตกเป็นทาส ตกเป็นเชลย ของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในสมัยก่อนประมาณ 3-4 อาณาจักร แล้วเป็นความโศกเศร้า เป็นความทุกข์ใจ ของชาวยิวที่มีความหวังว่าพระเจ้าจะช่วยไถ่พวกเขา เพราะว่าพวกเขาเป็นชนชาติเดียวที่พระเจ้าเลือกในโลกนี้ ให้เป็นลูกหลานของพระเจ้า เป็นประชากรของพระเจ้า
ซึ่งพระเจ้าก็สัญญาว่าจะปลดปล่อยจะช่วยเหลือพวกเขา แต่ความหมายของคำว่า ปลดปล่อยหรือช่วยเหลือ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องฝ่ายร่างกาย เรื่องทางการเมือง เรื่องการทหาร เรื่องของการฝ่ายโลกนี้
แต่พระเจ้าให้สิ่งที่ดีกว่าสำหรับชาวยิว และไม่เพียงแต่ชาวยิวเท่านั้น ก็คือคนต่างชาติด้วย มนุษย์ทุกชาติทั่วโลก ถ้าเชื่อ และต้อนรับพระเมสสิยาห์ หรือพระคริสต์ หรือผู้ที่ถูกเจิมเอาไว้ ก็คือจะได้รับความสุข ที่มนุษย์ตามหา และจะได้รับชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ที่มนุษย์ต้องการ และเมื่อตายไปก็จะอยู่กับพระเจ้าชั่วนิจนิรันดร์ นี่คือสัญญาของพระเจ้าผ่านอิสยาห์ และผู้เผยพระวจนะอีกมากมายหลายคน
เอเมนขอบคุณพระเจ้า วันนี้เราได้พบพระคริสต์ ขอบคุณพระเจ้าเราได้พบพระเมสสิยาห์ เราขอบพระคุณพระเจ้าที่เรามีความหวัง คำทำนายทุกสิ่งเกิดขึ้นกับพระคริสต์ และเราจะได้รับตามสัญญาเมื่อเราเชื่อและต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เอเมน
สรุปก็คือ ในพระคัมภีร์เดิมมีหลายอาณาจักรที่รุ่งเรือง คืออาณาจักรบาบิโลน อาณาจักรอัสซีเรีย อาณาจักรเปอร์เซีย และอาณาจักรเหล่านี้ยึดครองอาณาจักรอิสราเอล พระเจ้าส่งผู้เผยพระวจนะมาประกาศ และจะประทานผู้ที่ถูกเจิมเอาไว้ ก็คือพระคริสต์หรือพระเมสสิยาห์ คนหนึ่งเพื่อมาช่วยไถ่ชนชาติอิสราเอล
มีคำทำนายเกี่ยวกับผู้ที่ถูกเจิมเอาไว้หรือพระคริสต์ ประมาณ 200 กว่าเรื่อง คำทำนายที่เกี่ยวข้องกับพระเยซู ในพระคัมภีร์เดิมมี 200 กว่าเรื่อง แล้วอีกมากมายหลายเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แต่อีกหลายเรื่องยังไม่เกิด จะเกิดแน่นอน
รู้ได้ยังไง เพราะว่าในอดีตมันเกิดแล้ว มีมาแล้ว แล้วในอนาคตจะไม่มีได้ยังไง ใช่ไหม เพราะฉะนั้นเราเชื่อเรามั่นใจคำทำนายของท่านอิสยาห์ และอีกหลายๆ ท่าน หลายๆ คน ผู้เผยพระวจนะ จะเกิดขึ้นจริง
สิ่งที่เราเห็นที่เด่นๆ ก็คือพระเยซูจะมาบังเกิดกับครอบครัวที่ยากจน อันนี้เกิดขึ้นแล้ว พระเยซูจะมาเกิดมาบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮม เมืองนาซาเร็ธ แล้วที่สำคัญก็คือการทนทุกข์ทรมาน การตาย และการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์ อย่างที่ในอิสยาห์บทที่ 53 และพระองค์มาจากพระเจ้า พระองค์เป็นพระบุตรพระเจ้า พระองค์จะครอบครองเหนืออาณาจักรอิสราเอลและทั่วโลก ซึ่งในอนาคตจะมีมาแน่นอน
สำหรับเรื่องการประกาศของชาวยิว เราพบว่า สาวกประกาศ พวกเขาจะเน้นเรื่องพระคริสต์ และจะมีคนกลับใจมากมายเมื่อได้ยินได้ฟังเรื่องพระเยซูคริสต์และการกระทำพระราชกิจของพระองค์
สำหรับชาวต่างชาติที่กลับใจ เขาเชื่อศาสนายิว เพราะว่าเขาแต่งงานกับคนยิว แล้วบางคนสนใจเรื่องศาสนายิว แต่ต่อมาพอได้ยินเรื่องพระเยซูคริสต์ เขาก็กลับใจต้อนรับพระเยซู นี่คือการเตรียมของพระเจ้าสำหรับพวกเขา
ส่วนสำหรับการประกาศของคริสเตียนพวกเรา เราไม่เน้นที่คำทำนาย เราจะไม่ไปบอกใครนะ ว่าเนี่ยคำทำนาย ของพระเยซูเป็นแบบนี้แบบนั้น ในพระคัมภีร์เดิมเป็นแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่ไม่เกิดผล ไม่ค่อยจะเกิดผลสำหรับคนทั่วไป
แต่เกิดผลสำหรับชาวยิวเพราะว่าพระเจ้าให้ความหวังกับพวกเขา และพวกเขารอสิ่งนี้
แล้วสำหรับพวกเราล่ะ พวกเราประกาศเรื่องอะไร???
การประกาศของพวกเรา สำหรับประกาศพระคริสต์
1. เราประกาศเน้นที่ปัญหาชีวิต
2. เราประกาศเน้นที่ความสุขที่มนุษย์ต้องการ
3. และเราประกาศเรื่องความรอดที่มนุษย์ทุกคนต้องการ
3 สิ่งนี้ โดยการนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์จะนำให้เขาได้รับการเปิดตา แทงเข้าไปในหัวใจของเขาว่า พระเยซูผู้นี้คือคนที่ให้ความสุขที่เต็มล้นอย่างแท้จริง เป็นความสุขที่ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องใช้อะไรเพื่อไปเที่ยวไปหาเพื่อให้ได้ความสุขมา และความสุขนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน
แต่ความสุขนี้ที่พระเยซูประทานให้ เป็นความสุขชั่วนิรันดร์ เป็นความสุขที่อยู่ภายในเรา เป็นความสุขที่เกิดขึ้นเมื่อเราเชื่อและยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา
และสุดท้ายก็คือความรอด ไม่มีความรอดใดที่มนุษย์มอบให้กันได้ แต่พระเยซูคริสต์เป็นผู้ที่ประทานความรอดให้ทุกคน เมื่อเราเชื่อในพระองค์
หลังจากนั้น เพียงแต่เชื่อพระเยซูเท่านั้นไม่พอ หลังจากนั้นเราต้องประกาศเรื่องอาณาจักร และข้อลึกลับทั้งหลาย เพื่อชีวิตในโลกนี้จะมีรสชาติ เพื่อชีวิตในโลกนี้เราจะพบสวรรค์บนดิน
ขอบคุณพระเจ้าที่เราเป็นคนกลุ่มน้อย และมีอยู่ทั่วโลก ซึ่งได้มาถึงชีวิตที่ครบบริบูรณ์อย่างแท้จริง ขณะที่คริสเตียนมากมายเป็นคริสเตียน เป็นบุตรพระเจ้า แต่ยังมีทุกข์สุขๆ ขึ้นลง ดีบาปไปจนตาย แต่เรามีโอกาสได้พบชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ได้มาถึงแม่น้ำแห่งชีวิตที่ดื่มแล้วจะไม่กระหายอีกเลย สรรเสริญพระเยซู
สมัยที่ผมไปเรียนมหาลัยศาสนศาสตร์ที่อเมริกา ตอนนั้นก็คือได้ยินมีบางคนพูดถึงเรื่องคำทำนายของพระพุทธเจ้า ถ้าพี่น้องไม่สะดุดนะครับผมก็จะเล่าเป็นคร่าวๆ แบบย่อๆ แต่ถ้าพี่น้องเห็นว่าไม่สมควร ก็ไม่เป็นไร
คือสมัยนั้นนะครับ มีการเขียนเป็นเรื่องเป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ซึ่งคำทำนายเหล่านี้ได้มาจากคัมภีร์ไตรปิฎก พระคัมภีร์ไตรปิฎกที่แปลเป็นภาษาไทยจากจังหวัดเชียงใหม่ เขาแปลแบบนี้นะครับก็คือ มีอยู่เวลานึงที่พราหมณ์เฒ่ามากราบทูลพระพุทธเจ้าถามว่า.. ทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นจากความผิดบาปทั้งหลายและได้ไปสวรรค์เมื่อตาย
พระพุทธเจ้าก็ตอบว่า.. อย่าตามเรามา ไม่ต้องตามเรามา อันนี้ย่อๆ นะครับแบบย่อๆ ไม่ต้องตามเรามา แต่จงทำบุญและรอคอยพระองค์หนึ่งที่จะมาภายหลัง พราหมณ์เฒ่าก็ถามต่อว่า.. ท่านผู้นั้นจะมาบังเกิดที่ไหนที่ใดและมีรูปร่างลักษณะอย่างไร
พระพุทธเจ้าก็ตอบว่า.. ท่านผู้นั้นจะมาบังเกิดในเขตชนบท ในครอบครัวที่ยากจน ผู้คนจะถุยน้ำลายใส่ท่านและไม่ต้อนรับท่าน ที่อุ้งพระหัตถ์และอุ้งพระบาทจะมีรอยแผลเป็นเหมือนรูปวงกลมเหมือนกงจักร รอบศีรษะของท่านจะมีรอยแผลเป็นเหมือนกัน ที่ดูไม่ได้เลย คือหน้าขยะแขยง น่ากลัวน่าเกลียด ดูไม่ได้ ท่านผู้นี้แหละที่จะเป็นเหมือนเรือสำเภาทองคำลำใหญ่จะมาไถ่มนุษย์โลกให้รอดพ้นจากความบาปทั้งหมดทั้งมวล อันนี้เท่าที่ผมจำได้นะครับ
แล้วชาวพุทธทั้งหลายก็คิดว่าน่าจะเป็น พระพุทธเจ้าที่จะมาเกิดอีกชาติใหม่ แต่ปรากฏว่าคือมันตรงกันใช่ไหม กับคำทำนายของอิสยาห์ และคำทำนายอีกหลายๆ ที่ในพระคัมภีร์เดิม
เราไม่แปลกใจนะครับว่าชาวอินเดียไปรับคำสอนรับคำทำนายมาจากอิสราเอลได้ยังไง คืออิสราเอลอาณาจักรอิสราเอล อยู่ไม่ไกลจากประเทศอินเดียมากเท่าไหร่ เดินทางไม่ไกลนะครับเราไปดูที่แผ่นที่สิ น่าจะประมาณตอนสมัยก่อนถ้าเดินนะครับ ถ้าเดินก็จะประมาณซักน่าจะวันสองวันก็จะถึง
แล้วมีโหราจารย์ 3 คนจำกันได้ไหม ที่เดินทางมาจากทางเหนือ เราเชื่อกันนะครับว่ามาจากแถวๆ อินเดีย แถวๆ ประเทศเนปาล หรือแถวๆ นั้น ที่มาเพื่อถวายเครื่องถวายของขวัญแด่พระเยซูให้พระเยซู ตอนที่พระเยซูบังเกิด โหราจารย์ที่เดินทางมาเราเชื่อกันเหลือเกินว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ที่แสวงหาทางแห่งความรอด
เขารู้จักการดูดวงดูดาวดูชะตาชีวิตอะไรประมาณนี้ เขาเรียนรู้ทางด้านนี้ แล้วสุดท้ายพอเขาได้ยินข่าวจากอิสยาห์บ้างจากพระคัมภีร์เดิมหลายที่ เขาเรียนรู้นะครับ เขาจึงเดินทางมาเมื่อถึงกำหนด สุดท้ายก็ได้พบพระเยซูจริงๆ และที่ที่เขามา เชื่อว่าก็คือแถวๆ ประเทศอินเดียหรือเนเนปาลหรือแถวๆ นั้น แถบนั้นสมัยก่อนก็คือศาสนาฮินดู ซึ่งมีความเชื่อที่กว้างขวาง มีพระเยอะแยะเต็มไปหมด มี พระ นะครับพันกว่า พระ ของพวกเขา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คือ เราขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้ เราได้พบพระเมสสิยาห์ของแท้ และเราได้ต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เราได้พระองค์เป็นกษัตริย์ของเรา ที่ครอบครองหัวใจเราในวันนี้ และพระองค์จะครอบครองทั่วโลกในยุคพันปีและแผ่นดินโลกใหม่
สรรเสริญพระเยซูพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเรา
พระองค์ให้ได้ทั้งความสุข ความสุขที่มนุษย์แสวงหาและไม่เจอ มีอยู่ที่พระเยซู
และความรอดที่มนุษย์แสวงหา แต่ไม่พบ ก็มีอยู่ในพระเยซู
ถาม.
เอเมน อ. เมื่อกี้บอกว่าโหราจารย์มาจากทิศไหนนะครับ ทิศเหนือหรือว่าที่ไหนครับ
ตอบ.
ถ้าดูในแผนที่นะครับ เชื่อว่าถ้าผมจำไม่ผิดก็คือทางเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือใช่ไหม เราต้องกลับไปดูที่หนังสือมัทธิวบทที่ 2
...
ถาม.
บทที่ 2 ครับ อ. บอกว่ามาจากทิศตะวันออก
ตอบ.
ใช่ครับผม ก็คือตรงกับการเดินทาง จากแผนที่นะครับก็คือจากอินเดียหรือเนปาล หรือแถวๆ นั้น
เพื่อให้หายข้องใจเดี๋ยวเราจะใช้เวลาคุยกันในไลน์ต่อนะครับ
...
วันนี้เราจะเน้นเรื่องพระคริสต์ พระเมสสิยาห์ หรือผู้ที่ถูกเจิมเอาไว้
ในพระคัมภีร์เดิมไม่ได้เรียกว่าพระผู้ไถ่ หรือพระผู้ช่วย แต่เรียกว่าผู้ที่ถูกเจิมเอาไว้ ก็คือพระเจ้าเจิมผู้ชายคนหนึ่ง แล้วผู้ชายคนนี้เองก็คือเป็นพระเจ้าเองที่เสด็จลงมา เราจำกันได้ไหมในหนังสืออิสยาห์บทที่ 9:6
ถาม.
ขออนุญาตค่ะอาจารย์ อาจารย์ค่ะการถูกเจิมอย่างเราอ่ะ ที่พระองค์ทรงเลือกพวกเราและเรียกพวกเรามา เราได้ถูกเจิมด้วยไหมค่ะให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์นะคะ
ตอบ.
สำหรับคริสเตียนนะครับ คำว่า เจิม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเจิมพระเยซูคริสต์
การเจิมพระเยซูคริสต์ ก็คือเจิมให้พระองค์เป็นกษัตริย์ของโลกของจักรวาล
การเจิมพระเยซูคริสต์ ก็คือเจิมให้พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ตายไถ่บาปแทนมนุษย์ทั้งหลาย
การเจิมให้พระเยซูคริสต์ ก็คือเจิมให้เพื่อพระองค์จะเข้ามาสถิตอยู่ในเรา และดำเนินชีวิตแทนเรา ใช้ชีวิตเราเป็นอวัยวะของพระองค์ เพื่อสำแดงความชอบธรรมผ่านเรา
ส่วน เจิมพวกเราทั้งหลายที่เป็นคริสเตียน เป็นมนุษย์นะครับ ก็คือ เจิมให้เป็นสาวก ทุกคนได้รับการเจิมให้เป็นสาวกของพระเยซู ทุกคนเจิมให้เป็นบุตรพระเจ้า ทุกคนเจิมให้เป็น บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะบ้าง บางคนเป็นผู้รักษาโรค ไล่ผีบ้าง แล้วแต่พระวิญญาณบริสุทธิ์เห็นชอบพระทัย และจะเลือกใครให้ทำหน้าที่อะไร
แต่คำว่า เจิม นี้ก็คือความหมายเดียวกัน เจิม ก็คือ แต่งตั้ง ก่อตั้ง เจิมเอาไว้ เลือกเอาไว้ครับ
แล้วพระเจ้าทำนะครับ พระเจ้าจริงจัง พระเจ้าเอาจริงเอาจัง แต่เราไม่ค่อยจะเห็นคุณค่าการเลือกการเจิมของพระเจ้าเท่าไหร่ใช่ไหม
คริสเตียนมากมายไม่รู้ ไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นสาวกของพระเยซู เราทุกคนที่เชื่อพระเยซูเป็นลูกหลานของพระเจ้า เป็นบุตรพระเจ้าแล้วนะครับ ตั้งแต่นั้นมาเราถูกเรียก ถูกเลือก ถูกตั้ง ให้เป็นสาวก และเรานะครับจะต้องค้นหาของประทาน อาวุธของเรา เพื่อที่จะรับใช้ เครื่องมือ เพื่อรับใช้พระเจ้า เรานิ่งเฉยไม่ได้แล้วนะครับ
แล้วขณะที่เรานมัสการพระเจ้าร่วมกัน เราควรจะพูดเอเมน หรือควรจะพูดอะไร คือตามพี่น้อง แล้วมีส่วนในการเคลื่อนไหวของอวัยวะของร่างกายนี้ของพระเยซู เพื่อจะรับบำเหน็จ เพื่อจะให้พระเยซูยกย่องเรา ให้พระเยซูเรียกเราว่าบุตรที่รักของพระองค์ อย่านิ่งเฉยนะครับ
แล้วก็การรับใช้ของพวกเรา เราทำหน้าที่ปุโรหิตหลวง แม้แต่การนมัสการในวันนี้ตอนนี้ และการนมัสการในกลุ่ม การเลี้ยงดูพี่น้อง ช่วยเหลือ ล้างเท้ากันและกัน
เราทุกคนทำหน้าที่กัน อย่าห้ามพี่น้อง ถ้าเตือนนะครับ เราหนุนใจแบบธรรมดาทั่วไป ถ้าเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ใหญ่ แล้วเขาอาจจะคือทำให้พี่น้องหลายคนสะดุด เราไปคุยกับทีมงาน เราไปคุยกับหลายคนก่อน อย่าเพิ่งไปตัดสินใคร อย่าเพิ่งไปสั่งใคร ใช้อำนาจกับใคร หรืออ้างอะไรก็ตาม อันนี้ผมพูดด้วยความรักนะครับ และรักทุกคน ก็คือเราอยู่ด้วยกันด้วยความรัก และด้วยความเห็นใจกันและกัน
และด้วยความที่ว่าทุกคนต้องการรับใช้ หรือใครจะทำอะไร ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ถูกใจเรา คำพูด การเขียน อาจจะไม่ถูกใจเรา การไฮไลท์เป็นสี
คือผมอยากขอบคุณพระเจ้าที่เรามีใจรับใช้ มีภาระใจที่จะล้างเท้าพี่น้อง ล้างเท้ากันและกัน แต่ถ้ามีจุดบกพร่องมีปัญหาอะไร ผมไม่เข้าข้างใคร แล้วก็ไม่ควรจะให้ใครเข้าข้างใคร หรือรักใครชังใคร เรารักทุกคนเท่าเทียมกัน เอเมน
แล้วเราเตือนกันด้วยความรักนะครับ เตือนกันด้วยความรัก ให้โอกาสกันและกัน ให้โอกาสกัน
ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เราถูกเจิม และเราทำหน้าที่ปุโรหิตหลวงด้วยความสัตย์ซื่อ เราอยู่ด้วยกันอย่างสันติ อยู่ด้วยกันด้วยความรัก จริงใจ เอเมน
เมสสิยาห์ (Messiah)