การอธิษฐานอย่างมหาปุโรหิตของพระเยซู
17:1 พระเยซูตรัสดังนั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นดูฟ้าและตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ถึงเวลาแล้ว ขอทรงโปรดให้พระบุตรของพระองค์ได้รับเกียรติ เพื่อพระบุตรจะได้ถวายเกียรติแด่พระองค์
** "ถึงเวลาแล้ว" คือพระเยซูจะถูกประหารชีวิตให้ตาย
** ผู้เชื่อที่รักพระเจ้า พระเจ้าจะเลือกบางคนให้ตาย เพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติ
** ความตายอาจจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับมนุษย์ แต่สำหรับพระเจ้าไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าจะใช้ความตายและการทนทุกข์เพื่อประทานตำแหน่งสูงให้ผู้เชื่อ
** เพื่อพระบุตรจะได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ คือเมื่อพระเยซูได้รับเกียรติจากพระบิดา พระองค์ก็แบ่งชีวิต (พระวิญญาณของพระองค์เอง) ให้แก่ผู้เชื่อทุกคน เพื่อพวกเขาจะประกาศข่าวประเสริฐนำคนมาเชื่อ และนำพระเจ้าเข้ามาอยู่ในพวกเขาทุกคน เพื่อให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อโลกจะเห็นพระบิดาผ่านผู้เชื่อทั้งหลาย
17:2 ดังที่พระองค์ได้ทรงโปรดให้พระบุตรมีอำนาจเหนือเนื้อหนังทั้งสิ้น เพื่อให้พระบุตรประทานชีวิตนิรันดร์แก่คนทั้งปวงที่พระองค์ทรงมอบแก่พระบุตรนั้น
** พระเยซูไม่มีร่างกายจากนางมารีย์ ที่เป็นดิน แต่คล้ายดินเท่านั้น จึงไม่ทำบาปและไม่มีบาป (โรม 8:3)
** "ประทานชีวิตนิรันดร์" ในที่นี้ คือประทานชีวิตพระเจ้า ไม่ใช่ความรอดชั่วนิรันดร์ แต่เมื่อเราได้รับชีวิตพระเจ้าเราได้รอดนิรันดร์และทั้งหมดที่พระเยซูมีก็เป็นของเราด้วย
** ให้พระบุตรมีอำนาจเหนือเนื้อหนังทั้งสิ้น คือทุกสิ่งทุกส่วนที่เป็นเนื้อหนังและมีส่วนในเนื้อหนัง อย่างเช่น วิญญาณเก่า จิตเก่า ร่างกายแห่งความบาป ร่างกายแห่งความตาย ตัวบาป กฎแห่งบาป และกฎแห่งความตาย ซาตานและลูกน้องของมันทั้งหมดทั้งมวล
17:3 และนี่แหละคือชีวิตนิรันดร์ คือที่เขารู้จักพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และรู้จักพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ทรงใช้มา
** ชีวิตนิรันดร์ ภาษากรีก คือชีวิตพระเจ้า (โซเอ้) ที่เป็นอมตะ/ยืนยาวหรือตายไม่เป็น (อา-ฮี-โอ-นี-อส)
17:4 ข้าพระองค์ได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ในโลก ข้าพระองค์ได้กระทำพระราชกิจที่พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กระทำนั้นสำเร็จแล้ว
** คือพระเยซูมาไถ่โลกสำเร็จแล้ว และนำข่าวประเสริฐทั้งเรื่องชีวิตพระเจ้าเข้ามาในเรา ซึ่งเป็นโอกาสครั้งที่สองที่อาดัมเคยพลาด อาดัมได้รับแต่เฉพาะวิญญาณของพระเจ้าแต่ยังไม่ได้รับชีวิตพระเจ้า (ต้องไปรับจากต้นไม้แห่งชีวิต)
17:5 บัดนี้ โอ พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ได้รับเกียรติต่อพระพักตร์ของพระองค์ คือเกียรติซึ่งข้าพระองค์ได้มีร่วมกับพระองค์ก่อนที่โลกนี้มีมา
** พระบิดาและพระบุตรได้รับเกียรติแล้วตั้งแต่เริ่มแรก แต่ในที่นี้ คือผู้ชายชื่อเยซูจะได้รับเกียรติร่วมกับพระเจ้า
17:6 ข้าพระองค์ได้สำแดงพระนามของพระองค์แก่คนทั้งหลายที่พระองค์ได้ประทานให้แก่ข้าพระองค์จากมวลมนุษย์โลก คนเหล่านั้นเป็นของพระองค์แล้ว และพระองค์ได้ประทานเขาให้แก่ข้าพระองค์ และเขาได้รักษาพระดำรัสของพระองค์แล้ว
17:7 บัดนี้เขาทั้งหลายรู้ว่า ทุกสิ่งที่พระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์นั้นมาจากพระองค์
** พระเยซูนำการงานของพระบิดามายังโลก และทำสำเร็จแล้ว
17:8 เพราะว่าพระดำรัสที่พระองค์ตรัสประทานให้แก่ข้าพระองค์นั้น ข้าพระองค์ได้ให้เขาแล้ว และเขาได้รับไว้ และเขารู้แน่ว่าข้าพระองค์มาจากพระองค์ และเขาเชื่อว่า พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพระองค์มา
17:9 ข้าพระองค์อธิษฐานเพื่อเขา ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อโลก แต่เพื่อคนเหล่านั้นที่พระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ เพราะว่าเขาเป็นของพระองค์
17:10 ทุกสิ่งซึ่งเป็นของข้าพระองค์ก็เป็นของพระองค์ และทุกสิ่งซึ่งเป็นของพระองค์ก็เป็นของข้าพระองค์ และข้าพระองค์มีเกียรติในสิ่งเหล่านั้น
17:11 บัดนี้ข้าพระองค์จะไม่อยู่ในโลกนี้อีก แต่พวกเขายังอยู่ในโลกนี้ และข้าพระองค์กำลังจะไปหาพระองค์ ข้าแต่พระบิดาผู้บริสุทธิ์ ขอพระองค์ทรงโปรดพิทักษ์รักษาบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ไว้โดยพระนามของพระองค์ เพื่อเขาจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนดังข้าพระองค์กับพระองค์
** ผู้ชายชื่อเยซูที่เป็นขึ้นมาจากความตาย จะนั่งบนสวรรค์สถานกับพระบิดา
** ส่วนผู้ที่ลงมาอยู่กับเราคือพระคริสต์เยซู (พระวิญญาณของพระคริสต์)
** "เพื่อเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน" นี่คือน้ำพระทัยพระเจ้า แต่คริสเตียนทุกวันนี้หล่นจากพระคุณเสียแล้ว จึงเป็นหนึ่งเดียวไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะความเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมใจ หล่นจากพระคุณก็คือหล่นจากความจริงของพระเจ้าทำให้พระกายของพระเยซูกลายเป็นศาสนาคริสต์
สรุป
1. เมื่อพระเยซูทำหน้าที่เสด็จมาเพื่อตายไถ่บาปโลก พระองค์เชื่อฟังพระบิดาจนถึงที่สุด และแผนการงานของพระเจ้าก็สำเร็จ พระบุตรจึงได้รับเกียรติจากพระบิดาและได้รับสิทธิอำนาจในการประทานชีวิตของพระองค์เข้ามาสู่ผู้เชื่อทั้งหลาย
2. ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเยซูมีอำนาจเหนือเนื้อหนังแล้ว เราจึงมีชัยชนะกับพระองค์ คือได้รับการไถ่ให้รอดจาก วิญญาณเก่า จิตเก่า ร่างกายแห่งความบาป ร่างกายแห่งความตาย ตัวบาป กฎแห่งบาป และกฎแห่งความตาย ซาตานและลูกน้องของมันทั้งหมดทั้งมวล
3. อาดัมและลูกหลานไม่เคยได้รับชีวิตพระเจ้าที่เป็นอมตะนี้ แต่พระเยซูนำมาให้มนุษย์อย่างครบบริบูรณ์ (ยอห์น 10:10)
4. พระเยซูหรือพระเจ้าพระบุตรตอนนี้ประทับที่ข้างขวาของพระบิดา ส่วนพระคริสต์ คือวิญญาณของพระเยซูสถิตอยู่ภายในเราทุกคน และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับวิญญาณของเราแล้ว
5. "เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน" นี่คือน้ำพระทัยพระเจ้า ผู้เชื่อที่ได้รับการชำระด้วยพระคำจึงจะเห็นและเข้าใจได้
17:12 เมื่อข้าพระองค์ยังอยู่กับคนเหล่านั้นในโลกนี้ ข้าพระองค์ก็ได้พิทักษ์รักษาพวกเขาไว้โดยพระนามของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ปกป้องเขาไว้และไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเสียไปนอกจากลูกของความพินาศ เพื่อพระคัมภีร์จะสำเร็จ
** "ไม่มีผู้ใดเสียไป" ไม่นับยูดาส เพราะเขาไม่เคยถูกเลือกให้รอด แต่ถูกเลือกให้มาทรยศเท่านั้น
** ข้อ 12 ยืนยันว่าผู้เชื่อที่บังเกิดใหม่แล้วทุกคนจะไม่เสียไปอย่างแน่นอน พวกเขารอดแล้วและรอดเลย
** สาวก 11 คนมาจากการทรงเลือกของพระบิดาและประทานให้พระเยซู เราที่เป็นสาวกของพระเยซูก็เช่นกัน
17:13 และบัดนี้ข้าพระองค์กำลังจะไปหาพระองค์ และข้าพระองค์กล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ในโลก เพื่อเขาจะได้รับความชื่นชมยินดีของข้าพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม
** ข้าพระองค์กล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ในโลก คือพระเยซูกล่าวถึงเรื่องความหวังความรอดความสุข และการไถ่ของพระเจ้าการตายและการเป็นขึ้น การกลับไปสู่พระบิดา และการกลับอยู่พวกเขา เพื่อสาวกสมัยนั้นและพวกเราในยุคนี้จะมีความหวัง และชื่นชมยินดีอย่างเต็มล้น
17:14 ข้าพระองค์ได้มอบพระดำรัสของพระองค์ให้แก่เขาแล้ว และโลกนี้ได้เกลียดชังเขา เพราะเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนดังที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก
17:15 ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก แต่ขอปกป้องเขาไว้ให้พ้นจากความชั่วร้าย
** มารซาตานต้องการดึงผู้เชื่อออกจาก "ความสว่าง" การทดลอง สิ่งล่อลวง ความรักโลก รักทรัพย์สิน รักความสุขกายสบายใจที่โลกให้ มันทำสำเร็จ แต่ผู้เชื่อมากมายไม่รู้สึกตัวว่าติดกับดักของมันแล้ว
** ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาออกไปจากโลก คือเอาชีวิตเขาไป หรือแยกผู้เชื่อให้ไปรวมตัวกันอยู่ไกลห่างจากคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าเราต้องประกาศข่าวดีแก่คนที่ไม่เชื่อ และสำแดงชีวิต และนิสัยของพระเจ้าต่อคนที่ไม่เชื่อ แน่นอนที่สุดซาตานจะจ้องเล่นงานผู้เชื่อที่ไม่สำแดงชีวิตของมัน มันจึงพยายามที่จะทำร้ายทำลายผู้เชื่อ พระเยซูจึงขอพระบิดาให้ดูแลและปกป้องพวกเขา
17:16 เขาไม่ใช่ของโลก เหมือนดังที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก
** โลกนี้เสื่อมตกต่ำ และถูกสาบแช่งแล้ว พระเจ้าเข้ามาไถ่ผู้เชื่อออกมา อีกไม่นานโลกจะถูกทำลาย
17:17 ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริงของพระองค์ พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง
** "ชำระ" ในที่นี้คือ "เปลี่ยน" (Sanctify) ให้ได้รับจิตใจใหม่ ผลแห่งการทำแทนของพระคริสต์เยซูในเรา (กท 5:22-23 / กท 2:20 / ฟป 2:13)
** "ชำระด้วยความจริง" คือการเปิดตา ตีความหมายพระคำถูกต้อง ไม่แปลตามความคิด ของอาดัมที่ฉลาดแต่เห็นความจริงในฝ่ายวิญญาณไม่ได้ (คือการพึ่งพระวิญญาณ)
** เมื่อเราตีความหมายถูก เลิกเชื่อแบบเดิม ทำแบบเดิม รับใช้แบบเดิม อธิษฐาน อ่าน นมัสการแบบเดิม การเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ก็จะเกิดขึ้น (โรม 12:2)
** น่าเสียดายที่ผู้เชื่อมากมาย 90-95 % ไม่มาถึงการเปลี่ยนใหม่ ทำได้แค่แสดงละครเท่านั้น
** สรุป การชำระที่พระเยซูขอพระบิดา ในที่นี้ ก็คือการเปิดตา เมื่อพระวิญญาณชำระหรือเปิดตาผู้เชื่อ ก็จะมองเห็นพระคำพระเจ้าที่เป็นความจริงเป็นชีวิตและมีฤทธิ์เดช ซึ่งตรงข้ามถ้าหากผู้เชื่อไม่ได้ถูกชำระหรือเปิดตา ก็จะได้รับแค่ความรู้ที่เป็นความไม่จริง ไม่มีชีวิตและไม่มีฤทธิ์เดช
** การชำระด้วยพระคำ เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับผู้เชื่อทุกคน เนื่องจากว่าถ้าหากเราไม่ได้รับการชำระด้วยพระคำ การดำเนินชีวิตคริสเตียน การรับใช้ การนมัสการ การประกาศ การอธิษฐาน การขอ การแสวงหา ฯลฯ ทุกสิ่งจะผิดหมด หรือมีสิ่งที่ถูกน้อยมาก คำขอของพระเยซูก็เป็นจริง ผู้เชื่อมากมายได้รับการชำระด้วยพระคำ แต่ก็ยังมีผู้เชื่ออีกมากมายหลายล้านคนที่ไม่ได้รับการเปิดตา และดำเนินชีวิตที่ไม่ได้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระบิดา
17:18 พระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มาในโลกฉันใด ข้าพระองค์ก็ใช้เขาไปในโลกฉันนั้น
** ผู้ชนะจะช่วยผู้เชื่อที่ถูกเลือกไว้เพื่อให้ดำเนินชีวิตเหมือนพระเยซูในโลกนี้ (ใช้เขาไปในโลกฉันนั้น)
17:19 ข้าพระองค์ถวายตัวของข้าพระองค์เพราะเห็นแก่เขา เพื่อให้เขารับการทรงชำระแต่งตั้งไว้โดยความจริงด้วยเช่นกัน
** "เพื่อให้เขารับการทรงชำระ" ในที่นี้ กรีกใช้คำว่า "ชำระ" (Sanctified) เป็นอดีตกาล คือชำระแล้ว
** ทุกครั้งที่พระคัมภีร์ใช้คำว่า "ชำระ" "เปลี่ยน" หรือ "แยกออก" คืออดีตกาล (พระเจ้าทำแล้วผ่านพระเยซู)
** เราขอบพระคุณ อย่าขอให้พระเจ้าเปลี่ยนเรา แต่เชื่อเท่านั้น จิตใจใหม่จะออกมา
17:20 ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อคนเหล่านี้พวกเดียว แต่เพื่อคนทั้งปวงที่จะเชื่อในข้าพระองค์เพราะถ้อยคำของเขา
17:21 เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์คือพระบิดาทรงสถิตในข้าพระองค์ และข้าพระองค์อยู่ในพระองค์ เพื่อให้เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์และกับข้าพระองค์ด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา
** พระเยซูขอให้ ผู้เชื่อเป็นหนึ่งเดียวเป็นครั้งที่สอง เพราะว่านี่คือน้ำพระทัย
17:22 เกียรติซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้มอบให้แก่เขา เพื่อเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์กับข้าพระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั้น
17:23 ข้าพระองค์อยู่ในเขา และพระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์ เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ และเพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา และพระองค์ทรงรักเขาเหมือนดังที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์
** โอ้ พระเยซูอยู่ในเรา ทำไมผู้เชื่อมากมายไม่เห็นข้อนี้
** ผู้เชื่อที่พบความจริงนี้จึงจะเป็นหนึ่งเดียวกันได้ (เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์)
** เราเห็นการแตกแยกแบ่งแยกได้อย่างชัดเจนมาก
** คนส่วนมากมักจะพูดว่า คณะไหน กลุ่มใด ก็ไม่เป็นไรหรอก เราแยกกัน แต่ก็รักกันนะ เราก็แยกกันไปรับใช้นี่นา เราได้ยินบ่อยๆ ในคริสตจักร อันนี้มาจากมาร
** เราจะพบว่า พระเยซู อธิษฐาน ขอให้ผู้เชื่อเป็นหนึ่งเดียวหลายๆ ครั้งในบทที่ 17 นี้
** เราเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้องใน คริสตจักรหรือไม่
** คริสตจักรเราเป็นหนึ่งเดียวกับคริสตจักรทั่วไปหรือไม่ ถ้าคำตอบคือ ไม่ เราตกขอบแล้ว
17:24 พระบิดาเจ้าข้า ข้าพระองค์ปรารถนาให้คนเหล่านั้นที่พระองค์ได้ประทานให้แก่ข้าพระองค์ อยู่กับข้าพระองค์ในที่ซึ่งข้าพระองค์อยู่นั้นด้วย เพื่อเขาจะได้เห็นสง่าราศีของข้าพระองค์ซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ เพราะพระองค์ทรงรักข้าพระองค์ก่อนที่จะทรงสร้างโลก
17:25 โอ ข้าแต่พระบิดาผู้ชอบธรรม โลกนี้ไม่รู้จักพระองค์ แต่ข้าพระองค์รู้จักพระองค์ และคนเหล่านี้รู้ว่าพระองค์ได้ทรงใช้ข้าพระองค์มา
17:26 ข้าพระองค์ได้ประกาศให้เขารู้จักพระนามของพระองค์ และจะประกาศให้เขารู้อีก เพื่อความรักที่พระองค์ได้ทรงรักข้าพระองค์จะดำรงอยู่ในเขา และข้าพระองค์จะอยู่ในเขา”
** ข้อ 26 บ่งบอกให้รู้ว่าพระคริสต์จะมาอยู่ในเราผู้เชื่อทุกคน
สรุป
1. โลกเกลียดชังเนื่องมาจากซาตานทำให้มนุษย์เกลียดชังผู้เชื่อเพราะว่ามันเกลียดชีวิตและนิสัยของพระเจ้า
2. การชำระด้วยพระคำ เพื่อเข้าสู่รูปแนวชีวิต และหลุดพ้นจากรูปแนวศาสนา
3. การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
4. การสถิตของพระคริสต์เยซูในเรา