แบบที่ 1. คือเชื่อว่าพระเจ้ามีจริงซึ่งซาตานก็เชื่ออยู่แล้ว
ส่วนแบบที่ 2. คือการเชื่อเข้าใน-เข้าไปในสิ่งที่เราเชื่อนั้น คือคนที่เชื่อนั้นไม่ใช่แค่พูด แต่กระทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อพิสูจน์ ความเชื่อของเขา เราผู้เชื่อที่แท้จริงคือเอาชีวิตทั้งชีวิตความคิดและการกระทำมุ่งตรงไปที่พระเยซูและฝ่ายวิญญาณ ซึ่งความหมายก็คือมองไปที่เบื้องบนนั่นเอง
การเชื่อเข้าในจะเป็นลักษณะที่เอาชีวิต เอาการกระทำ โฟกัสหรือทุ่มเทเข้าไปในสิ่งที่เราเชื่อนั้น ซึ่งพระเยซูตรัสในข้อที่ 15-16 ก็คือการเชื่อเข้าใน เชื่อเข้าไป เอาทุกสิ่งเข้าไป ไม่ใช่เชื่อแล้วอยู่เฉยๆ ไม่ใช่เชื่อแล้วนิ่งๆ ไม่พูดอะไร ไม่ทำอะไร ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ไม่รู้สึกอะไร อันนั้นก็คือความเชื่อที่ซาตานเชื่อ
เพราะฉะนั้น เราสังเกตดูเราเองว่าที่ผ่านมาเราเชื่อพอไหม เรามีความเชื่อแบบที่พระเยซูต้องการให้เราเชื่อไหม คือเชื่อเข้าใน เชื่อเข้าไป เอาชีวิต เอาการกระทำ เอาคำพูดเข้าไป ความหมายก็คือ การใช้ชีวิตอยู่ 24 ชั่วโมง 7 วัน อยู่ในฝ่ายวิญญาณ อยู่ในความเชื่อ อยู่ในพระเยซูคริสต์ คุณสมบัตินี้เรามีไหม ถ้าเรามีเราจะเติบโต เราจะได้รับการเปิดตา เราจะได้รับสิ่งที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ แล้วเราก็มีอยู่ในนี้แล้ว ก็คือในชีวิตของเราเอาชีวิต
พระเจ้ารักโลก คือความรักแบบไม่มีเงื่อนไขไม่มีเหตุผลไม่มีขีดจำกัด เป็นอากาเปที่แท้จริง และมีผู้เดียวเท่านั้นในโลกนี้ในจักรวาลนี้ทำได้ ก็คือพระเจ้า ตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลกจนถึงทุกวันนี้พระเจ้าเป็นฝ่ายเสียหาย พระเจ้าเป็นฝ่ายกระทำให้มนุษย์ และพระเจ้าเป็นฝ่ายเสียพระทัยมากกว่า ซึ่งพระเจ้าเสียเปรียบ ตั้งแต่พระเจ้าร่วมทำกิจกับมนุษย์ ทำกิจต่อมนุษย์ ส่วนมนุษย์นั้นมักจะเป็นฝ่ายที่ได้รับ และครั้งนี้พระเจ้ายอม เสียหายครั้งยิ่งใหญ่ คือให้พระบุตรลงมาตายเพื่อไถ่บาปโลกและนำชีวิตของพระองค์เพื่อเข้ามาอยู่ในพวกเรา ให้มาอยู่กับเรา อยู่ในเรา เพื่อเป็นความหวังแห่งสง่าราศี และเพื่อจะมีส่วนในพระคริสต์อย่างครบถ้วนได้
ชีวิตของพระเจ้า โซเอ้ Zoe เป็นชีวิตที่อมตะตายไม่เป็นอยู่ยืนนานชั่วนิรันดร์ แต่ในหนังสือยอห์นพระเจ้าต้องการเปิดเผยให้คริสเตียนได้รู้และเข้าใจว่านั่นไม่ใช่เป้าหมายที่พระเจ้าไถ่โลก น้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระเจ้าคือการที่จะเข้ามาอยู่ในเราอยู่กับเราตลอดไป
ในยอห์นบทที่ 3:16 บอกว่า "เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ที่บังเกิดมาเพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์"
คือผู้ที่เชื่อวางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตที่อมตะ จริงๆแล้วท่านยอห์นต้องการเปิดเผย ต้องการสื่อให้พวกเราเข้าใจว่า เราจะได้รับชีวิตพระเจ้า หนังสือยอห์นถ้าเราอ่านทั้งบททั้งเล่ม เราจะเห็นว่าพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเรา สำคัญที่สุดสิ่งสำคัญ บทที่สำคัญมากๆ ก็คือบทที่ 14 บทที่ 14 จะพูดถึงว่า พระเยซูจัดเตรียมสถานที่ ภาษาไทยบอกว่า "คฤหาสน์" ไม่ใช่น่ะครับ สำหรับภาษากรีก คือ เราไปจัดเตรียมสถานที่ "เรือน" หรือที่อยู่ และสถานที่นั้นมีอยู่จริง การจัดเตรียมของพระเยซูก็คือไปตายบนกางเขน แล้วฟื้นขึ้นมาจากความตาย เมื่อพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระเยซูได้รับสิทธิอำนาจให้ประทานพระวิญญาณเข้ามาอยู่ในเรา ดลบันดาลชีวิตเราให้ฟื้นขึ้นมาใหม่ เป็นเรือน เป็นที่อยู่ เป็นสถานที่ ที่พระเยซูพูดถึงในยอห์นบทที่ 14 นั่นเอง
เพราะว่าผู้เชื่อทุกวันนี้ คิดว่าเขาตายแล้วจะไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์ใช่ไหม อันนี้ไม่จริงน่ะครับ เรารู้แล้วน่ะครับขอบคุณพระเยซูที่เปิดตาให้หลายคนเข้าใจว่า สำหรับมนุษย์พระเจ้าสร้างให้เราเกิดมาเพื่อให้เราอยู่ในโลกใบนี้ เมื่อโลกใบนี้ถูกสาปแช่ง ตกต่ำ เสื่อมทรามเสื่อมโทรม พระเจ้าก็สร้างโลกใหม่ให้เราอยู่ ไม่ใช่ย้ายเราไปอยู่สวรรค์น่ะครับ แต่สวรรค์จะย้ายลงมาอยู่กับเรา วิวรณ์บทที่ 21 บอกว่า นครเยรูซาเล็มใหม่ก็ลอยลงมาจากสวรรค์ พระเจ้าจะลงมาอยู่กับเรา ไม่ใช่เราไปอยู่กับพระเจ้า
ซึ่งตายแล้วไปสวรรค์คือความเชื่อของทุกศาสนา แต่คริสเตียนเราเห็นว่าตายแล้ว ไม่ได้ไปอยู่สวรรค์แต่อยู่กับพระเจ้าในแผ่นดินโลกใหม่ จริงๆ แล้วถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆน่ะครับ สำหรับพระเจ้าสวรรค์ ก็คือ ทุกที่ ที่มีพระเจ้าอยู่ เราอยู่เมืองบรมสุขเกษมพระเจ้าก็อยู่ที่นั่น เราอยู่ที่ไหนพระเจ้าก็อยู่ที่นั่น และที่นั่นก็เป็นสวรรค์สำหรับเรา และขณะนี้โลกนี้เป็นนรกสำหรับหลายคน แต่ขอบคุณพระเจ้าโลกนี้เป็นสวรรค์บนดินสำหรับพวกเรา ที่เป็นมนุษย์วิญญาณ ที่เป็นมนุษย์สวรรค์ที่เดินไปมาที่มีพระเจ้าสถิตอยู่ข้างใน และสำแดงชีวิตของพระองค์ผ่านพวกเรา ประทานสติปัญญา ประทานน้ำแห่งชีวิต ประทานพลังยิ่งใหญ่ สวรรค์ทั้งนั้นน่ะครับขอบคุณพระเยซู