Routine work

…………The Practice Of " รู ตีน" และกับดักทางความคิดแพทย์ (ตอน 1) . . .คำเตือน อมตะ จากปรมาจารย์ william Osler ที่นานนับ 100 ปียังใช้ได้ดีและทวีความสำคัญในปัจจุบัน (ภาพที่ 1) . .ปัจจัยบริบทหลากหลาย ข้อมูลมากมายเข้ามาหลายแหล่งนำพวกเราไปสู่เส้นทางปฏิบัติงานแบบ"Routine" (รู ตีน คือซ้ำๆเป็นกิจวัตร)..."รู ตีน"คือวิธีการทำงานที่ใช้ความคิดน้อยที่สุด . ……………………รูตีนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงยากที่สุดเพราะธรรมชาติของมนุษย์ที่จะสงวนพลังงานสมองไว้ใช้เฉพาะงานสำคัญ ท้าทาย จากงานวิจัยพบว่ามนุษย์มีแนวโน้มไหลไปสู่ …คิดน้อยไม่คิดมาก (Cognitive ease,)…ภาพที่ 2) เพราะ"ความคิดต้องใช้พลังฝืนธรรมชาติ ทำให้เหน็ดเหนื่อย………จึงทำให้คนส่วนมากไหลลงล่างตามแรงโน้มถ่วง เข้าเป็นสาวกศรัทธา"รู ตีน" ย่อมง่ายกว่า การมุ่งสวนแรงโน้มถ่วงขึ้นไปที่สมองเพื่อใช้ความคิด………ต่างอย่างปรมาจารย์………………และ . ………………………บ่อยครั้ง"รู ตีน" ทำให้"หยุดคิด"ไปเลย………… . …………ปัจจัยใดก็ตามที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์"หยุดคิด"ถือเป็นภัยคุกคามสูงสุดเนื่องจากงานวิจัย"ความผิดพลาดในการวินิจฉัยโรค"บ่งชี้ชัดเจนว่าสาเหตุหลักเกิดจาก"ความผิดพลาดทางความคิด และการตัดสินใจถึง 75%"(Cognitive Errors )ภาพที่ 3... . ………………รูตีน...ต้องแทนที่ด้วย……รู้ คิด………(Clinical reasoning,How experts think) . .........ตย.เช่น การทำตาม Guidelines อย่าง"รู ตีน" (ไม่รู้คิด) . . Chechlists อย่าง"รู ตีน" แล้วหยุดความคิด …. . . ........... .. Algorithm อย่าง"รู ตีน" แล้ว ไม่ไคร่ครวญคิด … . … . การส่งเวร รับเวร การเขียน order รับ order แบบ รูตีน ……แบบ Copy and paste ที่นิยมอย่างมากในสาวก "รู ตีน"รุ่นใหม่…อื่นๆอีกมากมายที่เห็นอยู่เป็นกิจวัตร… . ………Guidelines,Chichlists,Algorithms,protocols,etc ต่างๆเป็นเครื่องมือช่วยที่ดีมากๆเพื่อลดความผิดพลาด....ย้ำเป็นผู้ช่วยที่ดีมากๆๆๆๆ … . ………………เพื่อลดภาระจาก…"ความจำ" …แต่ไม่ไช่เพื่องด "…ความคิด"……… . .………เป็น Cognitive Aids ไม่ไช่ Cognitive Death! . .......…………เป็นผู้ช่วย ที่ปรึกษา … ไม่ไช่คำสั่งจาก"นาย" .หากใช้อย่างรูตีน หยุดความคิด แม้ระบบที่ดีที่สุดก็ทำงานทดแทนสมองที่ฉลาดคิดไม่ได้(แต่ทดแทนสมองที่หยุดคิดไปนานๆทำงานแบบหุ่นยนต์ได้) . …………จาก"นาย"จะกลายเป็น"ทาส" ทันทีเมื่อ …………หยุดความคิด………… . ………… หาที่มาที่ไป…ของ…"รู ตีน"ทางการแพทย์…… . .…;ย้อนกลับไปดู รากเหง้า ที่ปรมาจารย์ David Sakett (บิดาของ Evidence based medicibe,EBM,)ผู้ล่วงลับทิ้งไว้ใน original model (ภาพที 4)) . ……………วงที่ขาดหายไป..ละเลยมานานไม่ได้ Focus คิอ วงของ"Clinical Expertise"………ใช้ EBM แบบ"แหว่ง" .มานานจนเป็น "รู ตีน" เน้นมากๆเฉพาะ"วงของ Best research available ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ดีไม่พอในอนาคตวงนี้จะถูกแทนที่ด้วย AI ทั้งหมด เหลือเพียง อีก 2วง (clinical expertise,patient values and preferences)ที่ AI ยากจะทดแทน… ... Hayes ศิษย์เอกของ Sakett ที่ร่วมร่าง original model มาด้วยกันรู้ปัญหานี้ดีจึงปรับ Refocusใหม่(ภาพที่ 5) เพื่อเรียกศรัทธาความยิ่งใหญ่ของปรมาจารย์ผู้ล่วงลับคืน .เนื่องจากสาวก EBM นำไปใช้แบบเพี้ยนจนเสียหาย…คนตายลุกจากหลุมมาค้านไม่ได้ . ………แล้ววงที่ขาดหาย เราลอง"ตีแตก"ดูว่ามันคืออะไร…อะไรคือ 'Clinical Expertise" ที่ควบคุมทุกสิ่ง ต้อง"คิดตีแตก" ให้ได้ จึงรอดจาก AI disruption . …….วง Clinical Expertise ……………………คือวงแห่ง"ปัญญา" ………………คือ Clinical reasoning(วิชา How expertrs think)ที่ทะยอยคุยคิดกันมาเรื่อยๆตย เข่นวันนี้แนะนำคิด refocus "วงคิด"ที่ขาดหาย… . ………………ส่วนวง Research คิอวงแห่ง "ความรู้"… ……ได้ focus มา 30ปีแล้ว แน่นอน เกิดมาคู่กัน แต่ ………………………อย่าไปเชื่อว่า knowledge is power นั่นมันวิธีคิดในศตวรรษที่แล้ว เพราะเดี๋ยวนี้อยู่บนเขาก็เข้าหา knowledge ได้ไม่แพ้กันแล้ว . ... ………………ขอจบตอนที่ 1 ตอนรูตีน สรุปด้วย บทเพลงของปรมาจารย์ นริศ อารีย์(เนื้อร้อง) (ในวงเล็บ HET เติม……-) . ..…………ทาสทางความคิด…HET........ช่วยได้…แต่…ทาสรัก…ยากเยียวยา… . ……………………………………ทาสรัก(…เนื้อร้องโดย นริศ อารีย์…) . ………………พี่รู้สึกตัวเมื่อสายเสียแล้ว ปักใจแน่แน่ว รักแต่เธอ(Guidelines)หลง ................แต่.......เธอ(Algorithms) .......………………ตกเป็นทาสสวาท จนพร่ำเพ้อ ลุ่มหลงแต่เธอ(Checklists) ผู้เดียว …………………รักเดียว . …….....จะคิดหักใจให้ลืมเคยรัก(EBM วง research รักเดียว วงเดียว) ลืมสิ้นเคยภักดิ์ ไม่รักเธอ เลิกรักเทียว . .…………………ตัดใจรักไม่ขาด ประหลาดจริงเจียว ไยรักยึดเหนี่ยว รักจริงเจียว …รักจริงจัง (ไม่ต้องตัดใจ EBM ของแท้ ปรมาจารย์รักมันทั้ง 3 วงเลยครับ…) . …………… . ……………โชคดีปลอดภัยในการดูแลผป ทุกท่านครับ HET จะยืนเคียง คิด ต่อไป . .

Ref

FB;How expert think