II-3 สิ่งแวดล้อมในการดูแลผู้ป่วย (ENV)
II-3 สิ่งแวดล้อมในการดูแลผู้ป่วย (ENV)
II-3.1 สิ่งแวดล้อมทางกายภาพและความปลอดภัย (ENV.1)
สิ่งแวดล้อมทางกายภาพขององค์กรเอื้อต่อความปลอดภัยและความผาสุกของผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ และผู้มา
เยือน. องค์กรสร้างความมั่นใจว่าผู้อยู่ในพื้นที่อาคารสถานที่จะปลอดภัยจากอัคคีภัย วัสดุและของเสีย
อันตราย หรือภาวะฉุกเฉินอื่นๆ.
ก. ความปลอดภัยและสวัสดิภาพ
(1) โครงสร้างอาคารสถานที่ขององค์กรเป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ และข้อกำหนดในการตรวจสอบอาคาร
สถานที่. การออกแบบและการจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยของอาคารเอื้อต่อความปลอดภัย ความสะดวกสบาย
ความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย และการทำงานที่มีประสิทธิภาพ.
(2) มีผู้ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแล66 ระบบงานบริหารอาคารสถานที่และการรักษาความปลอดภัย (อาจเป็น
บุคคลเดียวกันหรือหลายคน). มีการติดตามและปรับปรุงระบบงานดังกล่าวในทุกแง่มุม.
(3) องค์กรตรวจสอบอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมเพื่อค้นหาความเสี่ยงและการปฏิบัติที่ไม่ปลอดภัยด้าน
สิ่งแวดล้อม อย่างน้อยทุกหกเดือนในพื้นที่ให้บริการผู้ป่วย / ผู้มาเยือน และทุกปีในพื้นที่อื่นๆ.
(4) องค์กรประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงรุก จัดทำแผนบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและนำไป
ปฏิบัติ เพื่อลดความเสี่ยงที่ระบุไว้ ป้องกันการเกิดอันตราย ตอบสนองต่ออุบัติการณ์ที่เกิดขึ้น ธำรงไว้ซึ่ง
สภาพอาคารสถานที่ที่สะอาดและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย / ผู้มาเยือน และบุคลากร.
(5) บุคลากรทุกคนได้รับความรู้และการฝึกอบรมเกี่ยวกับบทบาทในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อ
การทำงานอย่างมีประสิทธิผล.
Scoring guideline2011
38 โครงสร้างอาคารและสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
1.อาคารสถานที่ได้รับการดูแลความสะอาดและเป็นระเบียบ, สถานที่อาจมีข้อจากัดซึ่งไม่อาจแก้ไขได้ในเวลาอันสั้น
2.มีการปรับปรุงเพื่อลดความเสี่ยงทางโครงสร้างกายภาพที่เห็นชัดเจน
3.โครงสร้างอาคารสถานที่เป็นไปตามที่กฎหมายกาหนด, มีความปลอด ภัย สะดวก สบาย, พื้นที่ใช้สอยเพียงพอ, แสงสว่างและอุณหภูมิเหมาะสม, มีระบบระบายอากาศที่ดี, ได้รับการบารุงรักษาอย่างดี
4.มีความโดดเด่น เช่น เป็นสถานที่ที่ให้ความอบอุ่น เป็นมิตร, มีการออกแบบโครงสร้างสาหรับผู้ป่วยเฉพาะกลุ่มโรค
5.เป็นแบบอย่างของสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่เอื้อต่อการเยียวยาและความผาสุกของผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ และผู้มาเยือน
39 การกากับดูแลและบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม
1.มีผู้ได้รับมอบหมายให้กากับดูแลระบบงานบริหารอาคารสถานที่และการรักษาความปลอดภัย
2.มีการตรวจสอบอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมเพื่อค้นหาความเสี่ยงและการปฏิบัติที่ไม่ปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมตามกาหนดเวลา
3.มีการประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงรุก, จัดทาแผนบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและนาไปปฏิบัติ, บุคลากรได้รับการฝึกอบรม
4.มีความโดดเด่น เช่น การทาให้เจ้าหน้าที่มีส่วนร่วมในการกากับดูแลและบริหารสิ่งแวดล้อมขององค์กร
5.มีการติดตามและปรับปรุงระบบงาน ส่งผลให้องค์กรเป็นแบบอย่างของสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่เอื้อต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ และผู้มาเยือน
ข. วัสดุและของเสียอันตราย
(1) องค์กรจัดการต่อวัสดุและของเสียอันตรายอย่างปลอดภัย ด้วยการระบุรายการวัสดุและของเสียอันตรายที่
ใช้หรือที่เกิดขึ้น, ใช้กระบวนการที่ปลอดภัยในการเลือก สัมผัส68 จัดเก็บ69 เคลื่อนย้าย ใช้ และกำจัดวัสดุ
และของเสียอันตรายดังกล่าว.
Scoring guideline2011
40 การจัดการกับวัสดุและของเสียอันตรายอย่างปลอดภัย
1.มีการระบุวัสดุและของเสียอันตรายที่มีในองค์กร และแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมในการเลือก สัมผัส จัดเก็บ เคลื่อนย้าย ใช้ กาจัด
2.มีการฝึกอบรมและเตรียมอุปกรณ์ที่จาเป็น
3.มีการปฏิบัติตามแนวทางที่กาหนดไว้อย่างครบถ้วนและครอบคลุมอันตรายในทุกด้าน
4.มีความโดดเด่น เช่น การสร้างนวตกรรมในการกาจัดของเสียและวัสดุอันตรายที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
5.มีการประเมินและปรับปรุงอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้องค์กรเป็นแบบอย่างที่ดี มั่นใจว่าจะไม่เกิดอันตรายจากวัสดุและของเสียอันตราย
ค. การจัดการกับภาวะฉุกเฉิน
(1) องค์กรดำเนินการวิเคราะห์ความล่อแหลมต่อการเกิดอันตราย เพื่อระบุภาวะฉุกเฉินที่เป็นไปได้และองค์กร
ต้องเข้าไปมีบทบาทในการให้บริการ.
(2) องค์กรจัดทำแผนรองรับภาวะฉุกเฉิน ครอบคลุมการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับภัยพิบัติ, การดำเนินงาน
เมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน73 และนำไปใช้ปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุการณ์.
(3) องค์กรดำเนินการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทดสอบการจัดการเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน.
ง. ความปลอดภัยจากอัคคีภัย
(1) องค์กรจัดทำแผนความปลอดภัยจากอัคคีภัยและนำไปปฏิบัติ. แผนครอบคลุม การป้องกัน / การลดความ
เสี่ยงจากอัคคีภัย74, การตรวจจับแต่เริ่มแรก, การดับเพลิง, และการเคลื่อนย้าย / ขนย้ายออกจากอาคาร
อย่างปลอดภัยเมื่อเกิดอัคคีภัยหรือภาวะฉุกเฉิน.
(2) องค์กรให้ความรู้เพื่อสร้างความตระหนักทั่วทั้งองค์กร และดำเนินการฝึกซ้อมแผนอัคคีภัยอย่างสม่ำเสมอ75.
มีการค้นหาจุดอ่อนและโอกาสพัฒนา, ประเมินความพร้อมใช้ของเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ, ประเมินประสิทธิผล
ของการฝึกอบรมเพื่อรองรับอัคคีภัย, และประเมินความรู้ของบุคลากร76 จากการฝึกซ้อม.
(3) องค์กรตรวจสอบ ทดสอบ บำรุงรักษาระบบและเครื่องมือต่างๆ ในการป้องกันและควบคุมอัคคีภัย77 อย่าง
สม่ำเสมอ.
Scoring guideline2011.
41 การจัดทาแผน ฝึกซ้อม ตรวจสอบระบบ เพื่อป้องกันอัคคีภัย
1.โครงสร้างอาคารสถานที่ไม่มีความเสี่ยงด้านอัคคีภัยที่ชัดเจน, มีการจัดทาแผนป้องกันและรองรับเมื่อเกิดอัคคีภัย หรือภาวะฉุกเฉินอื่นๆ
2.มีการอบรมและฝึกซ้อมแผน, มีการติดตั้งเครื่องมือและวางระบบเกี่ยวกับอัคคีภัยอย่างเหมาะสมกับประเภทวัสดุที่ติดไฟในแต่ละพื้นที่
3.การซ้อมแผนอัคคีภัยและภาวะฉุกเฉินครอบคลุมทุกสภาวการณ์และผู้เกี่ยวข้องทั้งในและนอก รพ., มีการตรวจสอบปัจจัยเสี่ยงต่ออัคคีภัย และปรับปรุงเพื่อป้องกัน
4.มีการปรับปรุงแผนและการเตรียมความพร้อมจากการประเมินผลการฝึกซ้อม
5.การจัดการและการเตรียมความพร้อมเป็นแบบอย่างที่ดี
II-3.2 เครื่องมือและระบบสาธารณูปโภค (ENV.2)
องค์กรสร้างความมั่นใจว่ามีเครื่องมือที่จำเป็น พร้อมใช้งานทำหน้าที่ได้เป็นปกติ และมีระบบสาธารณูปโภค
ที่จำเป็นอยู่ตลอดเวลา.
ก. เครื่องมือ
(1) องค์กรจัดทำแผนบริหารเครื่องมือเพื่อการใช้งานที่ได้ผล ปลอดภัย และเชื่อถือได้ พร้อมทั้งนำไปปฏิบัติ.
แผนประกอบด้วยกระบวนการคัดเลือกและจัดหาเครื่องมือ, การจัดทำบัญชีรายการเครื่องมือที่ครอบคลุมอยู่
ในแผน, การทดสอบสมรรถนะและความปลอดภัยของเครื่องมือก่อนใช้งานครั้งแรก, การตรวจสอบ ทดสอบ
และบำรุงรักษาเครื่องมือ อย่างเหมาะสมตามช่วงเวลาที่กำหนด, การให้ความรู้แก่ผู้ใช้, การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่
ในการใช้เครื่องมือได้อย่างปลอดภัย และแนวทางปฏิบัติเมื่อมีเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับเครื่องมือ78.
(2) การจัดเตรียมเครื่องมือที่จำเป็น มีความพร้อมใช้ เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยอย่างปลอดภัย เครื่องมือที่ซับซ้อน
ต้องใช้โดยผู้ที่ผ่านการฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ และองค์กรให้การอนุญาตในการใช้เครื่องมือชิ้นนั้น.
(3) องค์กรติดตามและรวบรวมข้อมูลของระบบบริหารเครื่องมือ และใช้เพื่อการวางแผนปรับปรุงหรือจัดหา
ทดแทนในระยะยาว.
Scoring guideline2011
42 เครื่องมือ
1.มีระบบการจัดการ การตรวจสอบความเพียงพอ ดูแลความพร้อมใช้ของเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ในแต่ละหน่วยงาน
2.มีการกาหนดระดับขั้นต่าของเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ในแต่ละหน่วยงาน สารวจและวางแผนจัดหาที่จาเป็นพร้อมใช้ ทาหน้าที่ได้เป็นปกติตลอดเวลา
3.มีเครื่องมือเพียงพอสาหรับการดูแลผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน, มีระบบบารุงรักษาเชิงป้องกัน ทดสอบ ตรวจสอบ และ calibrate ที่เหมาะสม
4.มีความโดดเด่น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการจัดหาทดแทน, การจัดบริการเครื่องมือบางประเภทในลักษณะรวมศูนย์, การมีศักยภาพในการซ่อมบารุง
5.มีการประเมินและปรับปรุงการบริหารจัดการเครื่องมืออย่างเป็นระบบ ส่งผลให้มีเครื่องมือเพียงพอและพร้อมใช้ในทุกสถาน การณ์ อีกทั้งสามารถให้คาปรึกษาการบารุง รักษาแก่ รพ. ในเครือข่าย/หน่วยงานใกล้เคียงภายนอกได้
ข. ระบบสาธารณูปโภค79
(1) องค์กรจัดทำแผนบริหารระบบสาธารณูปโภคเพื่อการใช้งานที่ได้ผล ปลอดภัย และเชื่อถือได้ พร้อมทั้งนำไป
ปฏิบัติ. แผนประกอบด้วยการจัดทำบัญชีรายการองค์กระกอบในการปฏิบัติงานของระบบ, แผนผังตำแหน่ง
ที่ตั้งต่างๆ ของระบบ, การตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษา อย่างเหมาะสมตามเวลาที่กำหนด, แนวทาง
ปฏิบัติฉุกเฉินเมื่อระบบสาธารณูปโภคมีปัญหา80, การลดปริมาณเชื้อโรคใน cooling tower และระบบน้ำ,
ประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศเพื่อควบคุมการปนเปื้อนในอากาศ81.
(2) องค์กรจัดให้มีระบบไฟฟ้าสำรองให้แก่จุดบริการที่จำเป็นทั้งหมด82 โดยมีการบำรุงรักษา ทดสอบ และตรวจ
สอบที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ.
(3) องค์กรติดตามและรวมรวบข้อมูลเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภค และใช้วางแผนปรับปรุงหรือสร้างทดแทน.
Scoring guideline2011
43 ระบบสาธารณูปโภค
1.มีการจัดแผนผังตาแหน่งที่ตั้งต่างๆ ของระบบ, มีแนวทางปฏิบัติฉุกเฉินเมื่อระบบสาธารณูปโภคมีปัญหา
2.มีการจัดทาแผนบริหารระบบสาธารณูปโภคเพื่อการใช้งานที่ได้ผล ปลอดภัย และเชื่อถือได้, มีการตรวจสอบ ทดสอบ และบารุงรักษา อย่างเหมาะสมตามเวลาที่กาหนด, มีระบบไฟฟ้าสารองให้แก่จุดบริการที่จาเป็นทั้งหมด
3.มีการนาแผนบริหารระบบสาธารณูปโภคไปปฏิบัติอย่างครบถ้วน, มีความมั่นใจในการทางานของระบบไฟฟ้าสารอง การลดปริมาณเชื้อโรคหรือการปนเปื้อนในระบบปรับอากาศ ระบบน้า
4.มีการติดตามและรวบรวบข้อมูลเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภค และใช้วางแผนปรับปรุงหรือสร้างทดแทน
5.มีระบบสาธารณูปโภคที่จาเป็นสาหรับให้การดูแลผู้ป่วยอย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง และพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา
II-3.3 สิ่งแวดล้อมเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพและการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (ENV.3)
องค์กรแสดงความมุ่งมั่นในการที่จะทำให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและเอื้อต่อสุขภาพ เอื้อต่อ
กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และพิทักษ์สิ่งแวดล้อม.
ก. การสร้างเสริมสุขภาพ
(1) องค์กรจัดให้มีสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการมีสุขภาพทางด้านสังคม จิตใจ83 ที่ดีสำหรับผู้ป่วย ครอบครัว และ
บุคลากร.
(2) องค์กรจัดให้มีสถานที่และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาทักษะสำหรับบุคลากร ผู้ป่วย ผู้รับบริการอื่นๆ
และประชาชนทั่วไป.
(3) องค์กรส่งเสริมการเข้าถึง การบริโภคอาหาร / ผลิตภัณฑ์สร้างเสริมสุขภาพที่เหมาะสมกับบุคคล.
(4) องค์กรส่งเสริมให้มีการใช้วัสดุครุภัณฑ์ที่ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ.
Scoring guideline2011
44 สิ่งแวดล้อมเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ
1.มีสิ่งแวดล้อมที่เป็นระเบียบ สบายตา
2.มีสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อความปลอดภัยทางกายภาพและปราศจากการรบกวน
3.มีสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีปฏิสัมพันธ์ ความผ่อนคลาย การจัดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพสาหรับผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่
4.มีความโดดเด่น เช่นมีสิ่งแวดล้อมเอื้อต่อการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของสาหรับบุคลากร ผู้ป่วย ผู้รับบริการอื่นๆ และประชาชนทั่วไปอย่างได้ผล
5.มีการประเมินและปรับปรุงอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้องค์กรเป็นแบบอย่างในการเรียนรู้ให้แก่องค์กรอื่นๆ
ข. การพิทักษ์สิ่งแวดล้อม
(1) มีระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ:
l มีขนาดเหมาะสมกับปริมาณน้ำทิ้งของโรงพยาบาล
l มีการดูแลรักษาระบบโดยผู้ที่ได้รับการฝึกอบรม
l มีการตรวจคุณภาพของน้ำที่ผ่านการบำบัดตามข้อกำหนดของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง
l น้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดในช่วงเวลาที่ระบบรับภาระมากที่สุดมีค่ามาตรฐานตามที่หน่วยราชการกำหนด.
(2) องค์กรจัดการเพื่อลดปริมาณของเสียโดยจัดให้มีระบบการนำมาใช้ใหม่ การลดปริมาณการใช้ การแปรรูป
และลดการใช้วัสดุที่ทำลายสิ่งแวดล้อม.
(3) มีระบบและวิธีการกำจัดขยะที่ถูกสุขลักษณะ:
l มีภาชนะรองรับขยะที่เหมาะสม และเพียงพอ
l มีระบบ / อุปกรณ์ในการแยกรับ / ขนย้าย / จัดที่พัก ขยะทั่วไป / ขยะติดเชื้อ / ขยะอันตราย ที่รัดกุม
l มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเรื่องการเคลื่อนย้ายและกำจัดของเสียอย่างถูกวิธี
l มีกระบวนการในการกำจัดขยะติดเชื้อและขยะอันตรายอย่างเหมาะสม
l มีการตรวจสอบการกำจัดขยะติดเชื้อของผู้รับช่วง.
(4) องค์กรร่วมมือกับชุมชนและองค์กรอื่นๆ ดำเนินการพิทักษ์ปกป้องและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม, รวมทั้งมีการประเมิน
และฟังเสียงสะท้อนในการกำจัดของเสียของโรงพยาบาลที่มีผลกระทบต่อชุมชน.
Scoring guideline2011
45 การพิทักษ์สิ่งแวดล้อม
1.มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาในระบบบาบัดน้าเสียและกาจัดขยะซึ่งอาจจะมีโครงสร้างไม่เหมาะสมกับ รพ.
2.ระบบบาบัดน้าเสียมีขนาดเหมาะสมกับ รพ., มีกระบวนการที่ชัดเจนในการบาบัดน้าเสียและกาจัดขยะโดยผู้มีความรู้
3.มีระบบบาบัดน้าเสียและการกาจัดขยะที่มีประสิทธิภาพ, ค่าน้าทิ้งที่ผ่านการบาบัดเป็นไปตามมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง
4.มีความโดดเด่น เช่น การลดปริมาณของเสียและลดการใช้วัสดุที่ทาลายสิ่งแวดล้อม, การร่วมมือกับชุมชนในการพิทักษ์และปรับปรุงสิ่งแวดล้อม
5.มีการประเมินและปรับปรุงการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้องค์กรเป็นแบบอย่างในด้านนี้ หรือได้รับการรับรอง ISO14000