Health Literacy 1

ผลสำรวจของ COPAT ร่วมกับมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ในปี 62 พบว่า

-เด็ก 31% เคยถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์

-เด็ก 74% เคยพบเห็นสื่อลามกอนาจารทางออนไลน์

-เด็ก 25% เคยนัดเพื่อนที่รู้จักในออนไลน์

ซึ่งผลวิจัยพบว่า

เด็กที่ใช้เวลากับโลกออนไลน์มากยิ่งเสี่ยงต่อการถูกกลั่นแกล้งและเป็นผู้กลั่นแกล้งทางออนไลน์ถึง 3 เท่า

ดังนั้น สัมพันธภาพที่ดีในครอบครัวและการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลจะช่วยป้องกันความเสี่ยงตั้งแต่ต้นทาง

.........................................................

เรื่อง วัยรุ่นกลัวท้องมากกว่าติดโรค

อัตราคลอดของแม่วัยรุ่นลดลง

แต่อัตราการติดโรคทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว

โดยเฉพาะโรคซิฟิลิสและหนองใน

สาเหตุ คือ ไม่สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์

ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ในปี 2561

พบว่า นักเรียน ม.5 และ ปวช. 2 เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับแฟนมีการใช้ถุงยางทุกครั้งไม่ถึง 50%

ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ใช้ถุงยาง 100% ทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับพนักงานบริการ หญิงหรือผู้ชายอื่น

เหตุผลที่วัยรุ่นไม่ใช้ถุงยางเมื่อเจาะลึกในโลกออนไลน์คือ

ถุงยางราคาแพง อายไม่กล้าซื้อ

ใช้วิธีอื่น เช่น ฝังยาคุม

.........................................................

เรื่อง ชีวิตบนท้องถนน

แม้แนวโน้มการใส่หมวกกันน็อกจะเพิ่มขึ้น

แต่ยังไม่ถึง 50%

โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นมีแนวโน้มใส่หมวกกันน็อกลดลงจาก 32% ในปี 2553 เหลือเพียง 22% ในปี 2561

ขณะที่เด็กเล็ก 92% ไม่ใส่หมวกกันน็อก

ยังพบแนวโน้มการบาดเจ็บและเสียชีวิตในกลุ่มเด็กเยาวชนจากมอเตอร์ไซด์เคลื่อนย้ายจากภาคที่มีรายได้สูงไปยังภาคที่มีรายได้ต่ำกว่า

.........................................................

เรื่อง พฤติกรรมการกินทำให้เกิด NCD

การเสียชีวิต 3 อันดับแรกของคนไทย

เกิดจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อย่างเช่น โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวาน หัวใจขาดเลือด

พฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรค

ผลการสำรวจ Top Post อาหารยอดนิยมในโลกออนไลน์ในปีที่ผ่านมาพบว่า

-รสเผ็ดและหวานยังคงเป็นรสชาติยอดนิยมของคนไทย

-วัยทำงานเน้นอาหารรสจัด

-วัยรุ่นเน้นที่รูปลักษณ์

-เด็ก คนโสด คนทำงานบริษัทกินผักน้อยที่สุด

การกินและการใช้ชีวิตที่ดีป้องกันโรคเหล่านี้ได้

.........................................................

เรื่อง ข่าวปลอม

จากการสำรวจบนโลกออนไลน์พบว่า 5 ข่าวปลอมสุขภาพที่มียอดแชร์มากที่สุด คือ

1.อังกาบหนูรักษามะเร็ง

2.น้ำมันกัญชารักษามะเร็ง

3.หนานเฉาเว่ยสารพัดโรค

4.บัตรพลังงานรักษาสารพัดโรค

5.ความฉลาดของลูกได้จากแม่มากกว่าพ่อ

- เพจที่เผยแพร่ข่าวปลอมแล้วได้รับยอดแชร์มากที่สุดส่วนมากเป็นเพจที่ตั้งชื่อเป็นสำนักข่าว แต่ไม่ใช่สื่อหลัก

- ส่วนเพจที่ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวปลอมและได้รับยอดแชร์มากที่สุด เป็นเพจสำนักข่าวเป็นส่วนใหญ่

ยกเว้น หมอแล็บแพนด้า ที่ไม่ใช่เพจสำนักข่าว แต่ได้รับยอดแชร์มากที่สุด

ผู้ที่หลงเชื่อ มักเป็นผู้สูงอายุ

.........................................................

เรื่อง ขยะอาหาร อาหารส่วนเกิน

คนไทยสร้างขยะอินทรีย์

ที่บางส่วนเป็นขยะอาหารเฉลี่ยปีละ 254 กิโลกรัมเป็นอย่างน้อย

มากกว่าชาวฝรั่งเศส 30%

มากกว่าชาวอเมริกัน 40%

ขณะที่การจัดการขยะจากงานวิจัยของทีดีอาร์ไอพบว่า

การกำจัด โดยการเผา ฝังกลบ

เป็นวิธีการที่หลายประเทศแนะนำให้ทำน้อยที่สุด ขณะที่ประเทศไทยใช้วิธีการนี้มากที่สุด

ผู้ประกอบการควรลดขยะอาหารและการนำอาหารที่ต้องทิ้งไปใช้ประโยชน์อื่นหรือนำไปบริจาคแทนการฝังกลบ

.........................................................

http://www.cp-enews.com/news/details/cpnews/3541

โดยเด็กเยาวชนยุค Gen Z ใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 10.22 ชั่วโมง

หากช้อนความรู้สึกได้ทันจะสามารถลดความเสี่ยงจากการคิดสั้นได้ถึง 50%

.........................................................

เรื่อง ภัยคุกคามออนไลน์

ซึ่งช่วงเวลาที่วัยรุ่นโพสต์ข้อความอยากฆ่าตัวตายมากที่สุดในสื่อทวิตเตอร์คือ วันอังคาร 4 ทุ่ม และวันศุกร์ 1 ทุ่ม

ภาวะซึมเศร้า นำไปสู่การฆ่าตัวตาย

ข้อมูลกรมสุขภาพจิต ปี 2562 พบว่า

ทุก 1 ชั่วโมงจะมีคนพยายามฆ่าตัวตาย 6 ราย

มีกลุ่มเด็กเยาวชนที่ฆ่าตัวตายสำเร็จถึงปีละ 300 ราย และ พบแนวโน้มการเข้ารับคำปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น

ขณะที่กระแสบนโลกออนไลน์พบว่า

สาเหตุที่ทำวัยรุ่นเครียด

อันดับ 1 มาจากปัญหาความสัมพันธ์โดยเฉพาะครอบครัว ตามด้วยเรื่องหน้าที่การงาน การถูกกลั่นแกล้ง และความรุนแรง

4.ด้านสิ่งแวดล้อม

ชีวิตติดฝุ่นอันตราย PM 2.5 และ ขยะอาหาร กินไม่หมด ล้นเมือง ก่อปัญหาสิ่งแวดล้อม

.........................................................

เรื่อง ภาวะซึมเศร้าปัญหาที่พบมากในวัยรุ่นปัจจุบัน

1.กลุ่มเด็กเยาวชน

ห่วงภาวะซึมเศร้า, ภัยออนไลน์, ติดโรคเพศสัมพันธ์มากขึ้น, อีสปอร์ตกับการติดเกม, ไม่สวมหมวกกันน็อก

2.วัยทำงาน

เป็นแชมป์ป่วยโรค NCDs จากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม, ใช้กัญชารักษาโรคที่ยังไม่รับรอง

3.ผู้สูงอายุ

การตกเป็นเหยื่อเฟคนิว ข่าวลวงเรื่องสุขภาพ

ทั้งโฆษณาและจากโซเชียลมีเดีย

สสส.เปิด 10 ปัญหาสุขภาพน่าห่วง

แบ่งแยกเป็น 4 กลุ่ม

เรื่อง 10 ปัญหาสุขภาพน่าห่วงปี 2563

.........................................................

เป็นเชื้อไวรัส ชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดการติด

โรคในคนได้

ที่ชื่อว่า โคโรน่า เนื่องจากเชื้อไวรัส

มีรูปร่างลักษณะ เป็นรูปมงกุฎ

จึงได้ชื่อว่าเป็น Corona virus

ความสำคัญ พบเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ ได้บ่อยในมนุษย์

สายพันธุ์ใหม่มักจะข้ามจากสัตว์สู่คน แล้วเกิดการแพร่ระบาดจากคนสู่คนอีกที

.........................................................

เรื่อง โคโรน่าไวรัส คือ อะไร

ไวรัสเป็นตัวต้นเหตุทำให้เกิดโรคอุบัติใหม่

อย่างต่อเนื่อง โรคเหล่านี้ เกิดจากไวรัสชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่า โคโรน่าไวรัส

ผู้ที่ควรระวัง คือ ผู้ที่เดินทางกลับมาจาก เมือง ฮู่ฮั่น ประเทศจีน

.........................................................

เรื่อง โรคซาร์ส และเมอร์ส กับ ปอดบวมที่ อู่ฮั่น เกี่ยวกันอย่างไร

เรื่อง โรคปอดบวมอู่ฮั่น ที่ระบาดในจีน

เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อ

โคโรน่าไวรัส สายพันธุ์ใหม่ 2019

ถึอเป็น เชื้อสายพันธ์ใหม่ที่ตรวจพบ

เกิดการระบาดจากสัตว์สู่คน

ผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการเหมือนกับไข้หวัด

ได้แก่ อาการไข้ ไอ น้ำมูก และสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้เกิดปอดอักเสบได้

เรื่อง ฝุ่น PM 2.5 กระทบสุขภาพ

มีผลกระทบต่อร่างกาย

ก่อให้เกิดอาการหลายอย่าง

เช่น ไอเรื้อรัง ระคายเคืองตา คัดจมุก แน่นหน้าอก เป็นต้น

อาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ ระยะยาว

ได้แก่

คออักเสบ โรคทางเดินหายใจ

โรคหัวใจ มะเร็งปอด

.........................................................

เรื่อง การป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5

1.สวมหน้ากากอนามัย ที่มีประสิทธิภาพปกป้องฝุ่น PM 2.5 เมื่อจำเป็นต้องออกไปข้างนอก

2.งดการออกกำลังกายกลางแจ้ง การหายใจแรงและลึกทำให้มีโอกาส นำฝุ่นเข้าไปได้มากกว่าปกติ

3.ดื่มน้ำสะอาด เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกาย

4.เลี่ยงการสัมผัสกับกลุ่มสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย เช่น การเผาไหม้ขยะ สีทาวัสดุ มลพิษจากการคมนาคม และโรงงานอุตสาหกรรม

5.ปิดหน้าต่างให้มิดชิด ไม่อยู่กลางแจ้ง ทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ

.........................................................

เรื่อง ฝุ่น PM 2.5 ผลกระทบทางผิวหนัง

ผิวหนังเป็นอวัยวะหลัก ที่ต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อม

และมลภาวะต่างๆ ตลอดเวลา

ฝุ่น ขนาดเล็กสามารถ

-ทำให้ผิวหนัง แสบคน เป็นผื่นได้

-คนที่เป็นโรคผิวหนังเดิม อาจกำเริมมากขึ้นได้

-ทำให้ผิวเหี่ยว แก่กว่าวัยได้

.........................................................

เรื่อง ฝุ่น PM 2.5 ทำให้ตาแห้ง

อาการ “ตาแห้ง” หนึ่งอาการที่มักพบบ่อยในผู้ที่ต้องเผชิญกับมลภาวะเป็นพิษ

สาเหตุของอาการตาแห้ง โดยทั่วไป

เกิดจากต่อมน้ำมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ น้ำมันจากต่อมนี้ เป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำตา เพราะช่วยลดการระเหยของน้ำตา ช่วยในการหล่อลื่นดวงตา

หากต่อมน้ำมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติแล้ว อาจเกิดการตาแห้ง ระคายเคือง แสบตาได้

ฝุ่น PM 2.5 เป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ทำให้เกิดตาแห้งได้

.........................................................

เรื่อง ฝุ่น PM 2.5 กับ ดวงตา

ผู้ที่เผชิญในภาวะฝุ่นพิษ อาการมักจะเกิดการระคายเคืองตา แสบตา คันตา หรือมีอาการตาแดงได้

อีกทั้งยังมีความเสี่ยงมากขึ้นในผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ตา ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ ผู้ที่มีภาวะตาแห้ง รวมถึงผู้ที่เป็นต้นลม ต้อเนื้อ อยู่แล้ว

.........................................................

เรื่อง การดูแล ดวงตา ช่วงมีฝุ่น PM 2.5

วิธีการรับมือ หรือดูแลดวงตา มีดังนี้

- การล้างตา วิธีคือ เอียงศีรษะไปด้านข้าง ใช้นิ้วเปิดเปลือกตาบนล่างออกจากกันให้กว้าง ใช้น้ำเกลือ หรือ น้ำสะอาด 1 แก้ว ค่อย ๆ เทจากหัวตา โดนให้น้ำไหลผ่านดวงตาล้างเอาเศษฝุ่นออกไป

- การกะพริบตาถี่ๆ เพื่อช่วยให้เศษฝุ่นหลุดออกมาเร็วขึ้น

- เลี่ยงการขยี้ตา ให้ใช้วิธีการหยอดน้ำตาเทียม หรือน้ำยาล้างตา เพื่อล้างฝุ่น

- หากมีอาการ เจ็บ หรือปวดตารุนแรง ปวดตาไม่หยุด ควรรีบพบจักษุแพทย์

- ควรใส่แว่นกันแดดกันฝุ่นและ กันลมเป็นประจำเมื่อออกจากบ้าน

https://www.sanook.com/health/14597/

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................

เรื่อง

มี

.........................................................