4P 2.1 :Effective Communication – ISBAR

Definition

ประสิทธิผลการสื่อสารโดยใช้ ISBAR หมายถึงการก าหนดกรอบการสนทนา ISBA

(Identify Situation Background Awareness and Recommendation) ท าให้เพิ่มความ

ปลอดภัยในการแลกเปลี่ยนข้อมูลส าคัญในระหว่างการดูแลผู้ป่วย

Goal

เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการสื่อสารในภาวะวิกฤติโดยใช้กรอบการสนทนา

ระหว่างผู้ให้การดูแลผู้ป่วยเกี่ยวกับภาวะสุขภาพผู้ป่วย

Why

เป็นที่ยอมรับว่าความคลาดเคลื่อนของการสื่อสารเป็นสาเหตุรากของหลายๆ ปัญหาใน

การดูแลผู้ป่วย Institute for Healthcare Improvement (IHI) ได้แนะน าให้แก้ปัญหาการสื่อสาร

เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยโดยใช้ SBAR (Situation-Background-AssessmentRecommendation) และต่อมามีการพัฒนาเพิ่มเติมเป็น ISBAR โดยเพิ่มตัว I (Identify) การน า

ISBAR มาใช้ นอกจากในวงการแพทย์แล้ว ยังมีการน าไปใช้ในองค์กรที่มีความเสี่ยงสูงเช่นใน

กองทัพ ISBAR เป็นเครื่องมือที่มีพลังมากส าหรับเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการสื่อสาร

ระหว่างบุคคล ซึ่งต้องใช้การจดจ า เป็นกลไกที่ชัดเจนและมีประโยชน์ในการก าหนดกรอบการ

สนทนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะวิกฤติ ซึ่งต้องการความสนใจและการลงมือปฏิบัติโดยทันที

Process

1. ใช้รูปแบบการสื่อสารที่หลากหลายและเหมาะสมกับแพทย์ เช่น direct page, ส านักงาน/ห้อง

ท างาน, โทรศัพท์บ้านในวันหยุด หรือนอกเวลาราชการ,โทรศัพท์มือถือ โดยไม่ควรรอนานกว่า

5 นาที ส าหรับความพยายามในการติดต่อใหม่ ให้ใช้วิธีการทุกวิธีก่อนที่จะสรุหปว่าไม่สามารถ

ติดต่อแพทย์ได้

2. ก่อนที่จะโทรศัพท์รายงานแพทย์ ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

a. ถามตัวเองก่อนว่าได้เห็นและประเมินผู้ป่วยรายนี้ด้วยตนเองหรือไม่?

b. ทบทวนว่าได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของผู้ป่วยรายนี้กับพยาบาลที่มี

ความรู้มากว่าหรือไม่?

c. ทบทวนเวชระเบียนเพื่อพิจารณาว่าควรรายงานแพทย์ท่านใด?

d. รับรู้การวินิจฉัยเมื่อแรกรับและวันที่รับไว้

e. ถามตัวเองว่าได้อ่านบันทึกความก้าวหน้าที่แพทย์และพยาบาลเวรที่แล้วได้บันทึก

ไว้หรือยัง

f. เตรียมสิ่งต่อไปนี้ให้พร้อมในขณะรายงานแพทย์

o เวชระเบียนผู้ป่วย

o บัญชีรายการยาและสารน ้าที่ผู้ป่วยก าลังได้รับ การแพ้ยา การตรวจ

ทดสอบทางห้องปฏิบัติการ

o สัญญานชีพล่าสุด

o รายงานผลการตรวจทดสอบทางห้องปฏิบัติการ วันและเวลาที่ท าการ

ตรวจ ทดสอบ และผลการตรวจทดสอบครั้งที่แล้วเพื่อการเปรียบเทียบ

o Code status

1. ในการรายงานแพทย์ ให้ใช้ ISBAR

(I) Identification: การระบุชื่อ

- ระบุตัวผู้รายงาน : ชื่อ ต าแหน่ง สถานที่ และผู้ที่ก าลังสนทนาด้วย

- ระบุตัวผู้ป่วย : ชื่อ อายุ เพศ หอผู้ป่วย หลายเลขห้องหรือเตียง

(S) Situation: สถานการณ์ที่ท าให้ต้องรายงาน

- ระบุเหตุผลที่รายงานสั้นๆ เวลาที่เกิด ความรุนแรง

(B) Background: ข้อมูลภูมิหลังส าคัญเกี่ยวกับสถานการณ์

- การวินิจฉัยเมื่อแรกรับและวันที่รับไว้

- บัญชีรายการยา สารน ้าที่ได้รับ การแพ้ยา การตรวจทดสอบทางห้องปฏิบัติการ

- สัญญาณชีพล่าสุด

- ผลการตรวจทดสอบทางห้องปฏิบัติการ วันเวลาที่ท าการทดสอบ และผลการตรวจ

ทดสอบครั้งที่แล้วเพื่อการเปรียบเทียบ

- ข้อมูลทางคลินิกอื่นๆ

- Code status

(A) Assessment: การประเมินสถานการณ์ของพยาบาล

- ระบุสิ่งที่เกิดขึ้นตามความคิดเห็นของตนเอง เช่น “ดูเหมือนผู้ป่วยจะทรุดลง คิดว่า

น่าจะเกิดจากภาวะเลือดออก”

(R) Recommendation: ข้อแนะน าหรือความต้องการของพยาบาล เช่น

- ต้องการให้ทราบว่าผู้ป่วยได้รับการรับไว้แล้ว

- การย้ายผู้ป่วยไปอยู่หน่วยดูแลวิกฤติ

- การเปลี่ยนแปลงค าสั่งการรักษา

- ต้องการความช่วยเหลือโดยขอให้มาดูผู้ป่วยด่วน

2.บันทึกการเปลี่ยนแปลงสภาวะของผู้ป่ วยและการรายงานแพทย์

Training

 ก าหนดนโยบายการน าไปใช้ในองค์กรชัดเจน

 ก าหนดขอบเขตการน า ISBAR ไปปฏิบัติ

 จัดโครงการให้ความรู้บุคลากรทางทางคลินิกเกี่ยวกับ ISBAB โดยเฉพาะ พยาบาล และแพทย์

และประเมินความสามารถในการน า ISBAR ไปใช้

 จัดให้มีระบบ โค้ช ในการน า ISBAR ไปใช้

 ใช้กระบวนการพัฒนาคุณภาพ PDSA ในการน า ISBAR ไปใช้เมื่อเกิดภาวะวิกฤต

Monitoring

 ลดระยะเวลาการรายงานกรณีผู้ป่วยเกิดภาวะวิกฤติ

 การใช้ ISBAR ท าให้แพทย์ผู้รับรายงานตระหนักว่าผู้ป่วยมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ

ทันที

 จ านวนบุคลกากรที่ใช้ ISBAR ในการรายงานในแต่ละสัปดาห์

 ความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ ISBAR ในการสร้างความตระหนักด้านดูแลผู้ป่วย ด้านความ

ปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของรายงาน

Pitfall

องค์การไม่มีนโยบายชัดเจนในการน า ISBAR มาใช้ท าให้ไม่ได้รับความร่วมมือ ท าให้ผล

การด าเนินการไม่เกิดผลดี

มาตรฐาน HA

การปฎิบัติตามแนวทางข้างต้น คือการปฏิบัติตามมาตรฐาน โรงพยาบาลและบริการ

สุขภาพ ฉบับที่ 4 ตอนที่ III หมวดที่ 4 ข้อ 4.1 การดูแลทั่วไป (PCD.1) (5)