II-6 ระบบการจัดการด้านยา (MMS)
II-6 ระบบการจัดการด้านยา (MMS)
II-6.1 การวางแผน การจัดการ การเก็บและสำรองยา (MMS.1)
องค์กรสร้างความมั่นใจในระบบการจัดการด้านยาที่ปลอดภัย เหมาะสม และได้ผล พร้อมทั้งการมียาที่มี
คุณภาพสูงพร้อมใช้สำหรับผู้ป่วย.
ก. การวางแผนและการจัดการ
(1) มีคณะกรรมการหรือกลุ่มบุคคลที่มาจากสหสาขาวิชาชีพ ทำหน้าที่กำหนดทิศทางและส่งเสริมให้เกิดระบบ
การจัดการด้านยาที่มีประสิทธิภาพ.
(2) มีการจัดทำบัญชียาโรงพยาบาลเพื่อจำกัดให้มีรายการยาเท่าที่จำเป็น94. มีการทบทวนบัญชียาอย่างน้อย
ปีละครั้ง95. มีการกำหนดมาตรการความปลอดภัยสำหรับยาใหม่ที่มีโอกาสเกิดความคลาดเคลื่อนสูง96
รวมทั้งมีแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมในการขอใช้ยาที่อยู่นอกบัญชียาเมื่อจำเป็น97.
(3) การจัดหายาเป็นไปตามบัญชียาที่ผ่านการรับรอง. มีกระบวนการในการจัดการกับปัญหายาขาดแคลน98และ
ยาที่จำเป็นเร่งด่วน99.
(4) องค์กรระบุยาซึ่งมีความเสี่ยงสูงหรือต้องมีความระมัดระวังในการใช้สูง100, ออกแบบกระบวนการที่เหมาะสม
ปลอดภัยในการจัดหา เก็บรักษา สั่งใช้ ถ่ายทอดคำสั่ง จัดเตรียม จ่าย ให้ และติดตามกำกับยา เพื่อลด
ความเสี่ยงในการใช้ยาเหล่านี้.
(5) องค์กรกำหนดนโยบายการป้องกันความคลาดเคลื่อนทางยาและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากยา101และนำสู่
การปฏิบัติ. มีการตอบสนองอย่างเหมาะสมต่อเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากยาและความคลาดเคลื่อนทางยาที่เกิดขึ้นหรือที่มีโอกาสเกิดขึ้น.
(6) ผู้ประกอบวิชาชีพได้รับการประเมินและเพิ่มความรู้ความสามารถเกี่ยวกับระบบยา102 และการใช้ยาที่
เหมาะสม ปลอดภัยก่อนเริ่มต้นปฏิบัติงานและเป็นประจำทุกปี.
(7) องค์กรประเมินและปรับปรุงระบบบริหารจัดการด้านยาเปรียบเทียบกับเป้าประสงค์ของระบบ103. มีการ
ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จและเทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับระบบจัดการด้านยา
อย่างสม่ำเสมอ.
Scoring guideline2011
54 การวางแผนและการจัดการ
1.มีการจัดตั้ง PTC หรือมอบหมายให้มีการทาหน้าที่ของ PTC, มีการจัดทาบัญชียา รพ., มีการวิเคราะห์ปัญหาการใช้ยาที่รุนแรง, มีการระบุยาที่มีความเสี่ยงสูงหรือต้องมีความระมัดระวังในการใช้สูง
2.PCT กาหนดเป้าหมายและนโยบายที่ชัดเจน, มีการทบทวนบัญชียาอย่างน้อยปีละครั้ง, มีมาตรการป้องกันปัญหาการใช้ยาที่รุนแรง รวมทั้งการจัดการกับปัญหายาขาดแคลนและยาที่จาเป็นเร่งด่วน
3.นโยบายและเป้าหมายของ PTC ได้รับการนาไปปฏิบัติอย่างเหมาะสม
4.มีความโดดเด่น เช่น PTC ทาหน้าที่ครบทุก function เพื่อบรรลุเป้าหมาย, มีระบบส่งเสริมการใช้ยาที่เหมาะสม, มีนโยบายที่มุ่งสร้างการมีส่วนร่วมและเสริมพลังผู้ป่วย
5.มีการประเมินและปรับปรุงระบบบริหารจัดการด้านยาอย่างเป็นระบบ ใช้นวตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ทาให้องค์กรเป็นตัวอย่างที่ดีในด้านนี้
ข. การเก็บสำรองยา
(1) ยาทุกรายการได้รับการเก็บสำรองอย่างเหมาะสมและปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมียาใช้อย่าง
เพียงพอ, มีคุณภาพและความคงตัว104, พร้อมใช้, ป้องกันการเข้าถึงโดยผู้ไม่มีอำนาจหน้าที่, ป้องกัน
ความคลาดเคลื่อนทางยาและผลไม่พึงประสงค์จากยา105, สามารถทวนกลับถึงแหล่งที่มา, มีการตรวจสอบ
บริเวณที่เก็บยาอย่างสม่ำเสมอ, โดยมีการปฏิบัติเพื่อเป้าหมายดังกล่าวทั่วทั้งองค์กร.
(2) มีการจัดให้มียา และ / หรือ เวชภัณฑ์ฉุกเฉินที่จำเป็นในหน่วยดูแลผู้ป่วยต่างๆ อยู่ตลอดเวลา, มีระบบ
ควบคุม106และดูแลให้เกิดความปลอดภัย, และมีการจัดทดแทนโดยทันทีหลังจากที่ใช้ไป.
(3) มีระบบที่จะจ่ายยาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยอย่างปลอดภัยในเวลาที่ห้องยาปิด.
(4) มีการจัดการกับยาที่ส่งคืนมาที่ห้องยาอย่างเหมาะสม เช่น ยาที่แพทย์สั่งหยุดใช้.
Scoring guideline2011
55 การเก็บสารองยา
1.มีแนวทางการสารองยาในระดับ รพ., จัดเก็บยาแบบ First Expire First Out (FEFO), มีการจัดการกับยาหมดอายุอย่างเหมาะสม, มีแผนจัดซื้อเวชภัณฑ์ในแต่ละปี
2.มีแนวทางการสารองยาในระดับ รพ.และระดับหน่วยงาน, ระบบสารองยา/เวชภัณฑ์ฉุกเฉินและการทดแทน, ระบบจ่ายยาเมื่อห้องยาปิด, มีการตรวจสอบบริเวณที่เก็บยาอย่างสม่าเสมอ, มีการคัดเลือกผู้ขายและตรวจรับยาที่มั่นใจว่าจะได้ยาที่มีคุณภาพ
3.ระบบจัดซื้อและสารองยาสร้างความมั่นใจในความเพียงพอ คุณภาพ/ความคงตัว ความปลอดภัย และความพร้อมใช้
4.มีความโดดเด่น เช่น ใช้ข้อมูลความคลาด เคลื่อนทางยากับการจัดซื้อเวชภัณฑ์, ระบบการติดตามยาคืนเมื่อพบว่ายามีปัญหา, การจัดการกับยาที่ส่งคืนหัองยา
5.มีการประเมินและปรับปรุงการเก็บสารองยาอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้ยามีคุณภาพ เพียงพอ พร้อมใช้ ในทุกเวลา ทุกสถานการณ์ ทุกสถานที่
II-6.2 การใช้ยา (MMS.2)
องค์กรสร้างความมั่นใจว่ามีการสั่งใช้ยาและการให้ยาที่ปลอดภัย ถูกต้อง เหมาะสม และได้ผล.
ก. การสั่งใช้ยาและถ่ายทอดคำสั่ง
(1) ผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบยาสามารถเข้าถึงข้อมูลเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละราย ได้แก่ ข้อมูลทั่วไป107, การวินิจฉัย
โรคหรือข้อบ่งชี้ในการใช้ยา, และข้อมูลทางห้องปฏิบัติการที่จำเป็น108.
(2) มีข้อมูลยาที่จำเป็นในรูปแบบที่ใช้ง่าย ในขณะสั่งใช้ จัด และให้ยาแก่ผู้ป่วย.
(3) องค์กรจัดทำนโยบายเพื่อป้องกันความผิดพลั้ง / คลาดเคลื่อน และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการสั่งใช้ยา
และการถ่ายทอดคำสั่ง พร้อมทั้งนำสู่การปฏิบัติ, ครอบคลุมการระบุรายละเอียดที่จำเป็นในคำสั่งใช้ยา109,
การระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรับยาที่ดูคล้ายกันหรือชื่อเรียกคล้ายกัน, มาตรการเพื่อป้องกันคำสั่งใช้ยาที่มี
โอกาสเกิดปัญหา110 และการป้องกันการใช้คู่ยาที่มีอันตรกิริยารุนแรง.
(4) มีการเขียนคำสั่งใช้ยาอย่างชัดเจนและถ่ายทอดคำสั่งอย่างถูกต้อง. มีการกำหนดมาตรฐานการสื่อสารคำสั่ง
ใช้ยาเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อความคลาดเคลื่อน111. มีการทบทวนและปรับปรุงคำสั่งใช้ยาที่จัดพิมพ์ไว้ล่วงหน้า
ให้ทันสมัยอย่างสม่ำเสมอ.
(5) มีกระบวนการในการระบุบัญชีรายการยาที่ผู้ป่วยได้รับ112อย่างถูกต้องแม่นยำ และใช้บัญชีรายการนี้ในการ
ให้ยาที่ถูกต้องแก่ผู้ป่วยในทุกจุดของการให้บริการ. มีการเปรียบเทียบบัญชีรายการยาที่ผู้ป่วยกำลังใช้
กับคำสั่งแพทย์ทุกครั้งเมื่อมีการรับไว้ ย้ายหอผู้ป่วย และ / หรือ จำหน่าย.
Scoring guideline2011
56 การสั่งใช้ยาและถ่ายทอดคาสั่ง
1.มีการวิเคราะห์ปัญหาที่มีโอกาสเกิดจากการสั่งใช้ยาและการถ่ายทอดคาสั่งจากข้อมูลที่มีอยู่ในระบบ
2.มีการกาหนดมาตรการป้องกันปัญหาจากการสั่งใช้ยาและถ่ายทอดคาสั่ง (ดู SPA), ผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลยาที่จาเป็นได้,
3.ผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลเฉพาะของผู้ป่วยที่จาเป็นได้ครบถ้วน, มีแนวทางในการสั่งใช้ยาที่ รพ.เลือกสรร, เริ่มมีระบบ drug reconciliation ในหน่วยงานจานวนหนึ่ง
4.มีความโดดเด่น เช่น การใช้ IT ในการสั่งยาการถ่ายทอด และการสื่อสารเกี่ยวกับคาสั่งยา, การจัดทาและใช้ประโยชน์จาก drug profile, ระบบทบทวนเพื่อให้เกิดการใช้ยาอย่างเหมาะสม, ระบบ drug reconciliation ที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ
5.มีการประเมินและปรับปรุงกระบวนการสั่งใช้และถ่ายทอดคาสั่งอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้องค์กรเป็นตัวอย่างในการสั่งใช้ยาที่ถูกต้องเหมาะสม
ข. การเตรียม การจัดจ่าย และการให้ยา
(1) มีการทบทวนคำสั่งใช้ยาทุกรายการเพื่อความมั่นใจในความเหมาะสมและความปลอดภัย.
(2) มีการจัดเตรียมยาอย่างเหมาะสมและปลอดภัย113. แผนกเภสัชกรรมเป็นผู้เตรียมยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะ
ราย114 หรือยาที่ไม่มีจำหน่ายในท้องตลาด โดยใช้วิธีการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน115.
(3) ยาได้รับการติดฉลากอย่างเหมาะสม ชัดเจนและอ่านง่ายติดที่ภาชนะบรรจุยาทุกประเภท116 และมีฉลากยา
ติดจนถึงจุดที่ให้ยาแก่ผู้ป่วย โดยระบุชื่อผู้ป่วย ชื่อยา ความเข้มข้น และขนาดยา.
(4) มีการส่งมอบยาให้หน่วยดูแลผู้ป่วยในลักษณะที่ปลอดภัย รัดกุม และพร้อมให้ใช้ ในเวลาที่ทันความต้องการ
ของผู้ป่วย.
(5) การส่งมอบยาให้แก่ผู้ป่วยทำโดยเภสัชกรหรือบุคลากรที่ได้รับมอบหมายและได้รับการฝึกอบรม มีการตรวจ
สอบความถูกต้องของยาก่อนที่จะส่งมอบ และมีการให้คำแนะนำการใช้ยาอย่างเหมาะสม117.
(6) การสั่งใช้ คัดลอกคำสั่ง จัดเตรียม จัดจ่าย และให้ยา กระทำในสิ่งแวดล้อมทางกายภาพซึ่งมีความสะอาด
มีพื้นที่และแสงสว่างพอเพียง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบวิชาชีพมีสมาธิกับการใช้ยาโดยไม่มีการรบกวน.
(7) มีการให้ยาแก่ผู้ป่วยอย่างปลอดภัยและถูกต้องโดยบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมและอุปกรณ์การให้ยาที่ได้
มาตรฐาน118, โดยมีการตรวจสอบความถูกต้องของยา คุณภาพยา ข้อห้ามในการใช้ และเวลา / ขนาดยา /
วิธีการให้ยา ที่เหมาะสม119. ผู้สั่งใช้ยาได้รับการรายงานเมื่อมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากยาหรือความคลาด
เคลื่อนทางยา.
(8) ผู้ป่วยและครอบครัวได้รับความรู้เกี่ยวกับยาที่ตนได้รับ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดูแล เพื่อ
เป้าหมายความถูกต้อง ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการใช้ยา120.
(9) ผู้ป่วยได้รับการติดตามผลการบำบัดรักษาด้วยยาและบันทึกไว้ในเวชระเบียน เพื่อสร้างความมั่นใจในความ
เหมาะสมของเภสัชบำบัดและลดโอกาสเกิดผลที่ไม่พึงประสงค์ 121.
(10) มีการจัดการกับยาที่ผู้ป่วยและครอบครัวนำติดตัวมา เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและสอดคล้องกับแผนการ
ดูแลผู้ป่วยที่เป็นปัจจุบัน.
Scoring guideline2011
57 การทบทวนคาสั่ง เตรียมและจัดจ่าย/ส่งมอบยา
1.มีการทบทวนคาสั่งใช้ยาตามแนวทางเบื้องต้นในการคัดกรองปัญหา, มีการให้ข้อมูลการเตรียมยาที่ถูกต้องให้กับผู้เกี่ยวข้อง
2.การทบทวนคาสั่งใช้ยาสามารถตรวจพบปัญหาสาคัญที่พบบ่อย, มีการนาข้อมูล pre- dispensing error ที่พบบ่อยมาปรับระบบงาน, มีการส่งมอบยาพร้อมข้อมูลคาแนะนาที่เหมาะสม
3.การทบทวนคาสั่งใช้ยาสามารถตรวจพบปัญหาที่ไม่พบบ่อยได้, มีระบบงานและสิ่งแวด ล้อมที่เอื้อต่อการเตรียม/จัดจ่ายยาอย่างถูกต้อง, มีระบบตรวจสอบก่อนส่งมอบ, มีระบบรับข้อมูล dispensing error จากหอผู้ป่วย
4.มีความโดดเด่น เช่น การใช้ IT เพื่อสื่อสารกับผู้สั่งใช้, ระบบทบทวนเพื่อให้เกิดการใช้ยาอย่างเหมาะสม, ระบบติดตาม dispensing error ผู้ป่วยนอก
5.มีการประเมินและปรับปรุงกระบวนการทบทวนคาสั่ง/เตรียม/จัดจ่ายยาอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้องค์กรเป็นตัวอย่างในด้านนี้ มีความคลาดเคลื่อนและความไม่เหมาะสมในระดับต่ามาก
58 การบริหารยาและติดตามผล
1.มีการวิเคราะห์โอกาสเกิดความคลาดเคลื่อนและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เนื่องจากการ เตรียมและบริหารยา
2.มีการกาหนดมาตรการป้องกันความคลาด เคลื่อนและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เนื่องจาการเตรียมและการบริหารยา, การให้ข้อมูลและฝึกอบรม, สิ่งแวดล้อมที่เอื้อ
3.มีการปฏิบัติตามมาตรการที่กาหนดไว้, ระบบ double check ที่เหมาะสม, ระบบบันทึกและติดตามผลการให้ยา, ระบบรายงานเมื่อเกิดปัญหา
4.มีความโดดเด่น เช่น การใช้ IT ในการบริหารยา, การ empower ให้ผู้ป่วย/ครอบครัวมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
5.มีการประเมินและปรับปรุงระบบการเตรียมและบริหารยาอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้องค์กรเป็นผู้นาในด้านนี้ ความคลาดเคลื่อนและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อยู่ในระดับต่ามาก