JCI 6 edition.pdf มี 3 ตอนสำหรับรพ.ทั่วไป
ตอนที่ ๑ ข้อกำหนดในการเข้าร่วมการรับรอง
ตอนที่ ๒ มาตรฐานที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง
ตอนที่ ๓ มาตรฐานการจัดการสถานพยาบาล
ภาพรวม การประเมิน
เป้าหมายของการประเมิน คือ เพื่อจัดการดูแล, การรักษา, และการบริการที่จะตอบสนองความ ต้องการเบื้องต้น ของผู้ป่วยและการดูแลต่อเนื่อง.กระบวนการประเมินผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพจะส่งผล ให้เกิดการตัดสินใจในการดูแล รักษาผู้ป่วยได้ทันท่วงทีและเกิดต่อเนื่องสำหรับกรณีฉุกเฉิน, ไม่ฉุกเฉิน, หรือการดูแลรักษาตามแผน, แม้ในขณะที่ ผู้ป่วยมีอาการการเปลี่ยนแปลง. การประเมินผู้ป่วยอย่าง ต่อเนื่องเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั้งผู้ป่วย ในและผู้ป่วยนอกและแผนกและคลินิก. การประเมินผู้ป่วยประกอบด้วยสามกระบวนการหลัก
1) การรวบรวมสารสนเทศและข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะทางร่างกาย, จิตใจ, สังคม, และประวัติสุขภาพของผู้ป่วย
2) การวิเคราะห์ข้อมูลและสารสนเทศ, รวมถึงผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการและภาพ วินิจฉัย, เพื่อระบุความ ต้องการบริการสุขภาพของผู้ป่วย
3) การจัดทําแผนการดูแลเพื่อตอบสนองความต้องการ
ผู้ป่วยต้องได้รับการประเมินซ้ำตลอดระยะเวลาของการดูแล, การรักษา, และการบริการ. การประเมินซ้ำเป็นกุญแจ สำคัญในการทำความเข้าใจการตอบสนองของผู้ป่วยเพื่อการดูแล, การรักษา, และการให้บริการและเป็นสิ่งจำเป็นใน การระบุการตัดสินใจในการดูแลที่มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
กิจกรรมการประเมินอาจแตกต่างกันระหว่างการบริการ,ที่กำหนดโดยผู้นำของโรงพยาบาล. ข้อมูลที่รวบรวมได้จาก การประเมินครั้งแรกของผู้ป่วยอาจบ่งบอกถึงความจำเป็นที่เพิ่มขึ้นหรือการ ประเมินเพิ่มเติมที่จำเป็นสำหรับการ ดูแล, การรักษา, และการบริการและสภาวะของผู้ป่วย.
การประเมินผู้ป่วยมีความเหมาะสมเมื่อพิจารณาสภาวะของผู้ป่วย, อายุ, ความต้องการด้านสุขภาพ, และความ ต้องการของผู้ป่วย. กระบวนการเหล่านี้จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อมีความร่วมมือกันของผู้ปฏิบัติงาน การดูแลสุขภาพต่าง ๆที่รับผิดชอบของผู้ป่วย
หมายเหตุ
ในบางมาตรฐานกำหนดให้โรงพยาบาลจัดทำนโยบาย, ระเบียบปฏิบัติ, แผนงาน, หรือ เอกสารอื่น ๆ สำหรับกระบวนการที่เฉพาะเจาะจงเป็นลายลักษณ์อักษร มาตรฐานเหล่านั้นจะมีการระบุสัญลักษณ์èหลังจาก ข้อความมาตรฐาน
มาตรฐาน
ต่อไปนี้เป็นรายการของมาตรฐานทั้งหมดในหมวดนี้เป็นการนำเสนอเฉพาะมาตรฐานโดยไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับ เจตจำนงและองค์ประกอบที่วัดได้เพื่อความสะดวกแก่ผู้ใช้รายละเอียดเพิ่มเติมของมาตรฐานดังกล่าวสามารถดูได้ ใน “มาตรฐาน เจตจำนง และองค์ประกอบที่วัดได้” ซึ่งอยู่ในตอนถัดไปของบทนี้
AOP.1 ผู้ป่วยทุกรายที่ได้รับการดูแลโดยโรงพยาบาลต้องได้รับการประเมินความต้องการในดูแลสุขภาพตามที่ โรงพยาบาลกำหนดไว้. P
AOP.1.1 การประเมินเบื้องต้นสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายรวมถึงการร่างกายและประวัติสุขภาพประกอบด้วย การประเมินจิตใจ,จิตวิญญาณ/วัฒนธรรม (ตามความเหมาะสม), สังคม, และเศรษฐกิจ.
AOP.1.2 ความต้องการทางการแพทย์และการพยาบาลของผู้ป่วยจะได้รับการระบุจากผลการประเมิน เบื้องต้น,ซึ่งจะแล้วเสร็จและบันทึกไว้ในเวชระเบียนภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังจากที่เข้ารับการ รักษาเป็นผู้ป่วยในหรือเร็วกว่านั้นตามสภาวะของผู้ป่วย. P
AOP.1.2.1 การประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์และการพยาบาลของผู้ป่วยฉุกเฉินจะขึ้นอยู่กับ ความต้องการและสภาวะของผู้ป่วย. P
AOP.1.3 โรงพยาบาลมีกระบวนการในการรับผลการประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์ที่ทำโดยคลินิกหรือ สถานพยาบาลอื่นก่อนที่จะเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในหรือการทำหัตถการแบบผู้ป่วยนอก
AOP.1.3.1 การประเมินทางการแพทย์ก่อนการผ่าตัดได้รับการบันทึกไว้ก่อนการระงับ ความรู้สึกหรือก่อนที่จะทําการผ่าตัดและครอบคลุมความต้องการด้านการแพทย์, ร่างกาย, จิตใจ,สังคม, เศรษฐกิจ, และการจําหน่าย
AOP.1.4 ผู้ป่วยได้รับการตรวจคัดกรองภาวะโภชนาการ, ความต้องการความช่วยเหลือการปฏิบัติกิจวัตร, และความต้องการพิเศษอื่น ๆ ได้รับการส่งต่อไปรับการประเมินดังกล่าวเมื่อจำเป็น.
AOP.1.5 ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกทุกรายได้รับการคัดกรองความเจ็บปวดและได้รับการประเมินเมื่อมีความ เจ็บปวด
AOP.1.6 การประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์และการพยาบาลมีการดำเนินการเฉพาะรายสำหรับประชากร กลุ่มพิเศษที่ต้องได้รับการดูแลโดยโรงพยาบาลè
AOP.1.7 ผู้ป่วยที่กำลังจะสิ้นชีวิตและครอบครัวได้รับการประเมินและประเมินซ้ำตามความต้องการเฉพาะ ราย.
AOP.1.8 การประเมินเบื้องต้นรวมถึงการพิจารณาความจำเป็นในการ วางแผนจำหน่าย P
AOP.2 ผู้ป่วยทุกรายได้รับการประเมินซ้ำตามช่วงเวลาขึ้นอยู่กับสภาวะและการรักษาของผู้ป่วยเพื่อพิจารณาการ ตอบสนองต่อการรักษาและแผนการรักษาอย่างต่อเนื่องหรือการจำหน่าย P
AOP.3 ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทําหน้าที่ประเมินผู้ป่วยและประเมินซ้ำ P
AOP.4 แพทย์, พยาบาล และ วิชาชีพอื่น ๆที่รับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยมีการประสานความร่วมมือในการ วิเคราะห์และบูรณาการการประเมินผู้ป่วยและการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน/ความต้องการที่สำคัญการ ดูแลผู้ป่วย
บริการห้องปฏิบัติการ
AOP.5 บริการห้องปฏิบัติการพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยและการให้บริการดังกล่าวทั้งหมด เป็นไปตามมาตรฐาน กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ของ ท้องถิ่นและประเทศ.
AOP.5.1 บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการการให้บริการ ห้องปฏิบัติการทางคลินิกหรือบริการทางพยาธิวิทยา P
AOP.5.1.1 บุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลภาพรวมและกํากับติดตาม แผนงานการตรวจ ทดสอบ ณ จุดดูแลผู้ป่วย (POCT) P
AOP.5.2 บุคลากรห้องปฏิบัติการทุกคนมีการศึกษา, การฝึกอบรม, คุณวุฒิ, และประสบการณ์ที่จำเป็น ในการบริหารและการตรวจทดสอบและการแปลผล
AOP.5.3 แผนงานด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการได้รับการนำไปปฏิบัติ, ติดตาม, และได้รับการ บันทึก, และธำรงไว้ซึ่งการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกและแผนงานควบคุมการติดเชื้อ P
AOP.5.3.1 ห้องปฏิบัติการใช้กระบวนการประสานงานเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อเป็น ผลมาจากการสัมผัส กับโรคติดเชื้อและวัตถุและขยะชีวอันตราย P
AOP.5.4 ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมตามกำหนดไว้โดย โรงพยาบาล P
AOP.5.5 เครื่องมืออุปกรณ์ทุกชนิดที่ใช้สำหรับการทดสอบในห้องปฏิบัติการมีการตรวจสอบอย่าง สม่ำเสมอ, การบำรุงรักษา, และการสอบเทียบ,และมีการบันทึกไว้อย่างเหมาะสม. P
AOP.5.6 น้ำยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น, และวัสดุอื่น ๆที่จําเป็น,ทั้งหมดได้รับการประเมินเพื่อสร้างความ มั่นใจใน ความถูกต้องและแม่นยําของผลการตรวจ. P
AOP.5.7 มีการจัดทำและนำไปปฏิบัติซึ่งกระบวนการในการเก็บรวบรวม, การระบุ, การหยิบสัมผัส, การขนย้ายที่ปลอดภัย, และการกำจัดสิ่งส่งตรวจ P
AOP.5.8 ห้องปฏิบัติการกําหนดช่วงค่าอ้างอิง (reference intervals) หรือค่าปกติ(normal ranges) สําหรับการตรวจวิเคราะห์แต่ละประเภทที่ให้บริการ.
AOP.5.9 มีกระบวนการควบคุมคุณภาพการให้บริการห้องปฏิบัติการได้รับการติดตามและบันทึกไว้ P
AOP.5.9.1 มีกระบวนการในการทดสอบความชำนาญในการให้บริการห้องปฏิบัติการนั้น P
AOP.5.10 ห้องปฏิบัติการอ้างอิง/สัญญาจ้างโดยโรงพยาบาลมีใบอนุญาตและได้รับการรับรองจาก หน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับที่มีอํานาจในการออกใบอนุญาต.
AOP.5.10.1 โรงพยาบาลระบุมาตรการในการตรวจสอบคุณภาพของการบริการที่ให้บริการ โดยห้องปฏิบัติการ อ้างอิง/สัญญาจ้าง
ธนาคารเลือดและ/หรือบริการให้เลือด
AOP.5.11 บุคคลที่มีคุณวุฒิเหมาะสมรับผิดชอบธนาคารเลือด และ/หรือบริการให้เลือดและสร้างความมั่นใจว่า การให้บริการเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานการปฏิบัติที่เป็นที่ ยอมรับ P
บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย
AOP.6 บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย,และการให้บริการดังกล่าวเป็นไป ตามมาตรฐาน กฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของท้องถิ่นและประเทศ.
AOP.6.1 บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการการให้บริการรังสีวิทยาและ ภาพวินิจฉัย
AOP.6.2 บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและประสบการณ์ดำเนินการตรวจการวินิจฉัย, แปลผล, และ รายงานผล
AOP.6.3 แผนงานการจัดการความปลอดภัยทางรังสีได้รับการนำไปปฏิบัติ, ติดตาม, และได้รับการบันทึก, และธำรงไว้ซึ่งการจัดการสิ่งอำนวย ความสะดวกและแผนงานควบคุมการติดเชื้อ P
AOP.6.4 ผลการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยเป็นไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมตามกำหนดไว้โดย โรงพยาบาล P
AOP.6.5 เครื่องมืออุปกรณ์ทุกชนิดที่ใช้สำหรับการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยมีการตรวจสอบ อย่างสม่ำเสมอ, การบำรุงรักษา, และการสอบเทียบ, และมีการบันทึกไว้อย่างเหมาะสมè
AOP.6.6 ฟิล์มเอกซเรย์และอุปกรณ์ที่จำเป็นมีความพร้อมใช้เมื่อโรงพยาบาลใช้ฟิล์มเอกซเรย์
AOP.6.7 มีกระบวนการควบคุมคุณภาพการให้บริการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย, การติดตาม, การตรวจสอบและบันทึกไว้ P
AOP.6.8 โรงพยาบาลมีการทบทวนผลการควบคุมคุณภาพของแหล่งบริการทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย ภายนอกที่เป็นสัญญาจ้างทั้งหมด
มาตรฐาน เจตจำนง และองค์ประกอบที่วัดได้
การประเมินผู้ป่วย
มาตรฐาน AOP.1 ต้องได้รับประเมินความต้องการ
ผู้ป่วยทุกรายที่ได้รับการดูแลโดยโรงพยาบาลต้องได้รับการประเมินความต้องการในดูแลสุขภาพตามที่โรงพยาบาล กำหนดไว้. P
เจตจำนงของ AOP.1
กระบวนการประเมินผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพจะส่งผลให้เกิดการตัดสินใจในการดูแลรักษาผู้ป่วยได้ทันท่วงทีและเกิด ต่อเนื่องสำหรับกรณีฉุกเฉิน, ไม่ฉุกเฉิน, หรือการดูแลรักษาตามแผน, แม้ในขณะที่ผู้ป่วย มีอาการการเปลี่ยนแปลง. การประเมินผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องเป็นกระบวนการพที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกและแผนกและ คลินิก. การประเมินผู้ป่วยประกอบด้วยสามกระบวนการหลัก
1) การรวบรวมสารสนเทศและข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะทางร่างกาย, จิตใจ, สังคม, และประวัติสุขภาพของ ผู้ป่วย
2) การวิเคราะห์ข้อมูลและสารสนเทศ, รวมถึงผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการและภาพ วินิจฉัย, เพื่อระบุ ความต้องการบริการสุขภาพของผู้ป่วย
3) การจัดทําแผนการดูแลเพื่อตอบสนองความต้องการ
เมื่อผู้ป่วยได้รับการลงทะเบียนหรือรับไว้รักษาในโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยในหรือการดูแล/การรักษา ผู้ป่วยนอก ,ไม่ว่าจะโดยคนในหรือกระบวนการที่คล้ายกัน,ต้องมีกระบวนการในการแจ้งผลการประ เมินที่สมบูรณ์ที่เกี่ยวข้อง กับเหตุผลสำหรับการเข้ารับการดูแลของผู้ป่วย. สารสนเทศเฉพาะที่ โรงพยาบาลต้องใช้ในขั้นตอนนี้,และ กระบวนการที่จะได้มา,ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ป่วยและการดูที่จัดให้ (ตัวอย่างเช่น, ผู้ป่วยในหรือการดูแล ผู้ป่วยนอก). นโยบายและระเบียบปฏิบัติของ โรงพยาบาลต้องกำหนดวิธีการปฏิบัติงานและสารสนเทศที่ต้องการ รวบรวมและบันทึกไว้.(ดูACC.1)
การประเมินความต้องการของผู้ป่วย,โรงพยาบาลต้องกำหนด,ในนโยบาย,เนื้อหาขั้นต่ำของการประ เมินที่จะต้อง ดำเนินการโดยแพทย์, พยาบาล, และสหสาชาวิชาชีพอื่น ๆ. การประเมินจะดำเนินการโดยแต่ละวิชาชีพที่อยู่ใน ขอบเขตของการปฏิบัติ,ที่ใช้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ,ตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ,หรือได้รับการรับรอง. เฉพาะบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทำหน้าที่ในการประเมิน.แบบประเมินใด ๆ ที่ใช้สำหรับการประเมินสะท้อนให้ เห็นถึงนโยบายนี้. โรงพยาบาลกำหนดกิจกรรมในการประเมินทั้งผู้ป่วยในและการให้บริการดูแลผู้ป่วยนอก. โรงพยาบาลกำหนดองค์ประกอบเพื่อการประเมินร่วมกันเหล่านั้นและกำหนดการประเมินที่มีความแตกต่างใด ๆ, เมื่อได้รับอนุญาต,อยู่ในขอบเขตของการประเมินการบริการทางการแพทย์ทั่วไป,และการประเมิน พิเศษ.นโยบาย กำหนดการประเมินที่สมบูรณ์อาจทำโดยบุคคลที่มีคุณสมบัติมากกว่าหนึ่งและในเวลา ที่แตกต่างกัน.เนื้อหาทั้งหมด จะต้องพร้อมใช้เมื่อการรักษาเมื่อเริ่มต้น (ดูAOP.1.2 และ AOP.1.2.1)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.1
❏ 1.มีการกําหนดเนื้อหาสาระขั้นต่ำของการประเมินผู้ป่วยในสําหรับแต่ละสาขาทางคลินิกซึ่งทําการ ประเมิน และระบุองค์ประกอบที่จําเป็นของการซักประวัติและตรวจร่างกาย.(ดูASC.3.2, ME 1 และ ASC.4, ME 1)
❏ 2. มีการกําหนดเนื้อหาสาระขั้นต่ำของการประเมินผู้ป่วยนอกสําหรับแต่ละสาขาทางคลินิกซึ่งทํา การ ประเมินและระบุองค์ประกอบที่จําเป็นของการซักประวัติและตรวจร่างกาย.(ดูASC.3.2, ME 1 และ ASC.4, ME 1)
❏ 3.เฉพาะผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพโดยกฎหมายและระเบียบ ข้อบังคับที่ เกี่ยวข้องหรือโดยใบรับรองเท่านั้นที่ทําการประเมิน.(ดูSQE.10. ME 3)
❏ 4.โรงพยาบาลระบุข้อมูลสารสนเทศที่ต้องบันทึกไว้สำหรับการประเมินผล.(ดูMMU.4, ME 5)
มาตรฐาน AOP.1.1 ประเมินเบื้องต้น
การประเมินเบื้องต้นสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายรวมถึงการร่างกายและประวัติสุขภาพ ประกอบด้วย การประเมินจิตใจ, จิตวิญญาณ/วัฒนธรรม (ตามความเหมาะสม), สังคม, และเศรษฐกิจ
เจตจำนงของ AOP.1.1
การประเมินเบื้องต้นของผู้ป่วย,ผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยใน,มีความสำคัญต่อการระบุความต้องการในกระบวนวาง แผนการดูแล. ข้อมูลในการประเมินเบื้องต้น
• เข้าใจการดูแลที่ผู้ป่วยกำลังมองหา;
• เลือกการดูแลที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย;
• รูปแบบการวินิจฉัยเบื้องต้น; และ
• เข้าใจในการการตอบสนองของผู้ป่วยต่อดูแลที่ผ่านมา.
เพื่อให้ข้อมูลนี้,การประเมินเบื้องต้นรวมถึงการประเมินทางการแพทย์ของผู้ป่วยผ่านการตรวจร่างกายและประวัติ สุขภาพ.การประเมินทางจิตวิทยาเพื่อกำหนดสภาวะทางอารมณ์ของผู้ป่วย(ตัวอย่างเช่น, ภาวะซึมเศร้า, กลัว, หรือ การทำร้าย, และอาจเป็นอันตรายต่อตัวเองหรือคนอื่น ๆ).การรวบรวมข้อมูล ทางสังคมของผู้ป่วยไม่ใช่เพื่อที่จะ "จำแนก" ผู้ป่วย. แต่สังคม, วัฒนธรรม, จิตวิญญาณ, ครอบครัว, และบริบททางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญซึ่งมี อิทธิพลต่อการตอบสนองการเจ็บป่วยและการรักษา ของผู้ป่วย. ครอบครัวจะมีประโยชน์มากในการประเมินและ การทำความเข้าใจในความปรารถนาของ ผู้ป่วยและกระบวนการประเมิน. การประเมินปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นส่วน หนึ่งของการประเมิน ทางสังคมหรืออาจมีการประเมินแยกออกไปเมื่อผู้ป่วยและครอบครัวเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ของทั้งหมดหรือบางส่วนของการดูแลในขณะที่ผู้ป่วยใน.บุคลากรที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันอาจจะเกี่ยวข้อง กับการ ประเมินของผู้ป่วย.ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือผลการประเมินจะต้องเสร็จสมบูรณ์และพร้อมใช้งาน (ดูACC.3, ME 2) ให้กับผู้ที่ดูแลผู้ป่วย.
การประเมินผู้ป่วยจะเป็นเป็นประโยชน์มากที่สุดเมื่อสามารถใช้พิจารณาสภาวะของผู้ป่วย, อายุ, และความต้องการ ด้านสุขภาพ, ที่ตรงกับความต้องการของผู้ป่วย. กระบวนการเหล่านี้จะดำเนินการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อมีการประสานความร่วมมือกันของผู้ให้การดูแลสุขภาพต่าง ๆที่รับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วย (ดูCOP.8 และ MOI.9.1, ME 2)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.1.1
❏ 1.ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกทั้งหมดได้รับการประเมินเบื้องต้นที่ครอบคลุมประวัติสุขภาพและการ ตรวจ ร่างกายตามที่กำหนดไว้ในนโยบายของโรงพยาบาล.(ดูMMU.4, ME 5)
❏ 2.ผู้ป่วยแต่ละรายได้รับการประเมินเบื้องต้นทางจิตวิทยาที่ระบุโดยความต้องการของผู้ป่วย (ดูCOP.8.7 และ COP.9.2)
❏ 3.ผู้ป่วยแต่ละรายได้รับการประเมินเบื้องต้นทางสังคมและเศรษฐกิจที่ระบุโดยความต้องการของผู้ป่วย (ดู COP.8.5)
❏ 4.ผู้ป่วยแต่ละรายได้รับการประเมินเบื้องต้นทางจิตวิญญาณ/วัฒนธรรม,ตามความเหมาะสมและที่ระบุโดย ความต้องการของผู้ป่วย
❏ 5.ผลการประเมินเบื้องต้นใช้ในการวินิจฉัยเบื้องต้น
มาตรฐาน AOP.1.2 ระบุผลการประเมินเบื้องต้น
ความต้องการทางการแพทย์และการพยาบาลของผู้ป่วยจะได้รับการระบุจากผลการประเมินเบื้องต้น,ซึ่งจะแล้วเสร็จ และบันทึกไว้ในเวชระเบียนภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังจากที่เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในหรือเร็วกว่านั้นตาม สภาวะของผู้ป่วย. P
มาตรฐาน AOP.1.2.1
การประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์และการพยาบาลของผู้ป่วยฉุกเฉินจะขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาวะของ ผู้ป่วย. P
เจตจำนงของ AOP.1.2 และ AOP.1.2.1 ผลจากการประเมินเบื้องต้นของผู้ป่วยเป็นความเข้าใจความต้องการทางการแพทย์และการพยาบาลของผู้ป่วยใน การดูแลและการรักษา. (ดูCOP.8.7) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์นี้, โรงพยาบาลกำหนด เนื้อหาสาระขั้นต่ำของการ ประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์และการพยาบาลและอื่น ๆ (ดูAOP.1) กรอบเวลาของการประเมินผลที่สมบูรณ์, และเอกสารสำหรับการประเมินที่ต้องบันทึกไว้(ดูAOP.1.3) แม้ว่าการประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์และ พยาบาลเป็นหลักในการเริ่มต้นของการดูแล, อาจจะมีการประเมินผลเพิ่มเติมโดยผู้ปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพ อื่น ๆ, รวมทั้งการประเมินพิเศษ (ดูAOP.1.4 และ AOP.1.5) และการประเมินผลเป็นรายบุคคล (ดูAOP.1.6). การประเมินเหล่านี้จะ ต้องบูรณาการและระบุความต้องการการดูแลอย่างเร่งด่วน (ดูAOP.4)
การประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์และการพยาบาลจะต้องแล้วเสร็จภายใน 24 ชั่วโมงแรกของการรับไว้รักษาใน โรงพยาบาลและมีพร้อมใช้สำหรับผู้ให้การดูแลผู้ป่วย. เมื่อผู้ป่วยมีสภาวะบ่งชี้, การประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์ และ/หรือการพยาบาลจะได้รับการดำเนินการและสามารถ เข้าถึงได้. ดังนั้น, ผู้ป่วยฉุกเฉินจะได้รับการประเมิน ในทันที, และนโยบายต้องกำหนดกลุ่มผู้ป่วยอื่น ๆ ที่ได้รับการประเมินเร็วกว่า 24 ชั่วโมง.
ในกรณีฉุกเฉิน, การประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์และการพยาบาลอาจจะขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาวะของ ผู้ป่วย. นอกจากนี้, เมื่อไม่มีเวลาในการบันทึกประวัติและการตรวจร่างกายที่สมบูรณ์ของผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต้องได้รับ การผ่าตัด,บันทึกโดยย่อและการวินิจฉัยก่อนการผ่าตัดจะต้องถูกบันทึกไว้ก่อนการผ่าตัด (ดูMOI.9.1, ME 3)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.1.2
❏ 1.การประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์, ครอบคลุมประวัติสุขภาพ, การตรวจร่างกาย,และผลการประเมินอื่น ๆ ที่ต้องการตามสภาวะของผู้ป่วย, จะต้องดำเนินการและบันทึกไว้ภายใน 24 ชั่วโมงแรกของการรับไว้เป็น ผู้ป่วยในหรือเร็วกว่านั้นตามสภาวะของผู้ป่วย
❏ 2.การประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์มีผลการวินิจฉัยเฉพาะทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับสภาวะของผู้ป่วย และใช้สนับสนุนการรักษาและการติดตามอาการ.
❏ 3.การประเมินเบื้องต้นทางการพยาบาลจะต้องดำเนินการและบันทึกไว้ภายใน 24 ชั่วโมงแรกของการรับไว้ เป็นผู้ป่วยในหรือเร็วกว่านั้นตามสภาวะของผู้ป่วย
❏ 4. การประเมินเบื้องต้นทางการพยาบาลมีผลการประเมินความต้องการเฉพาะของผู้ป่วยหรือสภาวะที่ต้อง ได้รับการพยาบาล, การปฏิบัติ, หรือการติดตามอาการที่เฉพาะเจาะจง
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.1.2.1
❏ 1.การประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์ของผู้ป่วยฉุกเฉินจะขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาวะของผู้ป่วยและ บันทึกไว้ในเวชระเบียน
❏ 2.การประเมินเบื้องต้นการพยาบาลของผู้ป่วยฉุกเฉินจะขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาวะของผู้ป่วยและ บันทึกไว้ในเวชระเบียน
❏ 3.ก่อนการผ่าตัดผู้ป่วยฉุกเฉิน, มีบันทึกข้อมูลย่อๆ และการวินิจฉัยโรคก่อนผ่าตัดเป็นอย่างน้อยก่อนที่จะทํา การผ่าตัด. (ดูASC.7)
มาตรฐาน AOP.1.3 เบื้องต้น ก่อนรักษาผู้ป่วยใน หัตถการ
โรงพยาบาลมีกระบวนการในการรับผลการประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์ที่ทำโดยคลินิกหรือสถานพยาบาลอื่น ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในหรือการทำหัตถการแบบผู้ป่วยนอก
เจตจำนงของ AOP.1.3
เมื่อผลการประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์ทำโดยคลินิกหรือสถานพยาบาลอื่นก่อนที่จะเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วย ในหรือการทำหัตถการแบบผู้ป่วยนอก เช่น การผ่าตัดในวันเดียวกัน, จะต้องทำภายใน 30 วันก่อนหน้านี้. หาก ในช่วงเวลาที่รับไว้เป็นเป็นผู้ป่วยในหรือการทำหัตถการแบบ ผู้ป่วยนอก,มีผลการประเมินทางการแพทย์ที่มากกว่า 30 วัน, ประวัติทางการแพทย์เดิมจะต้องได้รับการปรับปรุงและการตรวจร่างกายซ้ำ. สำหรับผลการประเมินทาง การแพทย์และเอกสารที่ดำเนินการภายใน 30 วัน หรือน้อยกว่านั้นก่อนที่จะเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในหรือการ ทำหัตถการแบบผู้ป่วยนอก, การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ ในสภาวะของผู้ป่วยตั้งแต่การประเมินหรือ "ไม่มีการ เปลี่ยนแปลง" จะต้องบันทึกไว้ตั้งแต่แรกรับ. การปรับปรุง และ/หรือการตรวจร่างกายซ้ำ สามารถทำได้โดยบุคคลที่ มีคุณสมบัติเหมาะสม. (ดูAOP.1.2 และ AOP.1.2.1 เกี่ยวกับกรอบเวลาและเอกสารที่ต้องการในการประเมิน เบื้องต้นของโรงพยาบาล)
เมื่อมีการประเมินบางส่วนหรือทั้งหมดดำเนินการเสร็จสมบูรณ์นอกโรงพยาบาล (ตัวอย่างเช่น, ในสำนักงาน ศัลยแพทย์ปรึกษา), ผลการตรวจพบจะมีการทบทวน และ/หรือ ทวนสอบความถูกต้อง ตั้งแต่แรกรับการรักษาเป็น ผู้ป่วยในหรือก่อนที่ทำหัตถการแบบผู้ป่วยนอก, อย่างเหมาะสมตามเวลา ระหว่างการประเมินจากภายนอก และ การรับไว้เป็นผู้ป่วยใน, การตรวจพบที่สำคัญ, ความซับซ้อน ของผู้ป่วย, และการวางแผนการดูแลและการรักษา (ตัวอย่างเช่น, การตรวจสอบยืนยันความชัดเจน ของการวินิจฉัย และ แผนการทำหัตถการ หรือการรักษา; ภาพรังสีที่จำเป็นในการผ่าตัดนั้น และ การเปลี่ยนแปลงใด ๆในสภาวะของผู้ป่วย, เช่น การควบคุมน้ำตาลในเลือด; ผลตรวจ ทางห้อง ปฏิบัติการที่สำคัญที่อาจต้องทำซ้ำ) (ดูAOP.4)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.1.3
❏ 1. ผลการประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในหรือการทำหัตถการแบบ ผู้ป่วยนอกจะต้องทำภายใน 30 วัน.
❏ 2.สำหรับการประเมินน้อยกว่าหรือเท่ากับ 30 วัน,หากมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ ในสภาวะของ ผู้ป่วยตั้งแต่การประเมิน หรือ "ไม่มีการเปลี่ยนแปลง" ต้องมีการบันทึกไว้ในเวชระเบียน ตั้งแต่แรกรับการ รักษาเป็นผู้ป่วยในหรือก่อนการทำหัตถการแบบผู้ป่วยนอก.
❏ 3.หากผลการประเมินทางการแพทย์นานกว่า 30 วัน ก่อนเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในหรือการทำ หัตถการแบบผู้ป่วยนอก,ประวัติทางการแพทย์จะต้องได้รับการปรับปรุงและการตรวจร่างกายซ้ำ
❏ 4.ผลการประเมินผล ทั้งหมดที่ดำเนินการจากภายนอกโรงพยาบาลจะมีการทบทวน และ/หรือตรวจสอบ ในเวลาที่เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน
มาตรฐาน AOP.1.3.1
การประเมินทางการแพทย์ก่อนการผ่าตัดได้รับการบันทึกไว้ก่อนการระงับความรู้สึก หรือ ก่อนที่จะทําการผ่าตัด และครอบคลุมความต้องการด้านการแพทย์, ร่างกาย, จิตใจ, สังคม, เศรษฐกิจ, และการจําหน่าย.
เจตจำนงของ AOP.1.3.1
การประเมินทางการแพทย์ก่อนการผ่าตัด คือ การประเมินความเสี่ยงทางคลินิกที่เป็นการประเมิน สุขภาพของ ผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบว่าผู้ป่วยมีความปลอดภัยที่จะได้รับการระงับความรู้สึกและการผ่าตัด การประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์ก่อนการผ่าตัด ครอบคลุมความต้องการด้านการแพทย์, ร่างกาย, จิตใจ, สังคม, เศรษฐกิจก่อนที่จะผ่าตัด. นอกจากนี้, การประเมินผู้ป่วยสำหรับความต้องการใด ๆ ที่จำเป็นต่อการติดตาม การ จำหน่าย, เป็นส่วนประกอบที่มีคุณค่าของการประเมินก่อนการผ่าตัด (ดูASC.7) ผลการประเมินทางการแพทย์และการวินิจฉัยใด ๆ,ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกับความต้องการของผู้ป่วยใน การจำหน่าย ,จะถูกบันทึกในเวชระเบียนของผู้ป่วยก่อนการระงับความรู้สึกหรือการผ่าตัด
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.1.3.1
❏ 1.ผู้ป่วยซึ่งมีการวางแผนผ่าตัดได้รับการประเมินก่อนที่จะทําการผ่าตัด.
❏ 2.การประเมินทางการแพทย์ก่อนการผ่าตัด ครอบคลุมความต้องการด้านการแพทย์, ร่างกาย, จิตใจ, สังคม, เศรษฐกิจ, และการจําหน่าย.
❏ 3.การประเมินทางการแพทย์ก่อนการผ่าตัดได้รับการบันทึกไว้ในเวชระเบียนก่อนการผ่าตัด
มาตรฐาน AOP.1.4 โภชนาการ การปฏิบัติกิจวัตร ความต้องการพิเศษ
ผู้ป่วยได้รับการตรวจคัดกรองภาวะโภชนาการ, ความต้องการความช่วยเหลือการปฏิบัติกิจวัตร, และความต้องการ พิเศษอื่น ๆ ได้รับการส่งต่อไปรับการประเมินดังกล่าวเมื่อจำเป็น.
เจตจำนงของ AOP.1.4
ข้อมูลที่รวบรวมได้จากการประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์และ/หรือการพยาบาล, ผ่านเกณฑ์ในการ คัดกรอง,ที่ อาจบ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีความต้องการในการประเมินเพิ่มเติมหรือการประเมินในเชิงลึกของภาวะโภชนาการหรือความ ต้องการความช่วยเหลือการปฏิบัติกิจวัตร, รวมทั้งการประเมินความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม (ดูIPSG.6). การ ประเมินเชิงลึกจะสามารถระบุความจำเป็นของผู้ป่วยที่ต้องการ การจัดการด้านโภชนาการ และ ผู้ป่วยที่ต้องการ บริการฟื้นฟูสมรรถภาพหรือบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับความต้องการความช่วยเหลือการปฏิบัติกิจวัตร. วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการระบุผู้ป่วยที่มีความต้องการทางด้านภาวะโภชนาการ หรือ ความต้องการความ ช่วยเหลือการปฏิบัติกิจวัตรโดยการใช้เกณฑ์ในการคัดกรอง. การคัดกรองทั่วไป เป็นการใช้เกณฑ์อย่างง่าย,และการ ประเมินผลระดับสูงใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงที่จำเป็นต้องมีการประเมินเพิ่มเติมในเชิงลึก. ตัวอย่างเช่น, แบบฟอร์มการประเมินแรกรับทางการพยาบาลอาจจะ ประกอบด้วยเกณฑ์พื้นฐานสําหรับคัดกรองทางโภชนาการ, เช่นคําถาม ง่ายๆ 5-6 คําถาม ที่ให้คะแนนเป็นตัวเลขเกี่ยวกับการรับประทานอาหารลดลงในปัจจุบัน, ถ้าน้ำหนัก ลดลงระหว่างสามเดือน ที่ผ่านมา, การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นต้น. คะแนนทั้งหมดจะบ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีความ เสี่ยง ทางโภชนาการที่ จําเป็นต้องมีการประเมินเชิงลึกทางโภชนาการต่อไป.
ในแต่ละกรณี, เกณฑ์การคัดกรองจะต้องมีการพัฒนาโดยบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการประเมิน เพิ่มเติม, และจัดให้มีการบริการหากผู้ป่วยมีความจำเป็นที่จะต้องให้การรักษา. ยกตัวอย่างเช่น, เกณฑ์การคัดกรองความ เสี่ยงทางโภชนาการอาจได้รับการพัฒนาโดยพยาบาลที่จะใช้เกณฑ์, นักโภชนาการที่จัดการด้านอาหาร, และ นัก กำหนดอาหารที่สามารถบูรณาการความต้องการทาง โภชนาการและความต้องการอื่น ๆ ของผู้ป่วย (ดูCOP.4 และ COP.5) เกณฑ์การคัดกรองจะต้อง นำไปฏิบัติอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งโรงพยาบาลเมื่อมีความต้องการ. สารสนเทศที่รวบรวมได้จากการประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์และ/หรือ การพยาบาลยังอาจระบุความจําเป็นที่ จะต้องมีการประเมินอื่น ๆ เช่น ทันตกรรม การได้ยิน ตา และอื่น ๆ.(ดูAOP.1.2 และ AOP.1.2.1) โรงพยาบาลส่ง ผู้ป่วยไปรับการประเมินดังกล่าวที่มีอยู่ในองค์กรหรือในชุมชน.
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.1.4
❏ 1.ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมจัดทําเกณฑ์เพื่อบ่งชี้ผู้ป่วยที่สมควรได้รับการประเมินด้านโภชนาการเพิ่มเติม, และเกณฑ์การคัดกรองจะต้องนำไปฏิบัติอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งโรงพยาบาลเมื่อมีความต้องการ.
❏ 2.ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสำหรับปัญหาทางโภชนาการได้รับการประเมินภาวะโภชนาการ
❏ 3.ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมจัดทําเกณฑ์เพื่อบ่งชี้ผู้ป่วยที่สมควรได้รับการประเมินความต้องการความ ช่วยเหลือการปฏิบัติกิจวัตร (functional needs) เพิ่มเติม,และเกณฑ์การคัดกรองจะต้องนำไปฏิบัติอย่าง ต่อเนื่องทั่วทั้งโรงพยาบาลเมื่อมีความต้องการ.
❏ 4.ผู้ป่วยที่อยู่ในความต้องการของการประเมินผลการทำงานจะเรียกว่าสำหรับการประเมินดังกล่าว
❏ 5.เมื่อระบุผู้ป่วยมีความต้องการในการประเมินเพิ่มเติม,ผู้ป่วยได้รับการส่งต่อไปรับการประเมินดังกล่าวที่มี อยู่ในองค์กรหรือในชุมชน.
❏ 6.ผลการประเมินพิเศษที่มีการดำเนินการภายในโรงพยาบาลเสร็จสมบูรณ์และบันทึกไว้ในเวชระเบียนของ ผู้ป่วย
มาตรฐาน AOP.1.5 ความเจ็บปวด
ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกทุกรายได้รับการคัดกรองความเจ็บปวดและได้รับการประเมินเมื่อมีความเจ็บปวด
เจตจำนงของ AOP.1.5
ในระหว่างการประเมินเบื้องต้นและการประเมินซ้ำ, การคัดกรองจะใช้ในการระบุผู้ป่วยที่มีอาการปวด
ตัวอย่าง คำถามที่อาจจะใช้ในการตรวจคัดกรองครอบคลุมดังต่อไปนี้:
• ตอนนี้ท่านมีความเจ็บปวดหรือไม่?
• ความปวดทําให้ท่านนอนไม่หลับในตอนกลางคืนใช่หรือไม่?
• ความปวดทําให้ท่านร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ได้ใช่หรือไม่?
• ท่านปวดทุกวันเลยใช่หรือไม่?
คำตอบในเชิงบวกต่อคำถามเช่นนี้บ่งบอกถึงความจำเป็นในการประเมินเพิ่มเติมในเชิงลึกของความ เจ็บปวดของ ผู้ป่วย.เมื่อผู้ป่วยนอกมีความเจ็บปวด,ผู้ป่วยอาจได้รับการประเมินอย่างละเอียดเพิ่มเติม และรับการรักษาใน โรงพยาบาลหรือส่งต่อไปรับการประเมินและการรักษา.ขอบเขตของการรักษาจะ ขึ้นอยู่กับการดูแลและการบริการที่ จัดให้ (ดูCOP.6)
เมื่อผู้ป่วยในมีความเจ็บปวด,การประเมินที่ครอบคลุมมากขึ้นจะดำเนินการโดยเร็วที่สุดเท่าเพื่อระบุความเจ็บปวด.
การประเมินนี้ต้องเหมาะสมกับอายุของผู้ป่วย และวัดระดับและระบุรายละเอียด ของความ เจ็บปวด, เช่น ลักษณะ ความเจ็บปวด, ความถี่, ตำแหน่ง, และระยะเวลา.
ข้อมูลเพิ่มเติม อาจรวมถึง ประวัติความเจ็บปวด, สิ่งที่ทำให้ อาการปวดดีขึ้นหรือแย่ลง, เป้าหมายของผู้ป่วยเพื่อ บรรเทาอาการปวด, และลักษณะที่คล้ายกัน. มีการบันทึกผล การประเมินในลักษณะที่เอื้อต่อการ ประเมินซ้ำอย่างสม่ำเสมอและการติดตามตามเกณฑ์ที่จัดทําโดยองค์กรและ ตามภาวะความต้องการ ของผู้ป่วย.(ดูAOP.1.2 และ AOP.1.2.1)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.1.5
❏ 1.ผู้ป่วยได้รับการคัดกรองความเจ็บปวดและการคัดกรองถูกบันทึกไว้
❏ 2.เมื่อพบว่ามีความเจ็บปวดจากการตรวจคัดกรองเบื้องต้น,ผู้ป่วยได้รับการประเมินอย่างครอบคลุมที่ เหมาะสม
❏ 3.มีการบันทึกผลการประเมินในลักษณะที่เอื้อต่อการประเมินซ้ำอย่างสม่ำเสมอและการติดตามตามเกณฑ์ ที่จัดทําโดยองค์กรและตามภาวะความต้องการของผู้ป่วย.
มาตรฐาน AOP.1.6 ประชากรกลุ่มพิเศษ
การประเมินเบื้องต้นทางการแพทย์และการพยาบาลมีการดำเนินการเฉพาะรายสำหรับประชากรกลุ่มพิเศษที่ต้อง ได้รับการดูแลโดยโรงพยาบาล P
เจตจำนงของ AOP.1.6
การประเมินเบื้องต้นของผู้ป่วยบางประเภทหรือประชากรบางกลุ่มต้องได้รับการประเมินที่ปรับเป็น การเฉพาะ,การ ปรับเปลี่ยนดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะหรือความต้องการของแต่ละกลุ่มประชากรผู้ป่วย. แต่ละโรงพยาบาล ต้องระบุกลุ่มผู้ป่วยผู้พิเศษและประชากรที่ต้องปรับเปลี่ยนกระบวน การประเมินเป็นการเฉพาะเพื่อตอบสนองความ ต้องการพิเศษของผู้ป่วย, โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ โรงพยาบาลให้การบริการกลุ่มผู้ป่วยผู้พิเศษและประชากรหนึ่ง กลุ่ม หรือ มากกว่านั้นตามที่ระบุรายการด้านล่าง, การประเมินผลทางการแพทย์และพยาบาลจะดำเนินการ:
• เด็ก • วัยรุ่น
• ผู้ป่วยสูงอายุที่เปราะบาง
• ผู้ป่วยระยะสุดท้าย/ผู้ป่วยที่กำลังจะสิ้นชีวิต
• ผู้ป่วยที่มีความเจ็บปวดรุนแรง หรือ เรื้อรัง
• หญิงเจ็บครรภ์ • หญิงที่ได้รับการยุติการตั้งครรภ์
• ผู้ป่วยที่มีปัญหาความผิดปกติทางอารมณ์หรือ จิตใจ
• ผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะติดยา และ/หรือสุรา
• เหยื่อที่ถูกกระทําทารุณหรือถูกทอดทิ้ง
• ผู้ป่วยที่มีโรคติดเชื้อหรือโรคติดต่อ
• ผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบําบัดหรือรังสีรักษา
• ผู้ป่วยซึ่งมีภูมิคุ้มกันพร่อง
การประเมินผู้ป่วยที่ต้องสงสัยว่าจะติดยาเสพติดและ/หรือสุราและการประเมินผู้ที่ตกเป็นเหยื่อที่ถูกต้องปรับให้เข้า กับวัฒนธรรมของประชากรผู้ป่วย.การประเมินเหล่านี้ไม่ได้มีเจตนาจะรุกล้ำ. แต่การประเมินผู้ป่วยเหล่านี้จะ ตอบสนองต่อความต้องการและสภาวะของผู้ป่วยในลักษณะทางวัฒนธรรมที่ได้รับการยอมรับและเป็นความลับ. กระบวนการประเมินมีการปรับเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและ ระเบียบข้องบังคับและมาตรฐานวิชาชีพที่ เกี่ยวข้องกับกลุ่มประชากรดังกล่าวและสถานการณ์และการมีส่วนร่วมของครอบครัวเมื่อมีความเหมาะสมหรือ จำเป็น (ดูAOP.1.2 และ AOP.1.2.1)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.1.6
❏ 1.โรงพยาบาลระบุกลุ่มผู้ป่วยพิเศษและประชากรที่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนการประเมินเป็นการเฉพาะ ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
❏ 2.กระบวนการประเมินความต้องการเฉพาะของประชากรผู้ป่วยกลุ่มพิเศษต้องได้รับการปรับให้สอดคล้อง กับความต้องการ.
❏ 3.กระบวนการประเมินมีการปรับเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบข้องบังคับและมาตรฐานวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มประชากรดังกล่าว
❏ 4.การประเมินเฉพาะทางการแพทย์และพยาบาลถูกนำไปปฏิบัติและบันทึกไว้
มาตรฐาน AOP.1.7 กำลังจะสิ้นชีวิต
ผู้ป่วยที่กำลังจะสิ้นชีวิตและครอบครัวได้รับการประเมินและประเมินซ้ำตามความต้องการเฉพาะราย.
เจตจำนงของ AOP.1.7
การประเมินและประเมินซ้ำต้องเป็นการตอบสนองความต้องการเฉพาะรายของผู้ป่วยและครอบครัวที่อยู่ที่วาระ สุดท้ายของชีวิต (ดูCOP.7) การประเมินและการประเมินซ้ำควรประเมินผู้ป่วยตามอาการและสภาวะของผู้ป่วย ,และตามความต้องการของผู้ป่วย. อาการ, สภาวะ, และความต้องการดูแลสุขภาพ ได้แก่
• อาการคลื่นไส้และอาการหายใจลําบาก;
• ปัจจัยที่ทําให้อาการทางร่างกายทุเลาหรือกําเริบ;
• การบําบัดอาการในขณะนั้นและการตอบสนองของผู้ป่วย; และ
• ความต้องการสําหรับลักษณะแวดล้อม (setting) หรือระดับของการดูแลที่เป็นทางเลือก;
ผู้ป่วยและครอบครัวนอกจากนี้ยังอาจได้รับการประเมิน, และการประเมินซ้ำหากเป็นไปได้, สำหรับจิตวิญญาณ, จิต สังคม, และความต้องการบริการ, ตามความเหมาะสมและเป็นไปตาม ความต้องการเฉพาะรายและวัฒนธรรม. องค์ประกอบที่จะต้องพิจารณารวมถึงต่อไปนี้:
• ความเชื่อด้านจิตวิญญาณของผู้ป่วยและครอบครัว และการเข้าร่วมกลุ่มทางศาสนา;
• ความอาทรหรือความต้องการด้านจิตวิญญาณของผู้ป่วยและครอบครัว เช่น ความสิ้นหวัง ความทุกข์ ทรมาน ตราบาป หรือการให้อภัย;
• สภาวะด้านจิตสังคมของผู้ป่วยและครอบครัว เช่น ความสัมพันธ์ของครอบครัว ความเหมาะสมของ สิ่งแวดล้อมที่ บ้านหากให้การดูแลที่บ้าน กลไกจัดการกับปัญหา ปฏิกิริยาของผู้ป่วยและครอบครัวต่อ ความเจ็บป่วย;
• ความต้องการสําหรับบริการเกื้อหนุน หรือการหยุดพักชั่วคราว สําหรับผู้ป่วย ครอบครัว หรือผู้ให้การดูแล อื่น;
• ปัจจัยเสี่ยงของผู้ที่อยู่ข้างหลัง เช่น กลไกการจัดการปัญหาของครอบครัว และโอกาสเกิดความเศร้าโศกที่ รุนแรง.
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.1.7
❏ 1.ผู้ป่วยที่กําลังจะเสียชีวิตได้รับการประเมินและประเมินซ้ำอาการ สภาพ และความต้องการดูแลสุขภาพ ตามที่บ่งชี้และเป็นไปตามความต้องการที่ระบุได้(ดูAOP.2, ME 2 และ COP.7, ME 2)
❏ 2. ผู้ป่วยที่กำลังจะสิ้นชีวิตและครอบครัวได้รับการประเมินและประเมินซ้ำตามความเหมาะสม สำหรับจิต วิญญาณ, จิตสังคม, และความต้องการบริการตามความเหมาะสมและเป็นไปตามความต้องการเฉพาะราย และวัฒนธรรม
❏ 3.ผลการประเมินได้รับการบันทึกในเวชระเบียนของผู้ป่วย (ดูMOI.9.1, ME 3)
มาตรฐาน AOP.1.8 การวางแผนจำหน่าย
การประเมินเบื้องต้นรวมถึงการพิจารณาความจำเป็นในการวางแผนจำหน่าย P
เจตจำนงของ AOP.1.8
ความต่อเนื่องของการดูแลต้องมีการเตรียมความพร้อมและการพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับผู้ป่วยจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนจำหน่าย.กระบวนการวางแผนการจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการ ประเมินแรกรับ.การประเมินเบื้องต้นสามารถช่วยระบุผู้ป่วยที่มีความจำเป็นในการวางแผน, อายุ, ความสามารถใน การเคลื่อนไหว, ความต้องการในการดูแลทางการแพทย์และการพยาบาลอย่างต่อเนื่อง, หรือความช่วยเหลือในการ ปฏิบัติกิจวัตรชีวิตประจำวัน, หรือในกลุ่มอื่น ๆ . เมื่อมีการเตรียมการวางแผนจำหน่ายอาจใช้เวลา, การประเมินและ การวางแผนกระบวนการควร เริ่มเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้หลังจากที่เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน
การวางแผนจำหน่ายรวมถึงการให้ข้อมูลพิเศษที่ผู้ป่วยต้องการซึ่งเกี่ยวข้องกับการดูแลอย่างต่อเนื่อง ด้านนอก โรงพยาบาล (ดูPFE.2) ตัวอย่างเช่น, ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยใหม่ว่าเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จะต้องได้รับ
ข้อมูลที่เกี่ยวกับอาหารและโภชนาการ, เช่นเดียวกับ การให้คำแนะนำเกี่ยวกับ การฉีดยาอินซูลิน. ผู้ป่วยเข้ารับการ รักษาด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันอาจต้องได้รับการ ฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจและการติดตามหลังจำหน่าย, เช่นเดียวกับ การให้คำแนะนำทางโภชนาการ การจำหน่ายที่ประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับการวางแผนที่มี ประสิทธิภาพ
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.1.8
❏ 1.โรงพยาบาลเริ่มต้นกระบวนการวางแผนจำหน่ายตั้งแต่การประเมินแรกรับเพื่อระบุผู้ป่วยที่มีความจำเป็น สำหรับการวางแผนจำหน่าย (ดูACC.4, ME 3)
❏ 2.การวางแผนจำหน่ายรวมถึงการระบุความต้องการพิเศษและได้รับการปฏิบัติตามแผนเพื่อตอบสนอง ความต้องการเหล่านั้น
❏ 3.ผู้ป่วย, ครอบครัวตามความเหมาะสม และบุคลากรที่มีเกี่ยวข้องในการดูแลผู้ป่วยมีส่วนร่วมใน กระบวนการวางแผนจำหน่าย (ดูPFR.2, ME 1)
มาตรฐาน AOP.2 การประเมินซ้ำ
ผู้ป่วยทุกรายได้รับการประเมินซ้ำตามช่วงเวลาขึ้นอยู่กับสภาวะและการรักษาของผู้ป่วยเพื่อพิจารณาการตอบสนอง ต่อการรักษาและแผนการรักษาอย่างต่อเนื่องหรือการจำหน่าย P
เจตจำนงของ AOP.2
การประเมินซ้ำโดยผู้ให้การดูแลสุขภาพทั้งหมดของผู้ป่วยเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจการดูแลที่มีความ เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ. ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินซ้ำตลอดกระบวนการการดูแลตามช่วงเวลาที่อยู่บน พื้นฐานของความต้องการและแผนของการดูแลของผู้ป่วยหรือตามที่กำหนดไว้ในนโยบายและระเบียบปฏิบัติของ โรงพยาบาล. ผลการประเมินซ้ำเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในเวชระเบียน และใช้สำหรับผู้ให้การดูแลผู้ป่วย การประเมินซ้ำโดยแพทย์เป็นส่วนประกอบสำคัญในการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง แพทย์จะทำการประเมินผู้ป่วย อย่างน้อยทุกวัน,รวมทั้งวันหยุดสุดสัปดาห์และเมื่อได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในสภาวะของผู้ป่วย การประเมินซ้ำจะนำไปปฏิบัติและบันทึกผลในเวชระเบียนผู้ป่วย
• ตามช่วงเวลาที่สม่ำเสมอระหว่างการดูแล (เช่น พยาบาลบันทึกสัญญาณชีพ, ประเมินความเจ็บปวด, ปอด และ เสียงหัวใจ, เป็นระยะตามสภาวะของผู้ป่วย);
• ประจําทุกวันโดยแพทย์สําหรับผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบเฉียบพลัน
• เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสําคัญในสภาวะของผู้ป่วย;
• เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการวินิจฉัยโรคของผู้ป่วย และต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการดูแล; และ
• เพื่อพิจารณาผลสําเร็จของการรักษาด้วยยาหรือวิธีการอื่น ๆ และ พิจารณาว่าสามารถเคลื่อนย้ายหรือ จําหน่ายผู้ป่วยได้หรือไม่
ผู้ป่วยบางคนที่ไม่ใช่เฉียบพลันอาจไม่จำเป็นต้องประเมินซ้ำทางการแพทย์ประจำวัน; ตัวอย่างเช่น, ผู้ป่วยจิตเวชที่มี อาการคงที่ซึ่งได้รับการบำบัดแบบกลุ่ม, หรือผู้ป่วยที่พ้นระยะเฉียบพลันของการ เจ็บป่วยหรือการผ่าตัดและได้รับ เพียงการรักษาฟื้นฟูสภาพ.โรงพยาบาลมีการระบุกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่จำ เป็นต้องมีการประเมินซ้ำทุกวันไว้เป็นลาย ลักษณ์อักษร
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.2
❏ 1. ผู้ป่วยได้รับการประเมินซ้ำเพื่อพิจารณาการตอบสนองต่อการรักษาและวางแผนการรักษาอย่าง ต่อเนื่อง และ/ หรือการจำหน่าย (ดูCOP.5, ME 3; ASC.6.1, ME 3 และ MMU.7, ME 1)
❏ 2. ผู้ป่วยได้รับการประเมินซ้ำตามช่วงเวลาที่ขึ้นอยู่กับสภาวะของผู้ป่วยและ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสําคัญ ในสภาวะของผู้ป่วย, แผนการดูแล หรือความต้องการของแต่ละบุคคล (ดูAOP.1.7, ME 1)
❏ 3.แพทย์ประเมินซ้ำผู้ป่วยอย่างน้อยทุกวัน,รวมทั้งวันหยุดสุดสัปดาห์ในช่วงระยะเฉียบพลันของการดูแล รักษา
❏ 4.สำหรับผู้ป่วยที่ไม่เฉียบพลัน,โรงพยาบาลกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรในสถานการณ์และประเภทของ ผู้ป่วยหรือประชากรผู้ป่วยที่การประเมินของแพทย์อาจจะน้อยกว่าทุกวันและระบุช่วง เวลาการประเมิน ขั้นต่ำสำหรับผู้ป่วยเหล่านี้
❏ 5.ผลการประเมินซ้ำได้รับการบันทึกในเวชระเบียนผู้ป่วย
มาตรฐาน AOP.3 ผู้ทำหน้าทีประเมิน
ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทําหน้าที่ประเมินผู้ป่วยและประเมินซ้ำ P
เจตจำนงของ AOP.3
การประเมินและการประเมินซ้ำของผู้ป่วยเป็นกระบวนการที่สำคัญที่จำเป็นต้องมีการศึกษาพิเศษ, การฝึกอบรม ความรู้, และทักษะ. ดังนั้นสำหรับแต่ละประเภทของการประเมิน, จะมีการระบุบุคคลผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะ ดำเนินการประเมินและความรับผิดชอบที่กำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษร.โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลผู้มีคุณสมบัติที่ จะดำเนินการประเมินผู้ป่วยฉุกเฉินหรือการประเมินความต้องการการพยาบาลจะมีการระบุไว้อย่างชัดเจน.การ ประเมินผลจะดำเนินการโดยแต่ละสาขาวิชาชีพที่ได้รับ อนุญาตโดยใบอนุญาต, ประกาศนียบัตร/ใบรับรอง กฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเท่านั้น องค์
ประกอบที่วัดได้ของ AOP.3
❏ 1.มีการกําหนดความรับผิดชอบของผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทําการประเมินผู้ป่วยและประเมินซ้ำไว้ เป็นลายลักษณ์อักษร. (ดูSQE.1.1, ME 2 และ SQE.10, ME 3)
❏ 2.เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตโดยใบอนุญาต ประกาศนียบัตร/ใบรับรองกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่ เกี่ยวข้องเท่านั้น ทําการประเมินผู้ป่วย.
❏ 3.การประเมินผู้ป่วยฉุกเฉินกระทําโดยผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม.
❏ 4.การประเมินด้านการพยาบาลกระทําโดยผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม.
มาตรฐาน AOP.4 การประสานความร่วมมือ
แพทย์, พยาบาล และ วิชาชีพอื่น ๆที่รับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วย มีการประสานความร่วมมือในการวิเคราะห์และ บูรณาการการประเมินผู้ป่วยและการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน/ความต้องการที่สำคัญการดูแลผู้ป่วย
เจตจำนงของ AOP.4
ผู้ป่วยอาจได้รับการประเมินหลายชนิดทั้งจากภายนอกและภายในโรงพยาบาลโดยหน่วยงานและบริการต่าง ๆ.เป็น ผลให้,อาจจะมีความหลากหลายของข้อมูล,ผลการตรวจทดสอบและข้อมูลอื่น ๆ ในการบันทึกเวชระเบียนผู้ป่วย (ดู AOP.1.3) ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์มากที่สุดเมื่อบุคลากร ที่รับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยร่วมกันในการวิเคราะห์ผล
การประเมินและรวมข้อมูลเหล่านี้เพื่อสรุป ภาพรวมของสภาวะของผู้ป่วย.จากความร่วมมือนี้,ความต้องการของ ผู้ป่วยจะมีการระบุลำดับความสำคัญในการสร้างและการตัดสินใจวางแผนการดูแล. การบูรณาการข้อมูลจะ สนับสนุนให้มีการ ประสานงานระหว่างผู้ให้การดูแล (ดูAOP.1.2 และ AOP.1.2.1 และ COP.2) กระบวนการในการทำงานร่วมกันแบบง่ายและไม่เป็นทางการทำเมื่อความต้องการของผู้ป่วยที่ไม่มีความซับซ้อน. การประชุมอย่างเป็นทางการ, การประชุมทีมงานรักษาผู้ป่วย, และการเยี่ยมผู้ป่วย ร่วมกันอาจมีความจำเป็นสำหรับ ผู้ป่วยที่มีความต้องการที่ซับซ้อนหรือไม่ชัดเจน. ผู้ป่วย, หรือ ครอบครัว และคนอื่น ๆ ที่มีอำนาจในการตัดสินใจใน นามของผู้ป่วยจะต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการ ตัดสินใจเมื่อมีความจำเป็น.
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.4
❏ 1.ข้อมูลและสารสนเทศในการประเมินผู้ป่วยต้องมีการวิเคราะห์และบูรณาการ
❏ 2.ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลของผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกระบวนการ
❏ 3.ความต้องการของผู้ป่วยได้รับการจัดลำดับความสำคัญขึ้นอยู่กับผลการประเมิน
บริการห้องปฏิบัติการ
มาตรฐาน AOP.5 บริการห้องปฏิบัติการพร้อมตาม มาตรฐาน กฎหมาย และระเบียบ
บริการห้องปฏิบัติการพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยและการให้บริการดังกล่าวทั้งหมดเป็นไปตาม มาตรฐาน กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ของ ท้องถิ่นและประเทศ
เจตจำนงของ AOP.5
โรงพยาบาลมีระบบการให้บริการห้องปฏิบัติการ, รวมถึงบริการพยาธิวิทยาคลินิก, ที่จำเป็นต่อ ประชากรผู้ป่วย, บริการทางคลินิกที่จัดให้บริการ, และความต้องการของผู้ประกอบการดูแลสุขภาพ. บริการห้องปฏิบัติการที่มีและ จัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ของ ท้องถิ่นและประเทศ. บริการห้องปฏิบัติการ,รวมทั้งที่จำเป็นต้องใช้สำหรับกรณีฉุกเฉิน,อาจจะให้ภายในโรงพยาบาล,ตามข้อตกลงกับ องค์กรอื่น,หรือทั้งสองอย่าง.บริการห้องปฏิบัติการพร้อมใช้งานหลังจากเวลาปกติสำหรับ กรณีฉุกเฉิน.นอกจากนี้ โรงพยาบาลมีความสามารถในการระบุและจะติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการวินิจ ฉัยเฉพาะ เช่น ปรสิตวิทยา, ไวรัส วิทยา, หรือ พิษวิทยา, เมื่อมีความจำเป็น แหล่งบริการภายนอกมีความสะดวกสำหรับผู้ป่วยในการเข้าถึง.โรงพยาบาลเลือกแหล่งภายนอกขึ้นอยู่กับคำแนะนำ ของผู้นำทางห้องปฏิบัติการหรือบุคคลอื่นที่มีความรับผิดชอบสำหรับการให้บริการห้อง ปฏิบัติการ.แหล่งบริการ ภายนอกของการให้บริการห้องปฏิบัติการตอบสนองกฎหมายและกฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องและมีการบันทึกที่ ยอมรับได้ของความต้องถูกต้อง, เวลาในการให้บริการ. ผู้ป่วยได้รับทราบถ้ามีความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์ผู้ส่ง ตรวจกับแหล่งบริการภายนอก
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5
❏ 1.บริการห้องปฏิบัติการเป็นไปตามมาตรฐาน กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของท้องถิ่นและ ประเทศ. (ดูGLD.2, ME 5)
❏ 2.บริการห้องปฏิบัติการพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการตามพันธกิจของโรงพยาบาลและจำนวน ประชากรผู้ป่วย,ชุมชนที่ต้องการการดูแลสุขภาพ,และความต้องการฉุกเฉิน, รวมถึงหลังเวลาปกติ.
❏ 3.ผู้เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยเฉพาะได้รับการติดต่อเมื่อมีความจำเป็น
❏ 4.แหล่งบริการภายนอกจะถูกเลือกจากการได้รับการยอมรับและ เป็นไปตามมาตรฐาน กฎหมาย และ ระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
❏ 5.ผู้ป่วยจะได้รับแจ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์ผู้ส่งตรวจและแหล่งบริการภายนอกของการ ให้บริการห้องปฏิบัติการที่ให้บริการ (ดูGLD.12.1, ME 1)
มาตรฐาน AOP.5.1 บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการการให้บริการห้องปฏิบัติการทางคลินิกหรือ บริการทางพยาธิวิทยา P
เจตจำนงของ AOP.5.1
บริการห้องปฏิบัติการทางคลินิกอยู่ภายใต้การดูแลของบุคคลที่มีคุณเหมาะสมโดยได้รับการฝึกอบรม,ความ เชี่ยวชาญ, และประสบการณ์, ที่สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง. บุคคลนี้จะต้องรับผิดชอบ ต่อวิชาชีพชีพสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกและการให้บริการในห้องปฏิบัติการ เช่นเดียวกับ,การการตรวจวินิจฉัยที่ ดำเนินการนอกห้องปฏิบัติการ, เช่น การทดสอบที่ดำเนินการ ข้างเตียง (การทดสอบ ณ.จุดดูแลผู้ป่วย). การกำกับ ดูแลการให้บริการนอกห้องปฏิบัติการรวมถึงการ สร้างความมั่นใจในการปฏิบัติตามนโยบายที่สอดคล้องและเป็น มาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งโรงพยาบาล, การฝึกอบรม, และการจัดการเวชภัณฑ์, อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง. แต่ไม่รวมถึงการ กำกับดูแลประจำวันของ กิจกรรมเหล่านั้น.การกำกับดูแลประจำวันยังคงอยู่ในความรับผิดชอบของผู้นำแผนกหรือ หน่วยงาน ที่มีการดำเนินการในการทดสอบดังกล่าว
บุคคลที่จะให้คําปรึกษาทางคลินิกหรือความเห็นทางการแพทย์, ควรเป็นแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรเป็นพยาธิ แพทย์. การบริการพิเศษทางห้องปฏิบัติการและบริการเฉพาะควรอยู่ภายใต้การดูแล ของบุคคลที่มีคุณสมบัติ เหมาะสม. หน้าที่รับผิดชอบของห้วหน้าห้องปฏิบัติการ ได้แก่ • การจัดทํา, นำสู่การปฏิบัติ, และ ธํารงไว้ซึ่งนโยบายและระเบียบปฏิบัติ; • การกํากับดูแลด้านบริหารจัดการ; • การดําเนินการและธํารงไว้ซึ่งแผนงานควบคุมคุณภาพที่จําเป็น; • การให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแหล่งบริการห้องปฏิบัติการภายนอก; และ • การติดตามและทบทวนบริการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการทั้งหมด.
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.1
❏ 1.ห้องปฏิบัติการทางคลินิกและการให้บริการห้องปฏิบัติการอื่น ๆ ของโรงพยาบาลอยู่ภายใต้การดูแล และการกำกับดูแลของบุคคลหนึ่งหรือมากกว่าซึ่งเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม (ดูGLD.9.6, ME 1)
❏ 2.ห้วหน้าห้องปฏิบัติการมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทํา, นำสู่การปฏิบัติ, และ ธํารงไว้ซึ่งนโยบาย และ ระเบียบปฏิบัติ
❏ 3.ห้วหน้าห้องปฏิบัติการมีหน้าที่รับผิดชอบในการกํากับดูแลด้านบริหารจัดการ
❏ 4.ห้วหน้าห้องปฏิบัติการมีหน้าที่รับผิดชอบในการดําเนินการและธํารงไว้ซึ่งแผนงานควบคุม คุณภาพที่ จําเป็น
❏ 5.ห้วหน้าห้องปฏิบัติการมีหน้าที่รับผิดชอบในการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแหล่งบริการห้องปฏิบัติการ ภายนอก (ดูGLD.6, ME ที่ 4 และ GLD.6.1, ME 3)
❏ 6.ห้วหน้าห้องปฏิบัติการมีหน้าที่รับผิดชอบในการติดตามและทบทวนบริการตรวจวิเคราะห์ทาง ห้องปฏิบัติการทั้งหมด.
มาตรฐาน AOP.5.1.1
บุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลภาพรวมและกำกับติดตามแผนงานการตรวจทดสอบ ณ จุดดูแล ผู้ป่วย (POCT) P
เจตจำนงของ AOP.5.1.1 การตรวจทดสอบ ณ จุดดูแลผู้ป่วย (POCT) ให้คำนิยามโดยวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งอเมริกันว่า "การทดสอบที่ ออกแบบมาเพื่อนำมาใช้ณ หรือใกล้กับตำแหน่งที่ผู้ป่วยอยู่ ซึ่งไม่ต้องการใช้ถาวร เป็นพื้นที่เฉพาะ และ ดำเนินการ นอกสถานที่ทางกายภาพของห้องปฏิบัติการทางคลินิก"
เมื่อการตรวจทดสอบ ณ จุดดูแลผู้ป่วย (POCT) รวมอยู่ในการให้บริการของโรงพยาบาล มีการดูแลภาพรวม และ กำกับติดตามการให้บริการที่มีการดำเนินการให้บริการโดยบุคคลที่รับผิดชอบในการจัดการบริการ ห้องปฏิบัติการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายโดยไม่คำนึงถึงสถานที่ให้บริการ โรงพยาบาลจะต้องมีวิธีการที่กำหนดไว้ อย่างชัดเจนและ มีโครงสร้างที่ดีในการทำ POCT เพื่อให้แน่ใจว่าจะดำเนินการได้อย่างปลอดภัยและถูกต้องและ ผลที่เกิดขึ้นมีความ ถูกต้องและเชื่อถือได
แผนงาน POCT รวมถึงการวางแผนอย่างละเอียดกับผู้นำในการดำเนินการเลือกใช้ POCT ในแผนก/หอผู้ป่วย การวางแผนครอบคลุมการเลือกการทดสอบที่จะดำเนินการ การระบุบุคลากรที่ทำการทดสอบและโปรโตคอล สำหรับ การรายงานผลการตรวจทดสอบรวมทั้งกระบวนการในการรายงานผลวิกฤต บุคลากรที่ทำ POCT ต้อง ได้รับการฝึก อบรมสำหรับการทดสอบแต่ละชนิดที่ทำ พร้อมกับประเมินความสามารถเพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์จะมี ความถูกต้อง
ผลการดำเนินงานควบคุมคุณภาพ เอกสารและการประเมินผลจะต้องดำเนินการภายในข้อกำหนดที่กำหนดไว้โดย ทั่วไปจะเป็นไปตามคำแนะนำโดยผู้ผลิตในลักษณะประจำวันรวมทั้งระหว่างแบทช์ใหม่ของชุดทดสอบ กลุ่ม ตัวอย่าง ที่ใช้ในการควบคุมคุณภาพอาจจะมาพร้อมกับชุดทดสอบหรืออาจจะต้องซื้อจากผู้ผลิตหรือผู้แทนที่ได้รับ มอบอำนาจ บุคลากรทุกคนทำ POCT ตามขั้นตอนการควบคุมคุณภาพที่กำหนดไว้และเข้าใจวิธีดำเนินการเมื่อ ตัวอย่างการควบ คุมคุณภาพออกนอกเหนือจากข้อกำหนด
แผนงาน POCT ควรจะได้รับการเฝ้าติดตามและประเมินผลเพื่อให้มั่นใจว่าแผนงานจะตอบสนองความต้องการ ของผู้รับผลงาน (ผู้ปฏิบัติงานการดูแลสุขภาพ บุคลากรที่ทำการทดสอบและผู้ป่วย) ซึ่งอาจทำได้โดยการพัฒนา และเฝ้าติดตามมาตรการพัฒนาคุณภาพผ่านการสำรวจผู้ป่วยและ/หรือทบทวนผลการควบคุมคุณภาพและการ ทดสอบความชำนาญและรายงานการใช้ทรัพยากร
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.1.1
❏ 1. ผู้รับผิดชอบในการจัดการบริการห้องปฏิบัติการหรือผู้ได้รับมอบหมายให้การกำกับดูแลแผนงาน POCT (ดูGLD.9, ME 1 ร่วมด้วย) ❏ 2. บุคลากรดำเนินการตรวจทดสอบ ณ จุดดูแลผู้ป่วย มีคุณสมบัติและการฝึกอบรมตามข้อกำหนดและมี ความสามารถในการทำ POCT (ดูSQE.4, ME 1 ร่วมด้วย) ❏ 3. แผนงาน POCT ครอบคลุมกระบวนการที่กำหนดไว้สำหรับการรายงานผลการทดสอบรวมถึงการราย งานผลที่วิกฤต (ดูIPSG.2.1 ร่วมด้วย) ❏ 4. แผนงาน POCT ครอบคลุมผลการดำเนินงานการควบคุมคุณภาพ เอกสารและการประเมินผล (ดู AOP.5.9 ร่วมด้วย)
มาตรฐาน AOP.5.2 บุคลากรห้องปฏิบัติการ
บุคลากรห้องปฏิบัติการทุกคนมีการศึกษา, การฝึกอบรม, คุณวุฒิ, และประสบการณ์ที่จำเป็นในการบริหารและการ ตรวจทดสอบและการแปลผล
เจตจำนงของ AOP.5.2
โรงพยาบาลระบุการศึกษา, การฝึกอบรม, คุณสมบัติ, และประสบการณ์ของบุคลากรห้องปฏิบัติการ ในการตรวจ ทดสอบและการแปลผลทดสอบในห้องปฏิบัติการ, กําหนดบุคลากรห้องปฏิบัติการที่จะ ทําหน้าที่ตรวจวิเคราะห์ผู้ ที่ได้รับอนุญาตให้ทําการตรวจคัดกรองที่จุดให้บริการ (point-of-care screening test) ที่ข้างเตียงและผู้เป็น หัวหน้าหรือทําหน้าที่กํากับดูแลบุคลากรซึ่งทําการตรวจ วิเคราะห์. , และผู้ที่ดูแลหรือกำกับดูแลบุคลากรผู้ตรวจ วิเคราะห์,ได้รับการนิเทศงาน. บุคลากร ผู้ตรวจวิเคราะห์ได้รับการมอบหมายงานที่สอดคล้องกับการฝึกอบรมและ ประสบการณ์ของแต่ละคน.นอกจากนี้ในห้องปฏิบัติการต้องมีบุคลากรเพียงพอที่จะทําหน้าที่ตรวจวิเคราะห์ได้อย่าง รวดเร็ว และจัดให้มีบุคลากรห้องปฏิบัติการที่จําเป็นตลอดเวลาทําการและสําหรับกรณีฉุกเฉิน.
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.2
❏ 1.บุคลากรห้องปฏิบัติการทุกคนมีการศึกษา, การฝึกอบรม, คุณวุฒิ, และ ประสบการณ์ที่จำเป็นในการ บริหารและการตรวจทดสอบและการแปลผล (ดูSQE.4, ME 1)
❏ 2.ห้องปฏิบัติการต้องมีบุคลากรเพียงพอที่จะทําหน้าที่ตรวจวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว และจัดให้มีบุคลากร ห้องปฏิบัติการที่จําเป็นตลอดเวลาทําการและสําหรับกรณีฉุกเฉิน. (ดูSQE.6, ME 2)
❏ 3.กำหนดผู้ทําหน้าที่กํากับดูแลที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมและประสบการณ์(ดูSQE.4, ME 1)
มาตรฐาน AOP.5.3 แผนงานด้านความปลอดภัย
แผนงานด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการได้รับการนำไปปฏิบัติ, ติดตาม, และได้รับการบันทึก, และธำรงไว้ซึ่ง การจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกและแผนงานควบคุมการติดเชื้อ P
เจตจำนงของ AOP.5.3
ห้องปฏิบัติการมีแผนงานด้านความปลอดภัยที่ใช้งานในระดับที่จำเป็นตามความเสี่ยงและอันตรายที่พบใน ห้องปฏิบัติการ.มีการปฏิบัติตามแผนงานด้านความปลอดภัยและมาตรการการป้องกัน (เช่น สถานีตาล้าง, ชุดเก็บกู้ สารอันตรายรั่วไหล, และที่มีลักษณะคล้ายกัน)สำหรับบุคลากรห้องปฏิบัติการ, บุคลากรอื่น ๆ และผู้ป่วย. แผนงาน ห้องปฏิบัติการมีการประสานงานกับการจัดการสิ่งอำนวยความ สะดวกและการควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล
แผนงานการจัดการความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการประกอบด้วย
• นโยบายและระเบียบปฏิบัติเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งสนับสนุนการจัดการสิ่งอำนวยความ สะดวกและการ ควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล;
• นโยบายและระเบียบปฏิบัติเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรฐานและ ระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง;
• อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยพร้อมใช้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ใน ห้องปฏิบัติการ;
• การปฐมนิเทศเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยให้แก่บุคลากร ของ ห้องปฏิบัติการทุกคน;(ดูSQE.8.2) และ
• การศึกษาระหว่างประจําการสําหรับวิธีการตรวจวิเคราะห์ใหม่ และวัตถุอันตรายที่นําเข้ามา ใหม่หรือเพิ่ง รับร.ู้(ดูFMS.4.1, ME 1 และ FMS.5)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.3
❏ 1.แผนงานด้านความปลอดภัยที่ใช้งานในระดับที่จำเป็นตามความเสี่ยงและอันตรายที่พบในห้อง ปฏิบัติการและพื้นที่อื่น ๆ นอกห้องปฏิบัติการที่ให้บริการ (ดูFMS.4, ME 1)
❏ 2.แผนงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกและควบคุมการติดเชื้อในโรง พยาบาลและ รายงานไปยังโครงสร้างความปลอดภัยของโรงพยาบาลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และเมื่อมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัย (ดูPCI.5, ME 3 และ 4)
❏ 3.มีกระบวนการในการระบุความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และ/หรือ มีมาตรการอุปกรณ์เพื่อลด ความ เสี่ยงด้านความปลอดภัย (ดูFMS.5, ME 3)
❏ 4.บุคลากรห้องปฏิบัติได้รับการนิเทศเรื่องความปลอดภัยและการปฏิบัติและได้รับการศึกษา อย่างต่อเนื่อง และการฝึกอบรมสำหรับการปฏิบัติและวิธีการทดสอบใหม่ (ดูFMS.11, ME 1; GLD.9, ME 4 และ SQE.8, ME 3 และ 4)
มาตรฐาน AOP.5.3.1
ห้องปฏิบัติการใช้กระบวนการประสานงานเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อเป็นผลมาจากการสัมผัสกับโรคติดเชื้อ และวัตถุและขยะชีวอันตราย P
เจตจำนงของ AOP.5.3.1
มีนโยบายขั้นตอนและระเบียบปฏิบัติที่นำมาใช้เพื่อลดอันตรายจากการสัมผัสกับวัตถุและขยะชีวอันตราย. การติด เชื้อในห้องปฏิบัติการจะมีการรายงานภายในและ, เมื่อเหมาะสมให้กับหน่วยงาน สาธารณสุข.การปฏิบัติตาม มาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพถูกกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร ดังต่อไปนี้:
a) การสัมผัสต่อละอองฝอยและเสมหะได้รับการควบคุม (ยกตัวอย่างเช่น, เมื่อ ทําการผสม, การใช้คลื่นเสียง, การปั่นแยก, และ การลนไฟห่วงที่ใช้ฉีดลงไปบนอาหารเลี้ยงเชื้อ).
b) การสวมเสื้อนอก, เสื้อกาวน์, หรือ เครื่องแบบทางห้องปฏิบัติการเพื่อป้องกันชุดที่ ใส่มาจากข้างนอกและ ป้องกันการปนเปื้อน.
c) มีการใช้ตู้ที่มีความปลอดภัยทางด้านชีวะเมื่อจําเป็น
d) กฎในการบังคับห้องปฏิบัติการในการหยิบจับสัมผัสสารติดเชื้อ, อุบัติเหตุของมีคมบาด, อันตรายจากเข็มตํา , การกลืนสารเคมีโดยไม่ได้ตั้งใจ, และการสัมผัสสารที่มีโอกาสติดเชื้อ ผ่านทางเนื้อเยื่อเมือก. กฎนี้ครอบคลุม ระเบียบปฏิบัติการขจัดการปนเปื้อนผู้ที่สัมผัส มารักษาฉุกเฉิน, และสถานที่รวมทั้งการใช้อุปกรณ์ความ ปลอดภัย.
e) มีระเบียบปฏิบัติทujเป็นลายลักษณ์อักษรที่กําหนดเรื่องการเก็บ, ขนย้าย,และหยิบจับ สัมผัสสิ่งส่งตรวจ ทั้งหมดอย่างปลอดภัย. ระเบียบปฏิบัติครอบคลุมการห้ามทุกคนในพื้นที่ ทางเทคนิคของห้องปฏิบัติการจาก การ รับประทาน, ดื่ม, สูบบุหรี่, การใช้เครื่องสําอาง, การหยิบจับ คอนแทคเลนส์, และการใช้ปากในการทําปิ เปตต์.
f) เมื่อเกี่ยวข้องกับงานของตน,บุคลากรได้รับการฝึกอบรมเก่ียวกับ มาตรการในการเฝ้าระวัง, วิธีการ แพร่กระจายเชื้อ, และการป้องกันเชื้อก่อโรคทางกระแสเลือด.
g) ห้องปฏิบัติการยังต้องมีระเบียบปฏิบัติเพื่อควบคุมการสัมผัสต่อโรคติดเชื้อ ยกตัวอย่างเช่น, Ebola, MERS, วัณโรค, Zika, และอื่น ๆอีกด้วย. (ดูPCI.8.2) เมื่อมีปัญหากับการปฏิบัติเกิดขึ้น, หรืออุบัติเหตุเกิดขึ้น, จะมีการดำเนินการแก้ไข, บันทึกไว้, และมีการทบทวน (ดู PCI.7.2)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.3.1
❏ 1.ห้องปฏิบัติการกำหนดกระบวนการเพื่อการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ (ดูPCI.5, Mes 2, 3 และ 4)
❏ 2.การติดเชื้อในห้องปฏิบัติการจะมีการรายงาน,ตามที่กำหนดไว้ในนโยบายและเป็นไปตาม กฎหมาย และ ระเบียบข้อบังคับ (ดูPCI.3, ME 3)
❏ 3.มีการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพสำหรับการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องตามองค์ประ กอบ a) ถึง g) ในเจตจำนง (ดูPCI.5, ME 2, 3 และ 4)
❏ 4.เมื่อมีปัญหากับการปฏิบัติเกิดขึ้น, หรืออุบัติเหตุเกิดขึ้น, จะมีการดำเนินการแก้ไข, บันทึกไว้, และมีการ ทบทวน
มาตรฐาน AOP.5.4 ผลตรวจเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมตามกำหนดไว้โดยโรงพยาบาล P
เจตจำนงของ AOP.5.4
โรงพยาบาลกำหนดระยะเวลาสำหรับการรายงานผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการ.มีการรายงานผลภายในกรอบ เวลาที่อยู่บนพื้นฐานของความต้องการของผู้ป่วย, บริการทางคลินิกที่จัดให้, และความต้องการของบุคลากรทาง คลินิก, การกําหนดช่วงเวลารายงานผลนี้ครอบคลุมความต้องการในการตรวจวิเคราะห์กรณีฉุกเฉิน การตรวจนอก เวลาทําการ และการตรวจในวันหยุดด้วย. ผลการตรวจ เร่งด่วนที่ส่งจากห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด และหอผู้ป่วยวิกฤติ ได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษในกระบวนการ ติดตามวัดคุณภาพ.ในกรณีที่มีการให้บริการตรวจวิเคราะห์ทาง ห้องปฏิบัติการโดยทําสัญญากับองค์กร ภายนอกการรายงานผลจะต้องทันเวลาตามที่กําหนดไว้ในนโยบายของ องค์กรหรือที่ระบุในสัญญา. (ดูIPSG.2.1)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.4
❏ 1.โรงพยาบาลกำหนดระยะเวลาสำหรับการรายงานผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการ
❏ 2.ผลการตรวจเร่งด่วน/ฉุกเฉิน ได้รับการติดตามวัดคุณภาพ.
❏ 3. การรายงานผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการอยู่ภายในกรอบเวลาที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย (ดูASC.7, ME 1)
มาตรฐาน AOP.5.5 เครื่องมืออุปกรณ์ทุกชนิด
เครื่องมืออุปกรณ์ทุกชนิดที่ใช้สำหรับการทดสอบในห้องปฏิบัติการมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ, การบำรุงรักษา, และการสอบเทียบ, และมีการบันทึกไว้อย่างเหมาะสม. P
เจตจำนงของ AOP.5.5
บุคลากรห้องปฏิบัติการมีกระบวนการเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทั้งหมด, รวมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับ การตรวจทดสอบ ณ จุดดูแลผู้ป่วย (POCT), การทดสอบลักษณะการใช้งานในระดับที่ยอมรับและมีความ ปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน. ห้องปฏิบัติการพัฒนาและนำไปปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการอุปกรณ์และเครื่องมือทางการ แพทย์ที่ใช้สำหรับ
• การคัดเลือกและจัดหาเครื่องมือ;
• การบ่งชี้และจัดทําบัญชีรายการเครื่องมือ;
• การประเมินเครื่องมือที่ใช้งานโดยการตรวจสอบ ทดสอบ สอบเทียบ และบํารุงรักษา;
• การติดตามกํากับดูแลและดําเนินการเมื่อมีข้อสังเกตเกี่ยวกับอันตราย จากเครื่องมือมีการเรียกกลับ มี อุบัติการณ์ที่ได้รับรายงาน มีปัญหาและ ข้อบกพร่องต่าง ๆ; และ
• การบันทึกในระบบบริหารจัดการเครื่องมือ. ความถี่ในการทดสอบ บํารุงรักษา และสอบเทียบ ขึ้นกับการใช้เครื่องมือของห้องปฏิบัติการและประวัติการ ให้บริการที่บันทึกไว้(ดูFMS.8 และ FMS.8.1)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.5
❏ 1.ห้องปฏิบัติการดำเนินการพัฒนา, นำไปปฏิบัติ, และ และบันทึกแผนงานในการจัดการอุปกรณ์เครื่องมือ ของห้องปฏิบัติการ
❏ 2.แผนงานระบุการคัดเลือกและจัดหาเครื่องมือ
❏ 3.มีการจัดทําบัญชีรายการเครื่องมือห้องปฏิบัติการทั้งหมด
❏ 4.อุปกรณ์ห้องปฏิบัติการมีการตรวจสอบและทดสอบเมื่อรับเข้ามาใหม่และตามอายุ, การใช้งาน, และ คำแนะนำของผู้ผลิต, และการตรวจสอบหลังจากนั้น และได้รับการบันทึกไว้
❏ 5.อุปกรณ์ห้องปฏิบัติการได้รับสอบเทียบและการบำรุงรักษาตามคำแนะนำของผู้ผลิต, และการสอบเทียบ และการบำรุงรักษาได้รับการบันทึก
❏ 6.โรงพยาบาลมีระบบในการติดตามกํากับดูแลและดําเนินการเมื่อมีข้อสังเกตเกี่ยวกับอันตราย จาก เครื่องมือมีการเรียกกลับ มีอุบัติการณ์ที่ได้รับรายงาน มีปัญหาและข้อบกพร่องต่าง ๆ; (ดูFMS.8.1,ME 1)
มาตรฐาน AOP.5.6 น้ำยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น
น้ำยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น, และวัสดุ อื่น ๆที่จําเป็น,ทั้งหมดได้รับการประเมินเพื่อสร้างความมั่นใจในความถูกต้อง และแม่นยําของผลการตรวจ. P
เจตจำนงของ AOP.5.6
โรงพยาบาลมีการระบุน้ำยาและวัสดุอื่น ๆ ที่จําเป็นในการให้บริการทางห้องปฏิบัติการสำหรับผู้ป่วย มีกระบวนการ สั่งซื้อหรือสร้างความมั่นใจว่าจะมีน้ำยาและวัสดุอื่น ๆที่จําเป็นที่มีประสิทธิผล.น้ำยาทั้งหมดได้รับการจัดเก็บและ นําไปใช้ตามระเบียบปฏิบัติที่กําหนดไว้.มีแนวทางปฏิบัติเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้มั่นใจในการเขียนฉลากน้ำยา และสารละลายที่ครบถ้วนและถูกต้องรวมถึงความถูกต้องแม่นยําของผลการตรวจทั้งหมด. (ดูAOP.5.9 และ FMS.5)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.6
❏ 1. น้ำยาและวัสดุที่จำเป็นได้รับการระบุไว้(ดูFMS.5, ME 1)
❏ 2. น้ำยาและวัสดุที่จำเป็นเพียงพอพร้อมใช้งาน,และมีกระบวนการที่จะแก้ไขเมื่อน้ำยาที่จำเป็นไม่สามารถใช้ งานได้
❏ 3. น้ำยาและวัสดุที่จำเป็นทั้งหมดได้รับการจัดเก็บและนําไปใช้ตามคำแนะนำของผู้ผลิตหรือคำแนะนำที่ระบุ ในบรรจุภัณฑ์(ดูFMS.5, ME 2)
❏ 4. ห้องปฏิบัติการจัดทำแนวทางปฏิบัติเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้มั่นใจในการประเมินถูกต้องแม่นยําของ ผลการตรวจทั้งหมด.(ดูAOP.5.9, ME 4)
❏ 5. น้ำยาและวัสดุที่จำเป็นทั้งหมดได้รับการติดฉลากที่สมบูรณ์และถูกต้อง (ดูFMS.5, ME 4)
มาตรฐาน AOP.5.7 กระบวนการในการเก็บรวบรวม, การระบุ, การหยิบสัมผัส, การขนย้าย
มีการจัดทำและนำไปปฏิบัติซึ่งกระบวนการในการเก็บรวบรวม, การระบุ, การหยิบสัมผัส, การขนย้ายที่ปลอดภัย, และการกำจัดสิ่งส่งตรวจ P
เจตจำนงของ AOP.5.7
มีการจัดทำและนำไปปฏิบัติซึ่งกระบวนการสำหรับ • การสั่งการทดสอบ; • การเก็บรวบรวมและการระบุสิ่งส่งตรวจ; • การขนย้าย, การจัดเก็บ, และการรักษาสิ่งส่งตรวจ; และ • การรับ, การบันทึก, และการติดตามสิ่งส่งตรวจ กระบวนการเหล่านี้จะใช้ในการติดตามสำหรับสิ่งส่งตรวจที่ส่งไปตรวจวิเคราะห์ยังห้องปฏิบัติการภายนอกด้วย
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.7
❏ 1. มีการจัดทำและนำไปปฏิบัติซึ่งกระบวนการสั่งการทดสอบ
❏ 2. มีการจัดทำและนำไปปฏิบัติซึ่งกระบวนการเก็บรวบรวมและการระบุสิ่งส่งตรวจ (ดูIPSG.1, ME 2 และ IPSG.4.1)
❏ 3. มีการจัดทำและนำไปปฏิบัติซึ่งกระบวนการขนย้าย, การจัดเก็บ, และการรักษาสิ่งส่งตรวจ
❏ 4. มีการจัดทำและนำไปปฏิบัติซึ่งกระบวนการรับและการติดตามสิ่งส่งตรวจ
❏ 5. มีการจัดทำและนำไปปฏิบัติซึ่งกระบวนการกำจัดสิ่งส่งตรวจ (ดูFMS.5.1, ME 4)
❏ 6. มีกระบวนการในการติดตามการปฏิบัติสำหรับสิ่งส่งตรวจที่ส่งไปตรวจวิเคราะห์ยังห้องปฏิบัติการ ภายนอก
มาตรฐาน AOP.5.8 กําหนดช่วงค่าอ้างอิง
ห้องปฏิบัติการกําหนดช่วงค่าอ้างอิง (reference intervals) หรือค่าปกติ(normal ranges) สําหรับการตรวจ วิเคราะห์แต่ละประเภทที่ให้บริการ.
เจตจำนงของ AOP.5.8
ห้องปฏิบัติการกำหนดช่วงค่าอ้างอิงหรือ "ค่าปกติ" สําหรับการตรวจวิเคราะห์แต่ละประเภทที่ให้บริการ.ค่าปกตินี้ ได้รับการเก็บบันทึกไว้ในเวชระเบียนในลักษณะที่เป็นส่วนหนึ่งของรายงานการตรวจ หรือบัญชีรายการค่าดังกล่าวที่ เป็นปัจจุบันซึ่งรับรองโดยหัวหน้าห้องปฏิบัติการ.ค่าปกติได้รับการปรับ เมื่อมีการส่งตรวจวิเคราะห์ภายนอก. ค่า พิสัยอ้างอิงเหมาะสมกับลักษณะทางภูมิศาสตร์และลักษณะประชากรที่องค์กรดูแล ได้รับการทบทวน และปรับให้ เป็นปัจจุบันเมื่อวิธีการตรวจวิเคราะห์เปลี่ยนไป
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.8
❏ 1.ห้องปฏิบัติการกําหนดช่วงค่าอ้างอิงสําหรับการตรวจวิเคราะห์แต่ละประเภทที่ให้บริการ.
❏ 2.ค่าปกตินี้ได้รับการเก็บบันทึกไว้ในเวชระเบียนในลักษณะที่เป็นส่วนหนึ่งของรายงานการตรวจ
❏ 3.ค่าปกติได้รับการปรับ เมื่อมีการส่งตรวจวิเคราะห์ภายนอก.
❏ 4.ค่าพิสัยอ้างอิงเหมาะสมกับลักษณะทางภูมิศาสตร์และลักษณะประชากรที่องค์กรดูแล
❏ 5.ช่วงค่าอ้างอิงได้รับการทบทวนและปรับปรุงตามความจำเป็น
มาตรฐาน AOP.5.9 การควบคุมคุณภาพการให้บริการ
มีกระบวนการควบคุมคุณภาพการให้บริการห้องปฏิบัติการ, ได้รับการติดตาม, และบันทึกไว้è มาตรฐาน AOP.5.9.1 มีกระบวนการในการทดสอบความชำนาญในการให้บริการห้องปฏิบัติการนั้น P
เจตจำนงของ AOP.5.9 และ AOP.5.9.1
การออกแบบระบบที่ดีในการควบคุมคุณภาพมีความจำเป็นเพื่อที่จะให้บริการห้องปฏิบัติการทางคลินิกและพยาธิ วิทยาที่ดีเยี่ยม (ดูAOP.5.1.1, ME 4 และ 5) กระบวนการควบคุมคุณภาพประกอบด้วย
• การตรวจสอบ (validation) วิธีการตรวจวิเคราะห์ที่ใช้เพื่อตรวจความถูกต้อง (accuracy) ความเที่ยง (precision) และช่วงค่าของการรายงานผล;
• การเฝ้าติดตามผลการตรวจวิเคราะห์ประจําวันโดยบุคลากรห้องปฏิบัติการที่มีคุณสมบัติ เหมาะสม;
• การตรวจทดสอบน้ำยา
• การปฏิบัติการแก้ไขอย่างรวดเร็วเมื่อพบข้อบกพร่อง; และ
• การบันทึกผลการตรวจวิเคราะห์และปฏิบัติการแก้ไข. การทดสอบความชํานาญ (proficiency testing) เป็นการเปรียบเทียบว่าผลลัพธ์ของห้องปฏิบ้ติการ แต่ละแห่งนั้นดี เพียงใด เมื่อเทียบกับห้องปฏิบัติการแห่งอื่น ๆ ซึ่งใช้วิธีการตรวจวิเคราะห์เดียวกัน. การทดสอบดังกล่าวสามารถ
บ่งชี้ปัญหาขีดสมรรถนะซึ่งตรวจไม่พบโดยกลไกภายใน.ห้องปฏิบัติการจึงควรเข้าร่วมในการทดสอบความชํานาญที่ ได้รับการรับรองที่มีอยู่.หากไม่มีการทดสอบความชํานาญที่ได้รับการรับรองห้องปฏิบัติการควรแลกเปลี่ยนตัวอย่าง กับห้องปฏิบัติการขององค์กรอื่นเพื่อให้มีการตรวจวิเคราะห์เปรียบเทียบในกลุ่มเดียวกัน. ห้องปฏิบัติการเก็บรักษา บันทึกรวบรวมการมีส่วนร่วมในกระบวนการทดสอบความชํานาญ. มีการทดสอบความชํานาญหรือตรวจวิเคราะห์ เปรียบเทียบในทุกสาขาที่ให้บริการ เมื่อมีการทดสอบดังกล่าว. (ดูGLD.11)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.9
q 1.โรงพยาบาลจัดทำและนำไปปฏิบัติซึ่งแผนงานการควบคุมคุณภาพสำหรับห้องปฏิบัติการทางคลินิก
q 2.แผนงานรวมถึงการตรวจสอบวิธีการตรวจวิเคราะห์
q 3.แผนงานรวมถึงการเฝ้าติดตามผลการตรวจวิเคราะห์ประจําวัน
q 4.แผนงานรวมถึงการตรวจทดสอบน้ำยา (ดูAOP.5.6, ME 4)
q 5.แผนงานรวมถึงการบันทึกผลการตรวจวิเคราะห์และปฏิบัติการแก้ไข.
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.9.1
q 1.ห้องปฏิบัติการมีส่วนร่วมในการทดสอบความชำนาญในการให้บริการห้องปฏิบัติการ, หรือทางเลือก อื่นสำหรับการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ (ดูAOP.5.10, ME 3)
q 2.สำหรับการวิเคราะห์พิเศษ,หรือการทดสอบ, ผลการทดสอบความชำนาญของห้องปฏิบัติการ มี คุณสมบัติตามเกณฑ์ที่น่าพอใจตามกฎหมายและ ระเบียบข้อบังคับ
q 3.ห้องปฏิบัติการเก็บรักษาบันทึกรวบรวมการมีส่วนร่วมใน กระบวนการทดสอบความชํานาญ.
มาตรฐาน AOP.5.10 การอ้างอิง/สัญญาจ้าง
ห้องปฏิบัติการอ้างอิง/สัญญาจ้างโดยโรงพยาบาลมีใบอนุญาตและได้รับการรับรองจากหน่วยงาน ที่เป็นที่ยอมรับที่ มีอํานาจในการออกใบอนุญาต. มาตรฐาน AOP.5.10.1 โรงพยาบาลระบุมาตรการในการตรวจสอบคุณภาพของการบริการที่ให้บริการโดยห้องปฏิบัติการ อ้างอิง/สัญญา จ้าง เจตจำนงของ AOP.5.10 และ AOP.5.10.1 เมื่อโรงพยาบาลใช้บริการห้องปฏิบัติการอ้างอิง/สัญญาจ้าง การคัดเลือกการตรวจวิเคราะห์หรือ การให้บริการ ห้องปฏิบัติการ ต้องมีสารสนเทศดังต่อไปนี้:
a) สําเนาใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับที่มีอํานาจในการออกใบอนุญาต.
b) สําเนาประกาศนียบัตรหรือจดหมายการรับรองหรือประกาศนียบัตรจากแผนงาน การรับรองหรือให้ ประกาศนียบัตรที่เป็นที่ยอมรับ*
c) เอกสารแสดงว่าห้องปฏิบัติการอ้างอิง (จ้างเหมา) เข้าร่วมในแผนงานทดสอบ ความชํานาญทาง ห้องปฏิบัติการ
นอกจากนี้, มาตรการของโรงพยาบาลสําหรับการเฝ้าติดตามคุณภาพการบริการที่ให้โดยห้องปฏิบัติการอ้างอิง (จ้างเหมา) - ยกตัวอย่าง เช่น, ระยะเวลาออกผลตรวจทดสอบ, การรายงานผลวิกฤต, และปัญหาที่เกี่ยวกับสิ่งส่ง
ตรวจเช่นไม่มีตัวบ่งชี้ผู้ป่วย หรือ การปฏิเสธสิ่งส่งตรวจ. ผู้ที่มีคุณวุฒิเหมาะสมทบทวนและดําเนินการต่อผลการ เฝ้าติดตามคุณภาพ. (ดูGLD.6.1)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.10
❏ 1.โรงพยาบาลเก็บรักษาสําเนาใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับที่มีอํานาจในการออกใบอนุญาต สำหรับห้องปฏิบัติการอ้างอิง/สัญญาจ้างที่ใช้โดยโรงพยาบาล
❏ 2.โรงพยาบาลเก็บรักษาสําเนาประกาศนียบัตรหรือจดหมายการรับรองหรือประกาศนียบัตรจากแผนงาน การรับรองหรือให้ประกาศนียบัตรที่เป็นที่ยอมรับสำหรับห้องปฏิบัติการอ้างอิง/สัญญาจ้างที่ใช้โดย โรงพยาบาล
❏ 3.โรงพยาบาลเก็บรักษาสําเนาเอกสารการเข้าร่วมในแผนงานทดสอบความชํานาญทางห้องปฏิบัติการ สำหรับห้องปฏิบัติการอ้างอิง/สัญญาจ้างที่ใช้โดยโรงพยาบาล (ดูAOP.5.9.1, ME 1)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.10.1
a) 1.ความถี่และชนิดของข้อมูลผลการดำเนินงานที่คาดหวังจากห้องปฏิบัติการอ้างอิง/สัญญาจ้างที่ใช้ถูก กำหนดโดยโรงพยาบาล (ดูGLD.6.1, ME 1)
b) 2.บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมหรือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งรับผิดชอบในการทบทวนผลลัพธ์ที่คาดหวังจาก ห้องปฏิบัติการอ้างอิง/สัญญาจ้าง (ดูGLD.6, ME 4)
c) 3.บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมหรือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งดําเนินการต่อผลการเฝ้าติดตามคุณภาพ
d) 4.รายงานประจำปีของห้องปฏิบัติการอ้างอิง/สัญญาจ้างส่งถึงผู้นำของโรงพยาบาลเพื่อใช้ในการบริหาร จัดการในการจัดทำสัญญาและการต่ออายุสัญญา (ดูGLD.6.1, ME 2)
ธนาคารเลือดและ/หรือบริการให้เลือด
มาตรฐาน AOP.5.11 บุคคลที่มีคุณวุฒิเหมาะสมรับผิดชอบธนาคารเลือด ตามกฎหมาย
บุคคลที่มีคุณวุฒิเหมาะสมรับผิดชอบธนาคารเลือด และ/หรือบริการให้เลือด และสร้างความมั่นใจว่า การ ให้บริการเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานการปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับ P
เจตจำนงของ AOP.5.11
ธนาคารเลือด และ/หรือบริการให้เลือดที่ให้บริการโดยโรงพยาบาล, อยู่ภายใต้การดูแลของบุคคล ที่มีคุณสมบัติ เหมาะสมโดยการฝึกอบรม, ความเชี่ยวชาญ, และประสบการณ์ที่สอดคล้องกับกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับ. บุคคลนี้มีความรับผิดชอบในมาตรฐานวิชาชีพสำหรับทุกด้านของการบริการ ธนาคารเลือดที่ให้บริการใน โรงพยาบาล. ธนาคารเลือดได้รับการจัดตั้ง, นําไปปฏิบัติ, และบันทึก ตามกระบวนการ
a) การคัดเลือกผู้บริจาคเลือด
b) การคัดกรองโรค
c) การเก็บเลือด
d) การเก็บรักษาเลือด
e) การทดสอบความเข้ากันได้(compatibility) และ
f) การกระจายเลือด
มีมาตรการควบคุมคุณภาพสําหรับธนาคารเลือดและบริการให้เลือดได้รับการจัดตั้ง, นําไปปฏิบัติ, และบันทึก เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการบริการอย่างปลอดภัย.ผู้บริจาคโลหิตและการบริการให้เลือดเป็นไปตามกฎหมายและ ระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานการปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับ องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.5.11
❏ 1.บุคคลที่มีคุณวุฒิเหมาะสมรับผิดชอบธนาคารเลือด และ/หรือบริการให้เลือด (ดูCOP.3.3, ME 1 และ GLD.9, ME 1)
❏ 2.ธนาคารเลือดได้รับการจัดตั้ง, นําไปปฏิบัติ, และบันทึก ตามกระบวนการ a) ถึง f) ของเจตจำนง (ดู COP.3.3, ME 2)
❏ 3. มีมาตรการควบคุมคุณภาพสําหรับธนาคารเลือดและบริการให้เลือดได้รับการจัดตั้ง, นําไปปฏิบัติ, และ บันทึกไว้
❏ 4.ธนาคารเลือดและการบริการให้เลือดเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐาน การปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับ
บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย
มาตรฐาน AOP.6 บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย
บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย,และการให้บริการดังกล่าวเป็นไปตาม มาตรฐาน กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของท้องถิ่นและประเทศ.
เจตจำนงของ AOP.6
โรงพยาบาลมีระบบสำหรับการให้บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยที่จำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของ ประชากรผู้ป่วย, การบริการทางคลินิก, และความต้องการของผู้ให้การดูแลสุขภาพ. บริการ รังสีวิทยาและภาพ วินิจฉัยเป็นไปตามมาตรฐาน กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของ ท้องถิ่นและประเทศ.
บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย, รวมทั้งที่จำเป็นต้องใช้สำหรับกรณีฉุกเฉิน,อาจจะให้ภายในโรงพยาบาล,ตาม ข้อตกลงกับองค์กรอื่น,หรือทั้งสองอย่าง.บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยพร้อมใช้งานหลัง จากเวลาปกติสำหรับ กรณีฉุกเฉิน.นอกจากนี้โรงพยาบาลมีความสามารถในการระบุและจะติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการวินิจฉัยเฉพาะ เช่น ฟิสิกส์รักษีรักษา, รังษีมะเร็งวิทยา หรือ เวชศาสตร์นิวเคลียร์เมื่อมีความจำเป็น.
แหล่งบริการภายนอกมีความสะดวกสำหรับผู้ป่วยในการเข้าถึง.โรงพยาบาลเลือกแหล่งภายนอกขึ้นอยู่กับคำแนะนำ ของบุคคลที่รับผิดชอบในบริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย. แหล่งบริการภายนอกของ บริการรังสีวิทยาและภาพ วินิจฉัยตอบสนองกฎหมายและกฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องและมีการ บันทึกที่ยอมรับได้ของความต้องถูกต้อง, เวลาในการให้บริการ. ผู้ป่วยได้รับทราบถ้ามีความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์ผู้ส่งตรวจกับแหล่งบริการภายนอก
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.6
❏ 1.บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย เป็นไปตามมาตรฐาน กฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของ ท้องถิ่นและประเทศ. (ดูGLD.2, ME 5)
❏ 2. บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการตามพันธกิจของโรงพยาบาลและ จำนวนประชากรผู้ป่วย,ชุมชนที่ต้องการการดูแลสุขภาพ,และความต้องการฉุกเฉิน, รวมถึงหลังเวลาปกติ.
❏ 3. โรงพยาบาลมีรายชื่อผู้เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยเฉพาะและได้รับการติดต่อเมื่อมีความจำเป็น
❏ 4. แหล่งบริการภายนอกจะถูกเลือกจากการได้รับการยอมรับและ เป็นไปตามมาตรฐาน กฎหมาย และ ระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
❏ 5. ผู้ป่วยจะได้รับแจ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์ผู้ส่งตรวจและแหล่งบริการภายนอกของบริการ รังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยที่ให้บริการ (ดูGLD.12.1, ME 1)
มาตรฐาน AOP.6.1 บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมผู้รับผิดชอบในการบริหาร
บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการการให้บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย
เจตจำนงของ AOP.6.1
บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยอยู่ภายใต้การดูแลของบุคคลที่มีคุณเหมาะสมโดยได้รับการฝึกอบรม,ความ เชี่ยวชาญ, และประสบการณ์, ที่สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง. บุคคล นี้จะต้องรับผิดชอบ ต่อวิชาชีพชีพสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกและการให้บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย.บุคคลที่จะให้คําปรึกษา ทางคลินิกหรือความเห็นทางการแพทย์, ควรเป็นแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรเป็นรังสีแพทย์.บริการรังสีวิทยาและ ภาพวินิจฉัยหรือบริการเฉพาะควรอยู่ภายใต้การดูแลของบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม. หน้าที่รับผิดชอบของห้ว หน้าบริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย ได้แก่
• การจัดทํา, นำสู่การปฏิบัติ, และ ธํารงไว้ซึ่งนโยบายและระเบียบปฏิบัติ;
• การกํากับดูแลด้านบริหารจัดการ;
• การดําเนินการและธํารงไว้ซึ่งแผนงานควบคุมคุณภาพที่จําเป็น;
• การให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแหล่งบริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยภายนอก; และ
• การติดตามและทบทวนการบริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยทั้งหมด.
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.6.1
❏ 1. บริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยของโรงพยาบาลอยู่ภายใต้การดูแลและการกำกับดูแลของบุคคลหนึ่ง หรือมากกว่าซึ่งเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม (ดูGLD.9, ME 1)
❏ 2.ห้วหน้าบริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทํา, นำสู่การปฏิบัติ, และธํารงไว้ซึ่ง นโยบาย และระเบียบปฏิบัติ
❏ 3.ห้วหน้าบริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยมีหน้าที่รับผิดชอบในการกํากับดูแลด้านบริหารจัดการ
❏ 4.ห้วหน้าบริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยมีหน้าที่รับผิดชอบในการดําเนินการและธํารงไว้ซึ่งแผนงาน ควบคุมคุณภาพที่จําเป็น
❏ 5.ห้วหน้าบริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยมีหน้าที่รับผิดชอบในการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแหล่งบริการ รังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยภายนอก (ดูGLD.6, ME ที่ 4 และ GLD.6.1, ME 3)
❏ 6.ห้วหน้าบริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย มีหน้าที่รับผิดชอบในการติดตามและทบทวนบริการรังสีวิทยา และภาพวินิจฉัยทั้งหมด.
มาตรฐาน AOP.6.2 บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและประสบการณ์
บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและประสบการณ์ดำเนินการตรวจการวินิจฉัย , แปลผล, และรายงานผล
เจตจำนงของ AOP.6.2
โรงพยาบาลระบุการศึกษา, การฝึกอบรม, คุณสมบัติ, และประสบการณ์ของบุคลากรเทคนิคในการตรวจทดสอบ และการแปลผลรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย,กําหนดผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทําการ ตรวจ ณ จุดให้บริการที่ข้างเตียงผู้ที่มี คุณสมบัติเหมาะสมที่จะแปลผลหรือทวนสอบและรายงานผลการตรวจรวมถึงผู้ที่จะทําหน้าที่หัวหน้าหรือกํากับดูแล กระบวนการตรวจ. ผู้ทําหน้าที่กํากับดูแลและบุคลากรเทคนิคได้รับการฝึกอบรม มีประสบการณ์มีทักษะเพียงพอ และเหมาะสมได้รับการ นิเทศให้เกิดความคุ้นเคยกับงานที่จะต้องปฏิบัติ.บุคลากรเทคนิคได้รับการมอบหมายงานที่ สอดคล้องกับการฝึกอบรมและประสบการณ์ของแต่ละคน. นอกจากนี้ต้องมีบุคลากรเพียงพอที่จะทําหน้าที่ตรวจ แปลผล รายงานผลได้ทันทีและจัดให้มีบุคลากรที่จําเป็นตลอดเวลาทําการและสําหรับกรณีฉุกเฉิน.
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.6.2
❏ 1.มีการกําหนดผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทําการตรวจรวมถึงผู้ที่จะทําหน้าที่หัวหน้าหรือกํากับดูแลกระบวนการ ตรวจ. (ดูSQE.4, ME 1)
❏ 2.บุคลากรเทคนิคมีคุณสมบัติและประสบการณ์ในการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย (ดูSQE.4, ME 1)
❏ 3.บุคลากรเทคนิคมีคุณสมบัติและประสบการณ์ในการแปลผลทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย (ดูSQE.10, ME 3)
❏ 4.บุคลากรเทคนิคได้รับตรวจสอบคุณสมบัติและรายงานผลการศึกษา (ดูSQE.10, ME 3)
❏ 5.มีบุคลากรเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย (ดูGLD.9, ME 2 และ SQE.6, ME 2) กำหนดผู้ทําหน้าที่กํากับดูแลที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมและประสบการณ์(ดูSQE.4, ME 1)
มาตรฐาน AOP.6.3 แผนงานการจัดการความปลอดภัย
แผนงานการจัดการความปลอดภัยทางรังสีได้รับการนำไปปฏิบัติ, ติดตาม, และได้รับการบันทึก, และธำรงไว้ซึ่งการ จัดการสิ่งอำนวยความสะดวกและแผนงานควบคุมการติดเชื้อ P
เจตจำนงของ AOP.6.3
การถ่ายภาพวินิจฉัยคือการทดสอบที่ใช้ในการช่วยชีวิตที่มีการใช้อย่างกว้างขวางในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม, การ ได้รับรังสีอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในระยะยาว, ขึ้นอยู่กับปริมาณของรังสีที่ได้รับ และจำนวนครั้งของการทดสอบใน แต่ละบุคคล.ปริมาณที่สูงขึ้น,จะเพิ่มความเสี่ยงในระยะยาว, และปริมาณผลสะสมยังส่งผลให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้น. ผู้ปฏิบัติงานในการดูแลสุขภาพควรมีการสั่ง การตรวจวินิจฉัยและชั่งน้ำหนักความจำเป็นทางการแพทย์ของการ สัมผัสกับรังสีเพื่อหลีกเลี่ยงความ เสี่ยงในการสัมผัสกับรังสีที่ไม่จำเป็น.การตรวจการวินิจฉัยที่เกี่ยวข้องกับปริมาณ ของรังสีคือการตรวจวินิจฉัยทางคอมพิวเตอร์, เวชศาสตร์นิวเคลียร์และการฉายรังสี.
โรงพยาบาลมีแผนงานการความปลอดภัยทางรังสีที่ครอบคลุมบริการรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย ทั้งหมดของ โรงพยาบาล,รวมทั้งการรักษารังสีมะเร็งวิทยาและห้องปฏิบัติการตรวจสวนหัวใจ. แผนงานความปลอดภัยทางรังสี สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงและอันตรายที่พบ. มีแผนงาน ด้านความปลอดภัยและมาตรการการป้องกันรังสีสำหรับ บุคลากรของหน่วยรังสีวิทยาและภาพ วินิจฉัย , บุคลากรอื่น ๆ และผู้ป่วย. แผนงานการจัดการความปลอดภัยทาง รังสีมีการประสาน งานกับการจัดการสิ่งอำนวยความ สะดวกและการควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล
แผนงานการจัดการความปลอดภัยทางรังสีประกอบด้วย
• นโยบายและระเบียบปฏิบัติที่เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรฐาน กฎหมายและ ระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง;
• นโยบายและระเบียบปฏิบัติที่เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับการหยิบสัมผัสและกําจัดสารติดเชื้อและวัตถุ อันตราย;
• มีอุปกรณ์ป้องกันเพื่อความปลอดภัยพร้อมใช้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานและอันตรายที่ อาจเกิดขึ้น;
• การปฐมนิเทศเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยให้แก่บุคลากรของหน่วยรังสี วิทยาและภาพวินิจฉัยทุกคน; และ
• การให้การศึกษาระหว่างประจําการสําหรับวิธีการตรวจใหม่ๆ และวัตถุอันตรายที่นําเข้ามาใหม่หรือเพิ่ง รับรู้.
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.6.3
❏ 1.แผนงานความปลอดภัยทางรังสีที่ครอบคลุมสำหรับผู้ป่วยและบุคลากรและระบุความเสี่ยง ด้าน ความ ปลอดภัยและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นทั้งภายในหรือภายนอกแผนก (ดูFMS.4, ME 1)
❏ 2.แผนงานความปลอดภัยทางรังสีรวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับปริมาณการใช้รังสีในแผนกรังสีวิทยา และภาพ วินิจฉัย
❏ 3.มีการจัดทำแนวทางที่ระบุปริมาณสูงสุดของรังสีสำหรับการตรวจแต่ละประเภทที่เป็นที่ยอมรับ และนำไป ปฏิบัติ
❏ 4.มีกระบวนการในการระบุความเสี่ยงที่เฉพาะเจาะจงที่เกี่ยวข้องในกระบวนการตรวจวินิจฉัย หรือ อุปกรณ์สำหรับบุคลากรและผู้ป่วยที่ช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย (เช่น เสื้อตะกั่ว, แผ่นวัด ปริมาณรังสี, และที่คล้ายกัน) (ดูFMS.5, ME 3)
❏ 5.บุคลากรของหน่วยรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยได้รับการนิเทศเรื่องความปลอดภัยและการ ปฏิบัติและ ได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่องและการฝึกอบรมสำหรับการปฏิบัติและวิธีการทดสอบใหม่ (ดูFMS.11.1, ME 1; GLD.9, ME 4 และ SQE.8, ME 3 และ 4)
❏ 6.แผนงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกและควบคุมการติดเชื้อในโรง พยาบาลและ รายงานไปยังโครงสร้างความปลอดภัยของโรงพยาบาลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และเมื่อมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัย (ดูFMS.3)
มาตรฐาน AOP.6.4 ผลการตรวจ
ผลการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยเป็นไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมตามกำหนดไว้โดยโรงพยาบาล P
เจตจำนงของ AOP.6.4
โรงพยาบาลกำหนดระยะเวลาสำหรับการรายงานผลการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย. มีการรายงานผล ภายในกรอบเวลาที่อยู่บนพื้นฐานของความต้องการของผู้ป่วย, บริการทางคลินิก ที่จัดให้, และความต้องการของ บุคลากรทางคลินิก, การกําหนดช่วงเวลารายงานผลนี้ครอบคลุม ความต้องการในการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพ วินิจฉัยกรณีฉุกเฉิน การตรวจนอกเวลาทําการและการตรวจในวันหยุดด้วย. ผลการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพ
วินิจฉัยเร่งด่วนที่ส่งจากห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด และหอผู้ป่วยวิกฤติได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษในกระบวนการติดตาม วัดคุณภาพ. ในกรณีที่มีการให้บริการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยโดยทําสัญญากับองค์กรภายนอกการ รายงานผลจะต้องทันเวลาตามที่กําหนดไว้ในนโยบายขององค์กรหรือที่ระบุในสัญญา.
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.6.4
❏ 1.โรงพยาบาลกำหนดระยะเวลาสำหรับการรายงานผลตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย
❏ 2.ผลการตรวจเร่งด่วน/ฉุกเฉิน ได้รับการติดตามวัดคุณภาพ.
❏ 3. การรายงานผลตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยอยู่ภายในกรอบเวลาที่จะตอบสนองความต้องการ ของผู้ป่วย (ดูASC.7, ME 1)
มาตรฐาน AOP.6.5 เครื่องมืออุปกรณ์ทุกชนิดที่ใช้
เครื่องมืออุปกรณ์ทุกชนิดที่ใช้สำหรับการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ, การ บำรุงรักษา, และการสอบเทียบ, และมีการบันทึกไว้อย่างเหมาะสม. P
เจตจำนงของ AOP.6.5
บุคลากรหน่วยบริการทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยมีกระบวนการเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทั้งหมดมีลักษณะการใช้ งานในระดับที่ยอมรับและมีความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน. หน่วยบริการทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยพัฒนาและ นำไปปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับ
• การคัดเลือกและจัดหาเครื่องมือ;
• การบ่งชี้และจัดทําบัญชีรายการเครื่องมือ;
• การประเมินเครื่องมือที่ใช้งานโดยการตรวจสอบ ทดสอบ สอบเทียบ และบํารุงรักษา;
• การติดตามกํากับดูแลและดําเนินการเมื่อมีข้อสังเกตเกี่ยวกับอันตราย จากเครื่องมือ มีการเรียกกลับ มี อุบัติการณ์ที่ได้รับรายงาน มีปัญหาและ ข้อบกพร่องต่าง ๆ; และ
• การบันทึกในระบบบริหารจัดการเครื่องมือ. ความถี่ในการทดสอบ บํารุงรักษา และสอบเทียบ ขึ้นกับการใช้เครื่องมือของห้องปฏิบัติการและประวัติการ ให้บริการที่บันทึกไว้(ดูAOP.6.6)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.6.5
❏ 1.หน่วยบริการทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยดำเนินการพัฒนา, นำไปปฏิบัติ, และ และบันทึกแผนงานใน การจัดการอุปกรณ์เครื่องมือ (ดูFMS.8.1, ME 1)
❏ 2.แผนงานระบุการคัดเลือกและจัดหาเครื่องมือ
❏ 3.มีการจัดทําบัญชีรายการเครื่องมือการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยทั้งหมด (ดูFMS.8, ME 2)
❏ 4.อุปกรณ์การตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยมีการตรวจสอบและทดสอบเมื่อรับเข้ามาใหม่ และตาม อายุ, การใช้งาน, และคำแนะนำของผู้ผลิต, และการตรวจสอบหลังจากนั้นและได้รับการ บันทึกไว้(ดู FMS.8, ME 3)
❏ 5.อุปกรณ์การตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยได้รับสอบเทียบและการบำรุงรักษาตาม คำแนะนำของ ผู้ผลิต (ดูFMS.8, ME 3)
❏ 6.โรงพยาบาลมีระบบในการติดตามกํากับดูแลและดําเนินการเมื่อมีข้อสังเกตเกี่ยวกับอันตรายจาก เครื่องมือ มีการเรียกกลับ มีอุบัติการณ์ที่ได้รับรายงาน มีปัญหาและข้อบกพร่องต่าง ๆ; (ดูFMS.8.1,ME 1)
มาตรฐาน AOP.6.6 ฟิล์มเอกซเรย์และอุปกรณ์ความพร้อมใช้
ฟิล์มเอกซเรย์และอุปกรณ์ที่จำเป็นมีความพร้อมใช้เมื่อโรงพยาบาลใช้ฟิล์มเอกซเรย์
เจตจำนงของ AOP.6.6
เมื่อมีการใช้ฟิล์มเอกซเรย์ในโรงพยาบาล, โรงพยาบาลมีการระบุฟิล์มเอกซเรย์, น้ำยาและวัสดุอื่น ๆ ที่จําเป็นในการ ให้บริการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยสำหรับผู้ป่วย.มีกระบวนการสั่งซื้อหรือ สร้างความมั่นใจว่าจะมีฟิล์ม เอกซเรย์, น้ำยาและวัสดุอื่น ๆ ที่มีประสิทธิผล. ฟิล์มเอกซเรย์, น้ำยา และ วัสดุอื่น ๆ ทั้งหมดได้รับการจัดเก็บและ นําไปใช้ตามระเบียบปฏิบัติที่กําหนดไว้ซึ่งรวมถึงคำแนะนำของ ผู้ผลิต. มีการประเมินน้ำยาที่ใช้เป็นระยะตาม ข้อแนะนําของผู้ผลิตเพื่อสร้างความมั่นใจในความถูกต้อง และความเที่ยงของผลการตรวจ. (ดูAOP.6.5; AOP.6.8 และ FMS.5.1)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.6.6
q 1.ฟิล์มเอกซเรย์, น้ำยาและวัสดุที่จำเป็นจะได้รับการระบุไว้และพร้อมใช้เมื่อมีความต้องการใช้ใน โรงพยาบาล
q 2.วัสดุที่จำเป็นทั้งหมดได้รับการจัดเก็บและนําไปใช้ตามคำแนะนำของผู้ผลิต (ดูFMS.5, ME 2)
q 3.วัสดุทั้งหมดได้รับการประเมินเป็นระยะตามข้อแนะนําของผู้ผลิตเพื่อสร้างความมั่นใจในความ ถูกต้อง และความเที่ยงของผลการตรวจ. (ดูAOP.6.7, ME 4)
q 4. วัสดุที่จำเป็นทั้งหมดได้รับการติดฉลากที่สมบูรณ์และถูกต้อง (ดูFMS.5, ME 4)
มาตรฐาน AOP.6.7 การควบคุมคุณภาพการให้บริการตรวจทางรังสี
มีกระบวนการควบคุมคุณภาพการให้บริการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย, การติดตาม, การตรวจสอบ และ บันทึกไว้ P
เจตจำนงของ AOP.6.7
ระบบในการควบคุมคุณภาพที่ดีมีความจำเป็นเพื่อที่จะให้บริการบริการตรวจทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยที่ดี เยี่ยม (ดูGLD.11) กระบวนการควบคุมคุณภาพประกอบด้วย
• การทวนสอบ (validation) วิธีการตรวจที่ใช้เพื่อตรวจหาความถูกต้องและความเที่ยง;
• การเฝ้าติดตามผลการถ่ายภาพประจําวันโดยบุคลากรรังสีวิทยาที่มีคุณสมบัติเหมาะสม;
• การปฏิบัติการแก้ไขอย่างรวดเร็วเมื่อพบข้อบกพร่อง • การตรวจทดสอบน้ำยาและสารละลายที่ใช้; และ
• การบันทึกผลการตรวจวิเคราะห์และปฏิบัติการแก้ไข
❏ 1.โรงพยาบาลจัดทำและนำไปปฏิบัติซึ่งแผนงานการควบคุมคุณภาพสำหรับการให้บริการ ตรวจทางรังสี วิทยาและภาพวินิจฉัย
❏ 2.แผนงานรวมถึงการตรวจสอบวิธีการตรวจวิเคราะห์
❏ 3.แผนงานรวมถึงการเฝ้าติดตามผลการตรวจวิเคราะห์ประจําวัน
❏ 4.แผนงานรวมถึงการตรวจทดสอบน้ำยาและสารละลายเมื่อใช้, และบันทึกผลการทดสอบ (ดูAOP.6.6, ME 3)
❏ 5.แผนงานรวมถึงการบันทึกผลการตรวจวิเคราะห์และปฏิบัติการแก้ไข.
มาตรฐาน AOP.6.8 มีการทบทวนผลการควบคุมคุณภาพของแหล่งบริการ
โรงพยาบาลมีการทบทวนผลการควบคุมคุณภาพของแหล่งบริการทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยภายนอกที่เป็น สัญญาจ้างทั้งหมด
เจตจำนงของ AOP.6.8
เมื่อโรงพยาบาลใช้บริการแหล่งบริการทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยภายนอก,ต้องมีการดำเนินการ ทบทวนผลการ ควบคุมคุณภาพของแหล่งบริการทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยภายนอกที่เป็นสัญญา จ้างทั้งหมด.บุคคลที่มี คุณสมบัติทบทวนผลการควบคุมคุณภาพ.หากเป็นการยากที่จะได้รับผลการควบคุมคุณภาพการถ่ายภาพจากแหล่ง ตรวจภายนอก, หัวหน้าหน่วยจะใช้ทางเลือกอื่นสําหรับการกํากับ ดูแลคุณภาพ. (ดูAOP.6.6)
องค์ประกอบที่วัดได้ของ AOP.6.8
❏ 1.ความถี่และชนิดของข้อมูลผลการดำเนินงานที่คาดหวังจากแหล่งบริการทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัย ภายนอกที่เป็นสัญญาจ้างทั้งหมดถูกกำหนดโดยโรงพยาบาล(ดูGLD.6.1, ME 1)
❏ 2.บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมหรือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งรับผิดชอบในการทบทวนผลลัพธ์ที่คาด หวังจาก แหล่งบริการทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยภายนอก (ดูGLD.6, ME 4)
❏ 3.บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมหรือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งดําเนินการต่อผลการเฝ้าติดตามคุณภาพ
❏ 4.รายงานประจำปีของแหล่งบริการทางรังสีวิทยาและภาพวินิจฉัยภายนอกทั้งหมดส่งถึงผู้นำของ โรงพยาบาลเพื่อใช้ในการบริหารจัดการในการจัดทำสัญญาและการต่ออายุสัญญา (ดูGLD.6.1, ME 2)