1S 3.3: Safe Surgical care Process
Definition
เป็นกระบวนการดูแล รักษาผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัดหรือหัตถการอื่นๆ ครอบคลุมตั้งแต่
การเตรียมผู้ป่วยให้พร้อมก่อนผ่าตัด การดูแลให้ปลอดภัยระหว่างผ่าตัดและหลังผ่าตัด
Goal
ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยจากกระบวนการผ่าตัด
Why
มีรายงานจากทั่วโลกพบว่า ครึ่งหนึ่งของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในโรงพยาบาล
เกี่ยวข้องกับการดูแลทางศัลยกรรม และที่ส าคัญเกือบครึ่งหนึ่งของเหตุการณ์เหล่านั้นสามารถ
ป้องกันได้
ซึ่งท าให้เกิดปัญหาค่าใช้จ่ายในการรักษาเพิ่มขึ้น ระยะเวลาการอยู่โรงพยาบาลนานขึ้น รวมทั้ง
ท าให้เกิดปัญหาการฟ้องร้องตามมา ส าหรับประเทศไทยถึงแม้จะไม่มีสถิติให้เห็นชัดเจนแต่ยังมี
ข่าวให้ได้ยินอยู่เสมอ เช่น การคงค้างของเครื่องมือหรือผ้าซับโลหิตในแผลผ่าตัด การผ่าตัดผิดข้าง
หรือ การได้รับบาดเจ็บจากการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า เป็นต้น ดังนั้นการดูแลผู้ป่วยตลอดทุกระยะของ
การผ่าตัดอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยป้องกันเหตุการณ์พึงประสงค์เหล่านี้ได้
Process
กระบวนการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัด ต้องท าอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทุกระยะ
การผ่าตัด ตั้งแต่ ก่อน ระหว่างและหลังผ่าตัด ดังนี้
ก่อนผา่ ตด ั :
1. เตรียมความพร้อมด้านร่างกายโดย
ประเมินภาวะสุขภาพด้านร่างกายผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการผ่าตัดเพื่อแก้ไข
และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังผ่าตัดตามมาตรฐาน JCI และ AORN
ตรวจสอบความพร้อมของสภาพร่างกายทั่วไปที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์
ไม่พึงประสงค์ในห้องผ่าตัด เช่น ข้อจ ากัดการเคลื่อนไหว
2. เตรียมความพร้อมด้านจิตใจผู้ป่วยเพื่อลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลลัพท์ของการผ่าตัด
การฟื้นฟูและการด าเนินชีวิตหลังผ่าตัด
3. ตรวจสอบและทวนสอบความถูกต้องของเอกสารแสดงความยินยอม การระบุชื่อ
นามสกุล ชนิดการผ่าตัด และต าแหน่งที่ผ่าตัด ให้ถูกต้องตามมาตรฐานของ WHO
Surgical Checklist (2009)
4. ส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยให้กับผู้ดูแลในระยะผ่าตัดโดยใช้หลักการของ SBAR
ระหว่างผ่าตด ั :
1. เตรียมความพร้อมใช้ของเครื่องมือ อุปกรณ์ทุกชนิดที่ใช้ในผู้ป่วยแต่ละราย เช่น เครื่องจี้
ไฟฟ้า เครื่องเลเซอร์ เป็นต้น และใช้ให้ถูกต้องตามคู่มือที่ผู้ผลิตก าหนด
2. เตรียมผู้ป่วยให้พร้อมส าหรับการผ่าตัดแต่ละชนิด ได้แก่
จัดท่าเพื่อการผ่าตัดให้ถูกต้องตามหลัก body alignment และถูกต้องตาม
เทคนิค/ ขั้นตอนการจัดท่าแต่ละชนิด โดยใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมในการจัดท่า
แต่ละชนิด และระมัดระวังต าแหน่งที่มีการกดทับ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของ
เนื้อเยื่อ เส้นประสาท และแผลกดทับ
เตรียมผิวหนังผู้ป่วยก่อนผ่าตัดโดยค านึงถึงน ้ายาและขั้นตอนการเตรียม
ผิวหนังตามมาตรฐานของ AORN
ประเมินปัจจัยเสี่ยงและป้องกันการเกิด Deep vein thrombosis โดยปฏิบัติ
ตาม S1.4 และ AORN
3. ป้องกันความผิดพลาดจากการผ่าตัดด้วยการปฏิบัติตาม WHO Surgical Checklist
(S 1.1) โดย
Sign in ก่อนให้ยาระงับความรู้สึก
Time out ก่อนลงมีดผ่าตัด
Sign out เมื่อเสร็จผ่าตัด ก่อนเคลื่อนย้ายออกจากห้องผ่าตัด
4. ตรวจนับผ้าซับ เครื่องมือผ่าตัดและของมีคม ตาม WHO Guidelines for Safe Surgery
หรือ ตาม guideline for prevention of retained surgical items ของ AORN
5. เก็บและส่ง specimens ตามแนวปฏิบัติของหน่วยงาน
6. ดแ ู ลผป ู้ ่ วยโดยคา นึงถง ึ ศก ั ดศ ิ ์ รค ี วามเป็นมนุษยแ ์ ละสท ิ ธผ ิ ป ู้ ่ วย เช่น การใหข้ อ ้ มล ู การ
รักษาความลับ การไม่เปิดเผยร่างกายเกินความจ าเป็น การเคารพในเอกสิทธ์ผู้ป่วย
เป็นต้น
หลง ั ผา่ ตด ั :
1. ส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยให้กับทีมผู้ดูแลหลังผ่าตัดโดยใช้หลักการ SBAR ในการสื่อสารส่งต่อ
ข้อมูล และมีระบบ discharge planning หากผู้ป่วยกลับบ้าน หรือ มีระบบการส่งต่อไป
ยังหน่วยงานอื่น
2. ใช้หลัก Early warning signs ในการประเมินและเฝ้าระวังผู้ป่วยหลังผ่าตัด เพื่อป้องกัน
อันตรายจากภาวะแทรกซ้อน ด้วยตัวชี้วัด 6 อย่างคือ respiratory rate, oxygen
saturation, temperature, systolic blood pressure, pulse rate และ level of
consciousness
3. บันทึกข้อมูลที่ส าคัญตามระบบบันทึกข้อมูลของหน่วยงาน
Training
การอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยศัลยกรรม (perioperative care)
การอบรมความรู้ให้ทันต่อความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนยีที่เกี่ยวข้องทางศัลยกรรม
การอบรมการใช้เครื่องมือ/อุปกรณ์เกี่ยวกับการผ่าตัด
Monitoring
ก าหนดตัวชี้วัดของหน่วยงานให้ชัดเจน
สร้างแนวปฏิบัติ ส าหรับ procedures ที่ส าคัญหรือที่มีความเสี่ยง
เฝ้าระวังการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ โดยการเก็บรวมรวมข้อมูลให้เป็นระบบ เพื่อน ามา
วิเคราะห์และหาแนวทางป้องกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการรายงานอุบัติการณ์ที่ส าคัญ
เช่น การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการดูแลผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัด การเลื่อนการผ่าตัด
ที่ไม่เร่งด่วนจากสาเหตุความไม่พร้อมหรือการประเมินไม่ครบถ้วนของทีม การเปิดเผย
ความลบ ั ของผป ู้ ่ วย หรอ ื กระทา อ่น ื ใดอน ั โดยไมค่ านึงถง ึ ศก ั ดศ ิ ์ รค ี วามเป็นมนุษยแ ์ ละสท ิ ธิ
ผู้ป่วย เป็นต้น
Pitfalls
การสื่อสารภายในทีมที่ไม่มีประสิทธิภาพ อาจท าให้เกิดความผิดพลาดได้ง่ายบุคลากรใช้
ความเคยชินในการท างาน ไม่ยึดตามมาตรฐานหรือแนวปฏิบัติอย่างเคร่งครัด หรือขาด
ความรู้และทักษะที่ส าคัญในการปฏิบัติงาน ท าให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ได้
การประเมินและตรวจสอบข้อมูลที่ส าคัญของผู้ป่วยอย่างเร่งรีบ อาจท าให้เกิดความผิดพลาด
ของข้อมูล
การปฏบ ิ ต ั ห ิ น้าทโ่ ี ดยไมค่ า นึงถง ึ สท ิ ธผ ิ ป ู้ ่ วยและไมเ่ คารพเอกสท ิ ธข ิ ์ องผป ู้ ่ วย อาจน ามาซง่ ึ
การฟ้องร้องได้
การส่ง specimens ที่ผิดพลาดส่งผลต่อความผิดพลาดในการวินิจฉัยและการรักษาได้
มาตรฐาน HA
การปฎิบัติตามแนวทางข้างต้น คือการปฏิบัติตามมาตรฐาน โรงพยาบาลและบริการ
สุขภาพ ฉบับที่ 4 ตอนที่ III หมวดที่ 4 หัวข้อ 4.3 การดูแลเฉพาะ (PCD.3) ข. การผ่าตัด