สิ่งใด เกิด - ดับ สิ่งนั้นมันเป็น ..โลก.. หมด
ธรรม.....ไม่มีเรื่องพูด
ถ้าเราเห็นว่า สังสารวัฎ ว่างเปล่า จาก ตัวตน
นิพพานก็ไม่ต้องหา .. ตรงนั้นเอง.
สุธมฺโม ภิกขุ
ถ้ามองไกลออกไปแบบชาวพุทธ
ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าท่านมอง ท่านก็มองว่า
ปัญหาทั้งหลายก็เป็นวิบาก เป็นผลของกรรม
หนีไม่พ้นนะ ทุกคนต้องเจอ ขนาดพระพุทธเจ้าท่าน
ก็เจอปัญหานะ ทีนี้ ปัญหามาถึงชีวิตเมื่อไหร่ก็ได้นะ
ชีวิต ไม่มีอะไรเลยก็เจ็บไข้ได้ป่วย แก่ไป ตายไปหรือคนที่เรารักต้องตายไปบ้างพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ต้องเจอสิ่งที่ไม่รักอะไรอย่างนี้ สมปรารถนาบ้าง ไม่สมปรารถนาบ้าง
เนี่ยชีวิตมันมีแต่ปัญหาอย่างนี้ นานาชนิดเกิดขึ้นตลอดเวลานะ หมดเรื่องนี้ก็มีเรื่องโน้น เราจะไปหวังว่าชีวิตเราต้องไม่มีอะไรเลย สบายตลอดเวลา มันเป็นไปไม่ได้
เราไม่ได้ทำแต่ความดีล้วนๆ
ขนาดพระพุทธเจ้านะ ในวันใกล้ปรินิพพาน ท่านยังบอกเลย ท่านถ่ายเป็นโลหิตนะ ก็เป็นวิบากของท่านนะ ท่านถูกใส่ร้าย ท่านจะถูกลอบฆ่า ถูกอะไรเหล่านี้ ท่านก็อธิบายได้ว่าเป็นวิบากของท่าน
แต่พวกเรา เราไม่รู้หรอกว่าวิบากที่เราเจอนี้
เป็นผลจากอะไร พวกเรายังไม่มีภูมิปัญญาจะรู้ได้
แต่ที่เรารู้ได้อย่างหนึ่งก็คือ ชีวิตนี้มีปัญหาตลอดเวลา เลี่ยงไม่ได้ เราไม่ได้สร้างนะปัญหาก็วิ่งมาถึงเรา
ยกตัวอย่างเราขับรถดีๆ นะ คนขับรถไม่ดีก็ชนเราได้
มันอยู่ที่เราจะเตรียมความพร้อมของตนเอง ว่าเมื่อปัญหาผ่านเข้ามาในขีวิตแล้ว ทำอย่างไรจะไม่ทุกข์ เรื่องนี้เรื่องใหญ่กว่า จะหนีปัญหามันหนีไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่คนกำหนดคนเดียว ปัญหามากมายเลยที่เราไม่ใช่ผู้กำหนด
ยกตัวอย่าง บ้านเราก็อยู่ดีๆ นะ ไฟไหม้บ้าน มาจากที่อื่นนะ มาไหม้บ้านเราอะไรอย่างนี้ เราไม่ได้กำหนดน่ะ
ขับรถดีๆ คนอื่นมาชนเรา อะไรอย่างนี้ เราไม่ได้กำหนดนะ หรือคนมาไอ มาจาม ใส่เรา เราติดเชื้อหวัดแปลกๆ นะ เรากำหนดไม่ได้
เพราะฉะนั้นทำอย่างไร เวลาที่ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว ความทุกข์จะไม่เกิดขึ้น เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะ
นี่ล่ะวิถีของชาวพุทธ ปัญหามีได้แต่ว่าความทุกข์ไม่มี
จิตที่ฝึกดีแล้วเนี่ย จะมีความสุข จิตที่คุ้มครองดีแล้วนะ ก็จะไม่ทุกข์ อยู่ที่เราต้องฝึกจิตฝึกใจของเรา
หลวงพ่ออยู่เฉยๆ ปัญหายังวิ่งชนเราอยู่ตลอดเลย รู้สึกไหมวิ่งชนตลอดเวลา ดูกรณีที่เกิดกับหลวงพ่อนะ
มันเป็นตัวที่สะท้อนให้เห็นภัยของสังสารวัฏเลย
ถ้าพูดอย่างชาวพุทธนะ มันไม่ใช่ความผิดของใคร
ยกตัวอย่างคนมาด่าหลวงพ่อ ก็ไม่ใช่ความผิดของเขา
ถ้าพูดอย่างชาวพุทธแท้ๆ เนี่ย
มันเป็นความน่ากลัวของสังสารวัฏ
สังสารวัฏนี้น่ากลัวจริงๆ กระทบกระทั่งกันไปอย่างนี้เองนะ กระทบกระทั่งน่ากลัว ภัยของสังสารวัฏ ที่อาศัยเวียนว่ายตายเกิดอยู่นี้แหละ เลยต้องเจอกับปัญหานานาชนิด
เพราะฉะนั้นเราไม่โทษใคร
ถ้าจะโทษสักอย่างหนึ่งนะ โทษภัยของสังสารวัฏนี้แหละ
ที่ต้องเวียนตายเวียนเกิด ทำให้ต้องเจอปัญหา
เจอทุกข์ร้อนอะไรเยอะแยะไปหมด
มองโลกให้กว้างๆ ไว้ แล้วจะพบว่า...
เราไม่มีศัตรูหรอก มองโลกให้กว้างขึ้นไป ไม่มีศัตรู
สังสารวัฏเป็นอย่างนี้แหละ ถ้ามองด้วยความเข้าใจ
มีความเมตตานะ ไม่ได้มีความโกรธความแค้น
ถ้าผู้ใดเห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ก็ต้องขวนขวาย
ขวนขวาย ทำอย่างไรเราจะพ้นจากมันไปได้
ตราบใดยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ก็ไม่พ้นหรอกปัญหา
มีวิธีที่จะพ้นจากสังสารวัฏนี้
พระพุทธเจ้าท่านก็สอนไว้แล้ว
ธรรมะของท่านหมดจดงดงาม บริสุทธิ์
เรามีหน้าที่แค่ว่า ศึกษาให้ถ่องแท้
ทำความเข้าใจ รู้วิธีที่จะเดินตามท่านไป
เมื่อรู้วิธีเดินตามท่านถ่องแท้แล้ว ก็ขยันเดิน
เรียกว่าทำให้ถูก ทำให้ถูกทาง แล้วก็ทำให้พอ
ถ้าทำให้ถูกด้วย ทำให้พอด้วย
วันหนึ่งเราก็พ้นไปจากความวุ่นวาย วังวนอันนี้
ยังมีธาตุมีขันธ์เหลืออยู่ ก็มีปัญหาไปเรื่อยๆ
สิ้นธาตุสิ้นขันธ์ไปก็สิ้นปัญหาไป ก็สบาย
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
เราไม่ได้กำหนดนะ หรือคนมาไอ มาจามใส่เรา
เราติดเชื้อหวัดแปลกๆ นะ เรากำหนดไม่ได้
🌼ภัยของสังสารวัฏ
เห็นไหมว่า"ปัญหา" มันเป็นของคู่กับ"ชีวิต"
พูดมานานแล้วนะ.....
ปัญหามันเป็นของที่คู่กับชีวิตเรา
แต่ความทุกข์เป็นส่วนเกินของชีวิต แยกกันให้ออก
ปัญหามาถึงเราเมื่อไหร่ก็ได้
เราไม่ได้สร้างปัญหา ปัญหาก็มาหาเราได้นะ
ท่านพ่อลี สอนว่า ....
"การที่บุคคลจะทำจิตให้บริสุทธิ์ได้
จะต้องคลาย"ความยึดถือในตัวตน"..."ในรูปนาม"
และ"ในอารมณ์"ทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาทางอายตนะทั้ง ๖
ทำจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่ในสมาธิให้เป็น ๑ อยู่เสมอ อย่าให้กลายเป็นเลข ๒ - ๓ - ๔ - ๕ ไปได้"
ชาติ ชรา และ มรณะ เหมือน "ปัจจามิตร" ๓ คน
.
“ พระผู้มีพระภาคทรงถือเอา ชาติ(ความเกิด) ชรา(ความแก่) มรณะ(ความตาย) เป็นเช่นปัจจามิตร(ข้าศึก หรือศัตรู)ผู้เงื้อดาบขึ้นประหารเหล่าสัตว์นี้
อุปมาเหมือนปัจจามิตร ๓ คน เที่ยวแสวงหาช่องประทุษร้ายบุรุษ
ในปัจจามิตร ๓ คนนั้น
คนหนึ่งพูดอย่างนี้ว่า "การพาบุรุษนี้เข้าไปสู่ดงเป็นหน้าที่ของเรา"
คนที่สองพูดว่า "ในเวลาที่เขาไปถึงดงแล้ว การโบยตีให้ล้มลงบนแผ่นดินเป็นหน้าที่ของเรา"
คนที่สามพูดว่า "จำเดิมแต่เวลาที่เขาล้มลงบนแผ่นดินแล้ว การเอาดาบตัดศรีษะเป็นหน้าที่ของเรา" ฉันใด
ธรรมเหล่านี้ มี ชาติ ชรา มรณะ ก็ฉันนั้น
"ชาติ" เป็นเช่นกับปัจจามิตรผู้พาบุรุษเข้าไปสู่ดง เพราะให้สัตว์บังเกิดในที่นั้นๆ
"ชรา" เป็นเช่นกับปัจจามิตรผู้โบยตีบุรุษผู้ถึงดงแล้วใหัล้มลงบนแผ่นดิน เพราะกระทำขันธ์ที่เกิดขึ้นแล้วให้อ่อน ให้อาศัยคนอื่น และให้มุ่งไปสู่เตียงนอน
"มรณะ" เป็นเช่นกับปัจจามิตรผู้เอาดาบตัดศรีษะของบุรุษผู้อยู่บนแผ่นดิน เพราะยังขันธ์ทั้งหลายที่ถึงชราแล้ว ให้ถึงความสิ้นชีวิต.”
.
คัมภีร์อัฐสาลินี ทุกขนิเทศ
หมายเหตุ :
" ปัจจามิตร " หมายถึง ข้าศึก หรือ ศัตรู
"เขียนดีอะไรเช่นนี้"
1. ในแต่ละปี... จงทำชีวิตให้ " ดีขึ้น "
เพราะในแต่ละวัน... ชีวิตกำลัง " สั้นลง "
2. การ " อยู่กับปัจจุบัน "
ไม่ใช่การ " หยุดทำ " ในเรื่องสำคัญ
แต่มันคือการ " หยุดทุกข์ " ไปกับเรื่องที่ไม่สำคัญ
3. อารมณ์ " ลบ " ทุกชนิด จะทำร้ายเรา
ก่อนที่จะทำร้ายคนอื่นเสมอ...
ส่วนอารมณ์ " บวก " ทุกชนิด จะให้พรเรา
ก่อนที่จะให้พรคนอื่นเสมอ เช่นกัน...
4. วิจารณ์คนอื่นทุกวัน... ใจต่ำลงทุกวัน
วิจัยตัวเองทุกวัน... ใจสูงขึ้นทุกวัน
5. ถ้าไม่มีคนมาทำให้คุณโกรธ
... คุณจะไม่รู้เลยว่าระดับจิตคุณอยู่ตรงไหน
ถ้าไม่มีใครมาทำให้คุณทุกข์ใจ
... คุณจะไม่รู้เลยว่าตัวเองยังมีอะไรต้องพัฒนา
6. ไม่ว่า " ภายนอก " เราจะอยู่กับคนมากแค่ไหน
แต่ " ภายใน " เรายังอยู่ตัวคนเดียวเสมอ
จงหาวิธี " รักตัวเอง " ให้เจอ
เพราะไม่มีใครในโลกนี้ที่จะอยู่กับเธอ
สม่ำเสมอเท่ากับ " ตัวเธอเอง "
7. การฝึกจิตและพัฒนาตัวเอง
อาจไม่ทำให้เรา " พ้นทุกข์ตลอดกาล "
แต่มันทำให้เรา " เป็นทุกข์นานน้อยลง "
8. การ " แก้กรรม " ที่ดีที่สุด
คือการแก้ไข " ความคิด " " คำพูด "
และ " การกระทำ " ของตัวเอง
9. ความดีเล็ก ๆ ที่ทำไปนาน ๆ
สุดท้ายอาจสร้าง " ปาฏิหารย์ " ให้ชีวิต
10." ไป " ได้เร็วแค่ไหน ก็ถึงเร็วเท่านั้น...
" ปล่อย " ได้เร็วแค่ไหน ก็สุขเร็วเท่านั้น
11. จำไว้ว่า " ความทุกข์ "
และ" ความเจ็บปวด " ทั้งมวล
ไม่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา... เพื่อมอบ " คำสาป "
แต่มันผ่านเข้ามาในชีวิตเรา... เพื่อมอบ " คำสอน "
12. ก้าวแรกของการใช้ชีวิตอย่าง " ผู้ตื่น "
คือการหยุดยุ่งวุ่นวายเรื่อง " คนอื่น"
แล้วหันกลับมาวิเคราะห์ใจ " ตัวเอง "
13. ความทุกข์ทั้งหมดในชีวิต ไม่ได้เกิดจาก
" สิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับคุณ "
แต่มันเกิดจาก
" สิ่งที่คุณคิด ว่าคนอื่นคิดเกี่ยวกับคุณ "
14. ต้องขอบคุณคนที่ทำ " ไม่ดี "
ที่ช่วยเป็นตัวอย่างที่ " ดี "
ว่าอะไร " ไม่ควรทำ "
15. ไม่ว่าจะทุกข์หนักหนาสาหัสสักแค่ไหน
ทางออกก็ไม่เคยอยู่ไกลไปกว่า " ใจ " ของเราเอง...
16. เกลียดเขา " เราทุกข์ "
เมตตาเขา " เราสุขเอง "
17. คนเราฝึกเดินจนเก่งได้ ฉันใด
ก็สามารถฝึกใจจนเป็นสุขได้ ฉันนั้น...
18. " ความตาย " เป็นเรื่องธรรมดา
แต่การได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่า
เป็นเรื่อง" อัศจรรย์ "
19. โปรดสังเกตุดูให้ดี... ว่าสิ่งที่ทำให้เราทุกข์
บ่อยที่สุดในแต่ละวัน
ไม่ใช่ " พฤติกรรม " ของคนอื่น
แต่คือ " ความคิด" ของเราเอง
20. อย่าถือโทษ โกรธคน ไม่คู่ควร
อย่าตีตรวน ตนไว้ กับอดีต
ชะตาเรา อย่าให้ใคร มาเขียนขีด
อย่าเอาคำ ที่เหมือนมีด มากรีดใจ
( แถมให้อีกหนึ่งอัน ! )
21. หากคุณคิดว่าตัวเองมีค่า เพราะมี " เงิน "
วันไหนเงินหมด คุณค่าคุณก็หมด
หากคุณคิดว่าตัวเองมีค่า เพราะ " หน้าตา " ดี
วันไหนคุณแก่ลง จนหน้าตาไม่ดี คุณค่าคุณก็หมด
แต่ตราบใดที่คุณรู้ว่าตัวเองมีค่า เพราะเป็น "่ คนดี "
ตราบใดที่คุณมีความดี
คุณก็จะ " มีคุณค่า "ได้ตลอดไป
========================