🌈💛 #แสงแห่งพระพุทธมหาบารมีธรรมแผ่ปรกโปรดทุกรูปทุกนาม
ปีนี้พุทธศักราช 2563 เป็นปีแห่งการโปรดมวลมนุษย์ตลอดปี ให้มนุษย์ได้.
1. เห็นแก่นแท้แห่งใจตน
2.ประคองธาตุประคองธรรมแห่งตน
3.ดำรงจิตเข้าสู่นิพพานในใจแห่งตน
4.เป็นพระอริยะพุทธโพธิสัตว์ กลับคืนสู้จิตเดิมแท้แห่งตน...
ทุกรูปทุกนามตามวาสนาแลบารมีที่ได้พบเจอกัน......
💛💛💛🌸🌼🌻🌺🌷💐🌾🍁🍄🐚🍂🍃🎋☘️🌿🌱🌴🎄🌲🌳🌵🌻🌼
2 มกราคม 2563
#มงคลตื่นข่าว...🍁🍃🌸🌿
พระโสดาบันไม่เป็นบุคคลที่ถือมงคลตื่นข่าว
หลายท่านอาจจะไม่ทราบว่า มงคลตื่นข่าวคืออะไร เพราะว่าถ้าเราไม่ได้เข้ามาอยู่ในสายของการปฏิบัติ จริงๆ เราจะไม่ค่อยได้ยินคำนี้กันซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก
มงคลตื่นข่าวหมายถึง มีข่าวลือกันว่า ที่นั่นดี ฮือฮาพากันไป ตาม ๆ กันไป ละทิ้งข้อปฏิบัติของตนเอง ไม่มั่นคงในคำสอนของงค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เราเดินไปสู่ความหลง หลงรัก หลงทำ
พระโสดาบันจะมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ความดีหรือความไม่ดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอะไร ขึ้นอยู่กับตนเองทั้งนั้น
ดังคำที่ว่า "อัตตา หิ อัตตโน นาโถ" ตนแลย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน
ถึงเราจะมีครูบาอาจารย์ สอนอยู่เสมอ แต่หากเราไม่ลงมือปฏิบัติ ผลย่อมไม่ปรากฏ ความสำเร็จย่อมไม่มี ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา
อย่าอ่านอย่างเดียวนะคะ ลงมือปฏิบัติด้วย แล้วจะได้รับความสำเร็จ ไม่มากก็น้อย
ให้เริ่มทำสมาธิตั้งแต่ ตามลมหายใจเข้าออก จนได้ฌาน เป้าหมายคือฌาน 4 เพราคำว่าฌานนี้สามารถให้เราเห็นในภาคทิพย์ได้ เราจึงจะแก้ข้อสงสัยในจิตของเราได้เช่นกัน บางท่านว่า นรกสวรรค์ไม่มีจริง จิตวิญญาณไม่มีจริง โลกทิพย์ไม่มีจริง เราจึงต้องพิสูจน์กันด้วยกำลังใจในข้อวัตรปฏิบัติในสายอภิญญา แต่อย่าหลงอภิญญา หลงทิพย์ เพราะไม่สามารถพาเราไปพระนิพพานได้.....
#นิพพานังปรมังสุญญังนิพพานังปรมังสุขัง
🌷💛🌷💛🌷💛🌷💛🌷💛🌷💛🌷💛
30 ธันวาคม 2562
.
#คืนนี้แม่จะทำการชำระล้างพวกเราทุกคนทั้งสามภพโลกันตน์
โดยระบบจะหมุนชำระล้าง จักระที่ 7 ถึง 1. เพื่อเชื่อมกับสนามแม่เหล็กโลกที่เป็นคริสตัล. เป็นกระบวนการชำระล้างแก่นธาตุแก่นจิตแก่นชีวิตแก่นวิญญาณให้เราทั้งหมดใสเป็นแก้วคริสตัล
พร้อมรับพลังงานใหม่จากต้นกำเนิดแห่งจักรวาลให้ทุกคนนอนหลับด้วยความเป็นสุข. ตื่นขึ้นมาเราจะมีความสดชื่น อย่าได้มีความกังวลใดๆ
พลังงานจะฟอกพวกเราเป็นลักษณะคล้ายแบบนี้ ด้วยสนามแม่เหล็กแห่งจักรวาลที่พุ่งตรงลงมายังกายของพวกเรา ดังภาพนี้
เพื่อฟอกชำระล้างเราตั้งแต่จักระที่ 7 6 5 4 3 2 1 ลงไปยังพื้นแม่ธรณี จากพระแม่ธรณี จะไหลลงไปยังพื้นโลก แล้วย้อนกลับไปยังสนามแม่เหล็ก ทำการชำระล้างในโครงข่ายคริสตัล จนได้ธาตุบริสุทธิ์ จึงไหลเวียนกลับมายังจักระที่ 7 ย้อนลงไป 6 5 4 3 2 1 ตามลำดับ
ทำการฟอกธาตุฟอกธรรม ให้กับพวกเรา ทุกคน ชาวโลกทุกคน ชาวจิตวิญญาณแห่งสามภพโลกันต์
ด้วยรหัส 22 : 2 2
#เราจะฟอกโลกนี้ทั้ง 3 ภพนี้ให้สะอาด ใช้เวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันนี้
เริ่มเมื่อ เวลา 20.20 น. ของวันนี้ คือ วันที่ 2 เดือน 2 ปี 2020
จะเป็นการเกิดโลกใหม่เมื่อครบกำหนด 30 วัน คือวันที่ 2 เดือน 3 ปี 2020
โลกอันศิวิไลซ์แห่งคนมีบุญบารมี
ถือกำเนิดเกิดขึ้น ณ เพลานี้ จงสาธุการ......กับทุกพลังงานที่ลงมา และลูกทั้งหลายจะได้รับพลังและพรอันสูงสุด
#ปฐมบรมพระมารดาแห่งศูนย์กำเนิดสนามแม่เหล็กแห่งจักรวาล
#ผู้กำเนิดแห่งพลังงานแห่งจักรวาลทั้งปวง
☘️💛☘️💛☘️💛☘️💛☘️💛☘️💛☘️💛☘️💛☘️
หากเป็นไปได้ นับตั้งแต่วันนี้ ไปถึง 30 วันข้างหน้า ให้ทุกคน นั่งสมาธิ เวลา 20:20 น ทุกวัน
นั่งได้นานเท่าไรแต่อย่าให้ต่ำกว่า 20 นาที
ใช้ใจนั่งกายอยู่ที่ใดลักษณะใดก็ได้
หากติดขัดเรื่องเวลาจริงๆ ให้ใช้ชั่วโมงใดก็ได้ แต่ให้เริ่มตั้งแต่ นาทีที่ 20
หมายถึง เวลา
21.20 น.
22.20 น
23.20 น หรือ
06.20 น
08.20 น
🌈🌸 #ธรรมผังตรงแห่งพระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์คืออะไร...
ตลอดหกปีที่ผ่านมานี้ แม่สอนศิษย์เรื่องการแผ่เมตตาตามโองการแห่งพระบรมรัตนนิพพานธรรมมาตลอด แต่อาจจะสร้างความไม่เข้าใจกับบางท่านว่าแม่สอนอะไร ปีนี้จึงมีความปรารถนา จะเผยแผ่ให้กับท่านที่สนใจ เพื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์กับตนเองและผู้อื่นได้ จึงอธิบายเพื่อความเข้าใจ มา ณ ที่นี้
🌸#ธรรมผังตรงแห่งพระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์คือ
บทแผ่ฉุดช่วยสรรพจิตสรรพสัตว์สรรพญาณ ทั้งสามภพโลกันตน์ ให้พ้นจากความทุกข์ เปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิให้จิตญาณไปอยู่ในสุขคติภูมิ ในพุทธเกษตรอันเป็นความสุข ความบริบูรณ์ทั้งปวง และบำเพ็ญต่อขึ้นไปจนกว่าจะเป็นพระพุทธ เข้าสู่พระบรมรัตนนิพพานธรรม ไม่ต้องมาเสี่ยงในการเกิดในสามภพโลกันตน์ใน 3 ภพนี้
#สามภพโลกันตน์ มีอะไรบ้าง
🌸 ภูมิมนุษย์ อยู่ตรงกลาง ร่วมกับสัตว์เดรัจฉาน
🍃#ทุกขภูมิสี่ อันเป็นดินแดนแห่งการชดใช้กรรมอย่างเดียว ประกอบด้วย
-นรกภูมิ
-เปตร
-อสูรกาย
-สัตว์เดรัจฉฉาน
🌷#สุคติภูมิคือดินแดนแห่งการเสวยกรรมดี ตามขั้นแห่งกรรมดี อันมีกามาวจรสวรรค์ 6 ชั้น
ชั้นที่ 1 ชั้นจาตุมมหาราชิกา
ชั้นที่ 2 ชั้นตาวติงสา หรือดาวดึงส์
ชั้นที่ 3 ชั้นยามา
ชั้นที่ 4 ชั้นดุสิต
ชั้นที่ 5 ชั้นนิมมานรตี
ชั้นที่ 6 ชั้นปรนิมมิตวสวัสตี
ขึ้นไปจากกามาวจรสวรรค์คือ ชั้นรูปพรหม 16 ชั้น และอรูปพรหม 4 ชั้น
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือ วัฏฏะสงสารแห่งการเวียนว่ายตายเกิดในจักรวาลของโลกนี้
ทำดีได้รับรางวัลคือ เสวยความสุข
ทำไม่ดีได้รับโทษตามความผิดไป ส่งไปเกิดในทุกขภูมิ 4 ชดใช้กรรมจนหมด เหลือเศษกรรมจึงมีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์ใหม่ เพื่อสร้างบุญสร้างบารมี สำเร็จธรรม ตรัสรู้ธรรม เข้าสู่พระนิพพานในจักรวาลโลก.แต่หากอธิษฐานไปอยู่ในดินแดนนพุทธเกษตรก็ย่อมทำได้
ทำดีก็เช่นกัน เมื่อเสวยกรรมดีหมดระยะเวลาแล้ว ต้องลงมาเกิดอีกในโลกมนุษย์ หรืออีกกรณีหนึ่ง หากทำกรรมไม่ดีไว้ด้วย เมื่อหมดบุญจึงต้องลงไปชดใช้กรรมในทุกขภูมิสี่ จนกว่าจะหมดกรรม จึงจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งเช่นกัน. วนเวียนอยู่เช่นนี้จนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน
แต่ธรรมผังตรงแห่งพระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์นั้น แผ่ฉุดช่วยเวไนยสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ทั้งปวง.หากยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพาน ก็ให้ไปอยู่ยังพุทธเกษตรในดินแดนแห่งพระพุทธเจ้าอีกหลาย ๆ พระองค์ เช่น พุทธเกษตรแห่งพระอมิตตาภะ ที่เรียกว่าแดนสุขาวดี
แต่ในการฉุดช่วยนั้นไม่ได้ทำตามใจกิเลสของมวลหมู่สัตว์ แต่ดำรงไว้ซึ่งความเมตตาและกรุณาต่อกัน ชี้ให้เห็นทุกข์โทษของการเป็นเจ้ากรรมนายเวรระหว่างกัน จบลงด้วยการขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน พ้นเวรพ้นภัยพ้นกรรม ยกจิตขึ้นสู่พุทธเกษตรไปบำเพ็ญตนเข้าสู่ความเป็นพุทธในโลกสุขาวดี.
ในขณะที่อยู่บนโลกสุขาวดีนั้นล้วนแต่มีแต่ความสุขไม่มีโทษทุกข์ใด ๆ จนกว่าจะถึงความเป็นพุทธจิตประทับสถิตในแดนบรมสุขแห่งนิพพานในสุขาวดีนิจนิรันดร์......💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼
💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸
4 มกราคม 2563
🌈💛 #ช่วงรับพลังเมตตามหาเมตตาจากพระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์
#คือพลังงานบริสุทธิจนกายในของเราท่านเป็นแก้วแสงสว่าง หรืออีกนัยยะคือ #กายแก้วแสงเพ็ชรซึ่งเป็นสายญาณสูงสุดของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ ตลอดรัตนะทั้งห้า ของมหาโพธิสัตว์ใหญ่ และสายพระญาณแห่งมหาโพธิสัตว์ทั้งมวล ที่เป็นลูกหลานบริวารของทุกพระองค์ ที่ลงมาจุติยังจักรวาลโลกนี้
#มหาโพธิสัตว์ใหญ่ทั้ง 5 คือ
1. พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์
2. พระกษิติครรภโพธิสัตว์
3. พระมัญชูศรีมหาโพธิสัตว์
4. พระมหาสถามปราบต์มหาโพธิสัตว์
5. พระสมันตรภัทรมหาโพธิสัตว์
สายพระญาณทุกพระองค์ ต้องมาปรับระดับการเชื่อมต่อพลังงานแสงเพชรในช่วงนี้ทุกร่างสังขาร เพื่อเลื่อนระดับกายในให้สูงขึ้นจนถึงกายเพชร
#วิธีที่ปรับล้างคือ ให้ทำประมาณ 5 นาที
การทำสมาธิในรูปแบบนั่งสมาธิ จีบมือด้วยนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือทั้งสองเข้าด้วยกัน วางบนเข่า รับพลังจากแสงพระอาทิตย์ยามเช้าประมาณวันละ 5-20 นาที
ให้กำหนดรับพลังลงกลางกระหม่อม หากเราเชื่อมต่อได้จะมีพลังลงมาที่มือข้างซ้ายในนิ้วที่จีบไว้ และจะวิ่งขึ้นมาสู่แขน ไหล่ ต้นคอ ขึ้นไปบนศรีษะ จากนั้นไหลลงมาเป็นเส้นตรงลงเป็นแนวดิ่ง ไล่ลงมา ที่หน้าฝาก (จักระ 6) ลงมาที่ คอ (จักระ 5) ลงมากลางอก (จักระ 4) ลงมาที่ท้องเหนือสะดือ (จักระ 3 ) ลงมาที่ใต้สะดือ (จักระ 2) และลงมาที่ระหว่างทวารหนักทวารเบา (จักระ 1) พลังงานทะลุ ชำระล้างพลังงานลบของร่างเราทั้งหมดลงพระแม่ธรณีไป
จากนั้นพลังงานจะไหลเวียนกลับขึ้นมาสู่จักรที่ 1 ไล่ขึ้นมาจักรที่ 2 ,3,4,5,6,7 อาการที่เรารับรู้ได้คือศรีษะเราจะมีอาการผมตั้งตรงกระหม่อม หรือเหมือนไฟฟ้าช็อตเบา ๆ หรือเหมือนเข็มแทงเบา ๆ ลงมา จักระที่ 7 เป็นดอกบัวบานบนศรีษะเรา อันนี้คือพร้อมรับพลังงานบริสุทธิ์แล้ว
เมื่อครบ 5 นาทีแล้วให้กำหนดปิดจักระที่ 1 โดยขยับขาไขว้กันเหมือน X จากนั้นก็เตรียมท่านั่งรับพลังต่อไป
#วิธีปรับรับให้ทำประมาณ 5 นาที (หากรับแล้วรู้สึกสดชื่นให้รับต่อไปอีก 10 นาทีอย่าเกินนี้)
ให้นั่งจีบมือวางบนหัวเขาซ้ายขวา กำหนดที่จักรที่ 7 รับพลังตรงจากพระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์ พลังจะค่อย ๆ เคลื่อนลงมาที่บัวบนศรีษะเรา อาบไปทั่วร่างเราจนสว่างไสว มี ออร่าแสงสว่างเปล่งออกมา
ใครจะมีออร่ามากน้อยกว่ากันนั้นเกิดจากฐานบารมีของแต่ละร่างมนุษย์ หากยังเชื่อมต่อไม่ได้หรือรู้สึกมีออร่าน้อย ก็ต้องมาเรียนปรับฐานบารมี ด้วยการแผ่เมตตาตามโองการ "#ธรรมผังตรงแห่งพระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์"
4 ปีเปิดสอน 1 ครั้ง
การเรียนเรียนที่บ้านใช้สื่อสารด้วยกลุ่มไลน์
#ท่านใดต้องการเรียนคอมเม้นใต้โพสต์
🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸
บทสวดธรรมผังตรง แผ่เมตตาให้ทุกภพทุกภูมิ
💛1.) บทสวดแผ่ “ธรรมผังตรง” พระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์ ให้ตนเองสำเร็จธรรม
🌈🌸 ขอบุญฤทธิ์ ธรรมฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ประกาศิต. แห่งองค์พระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์ โปรดคุ้มบุญประสิทธิ์ประสาทให้.......
ข้าพเจ้า ……กล่าวนามตนเอง……ตลอดสายใยบุญ ทุกจิต ทุกกาย ทุกญาณ สำเร็จธรรมผังตรงพระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์ สุขสำเร็จอยู่ในพุทธเกษตร บารมีเต็มเปี่ยมเต็มธาตุเต็มธรรม ได้ดวงแก้วมหาสัทธรรมแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์เป็นหนึ่ง. นิพพานในจิตปัจจุบันทุกรูปทุกนาม
ด้วยพระบารมีแห่งพระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์ ในพระจักรพรรดินิพพานธรรม ในพระพุทธมหาบารมีธรรม ในพระบรมรัตนนิพพานธรรมในองค์พระปฐมบรมพระบิดา ในองค์พระปฐมบรมพระมารดา ในพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งในพระผู้ชำระล้างทุกสรรพสิ่ง
💛2.) บทสวดแผ่ “ธรรมผังตรง” ขนรื้อสรรพจิตสรรพญาณในสายใยวิบากรรมของตนเอง
🌈🌸 ขอบุญฤทธิ์ ธรรมฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ประกาศิต แห่งองค์พระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์ ในพระจักรพรรดินิพพานธรรม ในพระบรมรัตนนิพพานธรรม โปรดคุ้มบุญประสิทธิ์ประสาทให้…
จิตมิจฉาของข้าพเจ้า....กล่าวนามตนเอง....ตลอดสายใยวิบากกรรมของข้าพเจ้าทั้งหมด คู่ครอง คู่กรรม คู่เวร เจ้ากรรมนายเวร. ตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบันชาติ ทุกจิต ทุกกาย ทุกญาณ ได้สำเร็จธรรมผังตรงพระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์ สุขสำเร็จอยู่ในพุทธเกษตรในภพภูมิปัจจุบันของตน บารมีเต็มเปี่ยมเต็มธาตุเต็มธรรม ได้ดวงแก้วมหาสัทธรรมแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์เป็นหนึ่ง. นิพพานในจิตปัจจุบันทุกรูปทุกนามอัศจรรย์ทันที
ด้วยพระบารมีแห่งพระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์ ในพระจักรพรรดินิพพานธรรม ในพระพุทธมหาบารมีธรรม ในพระบรมรัตนนิพพานธรรมในองค์พระปฐมบรมพระบิดา ในองค์พระปฐมบรมพระมารดา ในพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งในพระผู้ชำระล้างทุกสรรพสิ่ง
🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸
#เปิดรับศิษย์ในสายญาณพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์
13 มกราคม 2563
#ท่านใดต้องการเรียนคอมเม้นใต้โพสต์
#บุญ บารมีคืออะไร
บุญ ทำให้เกิดในสุขคติภูมิ พรั่งพร้อมด้วยทิพยสมบัติในภูมิที่ตนเองเกิด
บารมี สั่งสมเพื่อชำระกิเลสมุ่งตรงสู่พระนิพพาน หมดทุกข์ทั้งปวง
บารมีบวกศีล หนุน สมาธิ สมาธิหนุนปัญญา ปัญญาประหารกิเลส เข้าสู่พระนิพพาน
บารมีมี 10 ประการ 20 ประการ 30 ประการ ตามแต่ตนต้องการสำเร็จด้วยภูมิไหน :สาวกภูมิ ปัจเจกภูมิ พุทธภูมิ
หากบารมีเกิน 30 ประการ จึงไปเป็นมหาโพธิสัตว์ยังพุทธเกษตรอื่น ๆ ในจักรวาลอื่น
11 สิงหาคม 2563
🌷#ถอดถอนญาณพระแม่กวนอิมออกจากร่างสำหรับผู้อาสาลงมาแล้วไม่ทำหน้าที่
ร่างไหน ญาณไหน บารมีไม่ถึงพระพุทธมหาบารมีธรรม เพื่อเป็นพระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์ ย่อมถดถอยออกจากจุดกำเนิดแห่งสนามแม่เหล็กแห่งจักรวาล ไม่มีโอกาสแก้ตัวใด ๆ
ลงมาจากเบื้องบน มาจุติเพื่ออะไร คุกสวรรค์มีไว้กักขังจิตที่ลงมาแล้วไม่ยอมทำกิจ. ติดตัวมานะ ติดตัววิเวก ติดตัวปฏิบัติธรรม ติดสาระพัดติด ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าการปฏิบัติธรรมแท้จริงคืออะไร. ใจเร็วด่วนได้ ไม่มีขันติบารมี
โปรดมนุษย์ยังโปรดง่ายกว่าโปรดพวกที่มีจิตญาณลงมาเกิด. โลกมันกลับตะระปัดเสียแล้ว
แม่ช่วยได้เพียงเท่านี้ ต่อไปดูแลตนเองให้ดีเพราะถูกถอดถอนพระญาณแห่งพระแม่กวนอิมออกจากร่างแล้ว. จงเป็นมนุษย์ตามสบายใจของอารมณ์อยากของตัณหาได้เลย !!!!!!
🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼🌸🌼
#บทลงโทษแห่งศาลสวรรค์
21 มกราคม 2563
#ซื้อหวยผิดธรรมไหม😀😍😍
เรียนสอนการแผ่เมตตาแบบธรรมผังตรงในกลุ่มไลน์ เรียนไปเรียนมา ศิษย์ถามคำถามนี่มา. คงคาใจหลาย ๆ ท่านว่า ซื้อหวยผิดไหม
ศิษย์ : ท่านแม่คะคนที่เรียนธรรมผังตรงซื้อหวยซื้อลอตเตอรีได้มั้ยคะท่านแม่
แม่ : ซื้อได้แต่ไม่โลภ คือซื้อเปิดช่องทางลาภลอย.
คนเล่นหวยบรรลุธรรมได้ยาก เช่นซื้อหวยใต้ดินเล็งเลขนั้นเลขนี้ อันนี้คือ "ความโลภ" หากต้องการเปิดช่องทางโชคลาภ มีเลขอะไรก็ซื้ออันนั้น. ถูกก็ถูก ไม่ถูกก็แล้วไป.
แต่พอถึงเวลาเกิดธรรมจริงๆ จิตไม่ได้ไปไฝ่ไปทางนั้น ก็ไม่ซื้อเองอัตโนมัติ. เวลาไม่ถูกก็ไม่เป็นอะไร
ศิษย์ : แต่ถ้าถูกจะเจ็บตัวค่ะ เดินๆอยู่ก็หกล้มให้ขามีรอยช้ำจนถึงทุกวันนี้ หรือตกบันได ทั้งๆที่ก็ทำบุญนะคะ😅
แม่ : สิ่งศักดิ์สิทธิ์เตือน เพราะการติดเล่นหวย ใจเราไม่เป็นสมาธิ มีโลภครอบใจหนักเบาตามกิเลสในใจเรา
ศิษย์ : สงสัยทำไมคนที่ไม่เคยสวดมนต์เลยเขาถูกหวยบ่อยจัง
แม่ : บุญเก่าส่งมาจึงเป็นแบบนั้น บุญเก่าหมดก็ไม่ถูก
🌷☘️🌷☘️🌷☘️🌷☘️🌷☘️🌷☘️🌷☘️🌷☘️🌷☘️
20 มกราคม 2563
การก้าวพ้นมารในจิต และมารนอกจิตนั้น ทำได้โดยการ “รู้แล้ววางลง”สักแต่ว่ารู้ อย่าไปร่วมความรู้สึกนั้น
#นี่คือการชำระกิเลสจึงพ้นจากมารทั้งมวล
🌈❄️💦💫🌱🌿☘️🍀🎋🍃🍂🍁
19 มกราคม 2563
#จิตว่างไร้การเคลื่อนไหว 💛🌸💛🌸💛🌸💛
สภาวะ 7 วันมานี้.....อาการของจิต ไม่เคลื่อนไหวไปมา สัญญาหายไม่มีความจำ เรื่องราวหายไร้เรื่องราว...... รู้สึกว่าง ๆ รู้แต่ปัจจุบัน อดีตไม่มี แค่เพียงรู้....อนาคตที่คิดไม่มี มีแค่เพียงรู้.....
จิตที่อยู่ในสภาวะ "ภาวนา" เองจนไปสู่ความว่างเป็นเช่นนี้หนอ...จิตประคองร่างส่งสัญญาณมาให้ทำงานสอนธรรม... เมื่อว่างเปล่าจะเอาอะไรไปสอน
รอกาลเมื่อพระญาณมา เมื่อนั้นมีองค์ธรรมแห่งความรู้ที่จะถ่ายทอด...เผยแผ่ออกไป....จะปรากฏ.....
💛🌾💛🌾💛🌾💛🌾💛🌾💛🌾💛🌾💛
#สภาวะไร้รูปไร้นามสักแต่อยู่ไปอยู่ไป
17 มกราคม 2563
🌈💛#บำเพ็ญธรรมเพื่อนิพพานในจิตปัจจุบัน.....
เส้นทางแห่งการเดินทางหรือเดินมรรคปฏิบัตินั้น ย่อมนำหน้าด้วยบารมีแห่ง #มหาเมตตาและกรุณา เส้นทางเดินไม่ง่ายไม่ยาก....#หากเรามีโพธิจิต สละ ละ วาง ในกิเลสแห่งตน. น้อมนำจิตแห่งพระพุทธเกิดกลางดวงจิต ส่องสว่างเป็นประกายพฤกษ์นิจนิรันดร์
ฉัพพรรณรังสี 7 ประการ หรือรัตนะทั้ง 7 คู่กายแห่งมหาโพธิสัตว์ เจิดจรัสคู่กับจักรวาล อนันตจักรวาล
#โพธิพฤกษ์หน่อเนื้อแห่งพระพุทธกวนอิมมหาโพธิสัตว์....
🌈💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼💛🌼💛
#ประกาศธรรมแห่งโพธิพฤกษ์รัตนนิพพานธรรม
5 มกราคม 2563
💛 #พรหมวิหาร4..🌷🌸💛
คนเราจะรักษาศีลได้เป็นปกติก็จะต้องมีธรรมกำกับใจนั่นคือ....
#พรหมวิหาร4
1. เมตตา
2. กรุณา
3. มุฑิตา
4. อุเบกขา
คนเราเมื่อมีพรหมวิหาร 4 ครองใจ การจะทำกรรมเบียดเบียนใด ๆ ย่อมเกิดขึ้นได้ยาก. จึงทำให้คนเรามีศีลครบถ้วนบริบูรณ์
#เมตตาคือ ความรักในคนหรือสัตว์อยู่เสมอ ไม่คิดว่าตนเองจะเป็นศัตรูกับใคร หรือใครเป็นศัตรูกับตนเอง
#กรุณา จิตมีความสงสารปรารถนาเกื้อกูลให้คนอื่นได้มีความสุขอยู่เสมอ มีจิตใจเต็มไปด้วยความรักความสงสารต่อสัตว์ทั้งหลาย
#มุฑิตา มีจิตใจอ่อนโยน ไม่มีความอิจฉาริษยาผู้อื่น เห็นคนอื่นได้ดีเรายินดีด้วย มีความพอใจในสิ่งที่ตนมี
#อุเบกขา การวางเฉยในอารมณ์ที่มากระทบ จะชม จะว่า มียศ หรือไม่มียศก็ช่าง อะไรมากระทบถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ช้าทุกอย่างก็สลายไป
เมื่อเราทรงพรหมวิหาร 4 ไว้ได้นั้น การเป็นพระโสดาบันนั้นเป็นเรื่องที่เป็นได้ เพราะพระโสดาบัน พระสกิทาคามี มีความสำคัญอยู่ที่ศีลบริสุทธิ์.
เรามีเมตตา กรุณา ศีลของเราจึงบริสุทธิ์
จงระลึกถึงความตายอยู่เสมอ ทรงพรหมวิหาร4 ไว้ตลอด การเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี พรหม เทวดา ก็ดี เราไม่ปรารถนาไปเป็นอีก เราขอไปพระนิพพานเป็นที่สุด นั้นคือคำอธิษฐาน ตัดภพตัดชาติ มุ่งไปสู่พระนิพพาน....
#นิพพานังปรมังสุญญังนิพพานังปรมังสุขัง 💛
💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸💛🌸💛
29 ธันวาคม 2562
เนื่องจากโรคระบาดที่เกิดจากโคโรน่าไวรัส กำลังคุกคามผู้คนในหลายภูมิภาคของเอเชีย ต่างทำให้ผู้คนพากันหวาดกลัวและตื่นตระหนกเป็นจำนวนมาก ลามะกุนซัง จึงได้มีดำริให้ภาวนามนต์บทนี้ อันเป็นมนต์แห่งการปัดเป่าเหตุของโรคภัยจากคุรุปัทมสมภพ
หมูป่าสีฟ้าคราม มีเก้าหัว หมายถึงมูลเหตุแห่งความเจ็บป่วยและอุปสรรค ๙ ประการ
พระพุทธเจ้าในภาคพิโรธและทรงพลังอำนาจที่ทรงประทับอยู่เหนือหมูป่านั้น
คือ องค์ดอร์เจ โกทรัก พระผู้ทรงดุดันและอาจหาญประจันหน้าซึ่งมรณภัย
มนต์ของพระองค์ทรงพลังอำนาจอย่างยิ่งและถือเป็นยาแก้พิษร้ายที่เป็นมูลเหตุแห่งอุปสรรคและโรคภัยทั้ง ๙ ประการ ด้วยการสวด เราอย่าได้คิดถึงแต่เราคนเดียวเท่านั้นแต่พึงนึกถึงสรรพชีวิตทั้งปวง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่อยู่ในความหวาดกลัวและวิตกกังวลเกี่ยวกับความเจ็บป่วย
พึงขอให้พวกเขาได้รับการปกป้องจากเกราะวัชระเพื่อให้พวกเขาพ้นจากโรคภัยและความเจ็บป่วย
พึงสวดภาวนาบทนี้ให้มากที่สุด รวมกันอย่างน้อย ๒๑ จบ
ཨོཾ་པདྨ་ཤ་ཝ་རི་ཕཊ་ནན་པར་ཤིག་ནཱ་ག་ནན༔ ཏདྱཐཱ༔སརྦ་བི་རི་ཏ་ཧ་ན་ཧ་ན་བཛྲེ་ན་རཀྵ་རཀྵ་སྭཱ་ཧཱ༔
โอม เปมา ชาวารี เภต เนน ปาร์ ฉิก นาคะเนน เตยาทา ซาวา วิริตา ฮานา ฮานา เบนเจ นะ รักชา รักชา โซฮา ༔
บทสวดเกราะวัชระสีขาว เรียกว่า ดอร์เจ โกทรับ เป็นมนต์หนึ่งในแสนมนต์วิธีแห่งการรักษาอันทรงพลังที่สุดและเป็นธรรมสมบัติของคุรุปัทมสมภพ บทเกราะวัชระสีขาว ได้รับการยกย่องว่าเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรค และชำระพลังงานเชิงลบให้บริสุทธิ์และให้การปกป้องจากความโชคร้าย
คุรุรินโปเช ทรงอธิบายไว้ว่า หากบุคคลใดภาวนามนต์เกราะวัชระนี้ด้วยความตั้งใจที่จะอุทิศให้สรรพสัตว์ทั้งหลายและเป็นไปตามสมยะ ย่อมช่วยปกปักรักษาเราจากโรคภัย,ความเจ็บป่วยและภัยพิบัติ และที่สำคัญที่สุดคือทำลายเหตุที่แท้จริงของ ความทุกข์ทั้งปวง
สามารถรับฟังเสียงสวดจากท่าน ลามะ กุนซังได้จากลิงค์ youtube ข้างล่างครับ
------------------------------------------------
Protection mantra against the causes of diseases
OM PE MA SHAWARI PHET / NEN PARA SCHI / NA GA NEN / TEYATHA / SARWA WIRITA / HA NA HA NA / BENJE NA / RAKJA RAKJA / SOHA ༔ //
Because of the real threat posed by the corona virus, which is currently threatening people in some regions of Asia and spreading a lot of fear and irritation, Lama Kunsang asked to recite this strong protective mantra from Padmasamhava.
On a blue pig with nine heads, which stand for the nine causes of illnesses and the nine obstacles, the wrathful and powerful Buddha Zong dog rides, which means "the Buddha with the Vajra armor". He bravely and resolutely faces the dangers.
His mantra is very effective and is considered an antidote to the nine causes of illness. With the recitation, we do not think of ourselves alone, but we wish all living beings, especially those who are afraid and worried about an illness, that they may be equipped with Vajra armor that protects them against infection and illness.
The mantra should be recited very collectively at least 21 times.
วันนี้ได้ไปพบบทความเรื่องนี้จึงนำมาลงให้อ่านกันค่ะ เพื่อปีใหม่ที่จะมาถึง เพื่อคุณความดีทั้งหลายจะได้มายังทุกท่าน สุขสำเร็จทุก ๆ ประการ
🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌼🌼🌼🌼🌼🌼
#พระโพธิสัตว์ หมายถึง บุคคลที่บำเพ็ญบารมีหรือกระทำความดีต่างๆ เพื่อให้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล มีพระโพธิสัตว์เป็นจำนวนมากตามความเชื่อในฝ่ายเถรวาท และมหายาน แต่มีความแตกต่างกันไป ประเภทของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า คือ ผู้ที่เป็นศาสดาเอกในพระพุทธศาสนา ประเภทของพระพุทธเจ้าสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1.ปัญญาธิกะพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 20 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือตั้งความปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 7 อสงไขย หลังจากนั้นจึงออกปากกล่าววาจาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 9 อสงไขย รวมเป็น 16 อสงไขย และได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเป็น พระนิยตะโพธิสัตว์ เมื่อเหลือเวลาอีก 4 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข้มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ซ้ำมาตลอด เมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน
2.ศรัทธาธิกะพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือตั้งความปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 14 อสงไขย หลังจากนั้น จึงออกปากกล่าววาจาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 18 อสงไขย รวมเป็น 32 อสงไขย และได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ เมื่อเหลือเวลาอีก 8 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข้มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ซ้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน
3.วิริยาธิกะพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้วิริยะเป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือตั้งความปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 28 อสงไขย หลังจากนั้นจึงออกปากกล่าววาจาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 36 อสงไขย รวมเป็น 64 อสงไขย และได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ เมื่อเหลือเวลาอีก 16 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข้มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ซ้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน
ตามหลักฐานที่ปรากฏในพระไตรปิฎกพบว่า ยิ่งใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมีนานเท่าใด พระโพธิสัตว์จะมีพระชนม์มายุยืนขึ้นในสมัยที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า รวมทั้งสัตว์ที่เกิดในยุคนั้นจะมีอายุยืน และบรรลุธรรมได้ง่ายและมีจำนวนมาก แต่ไม่ประกันว่าศาสนาของพระองค์จะยืนยาวหลายชั่วอายุไข เช่น พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ มีพระนามว่า "พระศรีศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า" พระองค์ทรงสร้างบารมีมาทางปัญญาพุทธเจ้า ทรงมีพระชนมายุเพียง 80 พรรษา พระวรกายสูง 4 ศอก หรือ 2 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 6 ปี พุทธรังสีซ่านไปข้างละ 1 วา เป็นปกติ มนุษย์ยุคพุทธกาลมีอายุไข 120 ปี
ขณะที่ทรงพยากรณ์ถึง "ภิกษุอชิตเถระ" ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม "พระศรีอาริยเมตไตร" ทรงสร้างบารมีมาทาง "วิริยาธิกะพุทธเจ้า" ไม่ได้ทรงพยากรณ์พระชนม์มายุ แต่เทียบกับอายุมนุษย์ในยุคแล้วน่าจะมีพระชนม์มายุ หลักหมื่นปีเป็นอย่างน้อย มีพระวรกายสูงได้ ๘๘ ศอก หรือ 44 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน พระพุทธรัศมีของพระองค์แผ่ซ่านตลอดไปเบื้องบนจนถึงพรหมโลก เบื้องต่ำตลอดลงไปจนถึงมหาอเวจีนรก มนุษย์ยุคพุทธกาลมีอายุไข 80,000 ปี
ส่วนเหตุที่ทำให้พระสัจธรรมตั้งอยู่ได้นานหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความท้อพระทัยของพระพุทธเจ้าในการเผยแผ่ธรรมะ และพระวินัยที่ได้ทรงบัญญัติไว้
-------------------------------------------------------------
ประเภทของพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ คือ บุคคลที่ปรารถนาเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
1.อนิตยโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาเลย เรียกว่า อนิตยโพธิสัตว์ ความหมายคือ ยังไม่แน่นอนว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะอาจจะเลิกล้มความปรารถนาเมื่อไรก็ได้
2.นิตยโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาแล้ว เรียกว่า นิตยโพธิสัตว์ ตามความหมายคือจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นนอน เพราะถ้าถึงนิพพานต้องดำรงฐานะเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียว แต่ถ้าบารมีและเวลายังไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะพยายามปฏิบัติอย่างยิ่งยวดบังเกิดปัญญาอย่างเยี่ยมยอด ก็ไม่สามารถถึงนิพพานก่อนได้ แม้จะทุกข์ท้อแท้ จนคิดว่าเลิกที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว แต่แล้วในที่สุดมหากุศลที่เป็นอนุสัย ก็จะพุ่งกระจายขึ้นมาให้ตั้งมั่นและบำเพ็ญบารมีกันต่อ จนกว่าบารมีและเวลาสมบูรณ์
-------------------------------------------------------------
อสงไขย และ กัป
กัป เป็นหน่วยวัดเวลา ในเชิงประมาณ คือ
เมื่อโลกมนุษย์ปราฏกขึ้นหรือบังเกิดขึ้น จนพังสูญหายไป 1 ครั้งเรียกว่า 1 กัป
อสงไขย เป็นหน่วยวัดเวลา ที่มากกว่ากัป คือ จำนวณกัป ที่นับไม่ถ้วน เท่ากับ 1 อสงไขย
สูญกัป หมายถึง กัปที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น
ตามที่เคยคำนวณมา 1 อสงไขย เท่ากับ จำนวน กัป ที่เอาเลข 1 ตามด้วย เลข 0 ถึง 140 ตัว
-------------------------------------------------------------
บารมี ๓o ทัศ บารมี หมายถึง การกระทำที่ประเสริฐ การกระทำที่ประกอบด้วยกุศล เจตนา คุณงามความดีที่ควรกระทำ คุณงามความดีที่ได้บำเพ็ญมา คุณสมบัติที่ทำให้ยิ่งใหญ่ เป็นธรรมส่วนหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งช่วยเหลือเกื้อกูลให้ผู้ปฏิบัติได้ถึงซึ่งโพธิญาณ
บารมีที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญ คือ
1.ทานบารมี หมายถึง การสละออก การให้ต่างๆ โดยมีเจตนาช่วยเหลือผู้อื่นเป็นสำคัญ
2.ศีลบารมี หมายถึง การรักษาศีลให้เป็นปกติ หากเป็นฆราวาส หมายถึง การถือศีล 5 หากเป็นนักบวชคือการถือศีล 8 ขึ้นไป
3.เนกขัมมะบารมี หมายถึง การออกบวช หากฆราวาสถือศีล ๘ ก็นับเป็นเนกขัมบารมีได้เช่นกัน เพราะเป็นการกระทำเพื่อเว้นจากกามสุข
4.ปัญญาบารมี หมายถึง การกระทำเพื่อเพิ่มพูนปัญญา ปัญญาแบ่งออกเป็นปัญญาทางโลกและทางธรรม เนื่องจากพระโพธิสัตว์ จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล จึงต้องมีปัญญาความรู้มาก เพื่อจะได้สั่งสอนสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ได้ การเรียนของพระโพธิสัตว์จึงต้องเรียนมากกว่าผู้อื่น
5.วิริยะบารมี หมายถึง การกระทำที่ใช้ความเพียรเป็นที่ตั้ง การมีวิริยะ อาจไม่ได้หมายถึงการเพียรจนกระทั่งตัวตายในครั้งเดียว แต่หมายถึงมีความพยายามทำอยู่เรื่อยๆ ทำไปทีละน้อยตามกำลังจนกว่าจะสำเร็จ สัมมัปปธานหรือความเพียรที่ถูกต้อง มี 4 อย่างคือ
5.1สังวรปธาน เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้น
5.2ปหานปธาน เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
5.3ภาวนาปธาน เพียรทำบุญให้เกิดขึ้น
5.4อนุรักขนาปธาน เพียรรักษาการทำบุญไว้ต่อเนื่อง
6.ขันติบารมี หมายถึง การอดทน อดกลั้นต่อสิ่งต่างๆ
7.สัจจะบารมี หมายถึง การรักษาคำพูด ไม่กลับกลอก แม้ว่าจะต้องสละบางสิ่งเพื่อรักษาคำพูดไว้
8.อธิษฐานบารมี หมายถึง การตั้งมั่นในความปรารถนา ตั้งจิตมั่นต่อคำอธิษฐาน
9.เมตตาบารมี หมายถึง การมีความปรารถดี มีความรักต่อสัตว์ทั้งหลายในโลกอย่างเท่าเทียม ประดุจมารดารักบุตร เมตตาแตกต่างจากราคะตรงที่ ราคะอาจรักเฉพาะตัวหรือพวกพ้อง แต่เมตตาเป็นรักที่ไม่แบ่งแยก
10.อุเบกขาบารมี หมายถึง การวางเฉย มีใจเป็นกลาง การปล่อยวางในสิ่งที่ผิดพลาด ในสิ่งที่แก้ไข ไม่ได้ วางเฉยในความทุกข์ของตน และสัตว์ที่ช่วยไม่ได้ เนื่องจากมีปัญญาเห็นว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรมของตน ไม่มีใครได้รับความยากลำบากโดยไม่มีเหตุปัจจัย ล้วนแล้วแต่เป็นกรรมที่เคยทำมาทั้งสิ้น
-------------------------------------------------------------
บารมีนั้นแบ่งย่อยเป็น 3 ขั้น ได้แก่
1.บารมีขั้นต้น คือ เนื่องด้วยวัตถุ และทรัพย์นอกกาย เช่น
การสละทรัพย์ช่วยผู้อื่น จัดเป็น ทานบารมี
รักษาศีลแม้ว่าจะต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง จัดเป็น ศีลบารมี
ยอมถือบวชโดยไม่อาลัยในทรัพย์สิน จัดเป็น เนกขัมบารมี
2.บารมีขั้นกลางหรืออุปบารมี คือ เนื่องด้วยเลือดเนื้อ อวัยวะ เช่น
การสละเลือดเนื้ออวัยวะแก่ผู้อื่น จัดเป็น ทานอุปบารมี
การใช้ปัญญารักษาอวัยวะเลือดเนื้อของผู้อื่น จัดเป็น ปัญญาอุปบารมี
การมีความเพียรจนไม่อาลัยในเลือดเนื้อหรืออวัยวะ จัดเป็น วิริยะอุปบารมี
มีเมตตาต่อผู้ที่จะมาทำร้ายเลือดเนื้ออวัยวะของตน จัดเป็น เมตตาอุปบารมี
มีความอดทนอดกลั้นต่อผู้ที่จะมาทำลายอวัยวะของตน จัดเป็น ขันติอุปบารมี
3.บารมีขั้นสูงสุดหรือปรมัตถบารมี คือ เนื่องด้วยชีวิต เช่น
การสละชีวิตเป็นทานแก่ผู้อื่น จัดเป็น ทานปรมัตถบารมี
ยอมสละแม้ชีวิตเพื่อจะรักษาคำพูด จัดเป็น สัจจปรมัตถบารมี
ตั้งจิตไม่หวั่นไหวต่อคำอธิษฐานแม้จะต้องเสียชีวิต จัดเป็น อธิษฐานปรมัตถบารมี
วางเฉยต่อผู้ที่จะมาทำร้ายชีวิตของตน จัดเป็น อุเบกขาปรมัตถบารมี
ดังนั้น จึงรวมเป็นบารมี 30 ทัศ
-------------------------------------------------------------
อานิสงส์ บารมี 30 ทัศ ของพระนิตยะโพธิสัตว์ พระนิตยะโพธิสัตว์เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก จะมีอานิสงส์ 18 อย่างอยู่ตลอด จนได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ได้แก่
1.เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมไม่เกิดเป็นคนมีจักษุบอดมาแต่กำเนิด
2.ไม่เป็นหูหนวกแต่กำเนิด
3.ไม่เป็นคนบ้า
4.ไม่เป็นคนใบ้
5.ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย
6.ไม่เกิดในมิลักขประเทศคือประเทศป่าเถื่อน
7.ไม่เกิดในท้องนางทาสี (แต่เกิดในฐานะคนจันทาลได้ ดัง พระโพธิสัตว์ มาตังคะฤๅษี ท่านเป็นบุตรคนจันทาล แต่ไม่ได้เป็นนางทาสี)
8.ไม่เป็นนิยตมิจฉาทิฐิ
9.ไม่เป็นสตรีเพศ
10.ไม่ทำอนันตริยกรรม
11.ไม่เป็นโรคเรื้อน
12.เมื่อเกิดเป็นสัตว์เดียรฉาน มีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และ ไม่ใหญ่ไปกว่าช้าง
13.ไม่เกิดใน ขุปปิปาสิกเปรต นิชฌานตัณหิกเปรต และกาลกัญจิกาสุรกาย
14.ไม่เกิดในอเวจีนรก และโลกันตนรก
15.ไม่เกิดเป็นเทวดาใน กามาพจรสวรรค์ ไม่เกิดเป็นเทวดาที่นับเข้าในเทวดาพวกหมู่มาร
16.เมื่อเกิดเป็นรูปพรหม จะไม่เกิดใน ปัญจสุทธวาสพรหมโลก (พรหมชั้นอนาคามี) และอสัญญสัตตาภูมิพรหม ( มีแต่รูปอย่างเดียว)
17.ไม่เกิดในอรูปพรหมโลก
18.ไม่เกิดในจักรวาลอื่น
-------------------------------------------------------------
อานิสงส์พิเศษอีกอย่างหนึ่งของนิยตโพธิสัตว์ คือ การทำอธิมุตตกาลกริยา คือเมื่อท่านเกิดเป็นเทวดาหรือพระพรหม เกิดความเบื่อหน่าย ในการเสวยสุขนั้น ปรารถนาที่จะสร้างบารมีในโลกมนุษย์ ท่านก็สามารถทำการอธิมุตต คืออธิษฐานให้จุติ (ตายจากการเป็นเทพ) มาเกิดเป็นมนุษย์ได้ทันที ได้โดยง่าย ซึ่งเหล่าเทพเทวดาอื่นๆ ไม่สามารถทำอย่างนี้ได้
-------------------------------------------------------------
คุณสมบัติและอัธยาศัยของพระโพธิสัตว์
สำหรับพระโพธิสัตว์ ที่เป็น อนิตยโพธิสัตว์ แต่สร้างบารมี 30 ทัศ และมีธรรมสโมธาน 8 ประการสมบูรณ์แล้ว จะได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกต่อหน้าพระพักตร์พุทธเจ้า โดยจะได้รับพุทธพยากรณ์โดยนัยว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงนามว่าอย่างนั้น ในกัปอันเป็นอนาคตที่เท่านั้น และก็จะกลายเป็น นิตยโพธิสัตว์ ทันที คือเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้ ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน
ธรรมสโมธาน 8 ประการคือ
1.ได้เกิดเป็นมนุษย์
2.เป็นบุรุษเพศ ไม่เป็นกระเทย
3.มีอุปนิสสัยปัจจัยแห่งพระอรหันต์ รุ่งเรืองอยู่ในขันธสันดาน (ถ้าเกิดเปลี่ยนใจก็จะเป็นพระอรหันต์ทันที)
4.ต้องพบพระพุทธเจ้า ขณะมีพระชนม์ชีพอยู่ และได้สร้างกองบุญกุศลต่อหน้าพระพักตร์
5.ต้องเป็นบรรพชิต หรือต้องเป็น โยคี ฤๅษี ดาบส หรือปริพาชก ที่มีลัทธิเชื่อว่า บุญมี บาปมี ทำบุญได้บุญ ทำบาปได้บาป ต้องไม่เป็นคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน
6.ต้องมีอภิญญาและฌานสมาบัติ อันเชี่ยวชาญ
7.เคยให้ชีวิตของตนเป็นทาน เพื่อสัมโพธิญาณมาก่อนในอดีดชาติ
8.ต้องมี ฉันทะ คือมีความรักความพอใจในพุทธภูมิเป็นกำลัง
-----------------------------------------------------------------
กล่าวถึงพุทธภูมิธรรมของนิยตะโพธิสัตว์ ในการเพิ่มพูนบารมีให้มากยิ่งขึ้น มีน้ำใจประกอบไปด้วยพุทธภูมิธรรม 4 ประการ คือ
1.อุสสาโห คือ ประกอบไปด้วยพระอุตสาหะ มีความเพียรอันสลักติดแน่นในจิตใจอย่างมั่นคง
2.อุมัตโต คือ ประกอบด้วยปัญญา มีปัญญาเชียวชาญเฉียบคม
3.อวัตถานัง คือ มีพระทัยอธิษฐานอันมั่นคง มิได้หวั่นไหวคลอนแคลน
4.หิตจริยา คือ ประกอบไปด้วยพระเมตตา เจริญจิตอยู่ด้วยพรหมวิหารเป็นปกติ
อัธยาศัย ที่ทำให้พระโพธิญานของนิตยโพธิสัตว์แก่กล้ายิ่งขึ้น มี 6 ประการ
1.เนกขัม พอใจในการรักษาศีล การบวช หรือบรรพชา
2.วิเวก พอใจอยู่ในที่สงบ
3.อโลภ พอใจในการบริจาคทาน
4.อโทส พอใจในความไม่โกรธ เจริญเมตตา
5.อโมห พอใจในการพิจารณาคุณและโทษ เจริญปัญญา
6.นิพพาน พอใจที่ยกตนออกจากภพ ไม่ยินดีในการเวียนว่ายตายเกิด ประสงค์นิพพานเป็นอย่างยิ่ง
--------------------------------------------------------
จริยธรรม 10 ประการ จริยธรรม 10 ประการของพระโพธิสัตว์ ประกอบด้วย
1.พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาเลยว่า ร่างกายจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
2.พระโพธิสัตว์ ครองชีพโดยไม่ปรารถนาว่าจะไม่มีภัยอันตราย
3.พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาเลยว่า จะไม่มีอุปสรรคในการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์
4.พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาเลยว่า จะไม่มีมารขัดขวางการปฏิบัติภารกิจ
5.พระโพธิสัตว์ ถือว่าทำงานให้นานที่สุด โดยไม่ปรารถนาจะให้สำเร็จผลเร็ว
6.พระโพธิสัตว์ คบเพื่อน โดยไม่ปรารถนาจะได้รับผลประโยชน์จากเพื่อน
7.พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาว่า จะให้คนอื่นต้องตามใจตนเองเสมอไปทุกอย่าง
8.พระโพธิสัตว์ ทำความดีกับคนอื่น โดยไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทน
9.พระโพธิสัตว์ เห็นลาภแล้ว ไม่ปรารถนาว่าจะได้รับ
10.พระโพธิสัตว์ เมื่อถูกใส่ร้ายป้ายสี ติเตียนนินทาแล้ว ไม่ปรารถนาที่จะตอบโต้
---------------------------------------------------------
คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์มีอยู่ 3 ข้อใหญ่
1.มหาปรัชญาหรือปัญญาอันยิ่งใหญ่ หมายความว่า จะต้องเป็นผู้มีปัญญาเห็นแจ้งในสัจธรรม ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส
2.มหากรุณา หมายความว่า จะต้องเป็นผู้มีจิตกรุณาต่อสัตว์ทั้งหลาย อย่างปราศจากขอบเขต พร้อมที่จะสละตนเองเพื่อช่วยสัตว์ให้พ้นทุกข์
3.มหาอุปาย หมายความว่า พระโพธิสัตว์จะต้องมีวิธีการชาญฉลาดในการแนะนำ อบรมสั่งสอนผู้อื่นให้เข้าถึงสัจธรรม คุณสมบัติทั้งสามข้อนี้ เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ข้อแรกเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ตนให้ถึงพร้อม ส่วน 2 ข้อหลัง เป็นการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่น
-------------------------------------------------------------
มหาปณิธาน 4
1.เราจะละกิเลสให้หมด
2.เราจะศึกษาสัจธรรมให้จบ
3.เราจะช่วยโปรดสัตว์ทั้งหลายให้สิ้น
4.เราจะบรรลุพระพุทธภูมิอันประเสริฐสุด
-------------------------------------------------------------
ความหมายของคำว่าพระโพธิสัตว์
-ในพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทนั้นพระโพธิสัตว์ คือ บุคคลผู้บำเพ็ญบารมีธรรมอุทิศตนช่วยเหลือสัตว์ผู้มีความทุกข์ยากและจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต พุทธศาสนาฝ่ายมหายานเรียกบุคคลเช่นนี้ว่า เป็นผู้มีพลังหรืออำนาจมุ่งสู่ โพธิญาณเป็นผู้บำเพ็ญความดีหรือที่เรียกว่า บารมีธรรมอย่างยิ่งยวดเพื่อการบรรลุถึงพระโพธิญาณ การดำเนินชีวิตของพระโพธิสัตว์เป็นไปเพื่อบำเพ็ญบารมีเพื่อตนและเป็นการเสียสละช่วยเหลือผู้อื่นไปพร้อมๆ กัน การกระทำทุกอย่างนี้ ดำเนินไปได้ด้วยความรัก ความปรารถนาในพระพุทธภาวะอันเป็น ความหมายของพระโพธิสัตว์ ด้วยความรักในพระโพธิญาณ พระโพธิสัตว์จึงสามารถกระทำได้ทุกอย่างเบื้องต้น แต่สละได้ซึ่งสิ่งของภายนอกจนถึงชีวิตและสิ่งเสมอด้วยชีวิตคือบุตรและภรรยาของตน ดังตัวอย่างพุทธดำรัสที่ตรัสในขณะเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ความว่า
"เมื่อเราจะให้ทานก็ดี กำลังให้ทานก็ดี ให้ทานแล้วก็ดี จิตของเราไม่เป็นอย่างอื่น เพราะเหตุแห่งพระโพธิญาณเท่านั้น" (ขุ.จริยา.๓๓/๖๖/๗๓๖)
"จักษุทั้งสอง เป็นที่น่าเกลียดชังสำหรับเราก็หาไม่ แม้ตัวเราเองจะเป็นที่เกลียดชังก็หาไม่ แต่พระสัพพัญญุตญาณ เป็นที่รักของเรา เพราะฉะนั้น เราจึงได้ให้จักษุ ฉะนี้แล" (๓๓/๖๖/๗๓๖)
"เราตามรักษาศีลของเรา มิใช่รักษาชีวิตของเรา เพราะ ในกาลนั้นเราเป็นผู้รักษาศีล เพราะเหตุแห่งพระโพธิญาณเท่านั้น" (๓๓/๖๕/๗๕๔)
-------------------------------------------------------------
อย่างไรก็ตาม คำว่า "พระโพธิสัตว์" มาจากศัพท์สองศัพท์ ประกอบกัน คือ
คำว่า " โพธิ " ที่แปลว่า ความตรัสรู้
"สัตตะ" ที่แปลว่า สัตว์ ในคำที่เรียกว่า สัตว์โลก (วัดบวรนิเวศวิหาร, ๒๕๓๒:๒๙)
อันมีความหมายครอบคลุมทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งจะเห็นได้จากอดีตชาติของพระพุทธเจ้า กล่าวคือ นอกเหนือจากที่พระองค์ได้เสวยพระชาติเป็นมนุษย์แล้ว บางพระชาติพระองค์ได้เสวยพระชาติเป็นพญาวานร เสวยพระชาติเป็นช้าง เสวยพระชาติเป็นนาคราช เป็นต้น ดังพระพุทธดำรัสต่อไปนี้ ในภพที่เราเป็นพญาวานร ช้างฉัททันต์ และช้างเลี้ยงมารดาเป็นศีลบารมี ในภพที่เราเป็นพญาไก่ป่า สีลวนาค และพญากระต่ายเป็นทานปรมัตถบารมี (ขุ.จริยา.๓๓/๑๒๒/๗๗๖) พระโพธิสัตว์ไม่ว่าจะครองสภาวะความเป็นมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉานก็บำเพ็ญบารมีธรรมเพื่อพระโพธิญาณเป็นเป้าหมาย
เพราะคำว่า “โพธิสัตว์” หมายถึง ผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ คือ การตรัสรู้ โดยไม่ได้มีเป้าหมายเป็นอย่างอื่น เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อมุ่งสู่ความรู้แจ้งโลก ซึ่งหมายรวมถึงโลก ทั้ง ๓ คือ
สัตว์โลก อันได้แก่ หมู่สัตว์ชนิดต่างๆ รวมทั้ง เทวดา มนุษย์ และสัตว์เดรัจฉาน
โอกาสโลก อันได้แก่ โลกคือที่อยู่อาศัย หมายถึง ระบบจักรวาล และดวงดาวต่างๆ
สังขารโลก อันได้แก่ โลกคือสังขารที่เกิดจากการปรุงแต่ง สรุปให้แคบเข้า ได้แก่ นามรูป นั่นเอง
การที่บุคคลได้บรรลุถึงพระโพธิญาณ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้านั้นเกิดขึ้นได้ยาก (กิจโฉ พุทธานมุปปาโท) ดังนั้น บุคคลผู้จะบรรลุพระโพธิญาณได้นั้นจึงจำต้องบำเพ็ญบารมีธรรมเป็นเวลานานยิ่ง เมื่อบุคคลผู้นั้นได้ชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์ นั้นหมายความว่า เขาย่อมต้องประสบกับความลำบากในชีวิตนานับประการ นับตั้งแต่การต้องจำยอมสละทรัพย์สินภายนอกร่างกายเป็นเบื้องต้น จนถึงการยอมสละชีวิตของตนเข้าแลกเป็นที่สุดและการปฏิบัติเช่นนั้นก็ต้องประกอบไปด้วยความเต็มใจของตน หากไม่สามารถปฎิบัติได้ ความหมายของคำว่าพระโพธิสัตว์ในตัวบุคคลนั้นก็ไม่สามารถเกิดขึ้นตามมา แม้พระโพธิสัตว์จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องแลกด้วยชีวิต แต่พระโพธิสัตว์ก็ใช่ว่าจะหวาดหวั่นต่อสถานการณ์เช่นนั้นไม่ ตรงกันข้ามพระโพธิสัตว์กลับมีใจมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวพร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ประสบอย่างเต็มใจ และยินดีด้วยมุ่งมั่นที่จะอุทิศตนเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น โดยหวังให้คุณธรรมความดีที่บำเพ็ญนั้นเป็นปัจจัยให้ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ ในกาลเบื้องหน้า
------------------------------------------------
คุณลักษณะของพระโพธิสัตว์
พระโพธิสัตว์ผู้อยู่ในข่ายที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น มีองค์ประกอบสำคัญอันเป็นคุณลักษณะเฉพาะตน ๔ ประการ คือ
๑.อุสสาหะ คือ ประกอบไปด้วยความเพียรอันมั่นคง
๒.อุมมังคะ คือ ประกอบไปด้วยปัญญาอันเชี่ยวชาญหาญกล้า
๓.อวัตถานะ คือ ประกอบไปด้วยพระอธิษฐานอันมั่งคงมิได้หวั่นไหว
๔. หิตจริยา คือ ประกอบไปด้วยเมตตาแก่สัตว์เป็นเบื้องหน้า (พระนันทาจารย์, ม.ป.ป.:๑๑)
คุณลักษณะ หรือเรียกว่าคุณธรรมทั้ง ๔ ประการนี้ เป็นอุปกรณ์หรือวิธีการสำคัญอย่างหนึ่งที่พระโพธิสัตว์จะต้องปฏิบัติตามอย่างมั่นคง จนกว่าจะบรรลุถึงจุดมุ่งหมายขั้นสูงสุด คือ พระโพธิญาณ
----------------------------------------
Cr:Athinan Aumboon