พระอริยเจ้าผู้ทรงอภิญญาญาน คือผู้ทรงความรู้ยิ่งในพระพุทธศาสนามีคุณสมบัติพิเศษ ๖ อย่าง
๑. อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้
๒. ทิพโสต หูทิพย์
๓. เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดใจผู้อื่น
๔. บุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
๕. ทิพจักขุ ตาทิพย์
๖. อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวะให้สิ้นไป
ทศพลญาณ
พุทธธรรมวาระพิเศษ
ในเช้าของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2563 ณ.วัดพระพุทธเจ้าใหญ่ศรีเชียงของ ในงานสมโภชองค์พระใหญ่พระพุทธเจ้าศรีเชียงของ ซึ่งในเช้าของวันนี้ เป็นวันที่เราทั้งหลาย พร้อมทั้งทวยเทพเทวา ทุกชั้นฟ้า ต่างก็มาเพื่อเฝ้าน้อมอาราธนาอัญเชิญ พระเกศมวยโมลีบัวหลวงทองคำกึ่งพุทธกาล ท่านพระยาธรรมิกราช จึงได้นอบน้อมเข้าเฝ้าต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่าน เพื่อเฝ้าฟังธรรม และน้อมอัญเชิญญาณบารมีแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทศพลญาณ 10 ประการ ที่ตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลงสู่พระเกศมวยโมลีบัวหลวงทองคำ กึ่งพุทธกาล
เมื่อพระยาธรรมิกราช ได้ขึ้นเข้าเฝ้านอบน้อมต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่าน แล้วนั้น จึงได้นอบน้อมเฝ้าทูลถามธรรม ดังนี้ว่า
พระยาธรรม : ข้าพระพุทธเจ้า ขอกราบนอบน้อมองค์บรมบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกพระองค์ องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุกพระองค์ องค์พระอรหันต์เจ้า ทุกพระองค์ พระพุทธเจ้าข้าฯ วันนี้ลูก จะขอน้อมมวยโมลีบัวหลวงทองคำ ซึ่งแสดงถึงสิ่งที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณสำเร็จ น้อมลงสู่โลกอีกครั้งหนึ่งในกึ่งพุทธกาล เพื่อที่จะนำไปฉุดช่วยดวงจิตทั้งหลาย ด้วยทศพลญาณ 10 ประการ พระพุทธเจ้าข้าฯ
พระพุทธองค์ : ดีแล้วหละพระยาธรรมเอย แล้วลูกพอจะเข้าใจบ้างแล้วหรือยังเล่า ว่าการที่ลูกนั้นจะน้อมพลังแห่งทศพลญาณ ลงสู่โลก 10 ประการ น้อมได้อย่างแท้จริง นำไปได้อย่างแท้จริง และฉุดช่วยดวงจิตทั้งหลายได้อย่างแท้จริง ต้องทำแบบไหน ยังไงบ้างเล่า ลูกพอจะเข้าใจบ้างหรือเปล่าเล่า พระยาธรรมเอย หากว่าลูกเข้าใจว่าอย่างไร ก็จงกล่าวธรรมนั้นมาเถิด พระยาธรรมเอย เพื่อไขรหัสแห่งพลังพุทธบารมี ที่ลูกจะน้อมอัญเชิญสู่โลกได้อย่างแท้จริง
พระยาธรรม : กราบนอบน้อมต่อความเมตตา ของพระพุทธองค์ที่มีต่อลูกและสรรพสัตว์ทั้งหลาย พระพุทธเจ้าค่ะ ลูกพอจะรู้ พอจะเข้าใจ พอจะทราบว่า การที่จะน้อมอัญเชิญญาณบารมีแห่งพระทศพลญาณ ญาณหยั่งรู้ 10 ประการ ลงสู่โลกได้ไม่ใช่การปั้นหรือว่าสร้าง รูปลักษณะคล้ายพระเกศบัวหลวงทองคำขึ้นมา เช่นนั้นแล้วจะสำเร็จ
แต่ก่อนที่จะสร้างขึ้นมา ลูกควรจะบำเพ็ญบารมีเพื่อได้ทศพลญาณ 10 ประการ จึงจะสามารถสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าน้อย จึงจะสามารถอัญเชิญพระเกศมวยโมลีบัวหลวงทองคำกึ่งพุทธกาล ลงสู่โลกได้ ด้วยการประพฤติปฏิบัติที่สำเร็จแล้วเป็นนามธรรม จึงสามารถสร้างพระเกศมวยโมลี ขึ้นมาเป็นรูปธรรม แล้วจึงจะสามารถน้อมอาราธนาพระบารมีแห่งพระทศพลญาณกึ่งพุทธกาล ลงสู่โลก เช่นนี้ พระพุทธเจ้าข้าฯ
พระพุทธองค์ : ก็ดีแล้วหละพระยาธรรม ก็ถือว่าลูกนั้นมีความรู้ ความเข้าใจ ในสิ่งที่จะทำได้เป็นอย่างดี พระยาธรรมเอย แล้วบัดนี้ ลูกนั้นได้บรรลุถึงทศพลญาณข้อที่ 1 บ้างแล้วหรือยังเล่า จงกล่าวธรรมนั้นมาเถิด
พระยาธรรม : กราบนมัสการนอบน้อม ต่อความเมตตาของพระพุทธองค์ พระพุทธเจ้าค่ะ ญาณรู้แห่งทศพลญาณ ข้อที่ 1 ลูกพอจะทราบบ้าง พอจะทราบ พอที่จะเอาตัวรอดได้ และชี้ทางบอกทางแก่ผู้อื่น ในเรื่องของกฎธรรมชาติ เหตุที่เกิด เหตุที่ตั้งอยู่ เหตุที่ดับไป เพราะอะไร เป็นเช่นไร จะเป็นไปแบบไหน ยังไง ในกฎของธรรมชาติ พอจะเข้าใจ พอที่จะพาและฉุดช่วยดวงจิตทั้งหลาย ให้พ้นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้าฯ
พระพุทธองค์ : ดีแล้วหละ แล้วต่อไปข้อที่ 2 ลูกพอจะรู้ และเข้าใจบ้างแล้วหรือยังเล่า พระยาธรรมเอย
พระยาธรรม : สาธุเจ้าค่ะ ลูกพอจะทราบ พอประมาณเอาตัวรอดจากความทุกข์จากเหตุแห่งทุกข์ และพอจะทราบ ที่จะฉุดช่วยดวงจิตตั้งหลาย ให้พ้นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้าฯ ซึ่งลูกพอจะเข้าใจในเรื่องของกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำดีสิ่งนี้ ได้ดีสิ่งไหน ทำชั่วสิ่งนั้น จะเกิดผลเป็นความทุกข์สิ่งใด พอจะเข้าใจพอประมาณแก่การฉุดช่วยตน และดวงจิตทั้งหลายให้พ้นทุกข์ได้พระพุทธเจ้าข้าฯ
พระพุทธองค์ : แล้วข้อที่ 3 เล่า พระยาธรรม ลูกพอจะเข้าใจว่าอย่างไรเล่า และรู้แจ้งในสิ่งนั้นอย่างไรบ้างเล่า
พระยาธรรม
พระยาธรรม : สาธุเจ้าค่ะ ข้อที่3 ลูกก็พอจะเข้าใจ พอแก่การฉุดช่วยดวงจิตทั้งหลาย ให้พ้นทุกข์ได้ พระพุทธเจ้าข้าฯ คือพอจะรู้ว่าทำสิ่งใด ปฏิบัติอย่างไร จะก่อเกิดความทุกข์แก่ชีวิต ทำสิ่งใดปฏิบัติอย่างไร พอจะนำพาตนไปสู่ความสุขที่แท้จริงแห่งชีวิต พอจะทราบเช่นนี้ และพอจะแนะนำให้ดวงจิตทั้งหลายได้รู้ตาม พระพุทธเจ้าข้าฯ
พระพุทธองค์ : ดีแล้วหละพระยาธรรมเอย แล้วต่อไปข้อที่ 4 เล่าว่าอย่างไร
พระยาธรรม : เจ้าค่ะ ข้อที่ 4 คือ การรู้สภาวะของโลกอันประกอบไปด้วยธาตุต่างๆ รู้หน้าที่ของธาตุขันธ์ต่างๆ รู้เหตุความแตกต่างของสิ่งทั้งหลาย พระพุทธเจ้าข้าฯ ลูกก็พอจะทราบ ทราบ พอจะเอาตัวรอดจากความทุกข์ และฉุดช่วยดวงจิตทั้งหลายให้พ้นทุกข์ตาม ญาณรู้ในข้อนี้ พระพุทธเจ้าข้าฯ
พระพุทธองค์ : ดีแล้วหละพระยาธรรม แล้วต่อไปญาณรู้ที่ 5 เล่าคืออะไร และลูกพอจะทำได้หรือเปล่า
พระยาธรรม : เจ้าค่ะ ญาณหยั่งรู้ข้อที่ 5 ก็คือ รู้อัธยาศัย รู้การอธิบายความ โน้มเอียงโน้มน้าวจิตใจของผู้คนหรือดวงจิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายให้เข้าใจ สนใจ รู้ตาม ในสิ่งที่เรากำลังชี้บอก พระพุทธเจ้าข้าฯ ข้อนี้ ลูกก็พอจะรู้ พอจะทราบ ตามกำลังที่ฝึกฝนมา และพอจะช่วยเหลือตนเอง และผู้อื่นให้พ้นทุกข์ได้ พระพุทธเจ้าข้าฯ
พระพุทธองค์ : แล้วต่อไปญาณหยั่งรู้ข้อที่ 6 เล่า คืออะไรพระยาธรรม
พระยาธรรม : เจ้าค่ะ ข้อที่ 6 ก็คือการรู้ความหย่อนหรือความแก่กล้า แห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย ว่าพร้อมที่จะเข้าสู่การบรรลุธรรมหรือไม่ คือการรู้ว่าแต่ละดวงจิตมีอินทรีย์แก่กล้ามากเพียงใด ในการจะบรรลุธรรม จะสามารถบรรลุธรรมได้ไวหรือช้า บรรลุธรรมได้หรือไม่เช่นนี้ พระพุทธเจ้าข้า ฯ ข้อนี้ ลูกก็พอจะรู้และเข้าใจ พอจะตรวจเช็คสภาวธรรมแห่งตนและดวงจิตผู้เข้ามาขอความช่วยเหลือ ให้ได้รู้เหตุ รู้จุดยืน และรู้ที่จะดำเนินไป เพื่อถึงซึ่งมรรคผลนิพพานแห่งตน พระพุทธเจ้าข้าฯ
พระพุทธองค์ : ดีแล้วหละนะ พระยาธรรมเอย แล้วต่อไปญาณรู้ที่ 7 เล่า ลูกพอจะรู้ พอจะเข้าใจ พอจะเห็นแจ้งในญาณหยั่งรู้ข้อที่ 7 แล้วหรือยัง
พระยาธรรม : เจ้าค่ะ ข้อ 7 หรือญาณหยั่งรู้ข้อที่ 7 ก็คือ รู้ว่าเราจะทำอย่างไรให้ฌานแห่งวิโมกข์ แล้วก็ฌานสมาบัติเสื่อมหรือก้าวหน้า พระพุทธเจ้าข้าฯ ลูกพอจะเข้าใจว่า การประพฤติปฏิบัติเช่นไรจะทำให้กำลังฌาน ฌานสมาบัติแห่งตนนั้นเสื่อมไปหรือพัฒนาขึ้น พอจะทราบว่าจะต้องแนะนำให้ดวงจิตตั้งหลาย ฝึกฝนตนเช่นไร เพื่อเข้าถึงฌานสมาบัติต่างๆ เพื่อหลุดพ้น พระพุทธเจ้าข้าฯ
พระพุทธองค์ : ดีแล้วหละพระยาธรรมเอย แล้วญาณหยั่งรู้ข้อที่ 8 เล่า พอจะเข้าใจบ้างไหมจงกล่าวธรรมนั้นมาเถิด พระยาธรรม
พระยาธรรม : เจ้าค่ะ ญาณหยั่งรู้ข้อที่ 8 คือ การระลึกภพชาติได้ พระพุทธเจ้าข้าฯ ลูกพอจะระลึกภพพบชาติ ค้นหาตัวตนการเป็น การไปหรือว่าสิ่งที่เวียนว่ายตายเกิด แต่ละภพชาติของชีวิตตน ของชีวิตผู้อื่น รู้เหตุที่เป็นมา เป็นอยู่และจะเป็นไปพอประมาณแก่การเอาตัวรอดจากกองทุกข์ได้ พระพุทธเจ้าข้าฯ
พระพุทธองค์ : ดีแล้วหละ แล้วต่อไปข้อที่ 9 พอจะรู้ว่าอย่างไรบ้างเล่า พระยาธรรมเอย
พระยาธรรม : เจ้าค่ะ ข้อที่ 9 คือญาณหยั่งรู้การจุติและอุบัติบังเกิดของสัตว์ทั้งหลาย อันเป็นไปตามผลของกรรมที่แต่ละดวงจิตได้สร้างได้ทำไว้ ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว พระพุทธเจ้าข้าฯ
ลูกก็พอจะทราบ ทราบพอที่จะนำพาดวงจิตทั้งหลาย เพื่อพ้นทุกข์ได้ พระพุทธเจ้าข้า ฯ
พระพุทธองค์ : ต่อไปญาณหยั่งรู้ข้อสุดท้าย ข้อที่ 10 ลูกพอจะทราบว่าอย่างไรเล่า พระยาธรรมเอย
พระยาธรรม : เจ้าค่ะ ข้อสุดท้ายนี้ คือรู้การทำอาสวะให้สิ้นไป รู้ว่าอาสวะได้สิ้นไปแล้วหรือเปล่าเช่นนี้ พระพุทธเจ้าข้าฯ และรู้ทั้งของตน และผู้อื่น พระพุทธเจ้าข้าฯ ข้อนี้ลูกก็พอจะรู้ เข้าใจพอประมาณแก่การดูจิตทั้งหลาย รู้ เห็น ว่าแต่ละดวงจิตนั้น บำเพ็ญเพื่อทำกิเลสให้หมดไป ดับไปได้ในระดับใด และจะต้องปฏิบัติต่อไปอย่างไรดี
และรู้หากพบเจอกับองค์พระอริยะเจ้า ในระดับต่างๆและเจอกับพระอรหันต์ ผู้สิ้นอาสวะ รู้ชำระล้างอาสวะที่มีอยู่ในตนและรู้เมื่อถึงซึ่งอาสวะนั้นได้สิ้นไปพระพุทธเจ้าข้าฯ
พระพุทธองค์ : ดีแล้วหละพระยาธรรม ที่ลูกได้กล่าวมาทั้ง 10 ประการ 10 ญาณหยั่งรู้นั้น ก็ถือว่าพอจะใช้ได้แก่การฉุดช่วยดวงจิตทั้งหลาย เพื่อพ้นทุกข์และเมื่อลูกฝึกฝนตนไปอีกสักหน่อย ญาณหยั่งรู้เหล่านี้จะแจ่มแจ้งขึ้นเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ จนลูกนั้น จะมีดวงปัญญาอันรู้ตื่น แก่กล้า สว่างไสวเท่ากับดวงอาทิตย์เป็นร้อยดวง จะฉุดช่วยดวงจิตทั้งหลาย ให้พ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง พระยาธรรมเอย ญาณหยั่งรู้ทั้ง 10 ประการนี้ จะเกิดขึ้นเฉพาะกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น จะไม่เกิดขึ้นกับองค์พระอรหันต์สาวกทั้งหลาย
ฉะนั้น เมื่อลูกได้สั่งสมบำเพ็ญบารมีเพื่อรองรับทศพลญาณ คือญาณหยั่งรู้ 10ประการ นี้ได้แล้ว ถือว่าลูกเป็นผู้ควรแก่การอัญเชิญพระเกศบัวหลวงลงสู่โลก ในกึ่งพุทธกาล เพื่อถ่ายทอดธรรม เพื่อชี้ทางบอกทางให้กับดวงจิตและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้รู้ตื่นตาม พระยาธรรมเอย ญาณปรีชาหยั่งรู้ทั้ง 10 ประการ คือเครื่องฉุดช่วยดวงจิตทั้งหลาย เพื่อพ้นทุกข์ลูก และเมื่อลูกมีครบทั้ง 10 ประการ อย่างแจ่มแจ้ง ลูกจะฉุดช่วยดวงจิตได้มากมายให้หลุดพ้นได้
ฉะนั้น ก็จงตั้งใจ น้อมเอาพลังแห่งทศพลญาณ 10 ประการนี้ ลงสู่โลกเพื่อที่จะฉุดช่วยดวงจิตทั้งหลายต่อไปเถิด บัดนี้ลูกได้ทำสำเร็จแล้ว บัดนี้พลังแห่งทศพลญาณ ได้ลงสู่พระเกศบัวหลวงทองคำ ที่ลูกได้จัดเตรียมเอาไว้น้อมถวายเพื่อน้อมพลังลงสู่โลกแล้ว บัดนี้ เหล่าทวยเทพเทวา ชั้นฟ้า ต่างๆ พร้อมทั้ง ดวงจิตทั้งหลายทั่วจักรวาล จะหลุดพ้นจากความทุกข์แล้ว ลูกจงทำหน้าที่ต่อไปเถอะนะ พระยาธรรม
พระยาธรรม : สาธุเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ที่ทรงเมตตา แสดงธรรม ให้ลูกได้ฟัง และให้โอกาสลูกได้พิจารณาถึงทศพลญาณ 10 ประการ และได้ให้ลูกเป็นผู้รองรับทศพลญาณ 10 ประการ ซึ่งเป็นพระบารมีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรมาตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และยังทรงเมตตาต่อลูกและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ส่งพระทศพลญาณลงสู่โลกอีกครั้งหนึ่งในกึ่งพุทธกาล เพื่อฉุดช่วยมวลมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากทะเลทุกข์นี้ไป ลูกจะรักษาทศพลญาณ ทั้ง 10 ประการไว้ให้ดี และจะทำให้แจ่มแจ้ง เพื่อฉุดช่วยดวงจิตทั้งหลาย พระพุทธเจ้าข้าฯ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ที่ทรงเมตตา พระพุทธเจ้าข้าฯ สาธุ..