พุทธธรรมสำหรับนักบวช วันที่ 8 พฤษภาคม 2561
ตอนที่ 335 **การปฏิบัติเป็นพระอรหันต์ แบบที่ ๒**
+ +
ในเช้าของวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ณ พุทธอุทยานภูสวรรค์
เมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้เฝ้าฟังธรรม วิธีการประพฤติปฏิบัติ ให้เข้าถึงความเป็นองค์พระอรหันต์ แบบที่ 1 แล้ว.. ข้าพระพุทธเจ้าจึงได้ทูลถาม ถึงแบบที่ 2 ต่อไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
แล้วหนทางที่ 2 ที่เราจะเข้าสู่ การเป็นพระอรหันต์ ล่ะเจ้าคะ
.. เราจะต้องประพฤติปฏิบัติ เช่นไร ?
ขอพระพุทธองค์โปรดทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ ให้ลูกได้ฟังด้วยเถิด พระพุทธเจ้าค่ะ “
- - - -
พระยาธรรมเอ๋ย.. เส้นทางต่อไป เราก็ประพฤติปฏิบัติ พิจารณาดูตามนี้ก็แล้วกัน ลูก
ให้เราหมั่นฝึกฝนตน - ตั้งแต่การรู้จักการทำทาน
การที่เรารู้จักการทำทาน.. จะทำให้จิตใจของเราอ่อนโยน รู้จักเมตตา ให้อภัย เอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น
รู้จักการสละ ละซึ่งความยึดติดในสิ่งของข้าวของ / ยึดมั่นถือมั่นในตน ในของของตน
เราต้องทาน..
ทาน ด้วยใจ
ทาน ด้วยคำพูด
ทาน ด้วยสิ่งของข้าวของ
ทาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามี ที่เราพอจะแบ่งปันแก่ผู้อื่นได้
* ต้องฝึกทำทาน *
ทำตั้งแต่การช่วยเหลือผู้อื่น - ให้อภัยผู้อื่น - การหยิบยื่นสิ่งของข้าวของช่วยผู้อื่น
เพราะการทำทาน - จะฝึกฝนให้เรา เป็น ”ผู้มีจิตใจสูง”
เมื่อเรามีจิตใจที่สูงแล้ว.. เราก็จะรักษาศีลได้ ลูก
เราก็มาดูที่ตัวของศีล อีกทีหนึ่งว่า.. เรานั้นบกพร่องในศีลข้อใด เพราะอะไร ?
เมื่อเรานั้น ดูที่ศีล
ใช้ความเมตตา ใช้ความเอื้อเฟื้อ ใช้การให้อภัยทาน การช่วยเหลือเป็นทาน ใช้การให้สิ่งของเป็นทานเหล่านี้ - มาช่วยค้ำหนุนจิตใจของเรา
.. เราก็จะมีศีล ++
การเบียดเบียนผู้อื่น ด้วยคำพูด ความคิด การกระทำ
- สิ่งเหล่านี้ มันก็จะเบาบางลง.. จนเราสามารถรักษาศีลได้ จนครบ +
เมื่อเรารักษาศีลในระดับขั้นต้น คือ การมีศีล 5 - เรารักษาศีลนั้นนานๆไป สั่งสมความดีนั้นไป..
.. เราก็จะมีจิตใจ ที่ปรารถนาความสงบยิ่งขึ้น
กิเลสเบาบางมากขึ้นแล้ว
.. เราก็จะปรารถนาที่จะออกบวช
เมื่อเราฝึกการออกบวช เป็นระยะๆ เช่น ไปถือศีล 8 รักษาศีล 8 เป็นบางครั้งบางคราว - ก็จะทำให้จิตใจของเราเข้าถึงธรรมได้มากขึ้น เข้าถึงความจริงได้มากขึ้น..
*ปัญญา* ก็จะเกิดแก่เรา
*ปัญญาแห่งธรรม* เริ่มสว่างไสว ส่องให้เราเห็นทางที่จะเดินไปสู่การเป็นองค์พระอรหันต์ชัดเจนขึ้น และเรา ก็จะค่อยฝึกฝนปัญญาไปเรื่อยๆ...
การทำทาน การมีศีล การมีการออกบวช - ส่งผลให้เรามีตัว *ปัญญา*
ตัวปัญญา ก็จะบอกให้เรามีความเพียรให้มาก.. เราก็จะทำความเพียรไปเรื่อยๆ
ทำดีไป - อย่างไม่ท้อถอย ไม่หยุดทำ
ความเพียรของเรา.. ก็จะสอนให้เรานั้นรู้จัก *ความอดทน*
เมื่อเรานั้น มีความอดทน อดกลั้นในสิ่งที่เราต้องทำ ต้องเป็น ต้องประพฤติปฏิบัติ
ความดีทั้งหลาย ที่มีศีล มีธรรม หรือว่าต้องมีการประพฤติปฏิบัติ ที่ต้องใช้ความอดทนมาก ในการเข้าช่วยให้ความสำเร็จของเรา ไปถึงจุดมุ่งหมาย.. ก็จะเกิดขึ้นกับเรา
การทำทาน - ก็ทำได้
การมีศีล - ก็มีได้
การที่จะออกบวช - ก็สามารถทำได้
... เพราะว่า เรามีความอดทน มีความเพียร - เกิดขึ้นในเราแล้ว ...
ทีนี้ เราก็ไปดูว่า.. เราตั้งสัจจะไว้ยังไงบ้าง ?
กับการที่ตั้งใจว่า จะทำในสิ่งนั้นให้ได้ ให้สำเร็จ
-- เรามีความเพียร ความอดทน ย่อมทำถึง การมีสัจจะ - ที่ตั้งเอาไว้
ด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง.. มันจะค้ำหนุนกัน ดันกัน ช่วยกันพาเราให้ไปให้ถึง “จุดมุ่งหมาย” ที่เราตั้งสัจจะเอาไว้
ทีนี้ เราก็อธิษฐานว่า.. เราจะประพฤติปฏิบัติ ให้เราเข้าถึงในความสุขใด
เช่น ให้เข้าถึงการเป็น พระอริยบุคคลขั้นต่างๆ หรือถึงซึ่งความพ้นทุกข์
-- เราก็อธิษฐานจากความดีของเรานี้..
เพื่อที่เรานั้น จะได้น้อมเอาพลังความดีของเรา - เข้ามารวมเป็นพลังความดี ที่จะช่วยค้ำหนุนให้ก่อเกิดสิ่งที่เราอธิษฐานนั้น ++
ความเมตตา ก็ย่อมก่อเกิดขึ้น - หากเราเข้าถึงแรงที่เราอธิษฐาน หรือสิ่งที่เราอธิษฐานไว้แล้ว
จิตใจของเรา ก็จะสูงขึ้น ความเมตตาที่กว้างขวางขึ้น อย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้เลย - ก็จะมีแก่เรา
ความเมตตามีแก่เรามากเท่าใด ละเอียดลึกเท่าไร
-- การประพฤติปฏิบัติดีของเรา.. ก็จะมีมากเท่านั้น ++
เพราะความเมตตา..
จะช่วยให้เรา ไม่เบียดเบียนใครเลย แม้แต่นิดเดียว
จะช่วยให้เรานั้น มีความเมตตาแก่ผู้อื่นมาก
-- เมื่อมีความเมตตากับผู้อื่นมาก.. การทำความดี สิ่งอื่นๆก็จะเพิ่มมาก /
- การทำความชั่ว.. ก็จะไม่มี !
เมื่อเรามีเมตตามาก จนถึงจุดหนึ่ง.. เรานั้นก็จะเข้าใจว่า.. การเมตตาที่มากไปนั้น มันเป็นยังไง ?
- เราต้องดึงตนเองให้มาอยู่บนความวางเฉย -
เพราะว่า..วัฏสงสารนี้ เขามีกฎ มีกติกาของเขาอยู่
/ ทุกคนเกิด ตามกรรม
/ ทุกคนเกิด เพราะยังลุ่มหลงอยู่
/ ทุกคนเป็นไป ตามกรรมแห่งตน
เราไม่อาจเปลี่ยนโลกได้
เราทำได้ คือ เป็นแต่เพียงแค่ผู้บอกทาง ชี้ทางแก่ผู้อื่น ให้เขาเหล่านั้น.. ได้รู้ ได้เข้าใจ ในสิ่งที่เราชี้ทางบอกทางแก่เขาเท่านั้น เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไร !
องค์พระพุทธเจ้านั้น ท่านบังเกิดขึ้นอยู่ก่อนนี้หลายพระองค์ ตั้งแต่องค์ปฐม - จนถึงองค์ปัจจุบันนี้
- ท่านก็ยังทำได้เพียงแค่ บอกทาง -
ฉะนั้น เราต้องอุเบกขาวางเฉยบ้างแล้ว - กับความเมตตาที่มี
-- เราจะได้ไม่เป็นทุกข์ / ไม่เบียดเบียนตนเอง ++
เมตตา - จะช่วยให้เราไม่เบียดเบียนผู้อื่น
อุเบกขา - ก็จะช่วยให้เราไม่เบียดเบียนตนเอง
เมื่อเราประพฤติปฏิบัติ ยึดแนวทางของการทำความดี ตามบารมี 10 ทัศนี้ - ก็จะช่วยให้เราเข้าถึง
ความเป็นองค์พระอรหันต์ได้ เช่นเดียวกัน
มันเป็นแนวทาง ที่จริงๆแล้วก็อยู่ในสิ่งเดียว..
แต่สามารถมองแยกออกมา ได้เป็นหลายรูปแบบ - ตามแนวความคิด ตามแนวมุมมองของแต่ละดวงจิต ที่จะยึดถือเอาสิ่งใด มาประพฤติปฏิบัติ.. เพื่อนำพาตนให้เข้าถึง ความเป็นองค์พระอรหันต์
อย่างนี้ละ พระยาธรรมเอย.. สิ่งที่ดวงจิตทั้งหลาย สามารถน้อมไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อสร้างให้ตนเข้าถึงการเป็นองค์พระอรหันต์..
สิ่งเหล่านี้ละ พระยาธรรม.. ควรประพฤติปฏิบัติ กันนะลูก ++
ทำทาน ทานทุกสิ่งทุกอย่างที่มี
รักษาศีล ตามที่ตนสมาทาน และพอจะรักษาได้ อย่างเป็นกลาง
- ไม่ตึงไป / ไม่หย่อนไป -
เมื่อมีโอกาส ก็ต้องอธิษฐานการออกบวชบ้าง
ถ้าเราไม่มีโอกาสบวชตลอด.. เราก็บวชเป็นบางครั้ง บวชใจ บวชกาย บวชวาจาของเรา - ด้วยศีล 8 เสียก่อน +
เมื่ออานิสงส์บุญแห่งการออกบวชของเรา สั่งสมไปเรื่อยๆ - เราก็จะได้บวชจริงๆเอง !
* การออกบวช.. จะช่วยให้เรามีปัญญา ควรที่จะรักษาปัญญา ฝึกฝนปัญญา ++
มีความเพียร มีความอดทน มีสัจจะ มีอธิษฐาน มีเมตตา และมีอุเบกขา
เราควรที่จะมีสิ่งเหล่านี้ไว้ เป็นย่างก้าวต่างๆ ที่เราจะเดินตามย่างก้าวเหล่านี้ ด้วยการประพฤติปฏิบัติ ลูก
- มันมีประโยชน์หลายอย่างเลยทีเดียว ที่ซ่อนอยู่ในแต่ละอย่าง
- มันมีเหตุที่ดี ที่ซ่อนอยู่ในสิ่งเหล่านี้
ขอเพียงแค่ให้เรา ย่างก้าวเข้าไปในแต่ละก้าว.. เราก็จะสามารถเจอกับความดี ที่ซ่อนอยู่ในแต่ละจุด
เราก็ค่อยๆก้าวไปทีละจุดๆ ค่อยๆสั่งสมไป จนเรานั้นสามารถประพฤติปฏิบัติ จน..
บารมีของการทำทาน นั้นเต็ม
บารมีของการรักษาศีล นั้นเต็ม
บารมีของการออกบวช นั้นเต็ม
บารมีของการปัญญา นั้นเต็ม
บารมีของความเพียร ความอดทน หรือสัจจะ ก็เต็ม
บารมีของการอธิษฐาน เมตตา อุเบกขา เต็ม
เราก็สามารถเข้าถึง.. ความรู้ตื่น รู้แจ้ง ในสรรพสิ่งทั้งหลาย
สามารถดับกิเลสแห่งตน และเข้าถึงการเป็นองค์พระอรหันต์ได้.. ในที่สุด
เช่นนี้ละ.. พระยาธรรม
และการประพฤติปฏิบัติ จนเข้าถึงความเป็นองค์พระอรหันต์นั้น.. ก็ไม่ใช่ว่า ทุกดวงจิต จะต้องบำเพ็ญบารมี 10 ทัศ มากเท่ากัน..
- ขึ้นอยู่กับว่า.. ดวงจิตใด มีถังใบเล็ก หรือใหญ่.. แค่ไหน ?
คือ หมายถึงกำลังจิตกำลังใจ กรรมวิบาก เหตุที่เป็นไปเป็นมา ของแต่ละดวงจิต - มันมีมากมีน้อย ?
บางคน ก็สั่งสมน้อย - ถ้าเทียบกับคนอื่น
บางคน ก็ต้องสั่งสมบารมี 10 ทัศ มาก - ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ
บางคน ก็มากแบบกลางๆ
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ไม่มีความสำคัญว่า มากหรือน้อย
** สำคัญอยู่ที่ว่า เรานั้น เติมของเราเต็มหรือเปล่า ?
ดูแค่เราเต็ม.. ลูกเอ๋ย
กำลังจากการทำความดี โดยการทำทาน เรามีแค่ไหน ?
- เราทำให้สุดพละกำลังความรู้ความสามารถ ที่เรามีอยู่ ++
การที่เรานั้นจะมีศีล มีธรรม มีสมาธิ มีปัญญา
หรือว่าเรานั้น จะมีการออกบวช มีความเพียร
คือ บารมีทั้ง 10 ตัว ความดีทั้งหมดทั้งมวล ที่เราต้องสั่งสม ต้องทำนั้นน่ะลูก
* มันต้องเต็ม - เต็มเฉพาะของเรา *
เปรียบเสมือนถือภาชนะไปคนละใบ เพื่อรองรับน้ำให้เต็มภาชนะของตนนั้น
ภาชนะของตน อาจเล็ก
ของคนอื่นอาจใหญ่ หรือกลาง - นั่นก็เรื่องของเขา !
-- ขอเพียงแค่ให้เราเติมภาชนะของเราให้มันเต็ม --
เปิดน้ำแห่งทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา..
- ให้มันเต็มถัง เต็มขวด หรือภาชนะที่เราเอาไปของเรานั้น ให้เต็ม.. ถือว่าใช้ได้ +
-- แล้วเราก็จะสามารถที่จะประพฤติปฏิบัติตน.. จนเข้าถึงความเป็นองค์พระอรหันต์ได้ ++
นี่ละ พระยาธรรม.. คือ หนทาง หรือแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อเข้าถึงการเป็นองค์พระอรหันต์ - อีกรูปแบบหนึ่ง
จงประพฤติปฏิบัติตาม เช่นนี้เถิดลูก
-- แล้วลูกนั้น ก็จะสามารถเข้าถึงการเป็นองค์พระอรหันต์ได้.. ในที่สุด
จงพิจารณาตามนี้ อยู่บ่อยๆว่า..
/ เราได้ทำตัวไหนบ้าง ?
/ เราขาดตัวไหนบ้าง ?
/ เราต้องเติมตัวไหนบ้าง ?
/ เต็มแล้ว หรือว่ายัง.. ต้องฝึกฝนอะไรอีก ?
แล้วจงเติมสิ่งเหล่านี้ไปเรื่อยๆ.. ให้ครบ ให้เต็ม 10 ทัศ ของเราเอง / ตามกำลังของเราเอง
-- แล้วเราก็จะสามารถเข้าสู่ การเป็นองค์พระอรหันต์ได้ ลูก --
++
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ให้ลูกได้ฟัง
ลูกพอจะเข้าใจบ้างแล้วละเจ้าค่ะ ว่า.. เรามีแนวทาง หนทางอะไรบ้าง ที่เราจะยึดในการทำความดี เพื่อเข้าถึงการเป็นองค์พระอรหันต์ **
และลูกคิดว่า คงมีหนทางอีกแน่ ในการจะพิจารณา
ลูกปรารถนาที่จะรู้หนทางหลายแนวทาง หลายวิธีคิด
- เพื่อที่จะไปสู่ การเป็นองค์พระอรหันต์ น่ะเจ้าค่ะ
แต่วันนี้ ลูกกราบขอลาก่อน
ไว้พรุ่งนี้ ลูกจะมาเฝ้าฟังธรรมใหม่ นะเจ้าคะ...
สาธุ