พระยาธรรมเอ๋ย.. สิ่งที่สูงสุด ก็คือ ** ดับความมีเรา **
เพื่อสลาย กลับคืนสู่ " สิ่งที่ไม่มี "
เพื่อตัวของเรานั้น จะได้ไม่ทุกข์ - จะได้ไม่มี
++ เท่านั้นแหละลูก คือ เป้าหมายสูงสุดแล้ว -- ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด.. ลูกเอ๋ย ++
พระยาธรรม :: ข้าแต่องค์บรมบิดาเจ้าขา
ถ้าอย่างนั้น ก็แปลว่า สิ่งที่มี เพราะว่าเราคิดเองว่า มี
** ในความเป็นจริง สรรพสิ่งไม่มี **
เหตุที่จักรวาล และวัฏสงสารนี้.. ยังมีสิ่งนั้น สิ่งนี้อยู่ เพราะเป็นสิ่งสมมุติขึ้นมาว่า " มี "
หากวันไหนที่เราสลาย " ความมี " ทั้งหมดได้ เราก็จะพ้นจากความทุกข์
จะไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีใครให้สุข ให้ทุกข์อีกต่อไป
ดวงจิตของเราทุกคน ที่มีดวงจิต ก็เพราะว่า เราคิดว่ามี
แต่ความเป็นจริงแล้วนั้น สรรพสิ่งไม่มี อย่างนั้นใช่มั้ยเจ้าคะ ?
องค์บรมบิดา :: ถูกต้องแล้ว พระยาธรรม
ในความเป็นจริง ก็คือ "ไม่มี"
**ไม่มี นั่นแหละลูก คือความเป็นจริง **
แผ่เมตตา3โลก...
นะโม สมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา
โปรดเมตตาประทานแสงทิพย์นิพพาน
แสงฉัพพรรณรังสี รัศมีบารมี
แผ่ไปถึงสรรพสัตว์ทั้ง3โลก
มโนธาตุ โพธิญาณ
คุณสมบัติสำคัญประการหนึ่ง
ซึ่งผู้ปรารถนาจะนำพาจิตวิญญาณกลับบ้าน
จักต้องปฏิบัติกันให้สำเร็จในภพชาตินี้ก็คือ
ท่านต้องยกระดับแรงสั่นสะเทือนจิตสามนึก
ให้สูงสุดทางด้านบวกให้เต็มสามารถให้จงได้
เพราะการสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุด
ของจิตสามนึกของท่าน
ขณะดำเนินชีวิตประจำวันอยู่นั้น
มันจะทำให้จิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของท่าน
เข้าถึงจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านได้
หมายความว่า
ถ้าจิตหยาบกับจิตวิญญาณของท่าน
จะเป็นหนึ่งเดียวกันได้นั้น
ต้องสั่นสะเทือนจิตหยาบด้านบวกให้สูงสุด
จึงจะกระตุกกระตุ้นให้จิตวิญญาณข้างใน
สั่นสะเทือนตามทางด้านบวกไปด้วยกันได้
ถ้าวันๆจิตหยาบของท่าน
คลุกคลีอยู่กับกิเลสตัณหาราคะจริต
ท่านก็จะมิอาจเข้าถึงจิตวิญญาณของท่านได้
จิตวิญญาณของท่านก็จะถูกกักขังอยู่ข้างใน
โดยมิอาจสามารถจะทำอะไรได้เลย
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
ท่านจะต้องรู้ว่า
การที่จิตวิญญาณมาเกิดเป็นมนุษย์โลกนั้น
มาเกิดในรูปแบบของ "คนสองมิติ"
โดยพระบิดาฯทรงอนุญาตให้จิตวิญญาณ
แบ่งภาคออกมาเป็น "จิตหยาบ"
เพื่อให้จิตหยาบทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
ซึ่งจิตหยาบจะต้องรับผิดชอบในการขับเคลื่อน
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ทั้งในมิติของกายหยาบและมิติจิตวิญญาณด้วย
ดังนั้น
หน้าที่หลักของจิตหยาบก็คือ
จะต้องกระทำทุกวิถีทาง
ที่จะสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันกับแก่นแท้ให้ได้
เพื่อใช้คุณสมบัติของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้
เมื่อเข้าถึงแรงสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุดได้
ในการดำเนินชีวิตประจำวันของท่านอย่างเต็มพลัง
นั่นคือ การรักเพื่อให้ทุกรูปแบบ
เช่น อดทน อดกลั้น ให้อภัย
เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา เป็นต้น
ถ้าท่านใช้ความรักเพื่อให้ทั้งหมดที่ว่านี้
ในการกระทำทุกสิ่งอย่างต่อคนรอบข้างได้
เท่ากับว่าท่านได้ทำทุกสิ่งด้วยจิตวิญญาณแล้ว
ซึ่งนับว่าท่านได้ประสบผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่
เพราะสามารถช่วยให้จิตวิญญาณของท่าน
อยู่เหนือ #กฎแห่งกรรม ได้อย่างสิ้นเชิง
นอกจากนั้นยังจะช่วยจิตวิญญาณของท่าน
ให้สามารถ "หมุนธรรมจักร" ตามภารกิจหลัก
ที่ขันอาสาพระบิดาฯเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง
อย่างต่อเนื่องและมีความเร็วคงที่ได้อีกด้วย
ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
1.การ "คน" ตนเองให้เป็น "มนุษย์"
2.การ "หมุนธรรมจักร" ในตนเอง
3.การหมุนธรรมจักรร่วมกันกับคนรอบข้าง
4.การยกระดับจิตหยาบให้เป็นหนึ่งเดียวกับแก่นแท้
ล้วนเป็นหน้าที่หลักของจิตหยาบ
ที่พวกท่านทุกคนจะต้องกระทำให้สำเร็จให้จงได้
และจงอย่าวิตกกังวลใจใดๆ
เพราะทั้ง 4 ประการที่เรากล่าวไว้นั้น
แท้จริงแล้ว...มันเป็นเรื่องเดียวกันนั่นเอง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26/02/2020
สนทนาประสาจิตจักรวาล
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ความหมายของจิตวิญญาณในมิติที่ 3 และ มิติที่ 5.?...
มิติที่ 3 ในทางโลก มนุษย์เราอาจมีความสามารถทุกอย่าง แต่สิ่งที่จะติดตามตัวเราไปได้นั่นคือ จิตวิญญาณ
ไม่ว่าคุณจะเป็นเศรษฐีแสนล้าน หรือ ยาจกเข็ญใจ ก็ไม่สามารถนำอะไรติดตัวไปได้
จิตวิญญาณนั้นคือกายทิพย์ ที่คอยส่งสัญญาณมาทางความรู้สึก ลางสังหรณ์ และ สัมผัสที่หก บอกทิศทางแก่ตัวตนเรา แต่ให้อิสระในการเลือกเส้นทางการดำเนินชีวิตของเราทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในทางดี หรือ ทางร้าย ขึ้นอยู่ที่เราตั้งเป้าหมายก่อนการเกิดว่าอยากมีประสบการณ์อย่างไรในภพชาตินั้นๆ
เข็มทิศของชีวิตเราคือ ความรู้สึกจากภายในจิตของเรา และ เรามีสิทธิ์เลือกทุกสิ่งที่ต้องการ จิตวิญญาณให้อิสระแก่เราเต็มที่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งแสงสว่าง หรือ
เส้นทางแห่งความมืดดำ
พ่อขอให้พวกเราจงติดตามความรู้สึกภายในของพวกเรา ผ่านความรู้สึก นั่นคือความหมายของชีวิตที่แท้จริง เมื่อมนุษย์ยกคลื่นความถี่ของจิต เข้าสู่คลื่นความตระหนักรู้ที่สูงขึ้นแล้ว จิตวิญญาณของเราก็จะมีความบริสุทธิ์สูงขึ้นตามลำดับพลังงานผ่านประตูมิติแห่งปัจจุบันขณะ..
ในมิติที่ 5 มันไม่มีลำดับชั้นสูงกว่า หรือ ตํ่ากว่าแต่อย่างใด เพราะทุกๆ รูปธรรมชีวิตมีความเสมอภาคเท่ากันหมด
ไม่ว่าใครจะมีรูปร่าง ขนาด สีผิว และ ระดับความสั่นสะเทือนเป็นอย่างไรก็ตามแต่ รวมถึงพวกเราทุกๆ คนที่อยู่ในมิติที่ตํ่ากว่า
พวกเขาเป็นทั้งหัวหน้าและ ลูกน้องของตัวเองด้วยกันทั้งนั้นไม่มีนายไม่มีบ่าว
เพราะพวกเราทั้งหมดนั้นได้ยอมจำนนต่อจิตวิญญาณของตัวเองแล้ว
ซึ่งในมิติที่ 3 กายจะเป็นนาย จิตจะเป็นบ่าวบำรุงบำเรอแต่ร่างกาย และ พวกเราทั้งหมดก็ได้ปลดปล่อยบทลครแห่งชีวิตของมิติที่ 3 และ ได้ปลดปล่อยสิ่งที่เป็นทาสทางวัตถุไปเรียบร้อยแล้ว...
Teucer Rom...
แสงสว่าง มองการไกล...