..นี่แล เรียกว่า "ทิฐิ-มานะ" เป็นกิเลสละเอียด ที่พร้อมจะหลอมรวมกันเป็นกิเลสหนาหยาบ เสมือนหนึ่งก้อนศิลาแกร่งมหึมาเป็นภูเขาแท่งทึบ ก็หลอมรวมมาจากฝุ่นอณูละเอียดที่สุด นั่นแล..
ทิฐิ-มานะ นี้ อาจเปลี่ยนแปลงคนดีมีศีล ให้ละเมิดกรอบศีล กลายเป็นคนชั่วช้าเลวทราม ไปก็ได้. ทั้งนี้ โดยอ้างว่า "เพื่อรักษาความถูกต้อง" ตามทิฐิ-มานะแห่งตน
ลูกหลานหลวงปู่ใหญ่ทุกคน พึงระมัดระวังกิเลส ตัณหา ทุกประการ อันเกิดมีในตน โดยเฉพาะกิเลสละเอียดทั้งปวง ให้มาก. อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ทำนองว่า "ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์สามัญ จะให้หมดกิเลสในขั้นละเอียดลออได้อย่างไร"
พระพุทธเจ้า พระอริยะเจ้า ทั้งหลาย ท่านมิได้บังคับกะเกณฑ์ให้สาวกผู้ศรัทธา ปฏิบัติขัดเกลาให้หมดสิ้นกิเลสไปโดยรวดเร็ว
แต่ท่านให้ กำหนด"สติ"ตลอดเวลา ไม่ประมาทตลอดไป รู้ตัวทั่วพร้อมทุกขณะ
เมื่อกิเลสเกิด ตัณหาเจาะเปลือกไข่ออกมา ก็ต้อง นำใส่สุ่มใส่คอกขังไว้ มิให้เป็นพิษเภทภัยต่อตนเองแลผู้อื่น.. นะลูกหลานเอ๊ย ๚
๏ พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะชาลีติ โลกุตตะโร จะ มหาเถโร เมตตาลาโภนะโสมิยะ อะระหังพุทโธ ยะธาพุทโมนะ พระนิพพานะปัจจะโย โหตุ เทอญ ๚ะ๛
-----------------
๏ พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะชาลีติ โลกุตตโร จะ มหาเถโร เมตตาลาโภนะโสมิยะ อะระหังพุทโธ ยะธาพุทโมนะ โอม๚ โอม๚ โอม๚ ประสิทธิเดโชชโยนิจจัง ประสิทธิลาโภนิรันตรัง พระนิพพานะปัจจะโย โหตุ เทอญ ๚ะ๛
----------------
ผู้ติดข้อง แน่นขึง อยู่กับสิ่งอันตนคุ้นชิน มิเปิดทัศนะกว้าง ย่อมจักแลไม่เห็นความถูกต้อง นอกเหนือออกไปจากตน อันมีมากกว่าที่ตนติดยึดอยู่นั้น. มักจะเข้าข้างตนเอง ว่า ตนเองเป็นผู้ถูกต้อง, ว่า ผู้อื่นเป็นผู้ผิด. อยู่ร่ำไป.
วันนี้ 17 เมษายน ตรงกับวันคล้ายวันสมภพ หรือ วันเกิด ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี). ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่เทพโลกอุดร และเป็นผู้ทำให้คนไทยรู้จักนามหลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นคนแรก โดยท่านริเริ่มเรียกขานนามหลวงปู่ว่า "โสอุดร" หรือ "โลกอุดร" พรของท่านในกาลเวลานี้จึงนับว่าศักดิ์สิทธิ์ เพราะผนวกพรท่านเองพร้อมทั้งพระอาจารย์ท่านคือหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรไว้ด้วยกัน. ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญแด่เจ้าของภาพเป็นอย่างสูง .. โปรดตั้งจิตน้อมรับพรศักดิ์สิทธิ์นี้ร่วมกันเถิด นะจ๊ะ
---------------------
[คณะทำงานถวายหลวงปู่ใหญ่] เพจ #หลวงปู่เทพโลกอุดร
เวลาที่ลูกหลานมีความทุกข์ใจ-ทุกข์กาย. นั่นแล คือ นาทีทองของชีวิต. เพราะจักเป็นทางให้เราเข้าถึงธรรม ใช้ธรรมแก้ไขปัญหา นำพาสู่ความพ้นทุกข์ แล้วทุกข์ชนิดนั้นจะกลับมาหาเราน้อยลง มีอิทธิพลต่อเราน้อยลง เพราะเรามีภูมิคุ้มกัน+ภูมิต้านทาน.
ครั้นได้บำเพ็ญบุญบารมีสืบเนื่องต่อไป เราก็จักพ้นทุกข์สิ้นเชิงได้ในที่สุด.
แต่ใครที่นึกถึงธรรมไม่ทัน นึกถึงธรรมแล้วปัญหาก็ยังไม่คลี่คลาย ด้วยไม่เคยศึกษาธรรมมาอย่างมากพอ ให้น้อมจิตนึกถึง........
- พุทธะ คือ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์. นึกถึงสังฆะ พระอรหันต์สาวกอันประเสริฐด้วยบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์.
- นึกถึงหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร พระอรหันต์ผู้ทรงทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์สามารถเชื่อมโยงทุกพลังศักดิ์สิทธิ์จากทุกมหาจักรวาล และเหนือภพภูมิ มาสู่ลูกหลานได้. เพราะหลวงปู่ใหญ่คือผู้ได้รับพุทธพยากรณ์เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อสืบพระพุทธศาสนาห้าพันปี
จักมีพิธีกรรมหรือไม่ ไม่สำคัญ สำคัญที่จิต.. นะลูกหลานเอ๊ย ๚
จิตที่น้อมรำลึกหลวงปู่ใหญ่อยู่ตลอดเวลาในฐานะพระอรหันต์ผู้ประเสริฐสูงยิ่ง ด้วยเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์สูงสุดในการธำรงหลักพระสัทธรรมและสืบทอดพระพุทธศาสนาห้าพันปี ดังกล่าวมา นั่นแล ๚
ขอให้ลูกหลานจงน้อมรำลึกไว้มั่นคง ธำรงจิตในมหากุศล เป็นความรู้-ตื่น-เบิกบาน เป็นความสะอาด-สว่าง-สงบ อย่างไม่เสื่อมคลาย
ภัยร้าย ทุกข์เข็ญ ทุกประการ แม้มากล้ำกราย ก็หาได้ระคายแก่ลูกหลานไม่. และโดยส่วนใหญ่แล้วย่อมแคล้วคลาดปลอดภัย ทุกประการ.
แม้นหากบาปกรรมเก่ามาบั่นทอนมากยิ่งนัก ถึงอย่างไร ๆ ก็จักผ่อนคลาย ร้ายจักเคลื่อนคล้อยกลายเป็นดี
แต่ถ้าหากมิอาจฝืนได้ กรรมร้ายมารอน ก็ย่อมเป็นการหมดกรรมหมดเวรเสียในชาตินี้ มิต้องต่อกรรมสืบเวรไปชาติหน้าอีกแล้ว
เมื่ออธิษฐานผ่อนกรรมผ่อนเวรเป็น ด้วยใจสำนึกผิด สัตย์ซื่อ พลังแห่งเจ้ากรรมนายเวรย่อมอ่อนละมุนลง.
เมื่อรำลึกหลวงปู่ใหญ่ให้เป็นตัวกลางในการเจรจาผ่อนกรรม ก็ย่อมประสิทธิผล ซึ่งเน้นย้ำสำคัญคือลูกหลานต้องสัตย์ซื่อ ไม่หลบเลี่ยงเกี่ยงงอนกรรม ยอมรับใช้ ผ่อนหนี้กรรมตามที่ตกลงปลงใจไว้
การเชื่อมกระแสบุญกับหลวงปู่ใหญ่ เชื่อมด้วยใจศรัทธายิ่งใหญ่ก่อนในเบื้องต้น. ต่อมาให้บำเพ็ญเพียรทาน-ศีล-ภาวนาอย่างละเอียดลออลึกซึ้งขึ้นไป
นี่แล.. จะเป็นทางพ้นทุกข์ ทางจำเริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ไม่ตกต่ำลงไปอีกเลย ของลูกหลานหลวงปู่ใหญ่ทุกรูปทุกนาม
๏ นะโมพุทธายะ ประสิทธิพรอุดมมงคล ดาลดลศุภผลประเสริฐ ล้ำเลิศทุกประการ.. นะลูกหลานเอ๊ย ๛
------------------------
เปิดกระแสบุญให้ร่วมบริจาคเพื่อรับพระคัมภีร์ฯ และ พระธาตุศักดิ์สิทธิ์
-------------------บัดนี้ พระคัมภีร์สวดมนต์เจริญพระคาถาสายหลวงปู่ใหญ่ จัดพิมพ์สำเร็จแล้ว
หลวงปู่จึงมีเมตตาเปิดกระแสบุญให้ลูกหลานทุกคนได้ร่วมทำบุญใน "โครงการต้นบุญสืบพระพุทธศาสนาห้าพันปี-หลวงปู่เทพโลกอุดร"
ลูกหลานคนใดที่ต้องการ...
1. "คัมภีร์สวดมนต์เจริญพระคาถาสายหลวงปู่ใหญ่" ไปสวดบูชา พร้อมด้วย ของขวัญศักดิ์สิทธิ์ คือ......
2. "พระมหาทิพย์นิยม-พรหมธาตุ" ไว้บูชา
ทั้ง 2 รายการผ่านการอธิษฐานจิตประจุพลังศักดิ์สิทธิ์สูงสุด-เข้มขลัง เรียบร้อยแล้ว
เปิดกระแสบุญให้บริจาคทำบุญบูชาควบคู่กัน. เพียง 299 บาท เท่านั้น ส่วนค่าส่งลงทะเบียนอีเอ็มเอส แล้วแต่จะทำบุญเพิ่มเติมตามกำลังศรัทธา
ในการนี้ หลวงปู่มุ่งหมายให้ลูกหลานที่เริ่มต้นศรัทธาแต่ยังขาดความพร้อม สามารถจะบริจาคทำบุญบูชาได้โดยไม่ยากนัก ส่วนลูกหลานที่มีความพร้อมแล้ว จะทำบุญเพิ่มเติมอีก ก็สุดแท้แต่กำลังศรัทธาและความพร้อมของแต่ละบุคคล
ปัจจัยที่ได้รับ นำเข้าสมทบทุน "โครงการต้นบุญสืบพระพุทธศาสนาห้าพันปี-หลวงปู่เทพโลกอุดร" เพื่อจะจัดพิมพ์.....
1. หนังสือภาพมหามงคลหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร
2. พระธรรมเทศนาหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร
เผยแผ่ต่อไป ทั้งในแบบรูปเล่ม และ หนังสืออีเล็กทรอนิก
ซึ่งต้องใช้ทุนเบื้องต้นในการดำเนินงานมากพอสมควร ทั้งนี้เพื่อ
ประโยชน์สุขของลูกหลานหลวงปูใหญ่ทุกคน ในการร่วมกันสืบพระพุทธ
ศาสนาห้าพันปีอันนับเป็นการสร้างสมบุญบารมียิ่งใหญ่
ถือเป็นการทำบุญ-เชื่อมกระแสบุญลูกหลานหลวงปู่ใหญ่เข้าด้วยกัน เพื่อกิจสืบพระพุทธศาสนาห้าพันปี ตามพุทธพยากรณ์ และปณิธานหลวงปู่ใหญ่
มหากุศลในการนี้ ย่อมจะเกิดอานิสงส์มหาศาล เป็นภิญโญมโนรถ ให้ลูกหลานทุกคนสมธรรมสัมฤทธิ์ ประสิทธิดั่งปรารถนา ในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ อย่างแน่แท้
ลูกหลานคนใดต้องการทำบุญบูชา ติดต่อมาได้เลยที่กล่องข้อความ(Inbox)ของเพจนี้.. เท่านั้น
*โปรดระมัดระวังผู้แอบอ้าง ทางเราจะไม่ส่งข้อความติดต่อใครไปก่อน จะรอให้ลูกหลานหลวงปูใหญ่มีศรัทธาปสาทะติดต่อมาก่อนเท่านั้น.. จ้าข่าวสารศักดิ์สิทธิ์ จากเพจ #หลวงปู่เทพโลกอุดร : [คณะทำงานถวายหลวงปู่เทพโลกอุดร]
สภาพการณ์อันใด ที่ไม่ดี ที่เราเผชิญอยู่ .. ลูกหลานเอ๊ย .. อย่าได้นำมาบ่นรำพึงรำพัน โทษนั่นโทษนี่ มันมิใช่เป็นการระบายออก แต่มันจะตอกย้ำ ให้ชีวิตให้จิตใจเรา ต้องเผชิญกับปัญหานั้น ๆ อยู่ร่ำไป.
แต่กระนั้นก็มิใช่เบี่ยงบ่ายหลบเลี่ยงหลีกหนีความจริง
เราต้องยอมรับความจริง เผชิญกับความความจริง ด้วยใจ รู้ ตื่น เบิกบาน
รู้ คือ รู้ตามความเป็นจริง ไม่หลอกตนเอง ไม่ลวงใครอื่นใด
ตื่น คือ ลงมือจัดการ-แก้ไขปัญหา พัฒนา ไม่เกียจคร้าน ไม่ละเลย
เบิกบาน คือ อารมณ์ร่าเริง แจ่มใส ไม่กดดัน ไม่เครียด แลควรต้องวิวัฒน์สูงส่งขึ้นไป เป็นความเบิกบานอย่างสูงสุด ด้วยการอัญเชิญพลังทิพย์พลังธรรมศักดิ์สิทธิ์มาเป็นอาหารแก่จิตวิญญาณเราได้ตลอดเวลา จนกระทั่งทำให้ความเบิกบานนั้นกลายเป็นทิพย์หล่อเลี้ยงเป็นพลังร่างกายเป็นพลังจิตใจได้ตลอดเวลาไม่มีวันสูญสิ้น
หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร คือ พลังทิพย์บริสุทธิ์ดังกล่าวนั้น ให้ลูกหลานอัญเชิญไปเป็นพลังหล่อเลี้ยงชีวิตลูกหลานได้ไม่มีวันหมดสิ้น เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์อมฤตเกรียงไกรสืบเนื่องเชื่อมโยงมาจากพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ซึ่งไร้อัตตา(ความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน) ถ้ามีอัตตาตัวตน ก็ย่อมไม่ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ ย่อมจะเสื่อมถอยตกต่ำลงไป
ความเชื่อมโยงกับหลวงปู่ใหญ่ในเบื้องต้นคือ ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตน เช่น การไม่บ่น ไม่ด่า ไม่โทษใคร ให้ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองสัทธรรม ยอมรับใช้กรรมเก่าไปอย่างสงบเสงี่ยม พร้อมกับให้รู้ให้ฉลาดในการบำเพ็ญปฏิบัติวิวัฒน์ตนให้พ้นจากวิบากบาปกรรม จากห้วงทุกข์ ไปตามลำดับขั้นตอน ด้วย วิริยะ ขันติ โสรัจจะ เบิกบานอยู่เสมอด้วยพลังทิพย์อันเชื่อมโยงกับหลวงปู่ใหญ่ ระคนเคล้าคลออยู่ในอารมณ์จิตตลอดเวลา เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ที่หนุนเสริมเข้ามาอยู่ตลอดเวลา ในชีวิตของลูกหลานเอง.. นะลูกหลานเอ๊ย๚
-----------------------
.
อารมณ์ใจ ทั้ง 5 ที่ขวางทางแห่งความดี ทำให้ทำดีไม่ได้ดี ปฏิบัติธรรมไม่เกิดมรรคผล ดึงใจให้ฝักใฝ่ในทางชั่ว คือ........
1. ความติดใจ
2. ความเคืองใจ
3. ความหดหู่ใจ
4. ความกระวนกระวายใจ
5. ความลังเลใจ
อารมณ์ใจทั้ง 5 นี้ ต้องระวังไว้ อย่าให้เกิดกับใจ นะลูกหลานเอ๊ย ๚
-----------------
หลวงปู่ใหญ่ท่านมีเมตตามุ่งหมายจะช่วยเหลือลูกหลานในยามที่มนุษย์โลกโดยเฉพาะถิ่นแผ่นดินสยามขณะนี้ประสบทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บเกิดใหม่ ยังไม่มียารักษาอย่างชัดเจน อีกทั้งโรคร้ายแรงเกิดใหม่มากขึ้นในยุคนี้ สะท้อนว่าจิตใจมนุษย์ทั้งหลายอ่อนแอ อาสวกิเลสมีกำลังมากขึ้น ท่านจึงตั้งฌานเพ่งอธิษฐานไปถึงพระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ด้านการปราบมารที่สำแดงความร้ายกาจออกมาเป็นโรคภัย ทำร้ายมนุษย์และสรรพสัตว์.. นั่นก็คือ "พระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา"
ความหมายแห่ง พลังทิพย์เหนือทิพย์ของพระนามพระองค์ มีดังนี้...
ไภษัชย แปลว่า ยารักษาโรค,
คุรุ แปลว่าครู, ผู้เชี่ยวชาญ
ไวฑูรยประภา แปลว่าแสงรัศมีประดุจดั่งแก้วไวฑูรย์
ความหมายโดยรวมคือ พระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งโอสถรักษาโรค ผู้มีแสงรัศมีดั่งอัญมณีแก้วไวฑูรย์
อันที่จริงในสมัยของประเทศสยามรัชกาลที่ ๕ เคยมีการสร้างพระกริ่งขึ้นที่ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
กริ่งรุ่นแรกนั้นมีนามว่า "#กริ่งปวเรศ"
พระกริ่งที่สร้างขึ้นในยุคนั้น และนิยมสร้างต่อ ๆ มา อีกหลายที่หลายแห่ง ก็คือ "พระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา" นั่นเอง
"พระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา" นั้นมีอานุภาพยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ เป็นเพราะพระองค์ท่านมีมหาปณิธานยิ่งใหญ่มากจนถึงมากที่สุด
ในพระสูตรของมหายาน เรียบเรียงโดย พระถังซำจั๋ง กล่าวไว้ว่า....
พระศากยมุนีพุทธเจ้า ทรงบรรยายถึงพระมหาปณิธานทั้ง ๑๒ ประการของพระไภษัชยคุรุ (ที่ยกมานี้เพียงโดยย่อ) ดังนี้...
.
๑. จะทรงฉายรัศมีประภาสไปยังโลกต่างๆ และจะยังให้สรรพสัตว์ได้สำเร็จพระโพธิญาณอย่างรวดเร็ว โดยมีมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ และ อสีตยานุพยัญชนะลักษณะ ๘๐ ประการเหมือนพระองค์ (แสดงถึงว่ามนุษย์โลกทั้งปวงจะวิวัฒน์ไปถึงความเสมอภาคเท่าเทียมกัน)
๒. จะทรงฉายรัศมีประภาส สุกสว่างกว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ สะอาดบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก(ความหมาย คือ สะอาดทั้งกายและใจ หรือสะอาดทั้งสิ่งที่อยู่ภายในตนหรือวิชชา และสิ่งที่แสดงออกมาภายนอกหรือจรณะ) ไปยังถิ่นอันยากที่สิ่งอันดีใด ๆ จักไปถึง เช่น อบายภูมิ นรกภูมิ ให้สรรพสัตว์ที่รับทุกขเวทนาอยู่ได้พ้นทุกข์ และสัตว์ที่ลุ่มหลงอยู่ให้ตื่นขึ้นจากความโง่เขลา ลุ่มหลง
๓. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์ถึงพร้อมในด้านทรัพย์สิน สิ่งของเครื่องใช้ทั้งปวงไม่รู้จักหมดสิ้น จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๔. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์ และผู้ที่ปฏิบัติตนถือมั่นอยู่กับความเห็นแก่ตัว เอาตัวรอดเฉพาะตัว ไม่เห็นแก่ส่วนรวม ให้หันมาดำรงมั่นในมหายานธรรม (ดำรงตนในข่ายโพธิสัตว์) จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๕. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์ที่ศีลด่างพร้อย หันมามีศีลบริบูรณ์ยิ่งขึ้น จนกระทั่งมีศีลาจารวัตร บริสุทธิ์ จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๖. จะกระทำให้สรรพสัตว์ที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ หายจากความพิกลพิการ หายจากเสียสติ หายจากโรคร้าย ฯลฯ จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๗. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์พ้นจากความยากจนค่นแค้นแค้น ให้คนยากจนมีที่พักอาศัย โรคภัยสิ้นสูญ มีครอบครัวที่ดี มีความสุขทั้งกายและใจจนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ.
๘. จะทรงกระทำให้สตรีเพศที่ได้รับทุกข์ทรมาน ต้องการเป็นบุรุษ ได้กลายเป็นบุรุษสมชายชาตรีดั่งใจ จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
๙. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์ได้หลุดพันจากข่ายแห หรืออุบายของมาร แล้วได้บำเพ็ญในโพธิสัตวมรรค จนได้สำเร็จพระโพธิญาณอย่างรวดเร็ว
.
๑๐. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์หลุดพ้นจากคดีความ อาญาหลวง พันธนาการ การคุมขัง และการโบยตีทั้งปวง จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
.
๑๑. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์ที่มีความจำเป็นต้องเลี้ยงชีพด้วยความชั่ว เนื่องจากความอดอยาก ได้รับความสุขที่แท้จริงโดยไม่ต้องทำความชั่วนั้นอีก จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ
.
๑๒. จะทรงกระทำให้สรรพสัตว์ที่ยากไร้ ได้สมบูรณ์ในอาภรณ์แพรพรรณ เครื่องดนตรี ของหอม และสิ่งมีค่าทั้งปวง จนกว่าผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณ...
พระสูตรดั้งเดิมข้างต้นนี้ มีอยู่พระอารามบนเขาอู่ไถ่ มณฑลซานซี จารึกทั้งเล่มด้วยโลหิตมนุษย์ที่สละออกจากกาย มาเพื่อจารพระคัมภีร์เป็นพุทธบูชา แสดงให้เห็นถึงความศรัทธายิ่งใหญ่อย่างมากที่มีต่อพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า
เมื่ออานุภาพของ "พระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา" มีมากดังพรรณนามานี้...
ยิ่งผนวกพลังทิพย์เหนือทิพย์ของหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรเองแล้วไซร้ ก็สมควรที่ลูกหลานทุกคนจะมีวัตถุทิพยมงคล(ตามภาพด้านล่างนี้) ไว้บูชา
เพื่อป้องกันการแอบอ้าง และให้ลูกหลานหลวงปู่ใหญ่ได้ของแท้ไว้บูชา ได้บุญบริสุทธิ์ในโครงการ "ต้นบุญหลวงปู่ใหญ่สืบพระพุทธศาสนาห้าพันปี" ขอให้ผู้ศรัทธาติดต่อมาที่กล่องข้อความของเพจนี้เท่านั้น ทางคณะทำงานถวายหลวงปู่ใหญ่จะไม่ติดต่อใครไปก่อนเป็นอันขาด.. 🙏สาธุ🙏สาธุ🙏สาธุ จ้า
-----------------------
ข่าวสารประชาสัมพันธ์ เรียบเรียงโดย คณะทำงานถวายหลวงปู่ใหญ่ จาก เพจ #หลวงปู่เทพโลกอุดร.
จากภาพ นี่คือ วัตถุทิพยมงคลเชื่อมพลังบารมีประเสริฐของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า และ หลวงปู่เทพโลกอุดร
ลูกหลานท่านใดมีจิตศรัทธา ต้องการมีไว้บูชา และทำบุญในโครงการ #ต้นบุญหลวงปู่ใหญ่สืบพระพุทธศาสนาห้าพันปี โปรดติดต่อเข้าได้ที่กล่องข้อความ inbox ของเพจนี้ได้เลยจ้า
โปรดระมัดระวัง ด้วยขณะนี้มีผู้แอบอ้าง คัดลอกข้อความของเพจนี้ไปโดยไม่ขออนุญาต.. จึงต้องให้ลูกหลานหลวงปู่ใหญ่ติดต่อเข้ามาที่กล่องข้อความ (ทางเพจจะไม่ติดต่อท่านไปก่อน ) เพื่อท่านจะได้รับวัตถุทิพยมงคลหลวงปู่ใหญ่ ของแท้ ไปบูชา ให้เกิดประสิทธิผลมหามงคล แล้วได้บุญกุศลอย่างแท้จริง.. สาธุสาธุสาธุ นะจ๊ะ
--------------------------
ข่าวสารประชาสัมพันธ์จาก เพจ #หลวงปู่เทพโลกอุดร
พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า เชื่อมพลังทิพย์เหนือทิพย์ หลวงปู่เทพโลกอุดร ตอนที่ ๒
------------------------
หลวงปู่ใหญ่อธิษฐานจิตเชื่อมพลังทิพย์เหนือทิพย์กับพระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเจ้า นั้น มีต้นเหตุที่มา คือ....
พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า เชื่อมพลังทิพย์เหนือทิพย์ หลวงปู่เทพโลกอุดร
--------------------------
ณ ช่วงเวลานับจากปลายปีที่ผ่านมา ในคราวเข้านิโรธสมาบัติ-ปิดวาจา เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ ถึง สิ้นมกราคม ๒๕๖๓ ต้นปีนี้. หลวงปู่ใหญ่ท่านได้เมตตาอธิษฐานพลังทิพย์เหนือทิพย์ "พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า" ไว้เพื่อช่วยเหลือลูกหลาน
ด้วยหลวงปู่ท่านทราบดีว่า จะเกิดภัยจากโรคอันชาวโลกหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุที่อาสวะของชาวโลกขณะนี้หนักหนานัก
หลวงปู่ท่านจึงอาราธนาพลังทิพย์เหนือทิพย์พิศุทธิ์แห่งพระพุทธเจ้าผู้เป็นหลักชัยมงคลแห่งการรักษาพยาบาลสรรพสัตว์ทั้งปวงให้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ อุปัทวันตราย ทั้งปวง คือ "พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า" มาเชื่อมโยงเป็นมหาบารมี เป็นมิ่งขวัญพลังทิพย์วิเศษ แก่ลูกหลานหลวงปู่ใหญ่ทุกคน ให้ดวงจิตเกิดพลังเข้มแข็ง สดชื่น เบิกบาน ให้ปลอดพ้นเภทภัยไข้เจ็บ อุปัทวันตรายทุกประการ
พร้อมกันนี้หลวงปู่ได้ผูกพระคาถามนตราเชื่อมพระธารณีเดิม เป็นการประสาน ๒ พลังทิพย์สุดประเสริฐเข้าด้วยกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนี้.....
(ว่านะโม ๓ จบ)
๏ นะโม ภควะเต
ไภษัชเย คุรุไวฑูรยะ ประภา ราชายะ ตถาคตายะ
โลกุตตะโร จะ มหาเถโร อรหัตเต
เมตตาลาโภนะโสมิยะ อะระหังพุทโธ สัมมาสัมพุทธายะ
ตัทยาถา โอม ไภษัชเย ไภษัชยเย มหาไภษัชเย ราชา
สมุทคะเต โอม โลกุตตะโร จะ มหาเถโร สวาหา ๚ะ๛
319..หลวงปู่เทพโลกอุดร .. ภาค ๓
/.๕ คุรุ /๕ ถิ่นฐาน...
ก่อนที่ จะกล่าวถึงหลวงปู่เทพโลกอุดร มาดูเรื่องราวที่อัศจรรย์ และมีอภินิหารคล้ายคลึงกัน ในยุคปัจจุบันนี้ จะมีเรื่องราวที่กล่าวถึงผู้วิเศษ ผู้มีความอัศจรรย์ มีอายุยืนยาว หลายร้อย หลายพันปี
แม้มีหลายองค์ แต่ที่ผู้คนรู้จักมากๆ จะมีอยู่ ๕ ท่าน อยู่ ๕ ประเทศ คือ
๑ หลวงปู่เทพโลกอุดร
๒ บรมครูพู่พู่อ่อง
๓ มหาอวตารบาบาจี
๔ สำเร็จลุน
๕ หลวงปู่สรวงเทวดาเดินดิน
#..พู่พู่อ่อง ผู้วิเศษแห่งเมืองมอญ
เป็นผู้วิเศษที่มีชีวิตเป็นอมตะ บำเพ็ญตนเป็นนักพรตฝ่ายฤๅษีชีไพร เหาะเหิรเดินอากาศได้ ปรากฏตัวมาหลายยุคหลายสมัย กล่าวว่ามีอายุได้ยาวนานนับล้านปี พู่พู่อ่องสำเร็จปรอท พู่พู่อ่องเป็นบุคคลที่ บุเรงนอง (ที่ตีเมืองอโยธยา) นับถือมาก พู่พู่อ่องแสดงฤทธิ์เหาะขึ้นไปบนยอดเจดีย์ชเวดากอง จาร อักขระยันต์ “สะตะปะวะ” เอาไว้กันภัยพิบัติทั้งปวง วิชาสายของท่าน เรียก สายยาแดง
ในสมัยกษัตริย์เปดอง ให้ทหารมัดพูพูอ่อง สั่งให้ไปฝังทั้งเป็น พู่พู่อ่องก็เนรมิตรตนลอยขึ้นไปกลางอากาศ โซ่ตรวน เชือกหลุดหมด มีอักขระวิเศษก็ปรากฏขึ้นบนพื้นของพระราชวัง ทหารทุกคนต่างช่วยกันลบ แต่ยิ่งลบอักขระนั้นกลับยิ่งเพิ่ม มากขึ้น มากขึ้น จนเต็มพระราชวังไปหมด สุดท้ายก็ไม่มีใครลบอักขระวิเศษออกได้
พู่พู่อ่องได้กลายเป็นผู้วิเศษที่ล่องหนหายตัวไปตามสถานที่ต่างๆคอยดูว่าผู้ใดมีบุญวาสนามีใจสุจริตก็จะไปโปรดสอนวิชากรรมฐานและเล่นแร่แปรธาตุ ทุกวันนี้ พู่พู่อ่องก็ยังคงมีชีวิตสังขารเป็นอมตะ ท่านอยู่ที่เขาโปปา แต่มนุษย์ทั่วไปมองไม่เห็นเพราะท่านอยู่อีกมิติหนึ่งเหลื่อมซ้อนอยู่
-
# บาบาจี โยคี แห่งเขาหิมาลัย
เป็นมหาอวตารแห่งพระศิวะ ที่ลงมาเกิดบนโลกใบนี้เพื่อเป็น มหาคุรุผู้ถ่ายทอดสุดยอดวิชาโยคะศาสตร์ เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณจนถึงขั้นหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงเข้ารวมเป็นหนึ่งกับพระเป็นเจ้าสูงสุด ท่านโยคีหนุ่มที่ไม่มีวันแก่ และไม่มีวันตาย ร่างของบาบาจีสามารถอยู่พร้อมๆ กันได้ในหลายๆ สถานที่ ในเวลาพร้อมๆ กัน ร่างของบาบาจีอยู่ภายในแสงอาทิตย์ อายุของท่านไม่รู้กี่ร้อย กี่พัน ปี แต่ยังหนุ่มเสมอ เพราะ คุมธาตุ๔ ได้เด็ดขาด
#..สำเร็จลุน แห่งประเทศลาว
คือ “สำเร็จลุนแห่งนครจำปาศักดิ์” เป็นพระโพธิสัตว์ ท่านมีอายุยืนยาวมานานนับพันปี การตายของท่านนับเป็นการตายหลอกๆ สำเร็จลุนท่านใช้อำนาจทางอภิญญาสมาบัติเดินไต่ไปบนผิวน้ำ ท่านจะมากราบพระธาตุพนมทุกปี เวลามานั้นบ้างทีก็เดินมาบนผิวน้ำ บางทีก็ล่องหนหายตัวมา และจะเนรมิตบิดเบือนกายแสดงเป็นเณรมากที่สุด “หลวงปู่ทองทิพย์” พระโพธิสัตว์แห่งวัดสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตรเล่าว่า “ท่านมักแปลงมาเป็นเณร ต้องสังเกตที่หูจะยานมากเหมือนคนมีบุญและที่มือและเท้ามักใหญ่ คล้ายคนโบราณ”…9 ปี ที่แล้ว.ข้าพเจ้าเคยเห็นท่านในนิมิต เดินบนผิวน้ำ..แม้ไม่รู้จักท่าน แต่จิตมันบอกเองว่า..”ท่านคือ สำเร็จลุน” สังฆราชฝั่งลาว
สำเร็จลุน ได้พบหลวงปู่ศุข วัดคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่สุขก็ได้ขว้างใบมะขามออกมา กลายเป็นต่อและแตน บินพุ่งเข้าใส่ พระเฒ่า(สำเร็จลุน) องค์นั้นได้ยกมือขึ้นรับต่อและแตน ที่บินเข้าไปอยู่ในมือและกลายเป็นใบมะขามเหมือนเดิม
#..หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน กัมพูชา
#
ผู้ที่ถูกกล่าวขาน ว่า เป็นเทวดา ๒ ฝังไทย-กัมพูชา ผู้มีอภิญญา อัศจรรย์ อายุยืนนานเป็นพันปี ผู้เป็นเชื้อกษัตริย์ขอม ผู้วิเศษแห่งภูตะแบง บางท่านเรียกว่า เทวดาเล่นดิน เทวดาเดินดิน “ลูกตาเบ๊าะ” (เป็นภาษาเขมร หมายถึงพระดาบส )ออยเตียนสรูล หลวงปู่สรวงบอกว่าท่าน” ไม่มีวัดอยู่ แต่เดินท่องทั่วทั้งจักรวาล “
หลวงปู่ครองจีวรไม่ครบ3 อย่าง เหมือนพระสงฆ์ทั่วไป บางวันนุ่งขาว บางวันนุ่งลาย บางวันใส่สบงตัวเดียว หรือ นุ่งผ้าอาบน้ำฝนตัวเดียว ไม่อยู่วัด ชอบอยู่ตามกระท่อม ขนำ ชาวนา อยู่ไม่เป็นที่ นอนบนไม้กระดานแผ่นเดียว ใต้ไม้ก่อกองไฟตลอดเวลา ในฤดูร้อนท่านจะห่มผ้าและนั่งผิงไฟ ใครให้อะไรก็โยนเข้ากองไฟ..หลายๆวัน จึงฉันอาหารสักครั้งก็เพียงเล็กน้อย เมื่อเข้าป่าก็รูดใบไม้เป็นอาหาร.... บางทีไม่อาบน้ำเลย บางที 15 วัน ฉันอาหารครั้งเดียว และฉันไม่เลือกเวลา วันๆแทบไม่พูดกับใคร ท่านชอบดูไก่ชนตีกัน นั่งยองๆตบมือเชียร์ ท่านชอบเล่นว่าวจุฬา..ข้าพเจ้าเคยถามท่านว่า..”หลวงปู่ใช่คณะเทพโลกอุดรหรือไม่ครับ”..หลวงปู่สรวงตอบสั้นๆว่า.”ก็ทำนองนั้น”
#..หลวงปู่เทพโลกอุดร และคณะเทพโลกอุดร
คือ กลุ่มคณะ ที่มี พระอรหันต์ที่มีฤทธิ์อภิญญาสูง และยังมีชีวิตอยู่ จนถึงปัจจุบันนี้ ผู้ที่จะได้ผู้พบเห็นท่าน จะต้องมีความเกี่ยวพัน จึงจะได้พบเจอ..คณะท่านโลกอุดร มีมากมายหลายรุ่น หลายองค์..ล้วนแต่มีหน้าที่ เกี่ยวข้องกับการดูแลพุทธศาสนา
//.ลูก มโนธาตุ โพธิญาณ ขอน้อมกราบบูชา มหาบารมี คุรุทั้ง๕ ด้วย กาย วาจา ใจ ขอเป็นผู้รับใช้ในภารกิจศาสนา อภิญญา ตาม บารมีด้วยเทอญ สาธุ
318.. หลวงปู่เทพโลกอุดร.. ภาค ๒
พระอุปคุต -พระโลกอุดร
**... หลังจาก “พระปิณโฑลภารทวาชะ ที่เกิดในยุคพุทธกาล ยังมี “พระอุปคุต” หรือ พระบัวเข็ม เป็นพระอรหันต์ปราบมาร (ท้าววสวัตตี ) พระอุปคุต เนรมิตปราสาททำด้วยแก้ว ๙ ประการ สูง ๙ ชั้น ขึ้นในท้องทะเลหลวง (สะดือทะเล) เป็นเวียงวังพญานาคมีพญานาคพิทักษ์รักษาอยู่อย่างมั่นคง พระอุปคุต จะเข้าฌานสมาบัติ นานๆจึงขึ้นมาบิณฑบาตโปรดมนุษย์
อนึ่ง พี่สาวทางธรรมข้าพเจ้า ได้ถอดจิตไปหาพระอุปคุต ที่สะดือทะเล โยมีพระยานาค ให้ขี่หลังพาไปส่ง ที่พระอุปคุตท่านอยู่ มีทั้งโบสถ์ เหมือนอยู่ในความว่างของอากาศ มองไปรอบๆ ทั้ง ๔ ทิศ มีแต่น้ำล้อมรอบ พี่สาวได้กราบ และสนทนา กับพระอุปคุต ท่านยังมีชีวิตอยู่ตามตำนานจริงๆ รูปกายท่านสง่างามมาก ห่มจีวรเหลือง )
“พระอุปคุต แปลว่า ...ผู้คุ้มครองรักษา ..เป็นศิษย์ของพระมหากัสสปะ ..ท่านเคยขึ้นมาปราบมาร ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 218 ปี ช่วงพระเจ้าอโศกมหาราช จะทำการสมโภชพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุ ๘๔,๐๐๐ องค์ ที่ใช้เวลาถึง ๗ปี ๗เดือน ๗ วัน เกรงพญามารจะขัดขวางทำลายไม่ให้พระราชพิธีสมโภชนั้นดำเนินไปด้วยดี จึงส่งพระอภิญญา ไปอัญเชิญ พระอุปคุต ขึ้นมาจากท้องทะเล พระอุปคุตได้เนรมิตสุนัขเน่ามีกลิ่นเหม็น ไปผูกติดไว้ที่คอของพญามาร พร้อมกับอธิษฐานว่า “ไม่ว่าจะเป็นใคร เป็นเทพยดาหรือพรหมก็ตามที ขออย่าสามารถปลดเปลื้องหรือแก้ออกได้” จนพญามารยอมแพ้
พระอุปคุต ยังมีชีวิตอยู่ จนถึงปัจจุบันนี้ ดังนั้น พระอุปคุต คือ หลวงปู่โลกอุดร อีกองค์หนึ่ง ที่เกิดก่อน กลุ่มคณะ พระอุตตระ-โสณะ โลกอุดร พระอุปคุต ชอบมาในรูปของ “หลวงตาดำ” ใส่จีวรไม่เรียบร้อย พระอุปคุต ได้อธิษฐานจิตไว้ว่าจะดำรงสังขารอยู่ดูแลพระพุทธศาสนาของพระสมณโคดมจนครบ ๕ พันปี
ชาวไทยวน ไทยล้านนา เชื่อว่า พระบัวเข็มหรือพระอุปคุต ที่อยู่ใต้มหาสมุทร ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ "วันเป็งปุ๊ด" พระอุปคุตจะออกบิณฑบาตในร่างเณรน้อย และจะออกมาเวลาเที่ยงคืน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดประเพณีตักบาตรกลางคืนขึ้น ในทุกปีที่มีวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำที่ตรงกับวันพุธ โดยไม่จำกัดว่าจะต้องอยู่ในเดือนใด ดังนั้น บางปีอาจจะมีเพียงครั้งเดียว หรือ ๒ ครั้ง และบางปีก็ไม่มีเลย
มีพระอรหันต์หลายองค์ ในยุคปัจจุบัน ที่พระอุปคุตท่านมาปรากฏกายเนื้อ มาสอนวิชชา เช่น หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี วัดเทพธารทอง จันทบุรี (มรณภาพแล้ว) หลวงพ่อจรัล สิงห์บุรี หลวงปู่ไม อินทสิริ( ลูกศิษย์พระอุปคุต-ทายาทธรรมหลวงปู่มั่น)
ในสมัยที่หลวงปู่ดู่ยังดำรงสังขาร ก็เคยพาลูกศิษย์ไปกราบ “พระอุปคุต” ใต้สะดือทะเล เวลาลงไปจะรู้สึกถึงน้ำหมุนเป็นเกลียวลงไปน่ากลัวมาก แล้วจะเห็นพญานาค เห็นปราสาทของพระอุปคุต
คาถาบูชา พระอุปคุต
..........อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มาระพะลัญจะ โส อิทานิ มะหาเถโร นะมัสสิตะวา ปะติฎฐิโต อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะ มาหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ
(แบบย่อ) ........อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โสระโห ปัจจะ ยาทิมปิ มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ
ต้องมี เมตตา กรุณา มุทิตา ไปพร้อมกับ อุเบกขา นะลูกหลานเอ๊ยฯ จึงจะทำให้เราได้บำเพ็ญบุญ"เมตตาบารมี" ไปพร้อมกับรักษาตนให้หลุดพ้นจากวิกฤตการณ์เภทภัยทั้งปวงไปได้
หากตั้งจิตบำเพ็ญเมตตาบารมีแต่โดยส่วนเดียว มิได้ใช้อุเบกขาเพื่อถอดถอนตัวตนออกจากวิกฤติการณ์ให้ทันเวลา เราจะดิ่ง, จะติด, จะจม ในความทุกข์ลึกลงไป ๆ จนมิอาจถอนตัว อาจส่งผลให้เกิดความลำเค็ญเคืองแค้น ว่า เหตุไฉนทำดีมีเมตตากรุณาต่อสัตว์อื่นถึงเพียงนี้จึงยังได้รับทุกข์ทรมาน ประสบวิกฤติเภทภัย อย่างนี้
เพราะโดยมากแล้ว มนุษย์ทั้งหลายมิได้เข้าใจ, เข้าถึงพระสัทธรรมทั้งที่เป็นแก่นทั้งที่เป็นองค์รวม ทั้งที่แยกย่อยออกมาแต่ประสานสัมพันธ์กันอยู่
ในปัจจุบันยุคนี้นั้น วิกฤติทั้งหลายได้ถูกปล่อยปละละเลยให้ก่อกำเนิดขึ้นจากระดับยิบย่อย แผ่ขยายเป็นระดับองค์รวมไปแล้ว มนุษย์ทั้งหลายก็ได้ประสบและจ่อมจมอยู่กับวิกฤตินั้นไปแล้ว
ครั้นต้องการจะแก้ไข จึงยากมาก ต้องอาศัยจิตสำนึกและพลังคุณธรรมความดีงามของมวลมนุษย์ร่วมกัน จึงจักผ่อนคลายแก้ไขวิกฤตินั้น ๆ ได้
เมื่อเราประสบวิกฤติ มีความประสงค์แรงกล้าที่จะแก้ไข โดยมุ่งมาดว่า "ถ้าแก้ไขได้ก็จะมีบารมีสูงขึ้น" แต่ทว่าอาจผิดหวัง ไม่สมประสงค์
เมื่อผิดหวังมาก ๆ จิตเราอาจถูกมารเข้าแทรก
เมื่อมารเข้าแทรกจะสกัดกั้นและทำลายคุณธรรมไปตามกำลังของมาร
ฉะนั้นลูกหลานผู้ใฝ่ดีพึงสังวรระวังไว้จงดี.. นะลูกหลานเอ๊ยฯ
--------------------
ผู้ติดข้อง แน่นขึง อยู่กับสิ่งอันตนคุ้นชิน มิเปิดทัศนะกว้าง ย่อมจักแลไม่เห็นความถูกต้องนอกเหนือออกไปจากตน อันมีมากกว่าที่ตนติดยึดอยู่นั้น. มักจะเข้าข้างตนเอง ว่า ตนเองเป็นผู้ถูกต้อง, ว่า ผู้อื่นเป็นผู้ผิด. อยู่ร่ำไป.
..นี่แล เรียกว่า "อติมานะ-อัสมิมานะ" เป็นกิเลสแขนงทิฐิ-มานะ เป็นกิเลสละเอียด ที่พร้อมจะหลอมรวมกันเป็นกิเลสหนาหยาบ เสมือนหนึ่งก้อนศิลาแกร่งมหึมาเป็นภูเขาแท่งทึบ ก็หลอมรวมมาจากฝุ่นอณูละเอียดที่สุด นั่นแล..
ทิฐิ-มานะ นี้ อาจเปลี่ยนแปลงคนดีมีศีล ให้ละเมิดกรอบศีล กลายเป็นคนชั่วช้าเลวทราม ไปก็ได้. ทั้งนี้ โดยอ้างว่า "เพื่อรักษาความถูกต้อง" ตามทิฐิ-มานะแห่งตน
ลูกหลานหลวงปู่ใหญ่ทุกคนพึงระมัดระวังกิเลสตัณหาทุกประการอันเกิดมีในตน โดยเฉพาะกิเลสละเอียดทั้งปวง ให้มาก. อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ทำนองว่า "ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์สามัญ จะให้หมดกิเลสในขั้นละเอียดลออได้อย่างไร"
พระพุทธเจ้า พระอริยะเจ้า ทั้งหลาย ท่านมิได้บังคับกะเกณฑ์ให้สาวกผู้ศรัทธา ปฏิบัติขัดเกลาให้หมดสิ้นกิเลสไปโดยรวดเร็ว
แต่ท่านให้กำหนดสติตลอดเวลา ไม่ประมาทตลอดไป รู้ตัวทั่วพร้อมทุกขณะ
เมื่อกิเลสเกิด ตัณหาเจาะเปลือกไข่ออกมา ก็ต้อง นำใส่สุ่มใส่คอกขังไว้ มิให้เป็นพิษเภทภัยต่อตนเองแลผู้อื่น.. นะลูกหลานเอ๊ย ๚
๏ พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะชาลีติ โลกุตตะโร จะ มหาเถโร เมตตาลาโภนะโสมิยะ อะระหังพุทโธ ยะธาพุทโมนะ พระนิพพานะปัจจะโย โหตุ เทอญ ๚ะ๛
-----------------
ลูกหลานทั้งหลายเอ๊ย.. กาลวันนี้ วันที่ 17 เมษายน พุทธศักราช 2562 พุทธศาสนายุกาลล่วงเข้า 2607 ปี เป็นวันคล้ายวันสมภพ(วันเกิด) แห่งองค์สมโต โพธิสมภารเจ้า พรหมรังสี ซึ่งท่านได้บำเพ็ญบารมีมุ่งพุทธภูมิ จักได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระรามพุทธเจ้า" ต่อจากพระศรีอารยเมตไตรย์ ณ ห้วงเพลามหากัปถัดไป
ห้วงกาลเทศะอันหลวงปู่โต พรหมรังสี ได้พบหลวงปู่เทพโลกอุดรนั้น เป็นไปดุจเดียวกับการที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ได้พบหลวงปู่เทพโลกอุดร เช่นกัน .. เรียกว่า ต่างเวลากัน แต่ สถานที่เดียวกัน
กล่าวคือ เป็นการพบกันในป่าดงพญาไฟ (ปัจจุบันเรียก ดงพญาเย็น) อันเป็นใจกลางพอดีของดินแดนสยามประเทศศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนาโลกในยุคตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน
ต่อไปนี้ เป็นความตอนหนึ่ง ในคำประกาศสถาปนาพระยศทางพระจาก “พระเทพกระวี (โต)” เป็น “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)” เมื่อ พ.ศ. 2407 ในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดเจ้าพระคุณสมเด็จโต พรหมรังสี ซึ่งในอดีตสมัย ตรงกับวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2331 .. นะลูกหลานเอ๊ย ๚
“พระเทพกระวีมีพรรษายุกาลประกอบด้วยรัตตัญญูมหาเถรธรรมยั่งยืนนาน แลมีปฏิภาณปรีชา ตรีปิฎกกลาโกศล แลฉลาดในโวหารนิพนธ์เทศนาปริวัติวิธีแลทำกิจในสุตนั้นด้วยดีไม่ย่อหย่อน อุสาหะสั่งสอนพระภิกษุสามเณรโดยสมควร อนึ่งไม่เกียจคร้านในราชกิจบำรุงพระบรมราชศรัทธาฉลองพระเดชพระคุณเวลานั้น ๆ สมควรเป็นที่อรัญญิกมหาสมณคณิศราจารย์พระราชาคณะผู้ใหญ่ มีอิศริยยศยิ่งกว่าสมณนิกรฝ่ายอรัญวาสี เป็นอธิบดีครุฐานิยพิเศษ ควรสักการบูชาแห่งนานาเนกบรรพสัช บรรดารนับถือพระบรมพุทธสาสนาได้ จึงมีพระบรมราชโองการมา ณ พระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสสั่ง ให้สถาปนาพระเทพกระวี ศรีสุทธินายก ตรีปิฎกปรีชามหาคณฤศร บวรสังฆารามคามวาสี เลื่อนที่ขึ้นเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ อเนกสถานปรีชา วิสุทธิจรรยาสมบัติ นิพัทธธุตคุณ ศิริสุนทรพรตจาริก อรัญญิกคณิศร สมณนิกรมหาปรินายก ตรีปิฎกโกศล วิมลศีลขันธ์ สถิต ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร พระอารามหลวง”
ขอให้ลูกหลานหลวงปู่ใหญ่ทุกคน จงน้อมรำลึกพระคุณหลวงปู่โต พรหมรังสี ที่มีอานุภาพยิ่งล้ำ สร้างบุญบารมีช่วยค้ำจุนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แห่งยุครัตนโกสินทร์มาได้จนถึงทุกวันนี้ แม้นใครผู้ใดได้ปฏิบัติบูชา เป็นอรรถประโยชน์ เป็นธรรม ถวายท่าน ขอจงประสบความพ้นทุกข์ เป็นสุข จำเริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป สืบไป ตราบถึงพระนิพพานปัจจะโย โหตุ เทอญ
---------------
นี่คือ "พระสีวลีมหาลาภ" อธิษฐานเชื่อมกระแสบุญฤทธิ์หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร ที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้
เพราะมีผู้บูชาไปแล้วถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล มีลาภลอย และโชคดีด้านการเงินการงาน หลายราย.
ลูกหลานหลวงปู่ใหญ่หลายคนที่บูชาไป ส่งข้อความมาแจ้งให้ทราบถึงการได้สัมผัสพลังพิเศษจากหลวงปู่พระสีวลีและหลวงปู่ใหญ่ด้วยความปลาบปลื้มปีติ. ทางคณะทำงานถวายหลวงปู่ก็ปลื้มปีติอนุโมทนาบุญด้วยอย่างยิ่งจ้า
🎇ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ผนวกจิตศรัทธา อานิสงส์จึงแรง✨
เนื่องในการเข้า นิโรธสมาบัติ ช่วงปลายปี 2562 และต้นปี 2563ที่ผ่านมา และวันไหว้พระจันทร์ 🌕 ตราบจนถึงวันมาฆบูชา หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตให้ต่อเนื่องเต็มพลัง ใครมีจิตศรัทธาจะทำบุญบูชานำรายได้เข้าโครงการสืบพระพุทธศาสนาห้าพันปี รีบแจ้งความจำนงมาด่วนนะจ๊ะ เพราะยังเหลืออีกไม่มาก
มีของแถมศักดิ์สิทธิ์ทรงคุณค่า คือ พระคัมภีร์สวดมนต์เจริญพระคาถาสายหลวงปู่ใหญ่(ผ่านการอธิษฐานจิตแล้ว) ให้ด้วย
#เพียงแจ้งความจำนงอานิสงส์ก็เกิดแล้ว
ติดต่อสอบถาม-สั่งจองเข้ามาได้ทางกล่องข้อความเพจนี้เท่านั้น นะจ๊ะ.
#โปรดระวัง ตอนนี้ทราบว่ามีที่อื่นนำไปแอบอ้าง ของแท้ต้องที่เพจ #หลวงปู่เทพโลกอุดร. เท่านั้น
#ทำบุญบูชาพระสีวลีมหาลาภในช่วงเวลานี้ จะยิ่งอานิสงส์แรง เพราะเป็นช่วงฤกษ์ดีแห่งการอธิษฐานจิตขอโชคลาภ อีกทั้งแถมพระคัมภีร์สวดมนต์สายหลวงปู่ใหญ่ และ พระมหานิยมธาตุ ธาตุทิพย์จากในดง ด้วย .. จ้า
🙏สาธุ🙏สาธุ🙏สาธุ
----------------
ข่าวสารประชาสัมพันธ์จาก เพจ หลวงปู่เทพโลกอุดร
ลูกหลานทั้งหลายเอ๊ย
ช่วงเวลานับต่อแต่นี้ไปอีก 7 ปี ผู้ธำรงธรรม ปฏิบัติอยู่ในศีลธรรม มุ่งสู่โลกุตรธรรม จักได้รับพลังจากฟากฝั่งตรงข้ามมากเป็นพิเศษ มากกว่าปกติที่ผ่านมา ด้วยเหตุที่สภาวะของโลกธาตุกำลังเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่
อันว่าฝ่ายตรงข้ามกับธรรมนั้น อนุมานว่าเป็นมารก็ใช่ เป็นเจ้ากรรมนายเวรก็ใช่ เป็นเจ้าบุญนายคุณก็ใช่ แต่จักมีภาวะการแฝงเร้น ไม่แสดงตนในด้านใดเด่นชัด อาจมาในสภาวะน่าเห็นใจ ให้เราสงสารเวทนา ให้เราตระหนักบุญคุณ แต่ครั้นมิได้รับสิ่งพึงพอใจเขาจักหุนหันฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดขึ้นมาได้ทันที ซึ่งถ้าเมื่อใครได้สงสารเห็นใจเข้าไปแล้วยากนักจักสลัดออกไปไปได้ เขาย่อมเกาะติดเรา ให้เราต้องรับภาระหรือตกหนักถึงขั้นเป็นทาสเขาอยู่ร่ำไป..
นี้เป็นเพียงอากัปกิริยาอันหนึ่งที่ยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างเท่านั้น.. ยังมีอีกหลายแบบหลายอย่างเหลือเกิน.. นะลูกหลานเอ๊ย ๚
อย่างไรก็ตาม.. นะลูกหลาน.. ลูกหลานพึงใช้สติปัญญาและภูมิธรรมในการพิจารณาว่าจักกำหนดพฤติกรรมของเราอย่างไรต่อไป
หากลูกหลานจำเป็นต้องรับภาระนั้น สลัดออกไปมิได้ พึงอธิษฐานจิตอย่างโพธิสัตว์เพื่อรับภาระนั้นด้วยเมตตา,กรุณา,ขันติ,วิริยะ ทำภาระนั้นให้เป็นบุญ ทำบุญให้เป็นบุญนิธิ ทำบุญนิธิให้เป็นบุญญาธิการ. มิควรรับภาระด้วยความขุ่นมัวหมองหมางในอารมณ์ หรือ ไม่ควรเกิดอารมณ์ทางลบใด ๆ เลยแม้แต่น้อย. มีธรรมอันใดที่เราสมควรโปรดเขาให้แจ้งสว่างกระจ่างใจขึ้นมาบ้างก็ควรโปรดเขาด้วย อย่ารับภาระอย่างเดียว ประเดี๋ยวเขาจักเคยตัวในการเป็นฝ่ายรับอุปการะอย่างเดียว. จงโปรดเขาด้วยพรหมวิหาร อย่าโปรดด้วยหุนหันขึ้งเคียดเป็นอันขาด
แต่ถ้าหากรับภาระนั้นไม่ไหว จำเป็นต้องปลีกตัวออกจากภาระนั้น ก็พึงกำหนดรู้ด้วยจิตเป็นกลาง ให้รู้แจ้งจริง ไม่เข้าข้างตนเอง ว่า.. การที่เราปลีกตัวออกมาจากภาระนั้น เพราะเหตุใดกันแน่. เรามีกรรมอันควรต้องรับใช้อยู่ในกระบวนการกรรมนั้นหรือหาไม่. ถ้ามี แล้วเราต้องออกมาจากภาระนั้น เราจักคลี่คลายด้วยวิธีการอื่นใดอย่างไรต่อไป ด้วยความถูกต้องเหมาะสม และมีสัจจะมั่นคงที่จะรับใช้บาปกรรมไม่บ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบ ลูกหลานต้องอรรถาธิบายต่อเจ้ากรรมนายเวร,เจ้าบุญนายคุณ ให้เข้าใจและยอมรับได้
ในฝ่ายโลกแห่งจิตวิญญาณ ด้วยความที่พวกเขาขาดธรรมกล่อมเกลามาตั้งแต่เขาเกิดเป็นสัตว์ต่าง ๆ บนโลกมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ดิรัจฉาน เขาจึงกลายเป็นวิญญาณแห่งความทุกข์ทรมานยิ่งนักเมื่อตายไป เขาจึงมาร่ำร้องหาความพ้นทรมาน ให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเขาสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่ ช่วยเขา. แต่เขามิอาจสื่อสารบอกกล่าวได้ เขาจึงสำแดงพลังแห่งความเครียด ความอึดอัด ความบีบคั้น ด้วยประการต่าง ๆ นานา มาสู่มวลมนุษย์
ลูกหลานหลายรายได้รับพลังทางลบจากโลกจิตวิญญาณอยู่ พึงรู้เถิด พวกเขาอยู่ในภาวะทรมานหนักหนา เพราะมีมนุษย์ทรงธรรมน้อยลงที่จะส่งกระแสบุญไปถึงพวกเขาได้. ในมวลหมู่มนุษย์เองก็มีพลังทางลบบีบคั้นกันและกันมากขึ้นผิดปกติ ก็เพราะมีมนุษย์ที่มีศีลธรรมซึ่งเชื่อมกระแสบุญไปถึงโลกุตรธรรมน้อยลง นั่นเอง
ภาวะวุ่นวาย ขุ่นข้อง หมองหมาง ด้วยประการต่าง ๆ นานา จึงเกิดในสังคมมนุษย์ขณะนี้มากขึ้น
จงมีขันติ จงมีมีสติ เพื่อเรียกหาตัวปัญญาจนถึงปัญญาวิมุตติมาอยู่กับเนื้อกับตัวให้ทันเวลา ซึ่งจะมีดังกล่าวได้ก็ด้วยการสวดมนต์เจริญภาวนากราบไหว้รำลึกพระรัตนตรัย หลวงปู่ใหญ่ ให้มาก ให้บ่อย ด้วยศรัทธาบริสุทธิ์ ซาบซึ้ง ไม่จืดจาง. เมื่อดวงจิตลูกหลานชุ่มชื่นเบิกบานด้วยความน้อมนำรำลึกถึงภาวะทิพย์แล้ว หลวงปู่ใหญ่อันเป็นองค์หลอมรวมพลังบุญฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงจักสามารถช่วยลูกหลานให้พ้นทุกข์พิบัติภัยทุกประการได้. โดยที่วิบากกรรมนั้นแม้หนักหนาสาหัส มิอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ลูกหลานที่ได้รับความช่วยเหลือจากหลวงปู่ใหญ่จักรับกรรมด้วยความปีติล้นพ้น ไม่ลำเค็ญหม่นหมองครองทุกข์อีกต่อไป และจะพ้นกรรมนั้นไปได้สิ้นเชิงในที่สุด.
๏ พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะชาลีติ โลกุตตะโร จะ มหาเถโร เมตตาลาโภนะโสมิยะ อะระหังพุทโธ ยะธาพุทโมนะ ขอประสิทธิพรบวรมงคลให้ลูกหลานทุกคนปลอดพ้นภัยพาล รอดพ้นบ่วงมาร สำราญวิญญาณ์ กันทุกรูปทุกนาม ทุกภพทุกภูมิ มีพลังจำเริญจิตพ้นภาวะบีบคั้น สู่พระนิพพานะปัจจะโย โหตุ เทอญ ๚ะ๛
------------
#ธรรมเทศนาหลวงปู่เทพโลกอุดร.
#หลวงปู่เทพโลกอุดร.
การสร้างกระแสบุญแก่ตนไปแต่ละขั้นดังต่อไปนี้ มีอานิสงส์ยิ่งล้ำ พระพุทธองค์ตรัสไว้ หลวงปู่ใหญ่อัญเชิญมาบอกกล่าวแก่ลูกหลานให้เข้าใจง่ายขึ้นกว่าการที่ลูกหลานจะอ่านเอาจากพระไตรปิฎกด้วยตนเอง
และขอให้ลูกหลานจงเข้าใจเถิดนะว่า การบำเพ็ญบุญต้องทำทุกขั้นตอน จะละเว้นขั้นตอนใดมิได้เลย.
การที่พระพุทธองค์ตรัสว่าสิ่งใดมีอานิสงส์มากกว่าสิ่งใดนั้น มิได้หมายความว่าให้เรากระทำบำเพ็ญแต่ส่วนที่มีอานิสงส์มากกว่าเท่านั้น. เพราะบุญส่วนยอดต้องอาศัยส่วนฐานเป็นที่ตั้ง บุญทั้งหลายจึงจะสถิตเสถียรมั่นคง จำเริญวัฒนาสถาพร.. นะลูกหลานเอ๊ย๚
ต่อไปนี้ เป็นคำตรัสของพระพุทธองค์ นะลูกนะ
#ทาน "ทานที่บุคคลถวายให้พระโสดาบันผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่ามหาทานที่เหล่ามหาเศรษฐีบริจาคไปทั่วทุกสารทิศ
#ความเลื่อมใส "การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใส ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสรณะสูงสุด มีผลมากกว่าทานที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์อันเดินทางมาจากทุกสารทิศ"
#ศีล "การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท(ศีล 5) คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ จนกระทั่ง จากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานะแห่งความประมาท. มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใส ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะสูงสุด"
#ภาวนาเบื้องต้น "การที่บุคคลเจริญ "เมตตาจิต" โดยที่สุดแม้เพียงชั่วเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใส สมาทานสิกขาบท เช่น งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ"
#ภาวนาที่ลึกซึ้ง "การที่บุคคลเจริญ "อนิจจสัญญา" แม้เพียงชั่วเวลาลัดนิ้วมือ มีผลมากกว่าการที่บุคคล "เจริญเมตตาจิต" โดยที่สุดแม้เพียงชั่วเวลาสูดดมของหอม ฯ "
----------------
#ธรรมเทศนาหลวงปู่เทพโลกอุดร.
#หลวงปู่เทพโลกอุดร.
#พระคาถาที่ทำให้จิตเกิดสมาธิเป็นฐานทิพย์ให้เกิดโชคลาภอันดีงาม
ลูกหลานเฝ้าเวียนถามหลวงปู่ถึงคาถาที่ท่องแล้วทำให้เกิดโชคลาภ เช่น ลาภลอย หลวงปู่ก็ต้องบอกกล่าวตามสัทธรรมว่าไม่มีดอกคาถาชนิดนั้น. ถ้ามีก็จะหลอกลวง เป็นทางทำให้บุญเก่าเราหมดไป ไม่ได้เพิ่มบุญใหม่. หรืออาจเป็นทางไสยศาสตร์ ของมาร ให้โชคลาภก็จริง แต่กินธาตุกินขันธ์เราไปเรื่อยๆ แล้วเอาโชคลาภแบบหลอกลวง สุกๆดิบๆ ทุกขลาภ มาให้เรา. ครั้นได้โชคลาภแล้วต้องไปรับใช้กรรม.. หลวงปู่ใหญ่จึงไม่สนับสนุน นะลูกหลานเอ๊ย
แต่พระคาถาที่จะทำให้จิตเกิดสมาธิเป็นฐานทิพย์ของโชคลาภอันดีงาม เรียกว่า "พระคาถาทิพย์มโนรถ" นั้น มีอยู่ใน #พระคาถายอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก ที่หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรแต่งไว้เมื่อกว่าพันปีมาแล้วนั่นเอง.
เป็นช่วงที่พระคาถากล่าวอัญเชิญเทพไท้เทวา ฤาษีมุนีผู้เรืองฤทธิ์ พรั่งพร้อมด้วยพระสัทธรรมอันบริสุทธิ์บริบูรณ์มารวมพลังงานอันประเสริฐเข้าด้วยกัน ในหัวข้อที่ ๒๐-๒๑ ดังนี้ นะลูกนะ
" ๒๐. อินทะสาวัง มะหาอินทะสาวัง พรหมมะสาวัง มะหาพรหมมะสาวัง จักกะวัตติสาวัง มะหาจักกะวัตติสาวัง เทวาสาวัง มะหาเทวาสาวัง อิสิสาวัง มะหาอิสิสาวัง มุนีสาวัง มะหามุนีสาวัง สัปปุริสะสาวัง มะหาสัปปุริสะสาวัง พุทธะสาวัง ปัจเจกะพุทธะสาวัง อะระหัตตะสาวัง สัพพะสิทธิ วิชชาธะรานังสาวัง สัพพะโลกา อิริยานังสาวัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุ ฯ
๒๑. สาวัง คุณัง วะชะพะลัง เตชัง วิริยัง สิทธิกัมมัง ธัมมัง สัจจัง นิพพานัง โมกขัง คุยหะกัง ทานัง สีลัง ปัญญานิกขัง ปุญญัง ภาคะยัง ยะสัง ตัปปัง สุขัง สิริรูปัง จะตุวิสะติเทสะนัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ ฯ "
ขอให้ลูกหลาน ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดพระคาถายอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎกทั้งหมดโดยตลอด สม่ำเสมอ นั่นแล จะก่อบังเกิดสิ่งดีงามอันเป็นยอดปรารถนาทุกประการ ตลอดกาลนาน ตราบจนกระทั่งลูกหลานบรรลุถึงพระนิพพาน.. นะลูกหลานเอ๊ย๚
-------------------------
------------------------
ลิ้งค์นี้ คือ วัตถุทิพยมงคล #แก้วทิพย์มโนรถ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1707041972774605&id=666839163461563
จิตเท่านั้นนำพาเราไป เราคิดอย่างไร ชีวิตเราเป็นอย่างนั้น นะลูกหลานเอ๊ย.
หาเวลาว่างๆ วางใจให้สบายๆ คุยกับหลวงปู่ คุยได้ทุกเมื่อ ทุกอิริยาบถ ถอดความยึดถือว่าเป็นตัวเราของเราออกไปชั่วคราว ไม่นานก็จะพบหลวงปู่ปรากฏอยู่กลางใจ. แล้วไม่ต้องไปคุยบอกใครว่าพบหลวงปู่ เพราะเป็นอจินไตย เป็นปัจจัตตัง และยิ่งคุยยิ่งโอ้อวดหลวงปู่จริงจะไม่มา จะพบมารแปลงมา ต้องระวัง.. ใครยังไม่เข้มแข็งพอ ก็ใช้วัตถุมงคลของแท้ที่หลวงปู่ใหญ่อธิษฐานจิตมอบให้ มาสวมใส่ มาจับไว้ที่มือ. หลับตาท่องคาถาบูชาหลวงปู่ จากนั้นทำจิตให้ว่าง ทำบ่อยๆ ให้คุ้นเคย ผลจะปรากฏเอง อย่าเร่งรัด.. ด้วยธรรม พร และเมตตตา นะลูกหลานเอ๊ย ๚
----------------
"หลวงปู่ดู่กับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร"
หลวงปู่บรมครูพระครูธรรมเทพโลกอุดร
(คัดลอกจากหนังสือ ตามรอยหลวงปู่ใหญ่ พ.ศ.2549 โดยคุณพรหมินทร์ อึ้งสกุลรัตน์)
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นพระอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่เคยพบ หลวงปู่บรมครูพระครูธรรมเทพโลกอุดร ดังที่คุณวิรัตน์ โรจนจินดา ได้บันทึกไว้ ดังนี้
“เหตุการณ์ครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ข้าพเจ้าเริ่มตระเวณหาครูบาอาจารย์ตามวัดต่าง ๆ ตามคำแนะนำของผู้ปฏิบัตธรรม วันหนึ่งข้าพเจ้าได้เดินทางไปกราบหลวงปู่ดู่ ที่วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อไปถึงนั้นเป็นเวลา 4 โมงเย็น ข้าพเจ้าได้ไปถามเด็กวัดว่า กุฏิหลวงปู่ดู่อยู่ทางไหน เด็กคนนั้นก็พาข้าพเจ้าไปจนพบตัวท่าน ขณะท่านกำลังอยู่ที่ศาลาริมน้ำ ข้าพเจ้าเข้าไปกราบเท้าท่าน ท่านก็เมตตาและถามว่ามาจากที่ไหน ข้าพเจ้าก็กราบเรียนถามท่านว่า มาจากกรุงเทพฯ ครับ แล้วท่านก็นั่งหลับตาอยู่นานสองนาน จนข้าพเจ้าคิดไปต่าง ๆ นานาว่าท่านคงไม่สบาย เวลาผ่านไปนานพอสมควร พอท่านลืมตาขึ้นข้าพเจ้าก็รีบถามท่านทันทีว่า หลวงปู่ไม่สบายหรือเปล่า หลานจะไปซื้อยามาถวาย ท่านก็ตอบข้าพเจ้าว่า “ฉันกำลังคุยกับหลวงพ่อเกษมที่ลำปางอยู่ จึงไม่ได้พูดคุยกับเธอ”
เหตุการณ์ครั้งนั้นข้าพเจ้าแทบไม่อยากเชื่อเลยว่า หลวงปู่ดู่ ท่านอยู่ถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะสามารถส่งกระแสจิตติดต่อกับหลวงพ่อเกษมที่จังหวัดลำปางได้ มันเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ จิตใจก็เกิดปรามาสท่าน เพราะขณะนั้นข้าพเจ้ายังไม่แตกฉานในเรื่องธรรมะ ภายหลังต่อมาข้าพเจ้าได้เริ่มปฏิบัติพระกรรมฐาน เริ่มศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าจึงได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ท่านคือพระสุปฏิปันโนรูปหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงได้กลับไปที่วัดสะแกอีกครั้งหนึ่ง พร้อมด้วยดอกไม้ ธูป เทียน และเครื่องสักการะ เพื่อขอขมาลาโทษที่ได้เคยล่วงเกินด้วยกาย วาจา หรือใจก็ตาม ท่านก็เมตตาให้โอวาทและอบรมสั่งสอนธรรมะแก่ข้าพเจ้านับแต่นั้นมา
จากนั้นข้าพเจ้าก็ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่าน ท่านได้สอนวิปัสสนากรรมฐานจนข้าพเจ้าพอได้รู้ ได้เห็นบ้างตามสมควร ทำให้ข้าพเจ้าทราบว่า พระสุปฏิปันโนนั้นสภาวะจิต สภาวะธรรมของท่านละเอียดอ่อน สามารถติดต่อถึงกันได้ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนก็ตาม
หลังจากนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้คอยรับใช้ท่านอยู่หลายปี ท่านมีเมตตาเล่าเรื่องหลวงปู่ใหญ่ให้ข้าพเจ้าฟังว่า สมัยที่ท่านออกเดินธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรนั้น วันหนึ่งในฤดูหนาวท่านเดินทางไปถึงดงพญาเย็น แล้วเกิดเป็นไข้มาลาเรียอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบ ท่านคิดว่าคงจะไม่รอดชีวิตแน่แล้ว แต่จู่ ๆ ก็มีพระรูปร่างสูงใหญ่องค์หนึ่งเอายาเม็ดกลม ๆ ปั้นเหมือนลูกกลอนมาให้ท่านฉัน 2 เม็ด เมื่อท่านฉันเสร็จแล้ว ปรากฎว่าอาการไข้กลับทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ พอท่านหายพระรูปร่างสูงใหญ่องค์นั้นก็จากไป โดยที่ท่านไม่ทราบว่าพระองค์นั้นชื่ออะไร ภายหลังที่ท่านกลับมาอยุธยาได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ อาจารย์ของท่านฟัง หลวงพ่อกลั่นหัวเราะแล้วบอกว่า พระรูปร่างสูงใหญ่องค์นี้ท่านเป็นพระหลายยุคหลายสมัย ท่านเข้ามาเผยแผ่พระไตรปิฎกในสุวรรณภูมิ คอยค้ำชูบวรพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองไม่ให้ตกต่ำจนกว่าจะถึงยุคพระศรีอาริย์ พระภิกษุ สามเณร สมณชีพราหมณ์ อุบาสก อุบาสิกา ท่านใดได้พบเห็น ไม่ว่าจะเป็นการทิพย์หรือกายเนื้อถือเป็นมงคลอันสูงสุด
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านเป็นหน่อพุทธภูมิที่จุติลงมาเพื่อค้ำชูพระพุทธศาสนา ท่านเพียรสั่งสอนอบรมเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ของท่านให้ปฎิบัติดี ปฏิบัติชอบ เพื่อมิให้ตกไปสู่อบายภูมิ หลังจากละสังขารไปจากโลกนี้แล้ว
ข้าพเจ้าได้พบเห็นบารมีในทางธรรมของท่านสมัยที่ข้าพเจ้าไปรับใช้ท่านอยู่ เมื่อครั้งท่านสร้างพระสมเด็จลักษณะมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่เหนือสุดของพระพรหม วิธีการสร้างของท่านนั้น ท่านแกะแม่พิมพ์ขึ้นมาด้วยตัวของท่านเอง รวมทั้งท่านทำผงวิเศษเอง มีตระไคร่โบสถ์ ผลนะปัดตลอดซึ่งท่านสำเร็จวิชานะปัดตลอดมาจากครูบาอาจารย์ของท่าน ซึ่งวิธีการนั้นทำได้โดยใช้ชอล์คเขียนอักขระเลขยันต์ลงบนกระดานชนวน เมื่อเขียนเสร็จแล้วก็ใช้มือลูบเบา ๆ ที่อักขระเลขยันต์นั้น ผงวิเศษก็จะทะลุกระดานชนวนลงไปในบาตร จากนั้นนำผงวิเศษนี้ไปผสมกับปูนขาว ปั๊มออกมาเป็นพระสมเด็จตามต้องการ
พระที่หลวงปู่สร้างไว้รุ่นแรก ๆ นี้ วิธีการอธิษฐานจิตของท่านเป็นเรื่องแปลกมหัศจรรย์ และเล่าขานสืบต่อมาดังนี้
ท่านจะนำพระที่สร้างไว้แล้ว เข้าไปไว้หน้าพระประธานในโบสถ์ โยงสายสิญจ์จากโบสถ์มาที่กุฎิของท่าน แล้วปิดหน้าต่างทุกบานรวมทั้งประตูโบสถ์ก็ล็อคกุญแจเรียบร้อย วันนั้นเป็นวันอาสาฬหบูชา เมื่อพระภิกษุ สามเณร สมณชีพราหมณ์ และอุบาสิกาที่ไปปฏิบัติธรรมกับท่านทำวัตรเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านก็กล่าวว่า
“วันนี้เป็นวันดี ฉันจะเชิญองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสาวกทุกพระองค์ และครูบาอาจารย์ของฉันมี
หลวงปู่บรมครูพระครูธรรมเทพโลกอุดร
หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ
มาร่วมอธิษฐานจิตในเวลาสองยามของค่ำคืนนี้ ขอให้ทุกคนจงร่วมจิตอธิษฐานด้วย”
พอได้เวลาสองยาม ท่านก็นั่งลงจุดธูป เทียน สักการะบูชา องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าและท่านเองก็นั่งสมาธิอธิษฐานจิตพระเครื่องของท่านด้วย
และแล้วสิ่งมหัศจรรย์เหลือเชื่อก็บังเกิดขึ้น เหล่าบรรดาพระภิกษุ สามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนสมณชีพราหมณ์ที่นั่งอยู่ในนั้นต่างได้ยินเสียงสวดมนต์ดังออกมาจากโบสถ์ซึ่งปิดสนิทหมดทุกด้านและไม่มีใครอยู่ในนั้นเลย !!!
พระเครื่องของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รุ่นนี้ ผู้ใดได้ไว้สักการะบูชา พร้อมทั้งปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรม มีกาย วาจา ใจบริสุทธิ์ก็บังเกิดพระธาตุเสด็จมาที่องค์พระนั้นเป็นที่อัศจรรย์.
(ที่มา ; เว็บhttp://xn--p3cbc4ajak8h.org/)
17. หลวงปู่เทพโลกอุดร.... ภาค ปฐมบท
-ข้าพเจ้าบอกตนเองในใจว่า..ถ้าช่วงนี้ ได้สัมผัสความเมตตา ญาณบารมีครูอาจารย์โลกทิพย์ องค์ใด.จะขออนุญาตนำมาลงเป็นธรรมทาน ใน 1 เดือนนี้ ได้รับเมตตาจาก หลวงปู่สรวง หลวงปู่ดู่ ก็ได้ลงเรื่องราวของท่านแล้ว จนมาเมื่อคืนนี้..28 กพ.62 ..มันนิมิตได้ไปพบ พระสงฆ์สายหลวงปู่เทพโลกอุดร .ภาพแรก.ทีเห็น เป็นพระเครื่อง สมเด็จองค์ปฐม รุ่น ๑ วัดท่าซุง นวโลหะสีทอง แต่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ..ประมาณ 1 คืบ ทีแรกจะมอบให้คนอื่น..แต่คิดว่า เก็บไว้ก่อน..
....เห็นพระสงฆ์ แต่งกายจีวรสีค่อนข้างแดง..ได้เข้าไปกราบท่าน พร้อมได้น้อมถวายพานใส่วัตถุมงคล คือ ในพานนั้น มีพระธาตุสมเด็จองค์ปฐมหลายองค์ มีพระสมเด็จองค์ปฐม พระกรุวังหน้า พระธาตุปัจเจกที่แกะเป็นรูปพระพุทธรูป..ท่านพูดอะไรเบาๆ ฟังไม่ชัด สักพัก มีสีกาแต่งชุดขาว เหมือนชีพราหม์ เข้ามาร่วมสนทนาด้วย แต่ทำไมข้าพเจ้าเหมือนรู้จัก สีกาคนนี้ดี จึงได้บอกพระสงฆ์องค์นั้น เกี่ยวกับสีกาชุดขาวว่า.
“ คนนี้ ตอนนี้มีอายุ 300 กว่าปี แล้ว ยังมีหน้าที่ทางศาสนาอยู่..”..เห็นพระสงฆ์ท่านหลับตาพริ้ม ไม่พูดอะไร..ข้าพเจ้านั่งมองอยู่สักพัก .จนจิตถอนออกมา..ลืมตา ..จิตมันคิดถึง คณะเทพโลกอุดร.เพราะ..ผู้ที่มีชีวิตยืนยาวกว่าคนปกติ มักจะเกี่ยวพันกับ สายธรรมหลวงปู่เทพโลกอุดร ด้วยข้าพเจ้านิมิตพบสายหลวงปู่เทพโลกอุดร..ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ครั้งแล้ว..จึงจะขอนำมาเล่า..เพื่อยืนยันว่า..หลวงปู่เทพโลกอุดร มีจริง...โดยจะนำมาจากหนังสือหลายๆเล่มที่หลายท่านที่ได้อยู่กับหลวงปู่เทพโลกอุดร หรือ สัมผัสญาณบารมี บันทึกไว้..เช่น หลวงพ่อชาญณรงค์ อาจารย์ประถม อาจสาคร หลวงปู่ครูอาจารย์สายเทพโลกอุดรหลายๆองค์ และขอนำนิมิตบางส่วนของข้าพเจ้า..มาคัดย่อสั้นๆ ..คงไม่ต่ำกว่า 9 ตอน เป็นแน่...
**…คำว่า พระโลกอุดร หรือ พระผู้อยู่เหนือโลก หรือ พระอรหันต์ที่มีฤทธิ์อภิญญาสูง ที่สามารถดำรงขันธ์ อายุยืนนาน เป็น ร้อย เป็นพันปี เพราะคล่องในอิทธิบาท๔ (คล่องในสมาบัติ)..จริงแล้ว ถ้านับเฉพาะผู้ที่มีอายุยืนนาน ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ ก็มีมากมาย มีมาก่อน พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ด้วย คือ กลุ่มปู่ฤาษี นักพรต ต่างๆ บ้างอยู่ในภูเขาเร้นลับ บ้างอยู่ที่ป่าหิมพานต์ อยู่ที่ทวีปอื่นๆ..
*/*...แต่ถ้า จะนับ เริ่มจาก สมัยพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ในยุคพุทธกาล ที่มีพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์อภิญญาสูง และยังมีชืวิตอยู่ จนถึงปัจจุบันนี้ ก็คือ “พระปิณโฑลภารทวาชะ” ท่านเป็นพระอรหันต์ เป็นสหมิกธรรมกับ “พระโมคคัลลานะ” ท่านคือ พระอรหันต์ ที่เหาะขึ้นไปเอาบาตรจากไม้จันทน์แดง ที่เศรษฐีแขวนไว้บนยอดไม้ (เศรษฐี ประกาศว่าหากพระอรหันต์มีจริงก็ให้มาเอาบาตรนี้ไป) เมื่อพระพุทธองค์ทราบเรื่องจึงตรัสแก่หมู่สงฆ์ว่าเป็นพระภิกษุไม่สมควรแสดงฤทธิ์เยี่ยงนี้อีก แต่นั้นมาจึงบัญญัติภิกษุใดแสดงฤทธิ์เป็นความผิดเรียกว่า “อาบัติ”
***..พระพุทธองค์ ไม่ต้องการให้หมู่ชนมาสนใจฤทธิ์มากกว่าธรรม และด้วยหมู่ชนมีกิเลสมาก ก็อยากให้พระอรหันต์แสดงฤทธิ์บ่อยๆ..เป็นการใช้พระอริยเจ้า..มีโทษมาก และถ้าพระอรหันต์ไม่ทำตามคำขอ แล้วโกรธ ยิ่งต้องลงนรก..ดังนั้น ถ้าจะใช้ฤทธิ์เหาะ ย่นระยะทาง จึงทำในป่าที่ผู้คนไม่เห็น..
**…. กาลต่อมา คณะของพระพุทธเจ้าเสด็จไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ “พระปิณโฑลภารทวาชะ” กำลังเย็บจีวร ด้วยความรีบจึง เข้าฌานและเหาะไปตามเสด็จ ปลายเข็มพร้อมด้าย ยังปักลงกับภูเขาหิน เมื่อท่านเหาะขึ้นไป ทั้งหมดเลยลอยกลางอากาศ พอดีมีหญิงครรภ์แก่เดินมา เห็นภูเขาลอยอยู่ เกรงว่าจะเป็นอันตรายตกใจจนแท้งลูกเสียชีวิต
**.. พระพุทธองค์ทราบด้วยพระญาณรีบรับสั่งให้พระโมคคัลลานะไปเตือน พระปิณโฑลภารทวาชะ จึงใช้นิ้วดีดภูเขาไปตั้งที่ เดิม พระพุทธองค์ ปรับความผิดครั้งนี้ ตรัสให้ พระปิณโฑลภารทวาชะ อย่าเพิ่งเข้า นิพพาน แต่ให้ดำรงสังขารขันธ์อยู่พิทักษ์รักษาศาสนาของพระพุทธองค์ ..ดังนั้น.. “พระปิณโฑลภารทวาชะ” เป็นปฐมบท แห่งคำว่า “โลกอุดร” เหนือโลก อายุยืนนาน
.พระปิณโฑลภารทวาชะนี้พระพุทธองค์ทรงยกย่องว่า “เป็นเลิศทางบันลือสีหนาทประกาศพระศาสนา” — กับ Nirut Tawong