หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ได้เคยกล่าวถึงครูบาบุญชุ่มไว้เมื่อสมัยท่านยังเป็นสามเณรว่า
ครูบาบุญชุ่ม องค์นี้ทรง สมาบัติ 8 ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร จนเป็นที่เรืองลือในหมู่นักปฎิบัติธรรม และมีเจโตปริญาณ ที่แม่นยำ และ รวดเร็ว
อดีตสามเณรบุญชุ่มเคยติดตามครูบาชุ่ม โพธิโกไปวัดท่าซุงในปี พ.ศ.2518 มีการบันทึกในหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์ฉบับล่าสุด หรือก่อนล่าสุดนี่
พระอาจรย์เล็ก เล่าถึงก่อนที่จะพบพระองค์ที่สิบ ครูบาบุญชุ่มซึ่งยังเป็นสามเณร มายืนมองเหมือนแสดงเป็นนิมิตหมายให้ดูว่าจะพบสิ่งดี ซึ่งหลวงพี่ระบุไว้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งนั้นว่า ท่านมั่นใจว่าครูบาบุญชุ่มท่านเก่งจริง
จึงนับว่าครูบาบุญชุ่มได้มาวัดท่าซุงไม่น้อยกว่า 2 วาระ ซึ่งครั้งแรกอายุ 8 ขวบ ติดตามหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุยมาร่วมงานครบ 100 ปีหลวงพ่อปาน
มีบันทึกว่าท่านเงียบ ไม่พูด ยิ้มกับลมกับแล้งไปเรื่อย จนลูกศิษย์หลวงพ่อหลายคนนึกปรามาส หลวงพ่อฤาษีลิงดำเมตตาปรามและบอกว่าท่านคล่องในสมาบัติ 8 อย่าปากหมา จะลงนรกเอา
ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร พระโพธิสัตว์เจ้าองค์สำคัญอีกรูป ครูบาท่านเป็นศิษย์ครูบาอาจารย์องค์สำคัญๆเช่น
หลวงปู่ดู่ วัดสะแก, ครูบาพรหม วัดพระบาทตากผ้า, ครูบาชัยวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม, หลวงปู่โง่น โสรโย เป็นต้น
ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้วตั้งแต่สมัยยังเป็นสามเณร พูดอะไรทักอะไรเห็นเหมือนมีตาทิพย์ ถึงขนาดมีคนสร้างเหรียญหน้าเณรถวายท่านเลย
ครูบาบุญชุ่มท่านออกธุดงค์ไปมาหลายสถานที่ทั้งในและนอกประเทศ แม้กระทั่งป่าหิมพานต์ท่านก็เคยธุดงค์ไปมาแล้วสมัยก่อนใครเจอท่านถือว่าโชค ดี
จนท่านกลับไปบำเพ็ญเพียรอยู่ที่พม่าช่วงหนึ่งก่อนกลับมาประเทศไทยเมื่อไม่ กี่ปีมานี้ ใครเคยเจอท่านจะทราบดีถึงความเมตตาของท่าน เพราะถ้าท่านมีอะไรในย่ามล่ะก็ท่านแจกแหลก
ไม่เว้นแม้กระทั่งเงินทำบุญใครได้ไปถือว่าโชคดีเพราะถือว่าเป็นเงินขวัญถุง จากครูบา ท่านตั้งสัจจะบำเพ็ญบารมีในถ้ำแห่งหนึ่งที่จังหวัดลำปาง
ในปีพ.ศ.2553เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยไม่ออกมานอกถ้ำเลย จนถึงปี 2556 ถึงจะได้เจอท่านอีกครั้ง พระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตให้นั้นมีค่ายิ่งครับ
"คาถา 5 คาถาครูบาบุญชุ่ม"
--มนต์คาถาเงินหมื่นล้าน แสนล้าน พันล้าน
"โอมนะโมพุทธายะ นะ มะ พะ ธะ ยะ นะ มะ อะ อุ นะโมพุทธายะ เกสุสุวัง สะสะยายันตัง สังเก นะรันยายะเป"
ฉันมองดูแต่ไม่มีผู้เห็น ฉันฟังอยู่ไม่มีผู้ได้ยิน ฉันดมอยู่แต่ไม่มีผู้ใดกลิ่น ฉันกินอยู่แต่ไม่มีผู้ได้รส ฉันถูกต้องแต่ไม่มีผู้ได้สัมผัส ฉันคิดอยู่แต่ไม่มีผู้คิด ฉันทำงานทุกอย่างแต่ไม่มีผู้ทำ ฉันพูดอยู่แต่ไม่มีผู้พูด ฉันเดินอยู่แต่ไม่มีผู้เดิน ธรรมสภาวะนี้ใครได้สัมผัสรู้ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไป ดังเส้นผมบังภูเขา ถ้าหมดความอยากก็หมดทุกข์
จิตที่ส่งออกนอกเป็นสมุทัย จิตที่สงบอยู่ภายในเป็นนิโรธ จิตที่รู้แจ้งอยู่เป็นมรรค
จงเฝ้าดูสังขารรูปนามนี้เกิดดับ ไม่มีหยุด ไหลไปเหมือนสายน้ำ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอะไรสักอย่างในโลกนี้
จงเฝ้าดูจิตให้สงบอยู่ภายใน ไม่ปรุงแต่งทั้งบุญทั้งบาป ทำจิตเป็นกลางอยู่ ไม่ติดโลกนี้โลกหน้า เป็นทางเข้าสู่นิพพาน
จงเฝ้าดูพิจารณาสังขารขันธ์ห้านี้เสื่อมไปหายไป ใกล้ความตายมาทุกวัน แล้วเราได้ที่พึ่งโลกหน้าหรือยัง อย่ามัวประมาทอยู่
จงตั้งจิต ทำความเพียรยินดีในภาวนาเถิด การเกิดมาเป็นทุกข์แท้หนอ
ไม่ดูแล้วเมื่อไรจะได้เห็น ไม่ฟังแล้วเมื่อใดจะรู้ ไม่ทำแล้วเมื่อไรจะเป็น ไม่เดินแล้วเมื่อใดจะถึง จงตั้งจิตปฏิบัติวิปัสสนาตั้งแต่ในวันนี้ จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป
ยารักษาความโลภหมั่นให้ทาน ยารักษาความโกรธให้รักษาศีล มีจิตเมตตา ยารักษาความหลงให้หมั่นภาวนาวิปัสสนา
จงเอาสตินำหน้าเหมือนนายเรือจับหางเสือ จงเอาปัญญาเป็นประทีปนำทาง เอาความเพียรเป็นเสบียงอาหาร เอาธรรมสติปัฏฐานเป็นแพข้ามฟาก เอาความสงบกิเลสเป็นนิพพาน
ดูกายให้เห็นกาย ดูเวทนาให้เห็นเวทนา ดูจิตให้เห็นจิต ดูธรรมให้เห็นธรรม ไม่มี ไม่เอา ไม่ได้ ไม่เป็น ปล่อยวางทุกอย่างแล้วก็สบายใจ
อันความสุขทางโลกมีอยู่ชั่วคราว ความสุขยืนยาวต้องเข้าหาพระธรรม ความสุขอยู่ไม่ไกลเมื่อใจเรามีสติทุกเมื่อ
ธรรมะของจริงอยู่ในกาย กว้างศอก ยาววา หนาคืบ นี้ มีให้เราเห็นทุกๆ อย่างในกายนครนี้ ใครหมั่นพิจารณาจะได้เข้าสู่นิพพานเอย
กินน้อยตายยาก กินมากตายง่าย ไม่กินเลยก็ตาย ให้เดินทางสายกลางเป็นทางนิพพาน
ในตัวคนเรามีแต่ขี้ทั้งนั้น นับตั้งแต่หัวถึงเท้าเป็นขี้หมด มีขี้รังแค ขี้ตา ขี้หู ขี้มูก ขี้ฟัน ขี้เล็บ ขี้ไคล ขี้ในท้องแล้วยังไม่พอยังมีขี้ในใจอีก ขี้เกียจ ขี้กลัว ขี้ลัก ขี้หึง ขี้เอา มีแต่ขี้ทั้งนั้นนับไม่ถ้วน ให้พิจารณาให้เกิดความเบื่อหน่าย หายความรักความชังเสียเถิด แล้วจะเกิดปัญญาก็เกิดขึ้นมาเอง
ธรรมะทุกอย่างรวมกันเป็นความไม่ประมาท ถ้าประมาทเหมือนคนตายแล้ว
เกิดเป็นคนให้มีดีสามอย่าง หนึ่งใจดี สองพูดจาดี สามทำแต่สิ่งดีๆ แล้วเราจะได้ของดี อย่ามัวเมามาขอแต่ของดีจากพระ จงทำดีเอาคนเดียว ธรรมมะ
ทุกอย่างรวมอยู่ที่จิต เจตสิก รูป นิพพาน ให้หมั่นศึกษาปฏิบัติจะได้รู้แจ้งอันว่า สัจจะความจริงนี้มีในโลก ใครรู้แจ้งพ้นโศกโลกสงสาร ใครไม่รู้แจ้งแทงปัญญาพาให้เกิดเอากำเนิดไม่รู้จบ พบทุกข์ในสงสาร ไม่ถึงพระนิพพาน นานหนักเอย
ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว ใช้ให้ทำทุกอย่างตามตัณหาความอยากไม่มีที่สิ้นสุด ดับตัณหาความอยากได้เป็นสุขในโลก แม่น้ำเสมอดังตัณหาไม่มี
พระพุทธเจ้ากล่าวว่า อุปมาคนเรานี้ มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ท่านว่าตาเราเหมือนงู หูเราเหมือนจระเข้ จมูกเราเหมือนนก ปากลิ้นเราเหมือนหมาบ้าน ตัวเราเหมือนหมาป่า ใจเราเหมือนลิง มีความจริงตามพระพุทธเจ้ากล่าวทุกอย่าง ฯลฯ
Cr. Romanee Yadham
ครูบาบุญชุ่ม สอนว่า...
ในโลกจักรวาลนี้ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร ทุกสิ่งทั้งปวงเกิดดับตามเหตุปัจจัยไหลไปผ่านมาและผ่านไป ไม่มีอะไรเหลืออยู่ ไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่นด้วยสิ่งใดทั้งโลกนี้และโลกหน้า จงตั้งจิตอุทิศชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนี้ ถวายเป็นพุทธบูชา น้อมจิตภาวนาให้รู้แจ้งในรูปนามและสังขารอันไม่เที่ยงทุกข์ เป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตนเราเขาอะไร รู้แจ้งด้วยปัญญาตามความจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป นอกจากทุกข์แล้วไม่มีอะไร
พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า ทุกข์ควรกำหนดรู้ สมุทัยเหตุให้เกิดทุกข์ควรประหาร นิโรธ ควรทำให้แจ้ง มรรคควรเจริญภาวนาให้เกิด ธรรมะทุกอย่างรวมอยู่ที่จิตดวงเดียว เมื่อจิตรู้ จิตตื่น จิตเบิกบานอย่างยิ่งแล้วย่อมพ้นจากทุกข์ การบำเพ็ญธรรมปฏิบัติธรรมนี้ไม่ได้หวังเพื่ออะไรเป็นอะไรสักอย่าง แต่เป็นไปเพื่ออยู่เย็นเป็นสุขในชีวิตประจำวัน เพื่อความหมดห่วงหมดอาลัยในโลกทั้งสาม เพื่อนิพพานเท่านั้น ขอให้ทุกคนตั้งใจจริงทำจริงปฏิบัติจริงต่อธรรมะ อย่าท้อถอยเอาชีวิตเป็นเดิมพันถึงจะตายด้วยการปฏิบัติธรรมก็ยอม ให้มีกำลังใจเข้มแข็ง และทำจิตให้อ่อนโยนอ่อนน้อมถ่อมตน
อย่าคิดว่าเราเป็นคนสำคัญให้ทำตนแบบปกติธรรมดาๆ นี่แหละดีที่สุด เมื่อเราคิดว่าเราเป็นคนสำคัญแล้ว เมื่อผู้อื่นไม่ให้ราคาเรา ไม่นับถือให้ความสำคัญเราแล้ว จิตใจเราจะเป็นทุกข์ร้อนรนสับสนวุ่นวายไปตามกระแสโลกธรรม ขอให้ตั้งใจให้ดีมีสติทุกเมื่อ ทุกขณะจิต เพียงแต่รู้เฝ้า ดูเฝ้าเห็นกายกับใจเคลื่อนไหวไปตามเหตุปัจจัย เป็นเพียงรูปธรรมนามธรรมเท่านั้น เป็นเพียงก้อนทุกข์ ก้อนธาตุ เท่านั้น ไม่ควรไปให้ราคาตัวเองและวัตถุธาตุ สิ่งใดไม่ควรมั่นหมายผูกพันกับสิ่งใดในโลก เราอยู่ในโลกอย่าหลงมายาของโลก ไม่ติดไม่ข้องแวะเกี่ยวกับสิ่งในใจ มีแต่ใจรู้แจ้ง ปล่อยวางสู่ความว่างสภาพเดิมของธรรมชาติแท้
ครูบาบุญชุ่มเทศน์ในตอนท้ายว่า ขอให้ทุกคนจงตั้งจิตตั้งใจให้ดี เราจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยาก จะได้มาพบพุทธศาสนาก็ยาก จะพบพ่อดีแม่ดี ครูบาอาจารย์ที่ดีก็ยาก ได้สร้างบารมีมาถึงวันนี้ อายุเราจะยืนมาถึงวันนี้ไม่ใช่ง่าย เราป่วย เราไข้หลายครั้งเพราะว่าทุกดวงจิต ทุกชีวิต ทุกวิญญาณก็เป็นไปตามกฎของทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ มันไม่อยู่เหมือนเดิม ก็ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามธรรมชาติ ฉะนั้นเราได้ประคับประคองธาตุขันธ์ของเราอายุของเรามาถึงวันนี้บุญที่สุดแล้ว และเราจะอยู่ต่อไปอีกกี่ปี กี่เดือน กี่วัน กี่ยาม ก็แล้วแต่บุญกุศลของเรา แล้วแต่ธาตุขันธ์ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของสมมุติ เรายืมเขามาโดยมีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลมและก็ประกอบด้วยขันธ์ทั้ง ๕ มีรูปธรรมนามธรรมเกิดดับอยู่ตลอด
"#คำสอนสำคัญ4ข้อ...พระครูบาพ่อบุญชุ่ม ญาณสํวโร"
1. ในโลกจักรวาลนี้.. ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร "ทุกสิ่งทั้งปวงเกิดดับตามเหตุปัจจัย" ผ่านมาและผ่านไป ไม่มีอะไรเหลืออยู่ ไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่นด้วยสิ่งใด ทั้งโลกนี้และโลกหน้า
จงตั้งจิตอุทิศชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนี้ ถวายเป็นพุทธบูชา น้อมจิตภาวนาให้รู้แจ้งในรูปนามและสังขารอันไม่เที่ยงทุกข์ เป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตน เราเขาอะไร รู้แจ้งด้วยปัญญาตามความจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป นอกจากทุกข์แล้วไม่มีอะไร
2. อย่าคิดว่าเราเป็นคนสำคัญ.. ให้ทำตนแบบปกติธรรมดาๆนี่แหละดีที่สุด เมื่อเราคิดว่าเราเป็นคนสำคัญแล้ว เมื่อผู้อื่นไม่ให้ราคาเรา ไม่นับถือให้ความสำคัญเราแล้ว จิตใจเราจะเป็นทุกข์ร้อนรนสับสนวุ่นวายไปตามกระแสโลกธรรม
ขอให้ตั้งใจให้ดีมีสติทุกเมื่อทุกขณะจิต เพียงแต่รู้ เฝ้าดูเฝ้าเห็นกายกับใจเคลื่อนไหวไปตามเหตุปัจจัย เป็นเพียงรูปธรรมนามธรรมเท่านั้น เป็นเพียงก้อนทุกข์ก้อนธาตุเท่านั้น
"เราไม่ควรไปให้ราคาตัวเองและวัตถุ" เราอยู่ในโลกอย่าหลงมายาของโลก ไม่ติดไม่ข้องแวะเกี่ยวกับสิ่งในใจ มีแต่ใจรู้แจ้ง ปล่อยวางสู่ความว่างสภาพเดิมของธรรมชาติแท้
3. ในตัวคนเรามีแต่ขี้ทั้งนั้น.. นับตั้งแต่หัวถึงเท้าเป็นขี้หมด มีขี้รังแค ขี้ตา ขี้หู ขี้มูก ขี้ฟัน ขี้เล็บ ขี้ไคล ขี้ในท้องแล้วยังไม่พอ ยังมีขี้ในใจอีก ขี้เกียจ ขี้กลัว ขี้ลัก ขี้หึง ขี้เอา มีแต่ขี้ทั้งนั้นนับไม่ถ้วน
ให้พิจารณาให้เกิดความเบื่อหน่าย หายความรักความชังเสียเถิด แล้วจะเกิดปัญญาขึ้นมาเอง
4. เกิดเป็นคน "ให้มีดี 3 อย่าง"
1.ใจดี 2.พูดจาดี 3.ทำแต่สิ่งดีๆ แล้วเราจะได้ของดี อย่ามัวเมามาขอแต่ของดีจากพระ จงทำดีเอาคนเดียว
ท้ายที่สุดนี้... เราขอเมตตาให้ทุกท่านจงเป็นผู้มีสติมีปัญญาพาตนให้พ้นทุกข์ในวัฏฏะสงสาร ให้ถึงพระนิพพานอันเป็นอมตะสุขยิ่ง
ตราบใดยังไม่ถึงพระนิพพาน ได้เวียนว่ายตายเกิดทุกภพทุกชาติ ขอให้ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ดีเป็นบัณฑิต ขอให้ได้สร้างบารมีธรรมให้เต็มเปี่ยม ให้ทำประโยชน์ตน ประโยชน์แก่ญาติแก่สังคม ประโยชน์แก่ชาวโลก ให้สำเร็จสมความปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ
ข้อธรรมทั้งหมดนี้.. ข้าพเจ้า "ครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร" ได้เขียนบันทึกเมตตาไว้ ในปีพุทธศักราช 2550 ขณะเข้าจำพรรษา ณ ถ้ำมหาโพธิสัตว์ราชคฤห์ จ.ลำปาง
ข้อมูลจากเฟซบุ๊ก สวดมนต์ตามแนวปฏิบัติ พระครูบาพ่อบุญชุ่ม ญาณสํวโร
ฝากติดตามเพจแสงแหงธรรมะดว้ยนะครับ🙏
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ได้เคยกล่าวถึงครูบาบุญชุ่มไว้เมื่อสมัยท่านยังเป็นสามเณรว่า
ครูบาบุญชุ่ม องค์นี้ทรง สมาบัติ 8 ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร จนเป็นที่เรืองลือในหมู่นักปฎิบัติธรรม และมีเจโตปริญาณ ที่แม่นยำ และ รวดเร็ว
อดีตสามเณรบุญชุ่มเคยติดตามครูบาชุ่ม โพธิโกไปวัดท่าซุงในปี พ.ศ.2518 มีการบันทึกในหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์ฉบับล่าสุด หรือก่อนล่าสุดนี่
พระอาจรย์เล็ก เล่าถึงก่อนที่จะพบพระองค์ที่สิบ ครูบาบุญชุ่มซึ่งยังเป็นสามเณร มายืนมองเหมือนแสดงเป็นนิมิตหมายให้ดูว่าจะพบสิ่งดี ซึ่งหลวงพี่ระบุไว้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งนั้นว่า ท่านมั่นใจว่าครูบาบุญชุ่มท่านเก่งจริง
จึงนับว่าครูบาบุญชุ่มได้มาวัดท่าซุงไม่น้อยกว่า 2 วาระ ซึ่งครั้งแรกอายุ 8 ขวบ ติดตามหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุยมาร่วมงานครบ 100 ปีหลวงพ่อปาน
มีบันทึกว่าท่านเงียบ ไม่พูด ยิ้มกับลมกับแล้งไปเรื่อย จนลูกศิษย์หลวงพ่อหลายคนนึกปรามาส หลวงพ่อฤาษีลิงดำเมตตาปรามและบอกว่าท่านคล่องในสมาบัติ 8 อย่าปากหมา จะลงนรกเอา
ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร พระโพธิสัตว์เจ้าองค์สำคัญอีกรูป ครูบาท่านเป็นศิษย์ครูบาอาจารย์องค์สำคัญๆเช่น
หลวงปู่ดู่ วัดสะแก, ครูบาพรหม วัดพระบาทตากผ้า, ครูบาชัยวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม, หลวงปู่โง่น โสรโย เป็นต้น
ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้วตั้งแต่สมัยยังเป็นสามเณร พูดอะไรทักอะไรเห็นเหมือนมีตาทิพย์ ถึงขนาดมีคนสร้างเหรียญหน้าเณรถวายท่านเลย
ครูบาบุญชุ่มท่านออกธุดงค์ไปมาหลายสถานที่ทั้งในและนอกประเทศ แม้กระทั่งป่าหิมพานต์ท่านก็เคยธุดงค์ไปมาแล้วสมัยก่อนใครเจอท่านถือว่าโชค ดี
จนท่านกลับไปบำเพ็ญเพียรอยู่ที่พม่าช่วงหนึ่งก่อนกลับมาประเทศไทยเมื่อไม่ กี่ปีมานี้ ใครเคยเจอท่านจะทราบดีถึงความเมตตาของท่าน เพราะถ้าท่านมีอะไรในย่ามล่ะก็ท่านแจกแหลก
ไม่เว้นแม้กระทั่งเงินทำบุญใครได้ไปถือว่าโชคดีเพราะถือว่าเป็นเงินขวัญถุง จากครูบา ท่านตั้งสัจจะบำเพ็ญบารมีในถ้ำแห่งหนึ่งที่จังหวัดลำปาง
ในปีพ.ศ.2553เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยไม่ออกมานอกถ้ำเลย จนถึงปี 2556 ถึงจะได้เจอท่านอีกครั้ง พระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตให้นั้นมีค่ายิ่งครับ
"คาถา 5 คาถาครูบาบุญชุ่ม"
--มนต์คาถาเงินหมื่นล้าน แสนล้าน พันล้าน
"โอมนะโมพุทธายะ นะ มะ พะ ธะ ยะ นะ มะ อะ อุ นะโมพุทธายะ เกสุสุวัง สะสะยายันตัง สังเก นะรันยายะเป"
ฉันมองดูแต่ไม่มีผู้เห็น ฉันฟังอยู่ไม่มีผู้ได้ยิน ฉันดมอยู่แต่ไม่มีผู้ใดกลิ่น ฉันกินอยู่แต่ไม่มีผู้ได้รส ฉันถูกต้องแต่ไม่มีผู้ได้สัมผัส ฉันคิดอยู่แต่ไม่มีผู้คิด ฉันทำงานทุกอย่างแต่ไม่มีผู้ทำ ฉันพูดอยู่แต่ไม่มีผู้พูด ฉันเดินอยู่แต่ไม่มีผู้เดิน ธรรมสภาวะนี้ใครได้สัมผัสรู้ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไป ดังเส้นผมบังภูเขา ถ้าหมดความอยากก็หมดทุกข์
จิตที่ส่งออกนอกเป็นสมุทัย จิตที่สงบอยู่ภายในเป็นนิโรธ จิตที่รู้แจ้งอยู่เป็นมรรค
จงเฝ้าดูสังขารรูปนามนี้เกิดดับ ไม่มีหยุด ไหลไปเหมือนสายน้ำ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอะไรสักอย่างในโลกนี้
จงเฝ้าดูจิตให้สงบอยู่ภายใน ไม่ปรุงแต่งทั้งบุญทั้งบาป ทำจิตเป็นกลางอยู่ ไม่ติดโลกนี้โลกหน้า เป็นทางเข้าสู่นิพพาน
จงเฝ้าดูพิจารณาสังขารขันธ์ห้านี้เสื่อมไปหายไป ใกล้ความตายมาทุกวัน แล้วเราได้ที่พึ่งโลกหน้าหรือยัง อย่ามัวประมาทอยู่
จงตั้งจิต ทำความเพียรยินดีในภาวนาเถิด การเกิดมาเป็นทุกข์แท้หนอ
ไม่ดูแล้วเมื่อไรจะได้เห็น ไม่ฟังแล้วเมื่อใดจะรู้ ไม่ทำแล้วเมื่อไรจะเป็น ไม่เดินแล้วเมื่อใดจะถึง จงตั้งจิตปฏิบัติวิปัสสนาตั้งแต่ในวันนี้ จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป
ยารักษาความโลภหมั่นให้ทาน ยารักษาความโกรธให้รักษาศีล มีจิตเมตตา ยารักษาความหลงให้หมั่นภาวนาวิปัสสนา
จงเอาสตินำหน้าเหมือนนายเรือจับหางเสือ จงเอาปัญญาเป็นประทีปนำทาง เอาความเพียรเป็นเสบียงอาหาร เอาธรรมสติปัฏฐานเป็นแพข้ามฟาก เอาความสงบกิเลสเป็นนิพพาน
ดูกายให้เห็นกาย ดูเวทนาให้เห็นเวทนา ดูจิตให้เห็นจิต ดูธรรมให้เห็นธรรม ไม่มี ไม่เอา ไม่ได้ ไม่เป็น ปล่อยวางทุกอย่างแล้วก็สบายใจ
อันความสุขทางโลกมีอยู่ชั่วคราว ความสุขยืนยาวต้องเข้าหาพระธรรม ความสุขอยู่ไม่ไกลเมื่อใจเรามีสติทุกเมื่อ
ธรรมะของจริงอยู่ในกาย กว้างศอก ยาววา หนาคืบ นี้ มีให้เราเห็นทุกๆ อย่างในกายนครนี้ ใครหมั่นพิจารณาจะได้เข้าสู่นิพพานเอย
กินน้อยตายยาก กินมากตายง่าย ไม่กินเลยก็ตาย ให้เดินทางสายกลางเป็นทางนิพพาน
ในตัวคนเรามีแต่ขี้ทั้งนั้น นับตั้งแต่หัวถึงเท้าเป็นขี้หมด มีขี้รังแค ขี้ตา ขี้หู ขี้มูก ขี้ฟัน ขี้เล็บ ขี้ไคล ขี้ในท้องแล้วยังไม่พอยังมีขี้ในใจอีก ขี้เกียจ ขี้กลัว ขี้ลัก ขี้หึง ขี้เอา มีแต่ขี้ทั้งนั้นนับไม่ถ้วน ให้พิจารณาให้เกิดความเบื่อหน่าย หายความรักความชังเสียเถิด แล้วจะเกิดปัญญาก็เกิดขึ้นมาเอง
ธรรมะทุกอย่างรวมกันเป็นความไม่ประมาท ถ้าประมาทเหมือนคนตายแล้ว
เกิดเป็นคนให้มีดีสามอย่าง หนึ่งใจดี สองพูดจาดี สามทำแต่สิ่งดีๆ แล้วเราจะได้ของดี อย่ามัวเมามาขอแต่ของดีจากพระ จงทำดีเอาคนเดียว ธรรมมะ
ทุกอย่างรวมอยู่ที่จิต เจตสิก รูป นิพพาน ให้หมั่นศึกษาปฏิบัติจะได้รู้แจ้งอันว่า สัจจะความจริงนี้มีในโลก ใครรู้แจ้งพ้นโศกโลกสงสาร ใครไม่รู้แจ้งแทงปัญญาพาให้เกิดเอากำเนิดไม่รู้จบ พบทุกข์ในสงสาร ไม่ถึงพระนิพพาน นานหนักเอย
ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว ใช้ให้ทำทุกอย่างตามตัณหาความอยากไม่มีที่สิ้นสุด ดับตัณหาความอยากได้เป็นสุขในโลก แม่น้ำเสมอดังตัณหาไม่มี
พระพุทธเจ้ากล่าวว่า อุปมาคนเรานี้ มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ท่านว่าตาเราเหมือนงู หูเราเหมือนจระเข้ จมูกเราเหมือนนก ปากลิ้นเราเหมือนหมาบ้าน ตัวเราเหมือนหมาป่า ใจเราเหมือนลิง มีความจริงตามพระพุทธเจ้ากล่าวทุกอย่าง ฯลฯ
Cr. Romanee Yadham