💐💐#เคยสร้างบาปมาแต่ใช่ว่าชีวิตมันเริ่มต้นใหม่ไม่ได้
📌แม้ว่าเราจะเคยทำดีหรือไม่ดีมาก่อน
📌กรรมมันก็เกิดและดับแล้ว
มหาโจรทิ้งดาบ ยังเป็นพระอรหันต์ได้
"โอกาสของพรหมจรรย์หรืออริยมรรคนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ เกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต"
ถ้าเข้าใจถูกต้อง ใจก็เป็นปกติ
🔛เพราะจริงๆเราก็ไม่เลวอะไรมาก
🔛ไม่ได้เลวตลอดเวลา นานๆเลวที
🔛เพียงแต่แก้ไขด้วยการสำรวมระวังต่อไป
🔛ทีนี้..บางคนคิดว่าตัวเองเลวเหลือเกิน
📌มันเลวเพราะมีมิจฉาทิฐิ
📌ไม่ใช่เลวเพราะทำเลว
🔛แต่เลวเพราะความเห็นผิด ความเห็นผิดนี้ คือย้ำคิดย้ำทำอยู่นั่นแหละ
พระพุทธองค์ตรัสว่า
"ชนทั้งหลายที่ยังไม่รู้จัก ปฎิจสมุปบาท
เขายังยุ่งเหยิงเหมือนด้ายของช่างหูก เป็นกระจุกเหมือนกระจุกด้ายวนเวียนอยู่อย่างนั้นแหละ
ไม่อาจพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฎนี้ไปได้"
ที่เขาไปอบาย ไม่ใช่ไปเพราะทำผิดรุนแรงมากมาย
แต่ที่ต้องตกอบายไปเกิดอย่างนั้นอยู่เรื่อยไปเพราะมีความเห็นผิดๆ
(ย้ำคิด ย้ำความผิดเก่าๆไปตอกย้ำตนเอง)
แต่เมื่อใดมีความเห็นถูกต้องแล้ว เป็นสัมมาทิฐิ เขาย่อมไม่ต้องไปอบาย
สัมมาทิฐิก็คือ รู้ความจริง
หากรู้ว่า หากคิดว่า" ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว"
การประพฤติพรหมจรรย์ก็มีไม่ได้
"เพราะต้องมีตัวตนไปคอยรับผลดีผลชั่วนั้นตลอด"
มันก็ไม่มีทางหมด ไม่มีทางสิ้นสุด ไม่มีทางจบสิ้น
สุดท้ายก็ออกจากวงจรโลกไม่ได้
ทำให้สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้ดีแล้ว เพื่อสิ้นทุกข์ เพื่อสิ้นกรรม จึงถูกปฎิเสธไป
ดังนั้น...จงอยู่กับจิตปัจจุบันที่บริสุทธิ์ด้วยปัญญากันเถิด
มีกู....มีกรรม
หมดกู.....หมดกรรม
เมื่อเราเป็นผู้สำนึกที่แท้จริงแล้ว
เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องวิบากกรรมใดๆอีกต่อไป
เมื่อเราใจบริสุทธ์เสียแล้ว
การชดใช้กรรมนั้นมันก็ยุติสำหรับเราทันที
จะมีเหลือก็แต่ การอนิจจังของรูปธาตุและนามธาตุเท่านั้น
แต่หาใช่เกิดมาจากการชดใช้โดยมีความเป็น"เรา"ไม่
"กรรมจะหมดทันที เมื่อหมดความเป็นตัวตน ตัวกูของกู
แม้เป็นโรคร้าย ต้องตาย ก็จะไม่ใช่กรรม
ด้วย........
จิตจะพลิกมองว่า มันเป็นแค่ธาตุธรรมชาติ เสื่อมดับตามเหตุปัจจัย เท่านั้น
ไม่มีใครเป็นเจ้าของหรือเสวยผลเหล่านั้นเลย"
...................................
(พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ท่านไม่เคยแบ่งแยกคนดีไม่ดี
มิใช่ว่า....
คนดี...ท่านช่วย
คนไม่ดี...ท่านไม่ช่วย
ท่านช่วยทุกคน เพื่อพลิกจิตปัจจุบันเขา เข้าสู่เส้นทางแห่งพุทธะ
ด้วยเหตุนี้ การพลิกจิตมาร จึงเป็นงานสำคัญของผู้บำเพ็ญโพธิสัตว์)
#แต่ที่สุดของที่สุดนั้นพุทธะกับมารคือสื่งเดียวกัน
#อาม่า#พระเชนเรซิก
#..ภาพทิพย์..ผ้าไตร..กระดาษเงิน-ทอง..วันถวายมุมพระสารีริกธาตุ.
..ณ วัดสะพานเลือก..28 ธค.62 ..ทำไม.จะต้องมีการถวายผ้าไตรหลายชุด..ผ้าขาวชีพารห๋ม..บาตรพระ..และ.กระดาษเงิน กระดาษทอง
ด้วยเหตุก่อนวันงาน..มีชาวทิพย์..ทั้งจากชั้นพรหม..ชาวนาคเมืองบาดาล.และ..พระภูมิ
..มาบอกว่า..อยากบวชพระ..(ในกายทิพย๋)..
จึงบอกว่า..จะถวายชุดผ้าไตร.บาตรพระ..ในวันงาน..เพื่่อให้มาโมทนา..มาบวชจิต..เป็นพระ
..และที่ถวายผ้าขาวกางเกงเสื้อ..สำหรับชาวทิพย์..ที่ยังเพิ่งเริ่มปฏิบัติธรรม
*.. พอวันงาน..พวกเขามาจริงๆ..ในกายมนุษย์ทิพย๋...มา 6 ท่าน..กลายเป็นกายพระสงฆ์..
..
*..และในภารกิจนี้..ยังต้องการปรับภพภูมิด้วย..มอบหมายให้ ตา..ช..ดูแล..ขณะขับรถเข้ามาในงาน..ก็เห็นควันดำลอยวนบนพื้น..แต่ยังไม่ลอยขึ้นบน..เพราะกำลังบุญไม่พอ..เป็นวิญญานตกค้าง..มากมาย
**. ในงานนี้..ข้าพเจ้าถวาย..ลูกแก้วจักรพรรดิ์นาคราช..ของหลวงปู่ดู่..เพื่อเพิ่มแสงทิพย๋ให้วิญญาน...หลังจากบวงสรวงเสร็จ .ให้ตา..ช..นำแผ่นเงิน..แผ่นทองมาเผา..เพื่อเปิดทาง..เปิดภูมิ.ให้วิญญาน..ตกค้าง.ไปง่ายขึ้น..
..**..หลังจากทำตามนั้น..กลุ่มควันสีดำ..ก็ลอยขึ้นจากพื้น..เหมือนปล่องไฟ.จากสีดำ..กลายเป็นสีเทา.ลอยขึ้นด้านบน.ส่วนผ้าไตร..จะนำทางให้วิญญานด้วย
*ยังมีการโปรยทาน..ลงพื้นดินฝากแม่พระธรณี..ให้วิญญาณ.ตั้งจิคโมทนาบุญได้ง่าย.
.**. _ภารกิจของเรา..เพื่อสรรพสัตว์..
คงมีแต่หัตถ์แห่งเหล่าโพธิเท่านั้น
#ที่จะหมุนกงล้อแห่งธรรมจักรให้ขับเคลื่อนจนถึงสิ้นพุทธันดร
พระพุทธเจ้าตรัสว่า...
ทศทิศโลกธาตุมีมากมาย
และโลกธาตุเหล่านั้น ทุกข์น้อยอบายน้อย หมู่สัตว์อบรมง่าย
จะมีแต่โลกธาตุที่มีความเสื่อม5ประการนี้เท่านั้น ที่เป็นทุกข์อย่างยิ่ง(โลกของเรา)
เรา!!"ตถาคตจึงมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในโลกใบนี้
พระโพธิสัตว์และหมู่สัตว์ที่บำเพ็ญที่โลกอื่น แม้ชั้นพรหม
ยังมีกุศลบารมีเทียบไม่ได้เลย
กับผู้ที่อยู่ในสหาโลกธาตุนี้ แล้วมีจิตเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์แค่ชั่วฟ้าแลบ
เหล่าโพธิ อย่าท้อถอย อย่าคิดถึงบ้าน
จงภูมิใจที่เรามาทำหน้าที่เป็นลูกหลานพระพุทธองค์
จงช่วยกันหมุนกงล้อแห่งธรรมจักรเถิด
ความเสื่อมแห่งพุทธศาสนานั้นทรง
แบ่งไว้5ประการ ดังนี้
1.เสื่อมเพราะทิฐิ เมื่อมิจฉาทิฐิรุ่งเรือง กุศลกรรมอันดีมิอาจเจริญได้
2.เสื่อมเพราะกิเลสเมื่อสรรพสัตว์ไร้ปัญญาถูกครอบงำด้วยตัณหาจนหลงในวัตถุเกิดความโลภกอบโกยจนเบียดเบียนกันอย่างไร้ศีลธรรม
3.ความเสื่อมเพราะสัตว์ คือไม่รู้กตัญญูและไม่ละอายต่อบาป ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และทำร้ายผู้ทรงศีล
4.ความเสื่อมเพราะอายุเพราะมีอกุศลกรรมเพิ่มพูน จึงบั่นทอนอายุขัยมนุษย์ให้สั้นลงๆๆ
5.ความเสื่อมแห่งกัลป์ คือการดำรงของกัลป์สลายลง จากอุทกกภัย อัคคีภัย โรคาภัย และวิบัติภัยทั้งปวง
🙏🙏🙏#แต่หัตถ์แห่งเหล่าโพธิจะหมุนกงล้อแห่งธรรมจักรให้ขับเคลื่อนจนถึงสิ้นพุทธันดร
การหมุนธรรมจักร ของพระโพธิสัตว์เป็นเช่นไร
อริยญานซึ่งเป็นพุทธิภาวะ จะหมุนธรรมจักรด้วยการแสดงในรูปแบบความเมตตา
ความเมตตาที่นอกเหนือจากการคิดถึงตน
การหลงลืมแล้วซึ่ง...ตนเอง
การละเลยแล้วซึ่ง...ตนเอง
การมีความกรุณาบริบูรณ์ต่อสิ่งทั้งปวงคือจุดกลับตัวของ"การบำเพ็ญทั้งหมด"
เมื่อจุดกลับตัวอันลึกซึ้งนี้ปรากฎ
"ภาวะตถาคต"
ซึ่งเป็นอริยญานเพื่อความหลุดพ้นของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
ก็จะแสดงอานุภาพออกมา
นั้นแล...คือนิพพานล่ะ
#อาม่า#พระเชนเรซิก
💥#หากมีปัญญาบารมีก็สามารถพิจารณาตามอุปนิสัยเข้านิพพานได้
💥#โดยที่ยังทำงานเลี้ยงชีพในชีวิตประจำวันเป็นปกติ
🔛ไม่ต้องสละเรือนไปนั่งหลับหูหลับตาในป่า
1.อนิมิตตนิพพาน หนักไปทางผู้เห็นอนิจจัง คือความไม่เที่ยง
📌ประเภทนี้พิจารณาว่าไม่มีอะไรเป็นที่กำหนดได้เพราะมันหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ยึดไม่ได้ ถือไม่ได้จนรู้สึกเบื่อหน่ายคลายความกำหนัด
2.อัปปณิหิตนิพพาน หนักไปทางทุกขัง
📌คือพวกที่ทุกข์มากๆ หันไปทางไหน พบแต่ทุกข์ ชีวิตอยู่กับความทุกข์ ทุกข์มากๆก็พิจารณาไม่มีอะไรให้ตั้งเกาะ ก็เบื่อหน่าย คลายกำหนัด
3.สุญญตานิพพาน นี่คือพวกหนักไปทางอนัตตา เห็นอะไรๆพิจารณาไม่ควรยึดถือว่าเป็นตัวตน ว่าเป็นของตน.
เข้าถึงนิพพานตัวนี้ จะยึดความว่างเป็นหลัก
💥อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นี้สำคัญ เห็นบ่อยๆ ซาบซึ้งมากๆ ทำให้พลิกจิตเป็นพระอรหันต์ได้
💥3 หนทางแห่งทางนั้น
📌*เบื่อที่ ซ้ำซาก
📌*เบื่อที่ ทุกข์เรื่อย
📌*เบื่อที่ ยึดติด
.........
สุดท้ายจิตก็วางเอง
เลิกเกาะเกี่ยว...เป็นอิสระ
#อาม่า...พระเชนเรซิก