พุทธธรรมสำหรับนักบวช วันที่ 7 กันยายน 2560
ตอนที่ 169 **ธัมมานุสติ แบบที่ ๒**
+ +
ในเย็นของวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560 ณ พุทธอุทยานภูสวรรค์
ข้าพระพุทธเจ้า ได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่าน
แล้วนั้น จึงได้เฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
วันนี้ ลูกจะขอทูลถาม ถึงกรรมฐานกองที่ 22 แบบที่ 2*
คือ การพิจารณาถึง*พระธรรม* เป็นอารมณ์
ในแบบที่ 2 นี้.. เราจะมีวิธีพิจารณาแบบไหนล่ะเจ้าคะ ? เราจะได้เข้าสู่ฌานได้ น่ะเจ้าค่ะ ”
- - - -
ดีแล้วละ พระยาธรรม.. ถ้าอย่างนั้น ลูกจงตอบมาเถิดนะ ตามความรู้ของลูกว่า
จะใช้อะไรเป็นสิ่งสมมุติแทนพระธรรมได้ ในแบบที่ 2*
นอกเหนือจากการฟังธรรม / พิจารณาธรรมแล้ว..
เสียงธรรม หรือคลื่นพลังแห่งธรรมนั้น สามารถก่อเกิดเป็นอะไร ?
ที่เราจะสมมุตินำมา เพื่อที่จะพิจารณาตั้งอารมณ์ไว้กับสิ่งนั้น - เพื่อเข้าสู่ฌานสมาธิได้
จงกล่าวธรรมนี้มาเถิด ตามความรู้ ความเข้าใจของลูกนั้น…
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
พระพุทธองค์เจ้าขา.. ตามความรู้ของลูก ลูกเคยเห็นว่า
ถ้าเกิดว่า มีพระธรรมคำสอนสั่งที่ทรงแสดง จนเรานั้นเข้าใจทะลุแจ่มแจ้ง
- ก็จะเกิดเป็นดวงแก้ว.. ที่เป็นดวงธรรม น่ะเจ้าค่ะ
จะเกิดเป็น *ดวงแก้วดวงธรรม* ที่สว่างไสว..
หรือบางที เราก็จะเห็นดวงแก้วเหล่านั้น.. ลอยลงมา
เราจะรู้ได้ว่า นั่นคือดวงแก้วดวงธรรม - ที่เราฟังธรรม
ที่ประพฤติ ปฏิบัติตามคำสอนสั่งเหล่านั้น
- จนปรากฏเป็น *ดวงแก้ว*
ลูกจึงคิดว่า.. ถ้าเป็นการพิจารณาถึงพระธรรม เราสมมุติ นึกถึงดวงธรรมได้.. พระพุทธเจ้าค่ะ
ซึ่งจะเป็นดวงกลมๆ สว่างไสว.. ใสเหมือนแก้ว
... เรานึกถึงสิ่งนี้แทนได้.. พระพุทธเจ้าค่ะ
พระพุทธองค์ :: ก็ดีแล้วละ
ถ้าอย่างนั้น ลูกก็จงนำทุกคนอธิษฐาน ก่อนที่จะเข้าสู่การกรรมฐานดูซิ ว่าจะทำแบบไหน ?
เอาตามแบบที่ลูกนั้นเข้าใจ และคิดว่าทำได้ดี
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
ถ้าอย่างนั้น ก่อนที่ลูกจะทำสมาธิ ลูกก็จะทำแบบนี้เจ้าค่ะ
ลูกขออนุญาตนำพาทุกๆคน ทำกรรมฐานในขั้นตอนแรกเริ่ม ก่อนนะเจ้าคะ..
ก่อนที่เราจะทำสมาธิ..
ให้เราทุกคนกราบลงที่พื้น ตรงที่เรานั่งนั้น..
เมื่อเรากราบลงแล้ว.. เราก็นั่งสมาธิ
นั่งในท่านั่งที่สบาย ที่เราคิดว่า น่าจะผ่อนคลาย และสบายสำหรับตัวของเรา
เสร็จแล้ว ก็พนมมือขึ้น แล้วอธิษฐานว่า..
“ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ขอน้อมถึงองค์พระพุทธ เป็นที่พึ่ง
พระธรรมคำสอนสั่งของพระพุทธองค์ เป็นที่พึ่ง
องค์พระอริยสงฆ์เจ้า เป็นที่พึ่ง
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.. ขอน้อมอาราธนาบารมีขององค์พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
เพื่อส่งตรงมายังศูนย์กลางกาย ของข้าพเจ้าทั้งหลาย ..
หากแม้นมีกรรมอันใด ที่ข้าพเจ้าเคยก่อเคยทำ จะประมาทล่วงเกิน ต่อ..
องค์พระพุทธ องค์พระธรรม และองค์พระสงฆ์
คุณบิดามารดา
คุณครูบาอาจารย์
ญาติสนิท มิตรสหาย
... ข้าพเจ้ากราบขอขมากรรม
หากแม้นมีบุญอันใด ที่เป็นความดี ที่ข้าพเจ้าได้เคยสั่งสมทำมาแล้ว
ตั้งแต่ในอดีต จนถึงปัจจุบันชาตินี้
ขออาราธนาความดีของข้าพเจ้าที่ได้สร้างสั่งสมนั้น..
ยกถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา แด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอให้ดวงแก้วดวงธรรม จงปรากฏแก่ข้าพเจ้า
ในการทำสมาธินี้ อย่างชัดเจนด้วยเถิด.. พระพุทธเจ้าค่ะ”
เมื่อเราอธิษฐานเช่นนี้แล้ว.. เราก็น้อมก้มกราบลง
จะกราบจริงๆก็ได้
หรือจะน้อมจิตกายภายใน คือน้อมกราบ ที่จิตที่ใจของเรา
สมมุติเอาความรู้สึกของเรา กราบลง..
แล้วเราก็นั่งหลับตา ภาวนาไปว่า..
“ธรรมานุสติ ขอดวงแก้วดวงธรรม จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า”
แล้วก็ทำลมหายใจของเรา.. ให้ผ่อน ให้คลาย
ปล่อยจิตปล่อยใจของเราให้ว่างๆ
ลูกก็จะนำทุกคนทำกรรมฐาน เช่นนี้ละเจ้าค่ะ
ตามความรู้ ความสามารถของลูก
ความเข้าใจ และการเริ่มต้นทำของลูก น่ะเจ้าค่ะ..
- - -
พระพุทธองค์ :: ก็ดีแล้วนี่ พระยาธรรม.. ทำอย่างที่ลูกได้กล่าวมานั้น ก็ดีแล้ว..
จงทำสมาธิต่อไปเถิดลูก
เมื่อลูกนั้น..ได้กล่าวน้อมขอพลังพุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี แล้ว..
ก็ได้ขอขมากรรมไปแล้ว..
ลูกก็ได้น้อมพลังบุญ ความดีที่ลูกได้สั่งสมทำมา รวบรวมน้อมถวาย
และขอพลังอำนาจบุญ.. จงปรากฏเป็นดวงแก้วดวงธรรม
ทีนี้.. ก็พากันหลับตา และภาวนาต่อไป..
ให้ทุกคน นึกถึงดวงแก้วที่สว่างไสว..
ให้เรานึกว่าตรงหน้าของเรา สูงเหนือศีรษะขึ้นไป สัก 3 เมตร
มีดวงแก้วดวงขนาดใหญ่ เป็นดวงแก้วกลมใสๆ
แล้วก็ส่องแสงสว่าง.. สว่างอย่างนิ่มนวล ลงมาหาเรา
แสงพลังนั้น.. ก็เป็นแสงพลัง ที่เย็นสบาย
และเราก็เห็นดวงแก้ว ดวงขนาดเท่ากันกับลูกปิงปอง
ลอยลงมา.. สู่ฝ่ามือของเรา
ดวงแก้วเหล่านั้น.. ลอยไปลอยมา อยู่กลางอากาศ เยอะแยะมากมาย
เราก็ตั้งจิตเอาไว้ - อยู่กับแสงพลังสีขาว.. ที่วางอยู่บนฝ่ามือของเรา
เป็นดวงแก้วใสๆ ที่เย็น.. สบาย
อาจจะไหลลงมาอีกดวงหนึ่ง
ลงมาอยู่ที่ฝ่ามือของเรา เป็น 2 ดวง.. 3 ดวง
รอบตัวของเรา มีดวงแก้วดวงธรรม ลอยวน.. สว่างไสว
พร้อมด้วย พลังที่เย็นสบาย
เราก็น้อมเอาพลังที่เย็นสบายเหล่านั้น - เข้ามาสู่กายของเรา
โดยที่เรานี้ ไม่สนใจโลกภายนอก / สิ่งอื่นใดแล้ว
เราตั้งใจ ตั้งจิตของเรา - อยู่กับแสงแห่งดวงแก้วดวงธรรม ที่ระยิบระยับเหล่านี้ ..
เห็นดวงแก้วสว่างไสว.. อยู่ที่ตรงหน้าของเรา
เห็นดวงแก้วสว่างไสว.. ลอยไปลอยมา
เราก็นั่งอยู่ท่ามกลางดวงแก้วเหล่านั้นละ
แล้วก็ภาวนาไปว่า “ธัมมานุสติ”
หรือว่าจะภาวนาว่า “ดวงธรรม ดวงแก้ว ดวงธรรม”
.. อย่างนั้นก็ได้..
หรือจะไม่บริกรรมอะไรเลย..
แค่ตั้งจิตให้มั่น อยู่กับพลังของแสงสว่าง
จนเราเห็นว่า บนฝ่ามือของเรานั้น สว่างไสว.. ใสเป็นแก้ว
บนฝ่ามือของเรา.. สว่างจ้า
มีดวงแก้วขนาดใหญ่ วางอยู่บนทั้งฝ่ามือซ้าย และฝ่ามือขวา
เป็นดวงแก้ว ที่มีขนาดเท่ากันกับลูกฟุตบอล
และเราก็เห็นแสงจากพลังดวงแก้ว
ที่มือฝั่งซ้าย และมือฝั่งขวานั้น.. ส่องแสงสว่างเจิดจ้า
จนเราเห็นในศีรษะ.. ก็ใสเป็นแก้ว เหมือนกัน
คล้ายกับว่า มี *ดวงแก้วดวงธรรม* ที่สว่างไสว
.. อยู่ในศีรษะของเรา / อยู่ในสมองของเรา
คล้ายกับว่า อวัยวะในส่วนภายในของศีรษะเรานั้น.. ไม่มี
มีแต่ความโล่งๆ..
และมีแสงสว่าง ที่สว่างเจิดจ้าอยู่ในศีรษะ-ในสมองของเรา
ความสว่างนั้น.. ก็ส่องแสงลงมา จนเรา..
มองเห็นกระดูกกรามของเรา
มองเห็นโครงกระดูก ในตัวของเรา
แสงสว่างจากบนฝ่ามือ และศีรษะ.. รวมพลังเข้าไปในกายของเรา
จนเราเห็นกายของเรา..ใสเป็นแก้ว
กระดูกขาของเราทั้ง 2 ท่อน.. ก็สว่างเจิดจ้า
เหมือนหลอดไฟ ที่มีลักษณะยาว - แต่เป็นแก้วใส
ในท้องของเรา.. ก็มีดวงแก้วกลมๆ ลูกขนาดเท่ากันกับฟุตบอล
กลม ใส.. อยู่ในตัวของเรา
พลังงานเหล่านั้น.. รวมตัวกันมาเป็นชิ้นเดียวกัน..
คือเป็นส่วนเดียวกัน วิ่งทั่วรอบกายของเรา
จนกายของเรานี้.. ใสเป็นแก้ว
ตัวของเรา เบา และสว่าง
- คล้ายกับนั่งอยู่บนดอกบัวแก้ว.. มีกลิ่นไอบุญที่หอม..
รอบข้างเรา.. ก็ยังคงมีแสงสว่างระยิบระยับ
ตรงข้างหน้าของเรา.. ก็ยังคงมีดวงธรรม ที่สว่างไสว
เราก็รู้สึกว่า.. เรานี้ไปอยู่ในลูกแก้วแห่งดวงธรรม ลูกขนาดใหญ่
และเราก็ถูกอุ้มด้วยพลังของดวงแก้ว.. ที่ก่อเกิดมาจาก
* พลังแห่งธรรมคำสอนสั่ง
* พลังของการบำเพ็ญ ตามคำสอนสั่ง
* คุณงามและความดี
* บุญกุศลบารมีนี้.. ที่เรานี้ได้สร้าง ได้ทำ
เราอาจจะรู้สึกว่า เรานี้นั่งอยู่ในลูกแก้วใหญ่ๆ.. สว่างไสว
เดินอยู่ในลูกแก้วใหญ่ๆ สวยงาม เบา และสบาย..
ทำอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ.. จนเรานี้อาจจะเข้าสู่สภาวะ ที่ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ
ของแสง / ของอากาศ
และเข้าสู่ความไม่มี.. เข้าสู่ความว่างเปล่า
หรือว่า เราอาจจะน้อมพลังจนเต็มกำลัง แล้วเอาพลังแห่งดวงแก้วดวงธรรมนั้น
ตั้งจิตอธิษฐาน ถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่เราสงสัยอยู่ในข้อธรรมนั้น..
เราก็จะได้รับคำตอบ ที่แจ่มแจ้ง
หรือว่า เราอาจจะแผ่เมตตา แผ่บุญ ในขณะที่เรากำลังทรงพลังอยู่มาก
อยู่ในดวงแก้วดวงธรรมนั้น.. แผ่เมตตาไปสู่ดวงจิตอื่นๆ
หรืออาจจะตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้พลังแห่งดวงแก้วดวงธรรม
.. จงช่วยให้ลูกมีปัญญาที่รู้แจ้ง ในทุกสิ่งทุกอย่าง
รู้เห็นตามความเป็นจริง ตามคำสอนสั่งขององค์พระพุทธเจ้า
-- เพื่อดับการเกิดแห่งตนได้ด้วยเถิด..พระพุทธเจ้าค่ะ..
อาจจะนึกเช่นนี้..
เมื่อเราปรับจิตปรับใจ ปรับกายของเราแล้ว..
จนเรานั้น เข้าถึงดวงแก้วดวงธรรมแล้ว..
มีพลังที่สว่าง และสงบมากแล้ว..
เราก็น้อมเอาพลังเหล่านั้น มาทำอะไรก็ได้ - สุดแล้วแต่ที่เราต้องการ
- อาจจะน้อมเข้าไปสู่ฌาน.. ที่ลึกกว่านั้นก็ได้ ++
พระยาธรรมเอ๋ย.. ทำเช่นนี้ อย่างนี้ละลูก
ก็ถือว่า สามารถทรงอารมณ์ไว้กับ *พระธรรม* เพื่อเข้าสู่อารมณ์แห่งฌานของสมาธิได้
ทำเช่นนี้ อย่างนี้ละ.. พระยาธรรม
ที่เธอนั้นกล่าวมา.. ก็ถูกต้องดีแล้วละลูก
*ดวงแก้ว ดวงธรรม* ก่อเกิดมาจากการแสดงธรรม / การเข้าใจในธรรม
พลังงานจากการเข้าใจในธรรม หรือเสียงธรรมที่กระจ่างแจ้งแล้ว..
จะก่อเกิดเป็น พลังแห่งดวงแก้วดวงธรรมที่มีแสงสว่าง ลูก
เราอาจจะนึกไม่ออกว่า พระธรรมนั้นมีรูปลักษณ์เป็นแบบไหน
ทีนี้ก็ให้แทนพระธรรม - โดยการนึกถึง*ดวงแก้ว ดวงธรรม* ที่สว่างไสว
.. อย่างนั้นละลูก
*ดวงแก้วดวงธรรม* - จะนำพาลูกนั้นพบกับความสุข และความสงบ.. ลูกเอ๋ย
ทำเช่นนี้อย่างนี้ละ ถูกต้องดีแล้ว.. พระยาธรรม
เอาละนะ วันนี้ลูกก็คงเข้าใจแล้ว.. จงกลับไปทำหน้าที่แห่งตนเถิด
/ จงตั้งใจทำ ในสิ่งที่ควรทำ
/ จงขยัน ในสิ่งที่ควรขยัน
/ จงตั้งใจ ทั้งจิต กาย และใจ
/ จงขยัน มุ่งมั่นตั้งใจ ทั้งกาย วาจา ใจ..ในทางที่ดีนะลูก
มรรคผลนิพพาน ความสำเร็จ ก็จะก่อเกิดแก่ลูก
เมื่อความสำเร็จก่อเกิดแก่ลูกแล้ว.. ย่อมก่อเกิดกับ ดวงจิตอีกเยอะแยะมากมาย
จงตั้งใจเถิด.. พระยาธรรม
วันนี้ ที่เธอได้ทำหน้าที่ ก็ถือว่าดีแล้วในระดับหนึ่ง
แต่จงทำให้ดียิ่งๆขึ้นไปเถิด
การเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งจะเกิดขึ้น ในการเผยแผ่ธรรมของเธอ ตามเหตุและปัจจัย
จงเรียนรู้ไปเถิด.. ลูกเอ๋ย
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาชี้ทางสว่างให้ลูกได้เรียนรู้
เข้าใจในทุกสิ่งทุกอย่าง
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ เจ้าค่ะ
สาธุ