พุทธธรรมสำหรับนักบวช วันที่ 1 เมษายน 2561
ตอนที่ 306 **ระดับการทำความดี**
+ +
ในเช้าของวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561 ณ พุทธอุทยานภูสวรรค์
ข้าพระพุทธเจ้า เมื่อได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแล้วนั้น จึงได้เฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
วันนี้ ลูกจะขอเฝ้าทูลถามถึงระดับของการทำความดี น่ะเจ้าค่ะ
คือว่าลูกสงสัยอย่างนี้ว่า.. บุคคลผู้มีปัญญาธรรมดีแล้วนั้น ท่านสามารถที่จะ
- เอาชนะมาร ที่มากีดขวางความดี
- เอาชนะนิวรณ์ 5 ที่กีดขวางการสร้างความดี
แล้วท่านทั้งหลายเหล่านั้น มีจุดมุ่งหมายในระดับต่างๆ ที่จะเข้าถึงความดีในแต่ละระดับ หรือเปล่าเจ้าคะ ?
ลูกจึงจะขอเฝ้าทูลถาม ถึงระดับความดีของบุคคลผู้มีปัญญาธรรม น่ะเจ้าค่ะ
ขอพระพุทธองค์โปรดทรงเมตตา แสดงธรรมนี้ ให้ลูกได้ฟัง นำไปประพฤติ ปฏิบัติตาม และเผยแผ่ ด้วยเถิดเจ้าค่ะ “
- - - -
ดีแล้วละ พระยาธรรมเอย.. ถ้าอย่างนั้น ก็จงตั้งใจฟังให้ดี
นั่งหลับตา.. ภาวนาไป ลูก
ทำจิตของตนให้ว่าง ทำใจของตนให้สงบ
น้อมพลังที่เย็น ลงมาแตะที่ฝ่ามือซ้าย - แตะที่ฝ่ามือขวา
น้อมพลังที่เย็น ที่สว่าง - เข้าไปสู่ศูนย์กลางกาย ให้กายของลูกนั้น.. สว่างไสว
ปราศจากกระแสคลื่นความทุกข์ร้อนต่างๆ
ให้ใจของลูก ตัวของลูกนั้น.. เบาสบาย
ว่างเว้นจากคลื่นกระแสที่จะมารบกวน ทำให้จิตใจของลูกนั้นไม่สงบ
ไม่สามารถเข้าถึงธรรม.. ที่จะได้ฟังต่อไปนี้
-ให้คลื่นเหล่านั้น หายไปเสียก่อน…
พระยาธรรมเอ๋ย.. หายใจเข้า -ให้ว่าง หายใจออก - ก็ให้ว่าง
อย่าไปคิด ไปกังวล - ผ่อนคลายจิตใจให้สงบ
หายใจเข้า หายใจออก
ให้จิตนั้นเบาสบาย ผ่อนคลายจากความคิด ความกังวล สิ่งปรุงแต่งต่างๆทั้งหลาย
น้อมพลังเข้าไป.. จนกว่ากายนั้น จะสว่างเป็นแก้วใส
เมื่อพร้อมแล้ว ก็จงพิจารณาทำตาม เช่นนี้เถิด
พระยาธรรมเอ๋ย.. บุคคลผู้ที่ ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารนั้น..
แม้จะมีจุดมุ่งหมายมากมาย ให้ตนนั้นต้องขวนขวาย ดิ้นรน แสวงหา.. เพื่อที่จะไปให้ถึงจุดมุ่งหมายนั้นๆ
-- แต่ก็ไม่ใช่จุดมุ่งหมาย ที่แท้จริง - ที่เที่ยงแท้ **
เช่น บุคคลที่วิ่งหาลาภ หายศ หาสรรเสริญ ตำแหน่งต่างๆ
หาสิ่งที่ตนพึงพอใจ ทั้งเรื่องเล็ก - เรื่องใหญ่
เมื่อวิ่งหา ก็สมหวังบ้าง / ไม่สมหวังบ้าง
ได้มาดังใจปรารถนา / ไม่ได้ดังใจปรารถนา
แต่สุดท้ายแล้ว.. สิ่งที่ตนขวนขวายมา พร้อมทั้งตนนั้น - ก็ต้องดับ ต้องหายไป...
จึงเป็นจุดมุ่งหมาย - ที่ไม่เที่ยงแท้
เป็นการเวียนว่าย เวียนวน.. อย่างไม่รู้จบ
เป็นการจมอยู่กับสิ่งสมมุติ
และเป็นหนทางแห่งการเดินทาง ที่ยาวไกลนัก.. หาที่สิ้นสุดมิได้ !
พระยาธรรมเอ๋ย.. จิตทั้งหลายที่อยู่ในวัฏสงสาร
- จึงเป็นผู้ที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย
- จึงเป็นผู้วนเวียน ไปเรื่อยๆ
หาจุดมุ่งหมาย กับสิ่งที่มันไม่มีอยู่จริง !
แต่เขาเหล่านั้น ก็ต้องวนต้องเวียน.. อยู่อย่างนั้น
- เพราะไม่รู้ตามความเป็นจริง **
ในวัฏสงสาร ไม่มีที่ที่จบ / ไม่มีที่สิ้นสุด
ทุกดวงจิต..
- ต่างต้องดิ้นรนขวนขวาย ตลอดเวลา
- ต่างก็ต้องวิ่งวน ตามสิ่งที่ตนได้ก่อได้ทำ
เป็นไปอย่างนั้น.. ไม่รู้จบ !
แต่พระยาธรรมเอย.. การประพฤติ ปฏิบัติ กระทำสิ่งที่ดี
เพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมาย ของมรรคผลนิพพาน / ของที่ที่พ้นทุกข์นั้น
.. มันย่อมมีจุดมุ่งหมายให้ไปให้ถึง
** และถึงอย่างแท้จริง ไม่มีวันเสื่อม ไม่มีวันสลาย หายไป **
บุคคลผู้ที่มีปัญญาธรรมดีแล้วนั้น.. เขาจึงหันมาสร้างความดี ทำความดี
- เพื่อที่จะชำระ ขัดเกลากิเลสตัณหาแห่งตน
- เพื่อให้จิตของตนนั้น ค่อยๆยกระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จากการทำความดี
โดยการ.. รักษาศีล ฟังธรรม ทำสมาธิ และฝึกฝนปัญญา
บุคคลผู้มีปัญญาธรรม.. เขาทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมฝึกฝนอบรมตนให้ดี
และก็มีจุดมุ่งหมายที่เขาเหล่านั้น จะไปให้ถึง คือ **พระนิพพาน**
เป็นที่ที่เขาเหล่านั้น.. มุ่งหมาย มุ่งมั่นตั้งใจว่า จะไปให้ถึง
และการไปสู่พระนิพพานนั้น..ย่อมแน่นอนว่า
-- จะต้องเป็นการขัดเกลากิเลสตัณหา ให้จบ ให้หมดจากดวงจิตของตนไปให้ได้ ++
ฉะนั้น พระยาธรรมเอย.. บุคคลผู้ที่มีปัญญาธรรมดีแล้วนั้น
เขาจึงพากันสร้าง พากันทำความดี - เพื่อขัดเกลากิเลสให้กับตัวของเขาเอง
และการทำความดีนั้น ย่อมมีระดับ แต่ละระดับ แต่ละจุดมุ่งหมาย
ที่เขาจะไปให้ถึง ทีละจุดๆ - เพื่อที่จะเข้าสู่พระนิพพานให้ได้ **
จุดมุ่งหมายของนักบวช นักปฏิบัติธรรม ในแต่ละจุด ก็คือ..
การพยายามทำความดี
รักษาศีลให้ครบ.. ตามที่ตนสมาทานเอาไว้ ..
ฝึกฝนสติ - ฝึกฝนปัญญา
ทำความดี - ละเว้นความชั่ว
ฝึกฝนตน..
ให้จิตนั้นยกระดับสูง - ห่างจากกิเลสตัณหา
ให้เข้าถึง การเป็นพระอริยเจ้า ในระดับที่ 1 คือ *พระโสดาบัน* ก่อน
ประพฤติ ปฏิบัติความดี จนเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันแล้ว..
เขานั้น ก็จะยังไม่ละความเพียร ไม่ละการทำความดี
เพราะนั่นคือ การถึงซึ่งจุดมุ่งหมาย จุดที่ 1 เท่านั้น
.. ยังไม่ใช่จุดมุ่งหมายปลายทางที่แท้จริง - ที่จะไป / ที่จะทำให้ถึง…
บุคคลผู้ที่ถึงจุดมุ่งหมายที่ 1แล้ว.. เขาจึงมุ่งมั่นต่อไป ให้ถึงจุดมุ่งหมายที่ 2
คือ การเข้าถึง การเป็นพระอริยบุคคล พระอริยเจ้าในระดับที่ 2
คือ *พระสกิทาคามี*
เมื่อถึงการเป็นพระสกิทาคามีแล้ว.. เขาก็จะรู้ดีอีกว่า นั่นคือ จุดมุ่งหมายที่ 2
แต่ยังไม่ถึงจุดมุ่งหมายอันสูงสุด ที่จะไป..
เขาก็จะยังคงทำความดี ฝึกฝนสิ่งที่ดี ทำอย่างสม่ำเสมอ
จนจิตของเขานั้น.. ไปถึงจุดมุ่งหมายที่ 3 คือ การเป็นพระอริยเจ้า ในระดับที่ 3
คือ *พระอนาคามี*
เมื่อถึงจุดมุ่งหมายที่ 3 แล้ว.. จุดมุ่งหมายที่ 3 นี้ ก็แค่แสดงให้เขารู้ว่า.. ตนมาถึงที่นี่แล้ว
แต่เขาก็ยังคงไม่ละความเพียร ยังคงประพฤติ ปฏิบัติต่อไป..
ให้เข้าถึง การเป็นพระอริยเจ้าในระดับที่ 4
คือ การเป็น *องค์พระอรหันต์เจ้า*
* เป็นผู้ดับกิเลส ละตัณหาได้แล้ว.. อย่างสมบูรณ์
* เป็นผู้ที่ถึงแล้ว ซึ่งพระนิพพาน
* เป็นผู้ที่ไม่เกิด และไม่ตายอีกต่อไป..
จุดมุ่งหมายที่ 4 ถือว่า ถึงจุดสูงสุดแห่งเป้าหมาย ที่นักบวช นักประพฤติ ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย.. ต้องการที่จะไป
เมื่อไปถึงจุดที่ 4 - จึงถือว่า จบกิจในการที่จะต้องทำสิ่งต่างๆทั้งหลาย
จิตละความดี และความชั่วทิ้งไป
-- เข้าถึงความพ้นทุกข์ อย่างแท้จริง **
เช่นนี้ละ พระยาธรรม.. การประพฤติ ปฏิบัติ ของบุคคลผู้ที่มีปัญญาธรรมดีแล้ว..
ท่านทั้งหลายเหล่านั้น.. ก็จะมีการปฏิบัติ และจุดมุ่งหมายของตน
จุดมุ่งหมายในการปฏิบัติในทางธรรม - ที่แตกต่างจากจุดมุ่งหมายของชาวโลก / ชาววัฏสงสาร ++
จุดมุ่งหมายของผู้ที่เลือกที่จะเดินอยู่ในโลก - แตกต่างกันเช่นนี้ละลูก
* แตกต่างกันตรงที่ว่า.. จุดมุ่งหมายนั้น
/ เมื่อไปถึงแล้ว - จะมีความเที่ยงแท้
/ เมื่อไปถึงแล้ว - จะไม่ต้องกลับมาวน มาเวียนอีก
/ หลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้ไป
และจุดมุ่งหมายของนักบวช นักปฏิบัติธรรม ผู้เลือกเดินทางธรรมแล้วนั้น
ก็จะมีทั้งหมด 4 ระดับ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น.. คือ
ระดับที่ 1 - พระโสดาบัน
ระดับที่ 2 - พระสกิทาคามี
ระดับที่ 3 - พระอนาคามี
ระดับที่ 4 - พระอรหันต์
มีทั้งหมด 4 ระดับ เช่นนี้ละลูก
ให้บุคคลผู้มีปัญญาธรรม ให้นักบวช นักปฏิบัติ ผู้เดินทางธรรม - เป็นจุดมุ่งหมายให้ไปให้ถึง
และถึงระดับที่ 1 แล้ว.. ก็ต้องไปให้ถึง 2
2 แล้ว.. ก็ต้องไปให้ถึง 3
3 แล้ว.. ก็ให้ไปถึง 4
-- จึงถือว่า จบกิจในการประพฤติ ปฏิบัติ ที่ยังต้องทำ ต้องมี ต้องเป็น ++
เช่นนี้อย่างนี้ละ พระยาธรรม.. คือ ระดับต่างๆ จุดมุ่งหมายต่างๆ ของผู้ที่มีปัญญาธรรม / ของผู้ที่เลือกเดินทางธรรม - ที่ควรทำตนให้ถึง ไปให้ถึง ลูก
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
ถ้าอย่างนั้น ก็แสดงได้ว่า การทำความดี สร้างความดีของคนเรานั้น.. มันก็มีจุดมุ่งหมาย ที่เราจะทำให้ถึง และเราก็สามารถที่จะปฏิบัติตน ให้ถึงในแต่ละระดับ
โดยที่ไม่ใช่ว่าทำความดีไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดมุ่งหมาย ไม่มีระดับ ไม่มีที่สิ้นสุด
.. ลูกพอจะเข้าใจบ้างแล้วละเจ้าค่ะ
การเป็นนักบวช หรือนักปฏิบัติธรรม..
เราทำความดี มีสติ มีปัญญา ข้ามพ้นอุปสรรคปัญหา ที่เข้ามาทดสอบเรา
แล้วเราก็สามารถไปถึงแต่ละจุด.. จนถึงจุดมุ่งหมายอันสูงสุด คือ *พระนิพพาน*
เราก็จะเป็นผู้จบกิจในทุกอย่าง
... ลูกพอจะเข้าใจบ้างแล้วละ เจ้าค่ะ
การออกบวช การปฏิบัติ การเป็นผู้ผู้มีปัญญาธรรม.. ก็มีจุดมุ่งหมายที่เราจะไปให้ถึง และจบกิจอย่างแท้จริง ++
วันนี้ ลูกต้องกราบขอลาพระองค์ก่อนนะเจ้าคะ
ไว้ลูกจะมาเฝ้าฟังธรรมใหม่..
ลูกยังมีข้อสงสัยว่า.. แล้วแต่ละระดับนั้น เราต้องทำความดีแบบไหน ยังไง ถึงจะไปให้ถึง
ถึงแล้วเป็นยังไงบ้าง ? อย่างนี้น่ะเจ้าค่ะ
พระพุทธองค์ :: ดีแล้วละ พระยาธรรม.. ถ้าอย่างนั้นก็จงกลับสู่โลก เพื่อทำหน้าที่แห่งตนต่อไป..
จงตั้งใจฝึกฝนจิตแห่งตนให้ดี นำธรรมนี้ไปเผยแผ่ต่อไป..
เพื่อจิตทั้งหลาย
/ จะได้รู้จุดมุ่งหมายของการออกบวช ในแต่ละจุด
/ จะได้รู้จุดมุ่งหมายของการทำความดี ในแต่ละระดับ
ก็พากันฟังธรรมของนักบวชมา หลายคลิป
การทำความดีมา หลายรูปแบบ
วันนี้ ก็จะได้รู้ว่า..
/ ระดับของการทำความดี มีกี่ระดับ
/ จุดมุ่งหมายสูงสุด คืออะไร - เราต้องทำให้ถึงตรงไหน
/ และการที่เราเดินสู่ทางธรรม เป็นทางที่จะเดินเข้าสู่ความเที่ยงแท้ -ไม่จอมปลอม **
ดีแล้วละ พระยาธรรม.. นักบวช นักปฏิบัติทั้งหลาย จะได้รู้จุดมุ่งหมาย ที่ตนจะต้องทำความดี
เพื่อไปให้ถึง..
จงทำหน้าที่แห่งตน ต่อไปเถิด..
พระยาธรรม :: สาธุ เจ้าค่ะ