พุทธธรรมสำหรับนักบวช วันที่ 20 กันยายน 2560
ตอนที่ 182 **เทวตานุสติ แบบที่ ๓**
+ +
ในเช้าของวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 ณ พุทธอุทยานภูสวรรค์
เมื่อข้าพระพุทธเจ้า ได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อพระพุทธองค์ท่านแล้ว จึงได้เฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
วันนี้ ลูกจะขอทูลถาม ถึงกรรมฐานกองที่ 26 แบบที่ 3*
การระลึกนึกถึง *ความดี หรือว่า เทวดา* เป็นอารมณ์ น่ะเจ้าค่ะ
ขอพระพุทธองค์โปรดทรงแสดงธรรมนี้ ให้ลูกได้ทำความเข้าใจ น้อมไปประพฤติ ปฏิบัติตาม ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าค่ะ ”
- - - -
พระยาธรรมเอ๋ย.. ถ้าอย่างนั้น.. ก็ลองนั่งขัดสมาธิ ผ่อนจิตใจของตน ให้ว่างๆโล่งๆ
ไม่ต้องนึกถึงสิ่งใดทั้งหมดทั้งสิ้น ตั้งจิตตั้งใจว่า ตอนนี้เรากำลังจะทำสมาธิ
ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง.. ทิ้งไป
ทำกายของตน..ให้โล่ง ให้โปร่ง ให้เบา ให้สบาย
แล้วเอาความรู้สึกคล้ายกับว่า ตอนนี้เรานั่งอยู่ในที่ๆหนึ่ง - ที่เป็นดินแดนแห่งความสงบสุข
มีพลังที่เย็นสบาย ลงมาแตะที่กายของเรา
เราก็น้อมพลังที่เย็นเหล่านั้น.. น้อมไว้ที่ตัวของเรา
เราไม่สนใจสิ่งใดสักสิ่งสักอย่าง
กายเราก็ปล่อยวางมันทิ้งไป..
พื้นที่เรานั่ง เราก็ไม่จดจำ ไม่สนใจว่า มันเป็นแบบไหน ยังไง..
เรานี้อยู่กับความโล่ง ว่าง
กายก็เบา จิตก็เบา
ความคิดฟุ้งซ่านใดๆไม่มี
เรานั้น โล่ง โปร่ง..
อยู่กับคลื่นพลังที่เย็นสบาย คล้ายกับว่าเราอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่ง
อยู่ในที่ที่สงบ.. เย็นสบาย
เราก็ยังคงน้อมรับพลังที่เย็น - เข้าสู่ตัวของเรา
จนเรารู้สึกตัวว่า.. ตัวของเรานั้นเบา
เริ่มมีแสงสว่าง..
เรารู้สึกขึ้นมาว่า เรานั้นมีแสงที่สว่างเกิดขึ้นบนฝ่ามือ / เกิดขึ้นที่ตัวของเรา
ทีนี้เมื่อถึงตรงนี้แล้ว.. เราก็ค่อยอธิษฐาน น้อมนึกถึง *องค์พระศรีอาริยเมตไตรย*
ที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตต่อไป.. เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกหนึ่งพระองค์
แต่บัดนี้ ปัจจุบันนี้ - ท่านก็ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ ท่านก็ยังเป็นเทพ เป็นเทวดา
เป็นพระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญ สั่งสมบารมี
ทีนี้ เราก็น้อมนึกถึงท่าน - เป็นอารมณ์
พระยาธรรมเอ๋ย.. ใครที่เคยเห็นรูปปั้น หรือว่ารูปลักษณ์ ที่ผู้คนสร้างขึ้นมา เป็นองค์แทน *องค์พระศรีอาริยเมตไตรย*
พอจะจดจะภาพนั้นได้.. ก็จำภาพนั้นเอาไว้
ใครที่นึกไม่ออก ก็นึกตามนี้ก็แล้วกัน..
*องค์พระศรีอาริยเมตไตร* สวมชุดที่เป็นทรงของจักรพรรดิ มีหมวกแหลม ครอบไว้บนหัว เป็นเพชรแวววาว สวมชุดที่เป็นเพชรแวววาว สวมรองเท้าที่แหลม - นั่งอยู่บนบัลลังก์ ซึ่งเป็นคล้ายกับเก้าอี้ที่สวยงาม แต่เป็นบัลลังก์เช่นนั้นละนะ
นึกถึงภาพกายของชายคนหนึ่ง ที่มีการแต่งกาย คล้ายกับกษัตริย์เก่าของโลกมนุษย์ นั่นแหละลูก
-- เพียงแต่ชุดที่สวมใส่ เป็นเพชรแวววาว สว่างไสว.. นึกเช่นนั้นก็ได้
นึกถึง *องค์พระศรีอาริยเมตไตรย *
นึกถึงท่าน แล้วจับภาพของท่านเอาไว้
เหมือนคล้ายกับว่า ท่านนั้น.. นั่งอยู่ตรงหน้าของเรา เรานั่งอยู่ต่อหน้าท่าน
เราก็มองดูท่านไป จิตตั้งมั่นไว้กับรูป ที่เป็นรูปของท่าน - ที่เรานึกออก จำได้
เราก็เอาจิตตั้งมั่น ไว้กับภาพนั้น
เรายังคงอยู่กับพลังที่เย็น คลื่นที่สงบ และจับตาดูภาพนั้นไปเรื่อยๆ..
บางที เราอาจจะเห็นผ้าที่ท่านสวมใส่ เหมือนผ้าจริงๆ เหมือนชุดของกษัตริย์เก่า
บางที เราอาจจะเห็นกายของท่าน เป็นเพชรแวววาว สว่างไสว
คือ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่า.. จะไปเห็นในรูปแบบไหน ยังไง ?
บางที ก็เห็นที่เท้าของท่านที่วางลงมา - มีดอกบัวสีชมพูอ่อนรองรับ
อาจจะเห็นภาพปรากฏขึ้น เป็นแบบหนึ่ง
.. แล้วก็กลายเป็นแก้วใสสว่าง - กลายเป็นอีกแบบหนึ่ง.. อย่างนั้นก็ได้
ขอเพียงแค่ให้เราจำภาพนั้นเอาไว้..
จำภาพ จับภาพ แห่ง *พระศรีอาริยเมตไตรย* นั้นเอาไว้
แล้วเราก็ยังคงจิตตั้งของเราให้มั่น
ให้อยู่กับพระโพธิสัตว์องค์นี้ ที่จะมาตรัสรู้ในภายภาคหน้า
เราก็ตั้งจิตน้อมพลังที่เย็น / พลังที่สงบ
ที่ที่มีแต่ความโล่งว่าง
มีแต่แสงสว่าง - ที่สว่างมาจากกายของท่าน
สว่าง ลงมาสู่กายของเรา
มองเห็นเช่นนั้นไปเรื่อยๆ จนเราอาจจะเห็นภาพนั้น ปรากฏภาพเปลี่ยนไป - ตามกำลังฌานของเรา
อาจจะเห็นท่านลงมาเดินอยู่กลางอากาศ เดินด้วยเท้า ที่สวมใส่รองเท้าที่มีปลายแหลม
ชุดที่มีเครื่องทรง- คล้ายกับกษัตริย์ ในยุคโบราณของไทย
แสงแวววาว สว่างไสว..
ท่านอาจจะเดินมา นั่งอยู่ที่โคนต้นไม้ บนก้อนหิน
ท่านก็ยังคง สว่างไสว
เราก็ดูภาพนั้นไปเรื่อยๆ จับแสงสว่างนั้นไปเรื่อยๆ
จนเรานั้นรับรู้ - รู้สึกถึงคลื่นพลัง ที่มาแตะอยู่ในตัวของเรา / สั่งสมอยู่ในตัวของเรา
จนกลางกายของเรา.. ก็มีแสงสว่างสีขาว ที่สว่างไสว
เราก็สว่าง จนมองเห็นพื้นที่เราอยู่ในที่ตรงนั้น เป็นแก้วใส
แล้วก็เริ่มมองเห็น สิ่งที่กว้างออกไป..
เห็นมีเทวดาหลายๆองค์เลย นั่งอยู่ข้างๆเรา.. นั่งเรียงแถวกันเต็มไปหมด
*องค์พระศรีอาริยเมตไตรย* พระโพธิสัตว์ท่านนี้ สว่างไสว..
ส่องพลังแวววาว.. มาที่เทวดาทั้งหลาย และตัวของเรา
เทวดาทั้งหลาย ต่างก็แต่งตัวสวยงาม
ทุกคน นั่งด้วยความนิ่งเงียบ
มีฉัพพรรณรังสี หลายสี มีทั้งแสงสีขาว มีทั้งแสงสีม่วง
มีทั้งแสงสีชมพู สีเหลือง แวววาวกันเต็มไปหมด..
และแสงเหล่านั้น - ก็มาจากกายของเทวดาเทวดาแต่ละองค์
ที่อาจจะมีฉัพพรรณรังสีออกจากกาย - เป็นสีต่างๆ
และทุกคน ก็นั่งนิ่งเงียบทำสมาธิ อยู่ในที่ตรงนั้น
เราก็ยังคงเห็นภาพแห่งองค์พระศรีอาริยเมตไตรย ที่สว่างไสว
สวมใส่ชุดที่สวยงาม - ส่องพลังที่เย็น และสว่างลงมา..
เห็นตัวของเรา และเหล่าเทวดาทั้งหลาย.. ต่างก็นั่งอยู่ตรงที่ที่คล้ายกับลานกว้างๆ
ที่กว้างมากพอ ที่จะรองรับคนเยอะแยะมากมาย
เราก็นั่งทรงกำลังฌานไว้เช่นนั้น.. รับพลังไว้เช่นนั้น
จนเรานั้น.. ค่อยๆ เกิดแสงสว่าง ให้เห็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่งซ้อนอยู่ กับองค์พระศรีอาริยเมตไตรย ซ้อนสูง.. เฉียงขึ้นไปทางซ้ายมือ
แล้วก็เห็นองค์พระพุทธเจ้า องค์ที่มาตรัสรู้ก่อนหน้านั้นอีก นั่งสูงเฉียงขึ้นไปอีกองค์หนึ่ง
แล้วก็เห็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลายพระองค์เลย.. ปรากฏพระวรกาย เป็นแก้วใส สว่าง
-- เสด็จมาเพื่อโปรดเรา เพื่อส่องแสงสว่าง พลังความเมตตา พลังพุทธบารมี.. มาสู่ตัวของเรา --
ทีนี้เราก็นั่งไป นั่งไปด้วยความสุข ความปิติยินดี
เห็นเทวดาทั้งหลาย ต่างก็นั่งด้วยความสงบ
ตัวของเรา.. ก็นั่งด้วยความสงบ
องค์พระพุทธเจ้า ปรากฏพระวรกาย ข้างท่านพระโพธิสัตว์ *พระศรีอาริยเมตไตรย*
เราเห็นภาพนั้นปรากฏขึ้น.. ก็ทำให้เรานึกคิดขึ้นมา
พิจารณาขึ้นมา ถึงธรรม ถึงความเป็นจริงว่า..
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหลาย.. ก็เคยสั่งสม บำเพ็ญ สร้างบารมีมา
เคยเป็นพระโพธิสัตว์ - เหมือนกันกับท่านพระศรีอาริยเมตไตรย
ท่านสั่งสมบารมีจนเต็ม.. แล้วก็มาตรัสรู้ นำพาดวงจิตทั้งหลาย.. ให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้
ตัวของเรา เห็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลายพระองค์
ทั้งองค์ในอนาคต ที่ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่ / องค์ที่ตรัสรู้ไปแล้ว
พระองค์ท่านทั้งหลาย.. ต่างตั้งใจ และสร้างบารมีมา
- เพื่อฉุดช่วยให้ดวงจิตทั้งหลาย.. หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ++
และวันนี้ที่เราทำสมาธิ โดยการ ปรับจิต ปรับใจ ปรับกาย.. ให้เบาสบาย
น้อมรับพลังแห่งคุณงามความดี น้อมพลังบารมีจากท่านพระศรีอาริยเมตไตยย..
-- ก็ทำให้เรารู้ เราเห็น ในสิ่งที่สวยงาม ละเอียดประณีต --
สิ่งที่ดีที่สุด ดีมาก ถ้าเกิดว่าต้องมาเทียบกับกายหยาบ
ลาภ ยศ สรรเสริญ ความลุ่มหลงต่างๆ ที่เรามีอยู่ในโลก..
-- ท่านทั้งหลาย.. มีแสงพลัง ที่สว่างไสว และไม่มีความทุกข์ใดปนเปื้อนเลย --
เราควรที่จะทำตัวของเรา ..ให้รู้แจ้งตามคำสอนสั่งขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
* ทางเส้นนี้.. พระพุทธองค์ท่านทุกพระองค์ - ก็เดินเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน
* ทางเส้นนี้ พระพุทธองค์ท่านก็ใช้เดิน - เพื่อเข้าสู่พระนิพพาน
ตัวของเรา ก็มีทางแล้ว..
เราก็ควรจะประพฤติ ปฏิบัติ เพื่อให้เรานั้น - เข้าสู่พระนิพพานได้ เช่นเดียวกันกับพระองค์ท่าน
แล้วเราก็พิจารณาถอดถอนความลุ่มหลงต่างๆ ทิ้งไป ..
เมื่อเราถอดถอนความลุ่มหลงต่างๆ ทิ้งไปแล้ว..
เรานั้นก็จะยิ่งสว่างไสว ลอยเบา.. แล้วก็หายเข้าไปสู่ “โลกที่ไม่มี”
ภาพแห่งองค์พระ.. ก็หายไป
ภาพแห่งเทวดาทั้งหลาย.. ก็ไม่มี
-- ตัวตนของเรา ก็ไม่มี.. เข้าสู่ความไม่มีแล้ว
ทำเช่นนี้ อย่างนี้ ก็ได้.. พระยาธรรม
การที่เรานี้ จะทำกรรมฐานกองไหนสักกองหนึ่ง มีรูปแบบต่างๆให้เราหยิบยกขึ้นมา
เพื่อที่จะทำตาม หรือว่าระลึกนึกเป็นอารมณ์ - มีมากมาย.. ลูกเอ๋ย
แต่ที่ยกตัวอย่างให้ในวันนี้.. ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ปรับจิตปรับใจ
และโยกจิตของลูกนั้น - ขึ้นสู่สภาวธรรม คลื่นที่สงบ
เพื่อลูกจะได้น้อมพลังจากองค์พระโพธิสัตว์ - ผู้บำเพ็ญ ตั้งใจมาตรัสรู้
* ซึ่งถือเป็น ผู้ที่มีพลังมากที่สุด ในหมู่ของพระโพธิสัตว์
* ซึ่งถือว่า เป็นผู้ที่พลังบารมีมากที่สุด ขององค์พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ในปัจจุบันนี้
* และเป็นดวงจิต ที่มีพลังมากที่สุดในจักรวาล วัฏสงสาร ของยุคนี้
ลูกเมื่อได้ตั้งใจ น้อมพลังตรงนั้นแล้ว.. ก็ย่อมนำพาลูก ให้เห็นในความเป็นจริงทั้งหลาย..
และเข้าสู่ฌานได้.. พระยาธรรมเอ๋ย
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ให้ลูกได้เข้าใจ.. พระพุทธเจ้าค่ะ
สาธุ