บางคนอาจอยู่ในสถานปฏิบัติธรรม
แต่จิตเตร็ดเตร่ไปทั่วเมือง
บางคนอาจเตร็ดเตร่ไปรอบเมือง
แต่จิตกำลังปฏิบัติธรรม
- ตุลกู ดุดจอม รินโปเช -
ผู้นำสายสำนักธรรมนยิงมา ท่านแรกในอินเดีย
หลังการลี้ภัยครั้งใหญ่ของชาวธิเบตสู่อินเดีย
---------------------
"One can be in retreat and
yet the mind wandering around the town ,
One can be wandering around the town ,
and yet the mind~ in Retreat "
~ H.H. Dudjom Rinpoche
สติปัญญาอัตโนมัติ
ศาสนาเซนเป็นภาคปฏิบัติขั้นสติปัญญาอัตโนมัติของพุทธศาสนา
โยม : ที่หลวงตาเมตตาในเรื่องพุทธศาสนาให้ลูกหลานได้เข้าใจ และปฏิบัติถูกต้องตามแนวทาง หลวงตาเทศน์สอนเกี่ยวกับเรื่องศาสนาเซน เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคมที่ผ่านมา ศาสนาเซนเป็นภาคปฏิบัติเป็นขั้นสติปัญญาอัตโนมัติ ทำให้ลูกหลานได้เข้าใจ
หลวงตา : สติปัญญาอัตโนมัติของพุทธศาสนาเข้าใจไหม
โยม : ครับ ทำให้ลูกหลานได้เข้าใจ และเป็นพระคุณอันหาประมาณไม่ได้ที่หลวงตาได้เปิดธรรมะนี้ให้ลูกหลานได้เข้าใจ และน้อมรับมาปฏิบัติ เขาก็แบบว่ากราบขอบพระคุณหลวงตามาที่หลวงตาได้เมตตา
หลวงตา : เออ เอาละ ก็ไม่ผิด ถ้าใครก้าวเข้าถึงขั้นอันนี้จะว่าเซนก็ได้ จะว่าพุทธเต็มเหนี่ยวก็ได้ เราก็เคยพูดแล้วว่าเซนนี้ออกจากพุทธ คือ เซนนี่ผู้พิจารณาทางด้านปัญญา จิตใจผ่านได้ด้วยพิจารณาทางด้านปัญญา
ทีนี้พวกที่มาตามหลังก็เลยเอาเรื่องปัญญานี้มาเป็นศาสนาเซนเสียเลย ไม่ได้คำนึงถึงว่าผู้หลุดพ้นมาจากแง่ไหน ๆ ของพุทธศาสนา ***ความจริงเป็นกิ่งก้านของพุทธศาสนาตอนปลาย คือ ตอนละเอียดเกี่ยวกับวิปัสสนา*** แล้วก็เลยเอานี้เป็นศาสนาเลย
ใครมาปฏิบัติตามศาสนาเซนต้องใช้ปัญญา ๆ แล้วผิดไปเลย อันนี้ผิดเข้าใจเหรอ พิสูจน์ดังที่ว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้นี้ ศีล สมาธิ ปัญญา
"ศีล" เป็นเครื่องอบรมจิตใจให้อบอุ่นไม่เดือดร้อนวุ่นวาย เพราะเหตุที่ว่าตนทำศีลให้ด่างพร้อย หรือขาดทะลุไป
จิตก็ไม่เป็นกังวลเพราะจิตของเราบริสุทธิ์ เวลาเข้าสมาธิจิตก็รวมได้ง่าย เพราะมันไม่วอกแวกไปหาสิ่งระแคะระคายที่เจ้าของทำศีลด่างพร้อย
นี้พิจารณาทาง "สมาธิ" พอจิตเป็นสมาธิจิตมีกำลังเต็มเหนี่ยว เรียกว่า จิตในสมาธินี้เป็นจิตที่พอกับอารมณ์ทั้งหลาย ไม่อยากดู ไม่อยากเห็นไม่อยากได้ยินได้ฟัง ไม่หิวโหยในอารมณ์ต่าง ๆ เพราะจิตเป็นสมาธิมีความสงบตัว
ความสงบตัวนี้เป็นอาหารของจิต จิตจึงไม่ไปหาคืบคลานกับอาหารภายนอกซึ่งเป็นฟืนเป็นไฟเผาตัวเอง ทีนี้เวลาจิตเข้าสู่ความสงบนี้จิตก็มีกำลังไม่หิวโหยกับอารมณ์
พาพิจารณาทางด้าน "ปัญญา" เอ้า ทำงานนี้ก็ทำ ทำงานนี้ก็ทำตามสั่ง สั่งให้ทำอะไรก็ทำเพราะจิตไม่เถลไถลไปหาอารมณ์นั้นนี้เพราะความหิวโหยในอารมณ์ จิตมันอิ่มอารมณ์แล้วไม่ไป สั่งทำงานอะไรก็ทำ ทีนี้ก็ทำเรื่อยเป็นวิปัสสนาไปเรื่อย
นี่ "สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา" สมาธิเป็นเครื่องหนุนปัญญาให้เดินได้อย่างคล่องตัว
"ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ" จิตเมื่อปัญญาได้ซักฟอกแล้วย่อมหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงโดยชอบ นั่น ๓ ขั้น
ถ้าพูดตามบาลีไปเลยก็ว่า "สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส" ศีลเป็นเครื่องอบรมสมาธิให้มีความแน่นหนามั่นคงมากขึ้น ๆ
"สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา" สมาธิเป็นเครื่องอบรมปัญญาให้เดินได้คล่องตัว
คือ ทีแรกศีลอบรมสมาธิให้มีความสงบเย็นได้เร็ว สมาธิมีกำลังแล้วหนุนปัญญาให้เดินได้คล่องตัว
ทีนี้ "ปัญญา" เป็นเครื่องอบรมจิตให้หลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงโดยชอบ ต่อเนื่องกันไปอย่างนี้ นี่ละท่านสอน สอนพระทุกองค์ เวลาบวชแล้วสอนธรรมข้อนี้
~เรื่องศาสนาพระพุทธเจ้ามีมาก่อนแล้ว เรื่องผู้ที่บรรลุพวก "ขิปปาภิญญา" มีแต่พวกปัญญารวดเร็วผ่านออก ๆ จากพุทธศาสนา ผ่านออก ๆ ผู้ที่ไม่รวดเร็วก็หนุนกันไปตั้งแต่ ศีล สมาธิ ไปเรื่อย ๆ ผ่านออก ๆ
นี่เรียกว่า ศาสนาที่สมบูรณ์แบบ คือ พุทธศาสนา มีทั้ง ก.ไก่ ก.กา มีทั้งประถมมีทั้งมัธยมตลอดดอกเตอร์เข้าใจไหม นี่ขึ้นเป็นขั้น ๆ ทีนี้ไปทางโน้นไปหาขั้นดอกเตอร์เลย ผู้ที่ควรแก่ขั้นนั้นมันก็ไปได้
ผู้ไม่ควรแก่นั้น ก.ไก่ ก.กา มันยังไม่ได้มันจะไปเอาดอกเตอร์มาจากไหนเข้าใจไหม นี่ละศาสนาเซนเป็นขั้นดอกเตอร์ของพุทธศาสนา เป็นขั้นที่จะหลุดจะพ้นด้วยปัญญาอยู่แล้ว ก็เท่านั้นละ
--------------
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
ศิษย์ชาวพุทธถาม
เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2546
องค์หลวงตาตอบ
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2546