พุทธธรรมสำหรับนักบวช วันที่ 7 เมษายน 2561
ตอนที่ 311 **สิทธิพิเศษของพระโสดาบัน**
+ +
ในเช้าของวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2561 ณ พุทธอุทยานภูสวรรค์
ข้าพระพุทธเจ้า เมื่อได้กราบนอบน้อมเข้าเฝ้าต่อองค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแล้วนั้น จึงได้เฝ้าทูลถามพระพุทธองค์ท่านไป ดังนี้ว่า...
“ ข้าแต่องค์พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจ้าขา..
ลูกยังคงสงสัยอีกว่า.. พระโสดาบันนั้นได้รับอานิสงส์อะไรบ้างหรือเจ้าคะ ที่ดีมากกว่าดวงจิตทั่วไป น่ะเจ้าค่ะ หมายถึง ดวงจิตที่ยังไม่เป็นพระอริยเจ้า น่ะเจ้าค่ะ
คือ การที่เราปฏิบัติเป็นพระโสดาบัน.. เราจะได้รับอานิสงส์อย่างไรบ้าง น่ะเจ้าค่ะ ? “
- - - -
พระยาธรรมเอ๋ย.. บุคคลผู้ที่สามารถประพฤติ ปฏิบัติตน จนเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันแล้วนั้น.. จิตของเขาย่อมได้สิทธิพิเศษ* ที่มันส่งผลกลับคืนสู่ตัวของเขาเอง.. มากกว่าดวงจิตทั่วไป
ซึ่งสิทธิพิเศษนั้น ก็
คือ การที่เขานั้น จะมีความทุกข์น้อย / มีความสุขมาก
คือ การที่เขา จะไม่ต้องตกสู่นรกอีก
.. ไม่ต้องเกิดเป็นเปรต อสุรกาย สัตว์นรก หรือเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอีก...
ได้สิทธิพิเศษ คือ การที่เขาจะมาเกิดอีก เพียงแค่ไม่เกิน 7 ชาติ
-- เขาจะเข้าถึง *พระนิพพาน* ได้ เป็นแน่แท้
นี่คือ สิ่งที่พระโสดาบันได้รับ จากการที่ตนสามารถประพฤติ ปฏิบัติ จนนำพาตนเข้าถึงความเป็นอริยเจ้า ++
พระยาธรรมเอ๋ย.. ทีนี้ ก็คงจะสงสัยสินะ ว่า..พระอริยเจ้านั้น เหตุใดจึงมีทุกข์น้อยกว่าดวงจิตทั่วไป ?
จงตั้งใจฟังธรรมนี้ ให้ดีเถิด
พระยาธรรมเอย.. ก็ในวัฏสงสารนี้นั้น คุมด้วย*กฎแห่งกรรม* คุมด้วย *กฎของความไม่เที่ยงแท้*
กฎ 2 ข้อนี้ มีหลัก มีจุดยืนของตัวเองอย่างแน่วแน่ หนักแน่น โดยไม่ลำเอียงกับใครคนใดคนหนึ่ง ++
ฉะนั้น.. การที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ได้ประพฤติ ปฏิบัติ สร้างความดี จนตนเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันแล้วนั้น..
-- ความดีของตนย่อมปรากฏแก่ตน เป็นแน่แท้ --
*กฎแห่งกรรม* ย่อมเที่ยงแท้ และแน่นอน ++
ก็องค์พระอริยเจ้า พระโสดาบันนั้น - ละจากการทำบาป อยู่ในกรอบของศีล..
แล้วบาปใดเล่า.. จะหวนกลับคืนมา
/ ทำให้ทุกข์ใจ
/ ให้ต้องชดใช้ ให้รุ่มร้อน เร่าร้อนอีก
เหตุฉะนี้แหละ.. พระอริยเจ้านั้น จึงทุกข์น้อย - น้อยกว่าคนทั่วไป
เพราะไม่มีผลกรรมที่ตนได้ก่อได้ทำ.. หวนคืนมา
.. ให้ตนต้องเร่าร้อน เดือดร้อน เป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา..
พระยาธรรมเอ๋ย.. ก็พระโสดาบันนั้น ได้สร้าง ได้ทำความดี อยู่ในกรอบของศีลธรรม
ย่อมมีจิตที่สงบ ไม่เร่าร้อน
เพราะศีล เพราะธรรม สิ่งที่เป็นความดีที่ตนทำนั้น - นำพาตน ให้ห่างจากเชื้อกิเลสและตัณหา
* ถึงดับไม่ได้ทั้งหมด.. อย่างน้อยก็ห่างออกมาบ้าง เบาบางลงไปบ้าง *
ซึ่งเชื้อกิเลสและตัณหา เป็นเชื้อที่เป็นเหตุแห่งทุกข์
-- เมื่อเราห่างออกมาได้มากเท่าไร.. ความทุกข์ของเรา ก็เลยเหลือน้อยลงมากเท่านั้น ++
พระโสดาบัน จึงมีทุกข์น้อยกว่าคนทั่วไป เพราะว่า..
- สามารถฝึกฝนตน จนห่างจากกิเลสตัณหาได้ -
พระยาธรรมเอย.. พระโสดาบัน ฝึกฝนตน จนเข้าถึงการห่างจากกิเลสตัณหา ห่างจากกรรมวิบากที่ตนจะไปก่อไปทำแล้ว
จิตของพระโสดาบัน.. ย่อมพบความสงบ มากกว่าคนทั่วไป
เมื่อมีความสงบมากกว่าคนทั่วไป - ย่อมมีปัญญา รู้แจ้ง รู้เท่าทัน เหตุทั้งหลายที่มันเกิดขึ้น - ที่มันดับไป
เมื่อเป็นเช่นนั้น.. พระโสดาบัน ก็จะเห็นสิ่งที่มันเกิด - มันดับ เป็นธรรมดา
และยอมรับกับสิ่งเหล่านั้นได้ ในระดับที่สูงกว่าคนทั่วไป
ฉะนั้น.. พระโสดาบัน จึงมีทุกข์น้อยกว่าคนทั่วไป
เหตุฉะนี้ละลูก ที่พระโสดาบันนั้นมีทุกข์น้อย เหลือทุกข์เพียงแค่น้อยนิด ++
ไม่รุ่มร้อน ไม่เร่าร้อน เพราะพระโสดาบัน..
/ มีความสงบในการดำรงชีวิต
/ มีสติปัญญา รู้เท่าทันเหตุทั้งหลาย
/ สามารถอยู่เหนือสิ่งที่มันเกิด - มันดับได้แล้ว ในระดับของพระอริยเจ้า ระดับ ที่ 1*
.. ซึ่งต่างจากคนทั่วไปอยู่มาก...
พระโสดาบัน เข้าใจ*กฎแห่งกรรม*
จนตนไม่สร้างเวรสร้างกรรม ผลกรรมใหม่ -ไม่ส่งผลมา
ใช้แต่ผลกรรมเก่า.. ย่อมน้อยกว่า บุคคลทั่วไป
และใช้กรรมเก่า.. อย่างมีสติ มีปัญญา
พระโสดาบันนั้น จึงมีทุกข์น้อยกว่าคนทั่วไป.. เพราะเหตุนี้ละลูก
ต่อไป.. พระโสดาบันนั้น..
/ ไม่ต้องตกนรก
/ ไม่ต้องเกิด เป็นเปรต อสุรกาย
/ ไม่ต้องมาเกิด เป็นสัตว์เดรัจฉาน
-- นั่นก็เป็นเพราะว่า พระโสดาบันไม่ได้สร้างกรรม ที่ผิดศีล ตั้งแต่ศีล 5 ข้อ ขึ้นไป..
กรรมใดเล่า.. จะส่งผลให้พระโสดาบันนั้น ตกนรกได้อีก ?
กรรมใดเล่า.. จะส่งผลให้พระโสดาบัน ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอีก ?
เมื่อพระโสดาบัน อยู่ในกรอบแห่งศีล..
พระโสดาบัน ไม่ได้ฆ่าสัตว์
พระโสดาบัน ไม่ได้โกหก หยิบฉวยเอาของผู้อื่นมาเป็นของตน ผิดลูก ผิดสามี ผิดภรรยา
ดื่มสุรา - ของมึนเมา
ไม่ได้ทำเหตุเหล่านี้.. แล้วกรรมใดเล่า ?.. จะนำพาพระโสดาบันลงสู่นรกอเวจี /
กลับไปสู่จุดที่ต่ำ / เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
พระยาธรรมเอย.. ย่อมเป็นไปไม่ได้ !
เพราะ*กฎแห่งกรรม* นั้นเที่ยงแท้ เที่ยงธรรมยิ่งนัก ++
เมื่อไม่ต้องไปสู่จุดที่ต่ำนี้.. จิตใจของพระโสดาบัน ย่อมมีความสุข เบิกบานอยู่เสมอ..
แม้การเป็นมนุษย์ หรือดับจากกายมนุษย์แล้ว ก็ตาม..
* จิตดวงนั้น.. ย่อมทรงสภาวธรรม อยู่ในภูมิจิตระดับสูง
* จิตดวงนั้น.. ย่อมไม่ตกต่ำ หรือว่าตกไปสู่ภูมิจิตที่ต่ำ
* จิตดวงนั้น.. ย่อมเป็นสุขอยู่ตลอด
แม้ว่ากลับมาเกิดใหม่แล้ว ในชาติต่อไป.. ก็ย่อมเกิดที่ดี ++
เพราะผลกรรมดีแห่งตน ที่ได้รักษาศีล ฟังธรรม ทำสมาธิ เจริญปัญญา
ผลกรรมดีแห่งตน ที่ละกิเลส ละตัณหาได้เบาบาง จนไม่ได้สร้างเวรสร้างกรรมกับใครอีก
... ย่อมส่งผลนำพาตน ให้มาเกิดในที่ที่ดี / ที่ที่มีศีลมีธรรม
มีโอกาสได้สร้างได้ทำความดี ต่อบารมีเพิ่มไปอีก..
.. จนกว่าจะถึงชาติที่เข้าสู่พระนิพพานได้ ++
พระโสดาบัน จึงมีความสุขเช่นนี้ละ.. พระยาธรรม
จึงปิดประตูแห่งความทุกข์ เพราะเหตุนี้ละลูก
และพระโสดาบัน.. ก็ยังมีสิทธิพิเศษของตน อานิสงส์ที่ตนได้รับ ก็คือ
การทำความดี บวกเข้าไปเรื่อยๆ.. มากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น
เพราะจิตเราอยู่ในสภาวธรรมแห่งความดี ที่เที่ยงแท้แล้ว
มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ..
จนถึงชาติสุดท้าย ที่ตนจบกิจแห่งตนที่จะต้องทำ คือ หมดกรรมที่ต้องชดใช้
จิตสว่าง ละกิเลสตัณหาได้ทั้งหมด และเข้าสู่พระนิพพาน
-- ไม่มีทางเสื่อมหายไปไหน ในความดีเหล่านี้ ++
นี่ละ พระยาธรรม.. คือ อานิสงส์แห่งการได้เป็นพระโสดาบัน
เป็นพระโสดาบันแล้ว.. ก็จะได้รับสิทธิพิเศษ คือ สิ่งเหล่านี้..
/ มีทุกข์ น้อยกว่าคนปรกติทั่วไป
/ ไม่เกิด เป็นสัตว์นรก เปรต สัตว์นรก อสุรกาย
/ ไม่ตกไปสู่จุดที่ต่ำ
/ ไม่เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
/ มีภพชาติ ที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิด.. อีกไม่เกิน 7 ชาติ *
อย่างนี้ละ พระยาธรรม.. คือสิ่งที่พระโสดาบันได้รับ
หากเราประพฤติ ปฏิบัติ จนถึงการเป็นพระโสดาบันแล้ว.. อานิสงส์ หรือความดี สิ่งที่ดี
รางวัลที่เราจะได้ ก็คือ สิ่งนี้ ++
พอจะทำให้ปรารถนาที่จะเป็นพระโสดาบัน หรือเปล่าเล่า พระยาธรรม.. หากว่าเป็นเช่นนี้ !
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณ ที่ทรงเมตตาเจ้าค่ะ..
ลูกพอจะเข้าใจแล้วว่า..
การเป็นพระโสดาบัน นั้นดียังไง
การเป็นพระโสดาบันนั้น ได้อะไรบ้างในการที่เราต้องฝึกเป็นพระโสดาบัน
และถ้าเกิดว่าเราเป็นพระโสดาบันแล้ว.. ก็คุ้มมากเลยเจ้าค่ะ
ลูกคิดว่า แค่นี้ เท่านี้ สิ่งที่ได้มานั้น.. ก็มากพอที่จะทำให้เราตั้งใจทำความดีแล้วละเจ้าค่ะ
เพราะอย่างน้อย เราก็เข้าถึงสภาวธรรมแห่งความดี ที่เที่ยงแท้
ถูกล็อคไว้ในความดี
ไม่ตกไปสู่สิ่งที่ไม่ดีอีก...
และเราก็สามารถดำรงชีวิตแบบไม่ทุกข์ ไม่ทุกข์มากเท่าคนทั่วไป
มีทุกข์ ที่เหลือน้อยกว่า
และเราก็ยังมีจุดมุ่งหมาย คือ *พระนิพพาน* อย่างแท้จริง ไม่เกิน 7 ชาติแล้ว
อย่างน้อย เราก็มีจุดมุ่งหมายหลายอย่างในชีวิต
ดีแล้วละ เจ้าค่ะ
ลูกปรารถนาที่จะสร้างความดี ให้เข้าถึงการเป็นพระโสดาบันเจ้าค่ะ
.. เพราะว่าลูกจะได้อยู่ในความดี ที่เที่ยงแท้ **
พระพุทธองค์เจ้าขา.. ถ้าอย่างนั้น ถ้าบุคคลทั่วไป หรือดวงจิตดวงหนึ่ง ที่เขานั้นเวียนว่ายตายเกิด
- ยังไม่เป็นพระอริยเจ้า -
แล้วถ้าเกิดว่า เขาอยากจะเป็นพระอริยเจ้า คือ พระโสดาบัน น่ะเจ้าค่ะ
- เขาจะใช้เวลานานแค่ไหนเจ้าคะ ?.. กว่าจะเป็นพระโสดาบันได้
เช่น พระโสดาบัน ก็จะมี 3 รูปแบบ กว่าจะเข้าถึงการเป็นพระอรหันต์ หรือเข้าถึงพระนิพพานนั้น ต้องใช้เวลา 1- 7 ชาติ - ถึงจะเข้าถึงได้..
ฉะนั้น.. ถ้าเราเป็นบุคคลธรรมดา ที่เราอยากจะเข้าถึงการเป็นพระโสดาบัน
.. เราจะใช้เวลากี่ชาติ หรือว่าใช้เวลามากเท่าไร ถึงจะเข้าถึงการเป็นพระโสดาบัน ล่ะเจ้าคะ ?
พระยาธรรมเอย.. การที่คนเราจะเข้าถึงการเป็นพระโสดาบันนั้น ก็ต้องใช้เวลามาก-น้อย ที่แตกต่างกันไปอีก นั่นละลูก
เพราะว่าคนเรา มีผลกรรมดี - มีผลกรรมชั่ว ที่แตกต่างกัน
บางคน สร้างผลกรรมดีไว้มากแล้ว - สร้างผลกรรมชั่วไว้น้อย *
เมื่อตนตั้งใจว่าจะประพฤติ ปฏิบัติ ให้ไปให้ถึง ให้เข้าถึงความเป็นพระโสดาบันเลย
-- ตนก็สามารถทำได้เลย ในชาตินั้นที่ตั้งใจ --
เพราะเหตุของตน มาจากกรรมชั่วน้อย - กรรมดีมาก
.. ย่อมส่งผลให้ตนสามารถทำได้ ++
พระยาธรรมเอ๋ย.. บางดวงจิตสร้างกรรมชั่วมาก - กรรมดีน้อย
ถึงแม้ว่าจะรู้ว่า *พระโสดาบัน* คือ จุดมุ่งหมายของตน
.. แต่ว่าก็จะต้องใช้ความพยายามมาก - เพราะกรรมชั่วมากจะกีดขวาง
ต้องใช้ความพยายามมาก - เพราะการสั่งสมความดี ยังต้องทำอีกมาก
จึงใช้เวลานานหน่อย ในการเข้าถึง
-- แต่ก็ไม่เกิน 2ชาติ ถึง 3 ชาติ หรอกลูก.. ก็สามารถเข้าถึง ++
ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละดวงจิตนั้น - มีผลกรรมของตนมาอย่างไร.. ก็จะช้าไปตามผลกรรมที่ตนทำมา
ทั้งดี ทั้งไม่ดี นั่นแหละลูก
แต่ก็ดีแล้ว ที่มีจุดมุ่งหมายถึงพระโสดาบัน
ต่อให้จะ 1 ชาติ 2 ชาติ 3 ชาติ หรือมากกว่านั้น
อย่างน้อย.. เราก็ยังมีจุดมุ่งหมาย
และจุดมุ่งหมายของเรา.. ก็ยังรู้จักจบสิ้น / มีวันที่สิ้นสุด ++
... ก็ดีกว่า ที่เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารนี้ ไม่รู้จบ ไม่รู้สิ้น.. อย่างนั้นลูก
ฉะนั้น.. เมื่อตั้งใจแล้ว ก็ตั้งใจให้แน่วแน่
ศึกษาให้ดี ในธรรมคำสั่งสอน และปฏิบัติไปเถิด
จะช้า..จะไว ไม่เป็นไร.. ถึงแน่นอน
จะเกิดอีก 1 -2 หรือ 3 ชาติ มากกว่านั้น กว่าจะเข้าถึงพระโสดาบัน
ก็ยังดีกว่า เกิดเป็น 100 เป็น 1000 ชาติ.. ไม่รู้จบลูก
... ก็ตั้งใจเอาก็แล้วกัน !
ส่วนคำตอบ ก็คือ ใช้เวลามากน้อย.. ขึ้นอยู่กับผลกรรมดี และชั่ว ที่ตนทำ ลูก
+ +
พระยาธรรม :: สาธุเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาแสดงธรรมนี้ ให้ลูกได้เข้าใจ
ได้รู้ อานิสงส์ที่ พระโสดาบันได้รับ
ได้รู้ว่า การที่เราจะเป็นพระโสดาบัน.. เรานั้นต้องใช้เวลามากน้อย หรือมุ่งมั่นตั้งใจยังไง
... เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่ทรงเมตตาลูกนะเจ้าคะ
ไว้ลูกจะมาเฝ้าฟังธรรมใหม่อีก เจ้าค่ะ…
สาธุ